Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 370
บทที่ 370 แผนการของไรน์
ถึงแม้ลูเซียนจะเคยชินกับการได้ยินข่าวร้าย แต่เขาก็ยังกังวลบ้างอยู่ดี “เกิดอะไรขึ้น ท่านไรน์?”
‘โลกแห่งวิญญาณมีความลับที่แท้จริงเรื่องความเป็นอมตะ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ลูเซียนนั้นกังวลมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นไรน์จริงจังเช่นนี้
มันจะเป็นหายนะรึเปล่านะ?
“ข้าเองก็ไม่รู้จริงๆ เจ้าก็รู้ ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ ข้าแค่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าขนลุกกำลังตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ พลังของมันแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำลายโลกนี้ อาจจะเป็นในหนึ่งหรือสองปี การเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวจะเริ่มขึ้น และเป็นไปได้มากที่สุดที่มันจะไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุด” ไรน์อธิบาย เขาแต่งตัวเป็นทางการราวกับว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำ ถึงแม้ไรน์จะพูดคุยด้วยท่าทางจริงจังแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก
ลูเซียนขมวดคิ้ว “ถ้างั้น… ข้าควรแจ้ง ‘สภาสูงสุด’ ว่าโลกแห่งวิญญาณมีอยู่จริง”
ถึงแม้เจ้าแห่งวายุจะเป็นอาจารย์ของลูเซียน แต่ลูเซียนก็ยังไม่รู้สึกเต็มร้อยที่จะบอกเฟอร์นันโดเรื่องความลับสำคัญเรื่องนี้ ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเฟอร์นันโดจะไม่ฆ่าลูเซียนเพราะความละโมบ ทั้งนี้ ลูเซียนไม่มีเวลามากที่จะทำความรู้จักเจ้าแห่งวายุให้ดีพอ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น ลูเซียนก็จะรายงาน ‘สภาสูงสุด’ ทั้งสภา เพราะเหล่ามหาจอมเวทและผู้วิเศษชั้นตำนานจะช่วยยับยั้งกัน ดังนั้นลูเซียนจะปลอดภัยมากกว่า
“พวกเรายังไม่ถึงจุดนั้น ข้าอยากบอกเจ้าว่าข้าได้วางแผนไปบ้างก่อนที่จะเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณ และข้าขอให้เจ้าช่วยพาข้าออกไปจากที่นี่หลังจากที่เจ้าได้เป็นนักเวทชั้นสูง…” ไรน์พูดอย่างจริงจัง ซึ่งเขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้ “ข้ารู้ว่าเจ้าตามเรื่องนี้อยู่ แต่ข้าก็ยังคงหวังว่าเจ้าใกล้จะได้เป็นนักเวทชั้นสูงในอีกครึ่งปีหน้า แล้วจากนั้นเจ้าใช้เวลาอีกครึ่งปีทำตามแผนการของข้า ในตอนนั้น ข้าจะให้เวทมนตร์แก่เจ้า หวังว่าซีจะสามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกแห่งวิญญาณ ถ้าแผนการของข้าไม่ได้ผล เจ้าควรบอกเรื่องนี้แก่สภาเวทมนตร์”
ทั้งไรน์และลูเซียนไม่ใช่คนโง่ ถ้าพวกเขาทำอะไรไม่ได้ พวกเขาจะไม่เก็บงำความลับและแค่ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“ซี?” ลูเซียนพูดทวนอย่างสงสัย
ไรน์พยักหน้าจริงจัง “บรรพบุรุษของเราชาวแวมไพร์ ตัวตนที่ใกล้เคียงพระเจ้ามากที่สุด เป็นการอวตารของจันทราสีเงินผู้เป็นอมตะ”
“อัลเทอร์นางั้นหรือ” ลูเซียนเคยเห็นชื่อนี้หลายต่อหลายครั้งในหนังสือที่สภาเวทมนตร์ หนังสือกล่าวไว้ว่า เช่นเดียวกับสันตะปาปา ซีนั้นอยู่ใกล้กับอาณาจักรของพระเจ้ามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เพราะซีเป็นเพียงตำนาน ‘บัญชีกวาดล้าง’ จึงไม่ได้รวมชื่อซีเข้าไปด้วย
มุมปากของไรน์กระตุกเล็กน้อย “เจ้าสามารถเรียกซีว่าอัลเทอร์นาได้ แต่ไม่เหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือ ตัวตนแรกเริ่มนั้นไม่มีเพศ สภาเวทมนตร์ทำตามประเพณีแย่ๆ ที่อาณาจักรเวทมนตร์ทิ้งเอาไว้และชอบบรรยายพระเจ้าทักพระองค์และธรรมชาติในโลกว่าเป็นเพศหญิง… อย่างไรก็ตาม สันตะปาปามักเป็นผู้ชายเสมอ…”
“อย่างนั้นเอง… บางทีซีอาจจะเป็นผู้ที่ช่วยโลกไว้จริงๆ” ลูเซียนพยักหน้า และเขาก็กำลังคิดด้วยว่า ถ้าเขาได้รับเกียรติให้เข้าพบซี เขาปรารถนาจะได้ชิ้นเนื้อสักชิ้น เลือดสักหยด หรือแม้แต่ผมของซีสักเส้น เพื่อนำไปศึกษา
ลูเซียนกลายเป็นนักเวทสุดโต่งไปแล้วจริงๆ
ไรน์ยิ้ม แล้วรอยยิ้มละไมนั้นได้กลับมาอีกครั้ง “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนี้เราสองคนจะวุ่นอยู่กับการช่วยโลก”
ลูเซียนคิดว่า อันที่จริง เฟอร์นันโดมักจะยุ่งอยู่กับการป้องกันลูกศิษย์ของเขาอย่างลูเซียนเสมอ เพื่อไม่ให้เขาทำลายโลก
“ถ้างั้น… ข้าควรจะไปเปิดใช้งานวงเวทที่ไหน?” ลูเซียนถาม
“ก่อนอื่น ไปที่ปราสาทของข้าที่อยู่ในเทือกเขาแห่งความมืด ไปเอา ‘หน้ากากแปลงกาย’ อุปกรณ์สามชิ้นสำหรับเปิดใช้งานวงเวทและรางวัลของเจ้า จากนั้นให้เจ้าไปยังแท่นบูชาของคัวโทน ในเขตมลพิษของ ‘มหาสมุทรไร้พรมแดน’ ไป ‘สุสานแมนติคอร์’ ในทะเลทรายทางใต้ของเมืองกัสตา และไปพระราชวังใต้ดินของธานอส ราชาแห่งดวงอาทิตย์ในนครแอนทิฟเฟลอร์ของจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเจ้าเปิดใช้วงเวทที่นั่นโดยใช้เวทมนตร์และท่าร่ายเวท สุดท้ายให้เจ้ากลับมาที่ปราสาทของข้า แล้วจุดเทียนและคบไฟทุกดวงในปราสาทของข้าเมื่อดวงจันทร์สีเงินสว่างที่สุด ภายใต้แสงจันทร์ ให้เจ้าร่ายเวทมนตร์อีกครั้ง” ภาพของไรน์เริ่มวูบไหว พลังของเขาค่อยๆ ลดลงไป
เขตมลพิษ ทะเลทรายทางใต้ และราชาแห่งดวงอาทิตย์… มันไม่ใช่ครั้งแรกที่
ลูเซียนได้ยินคำเหล่านี้ ไม่ต้องพูดถึงราชาแห่งดวงอาทิตย์ ลูเซียนเรียนรู้เกี่ยวกับเขตมหาสมุทรมลพิษเมื่อเขามาที่โฮล์มทางเรือในฐานะผู้หลบหนี แล้วเขายังได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานาจากการขายข้อมูล ลูเซียนได้ยินเกี่ยวกับทะเลทรายทางใต้จากฟลอเรนเซียเมื่อวันก่อน มันเป็นพื้นที่แหล่งยูเรเนียม และพื้นที่นี้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเวทมนตร์อีกแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘เมชเคต’
มีจักรวรรดิเวทมนตร์สามจักรวรรดิคู่ขนานกัน นั่นคือ ซิลวานาส เมชเคต และแอสโซ เมชเคตเน้นศึกษาเวทมนตร์ศาสตร์มืด ภาพลวงตา และการอัญเชิญ และปกครองทะเลทรายทางใต้ของจักรวรรดิกัสตา เขตโอเอซิส และมังกรมัวร์ แอสโซมีชื่อเสียงในเรื่อง เทคนิคการเดินเรือและสิ่งก่อสร้างใต้น้ำ ซึ่งเขตแดนของจักรวรรดินี้กินขอบเขตตั้งแต่ราชรัฐคาเลส์ อาณาจักรบริแอนน์ และเกาะมากมาย รวมถึง เกาะไข่มุก ในมหาสมุทรไร้พรมแดน และดินแดนที่เหลือนั้นถูกปกครองโดยจักรวรรดิเวทมนตร์ที่ทรงอำนาจมากที่สุด นั่นคือ ซิลวานาส
ไรน์ยิ้ม “ข้าไม่มีพลังที่จะสร้างวงเวทยิ่งใหญ่ทั้งหมด ดังนั้นข้าจึงขอยืมพลังจากแท่นบูชา สุสาน และพระราชวังใต้ดิน อย่ากังวลเลย… เมื่อเจ้าใกล้เป็นนักเวทชั้นสูง ถ้าเจ้ารู้จักใช้หน้ากากและอุปกรณ์เวทมนตร์ในวังของข้า เจ้าก็จะไม่เสี่ยงอันตรายมากเกินไป ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ เจ้าจะไม่สามารถทำทั้งหมดนี้ภายในครึ่งปีได้… เจ้าไม่สามารถเหาะได้เร็วเท่านักเวทชั้นสูง…”
“อืม…” ลูเซียนต้องสารภาพ “ข้าว่าข้าสามารถออกเดินทางได้ในสองสามวันนี้ ข้าใกล้จะได้ระดับสูงแล้วละ”
การจะได้ระดับสูง การทำให้โลกแห่งการรู้คิดเป็นรูปธรรมนั้นเป็นช่วงที่ท้าท้ายที่สุด ตามด้วยกระบวนการการประกอบพิธีทางเวทมนตร์ หลังจากสองขั้นตอนนี้ คนคนนั้นจะต้องวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับหกให้เสร็จ และสุดท้ายสามารถนำไปรวมกับความจริงโดยใช้พลังจิตและวิญญาณของตน ลูเซียนได้ทำให้โลกแห่งการรู้คิดของเขาเป็นรูปธรรมขึ้นมาแล้ว และเขากำลังจะสำเร็จการวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับหกในอีกไม่ช้า
ไรน์รู้เรื่องเวทมนตร์ค่อนข้างดี เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูเซียนพูด เขาก็สูดหายใจลึกมองไปรอบๆ ในหวงฝันนั้น เขารู้สึกขบขันเล็กน้อยขณะที่พูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเพิ่งกลับไปอัลลินเมื่อสองสามเดือนก่อนเสียอีก… ข้ามีปัญหาเรื่องการรับรู้เวลาเพราะถูกขังอยู่ที่นี่รึเปล่านะ?”
เมื่อลูเซียนอยู่ที่อัลลิน ไรน์ไม่สามารถปรากฏตัวในฝันของลูเซียนได้เนื่องจากบรรดามหาจอมเวทและผู้วิเศษชั้นตำนานจะรู้ได้ง่าย
“ข้า… จะว่าไงดี… มันต่างกัน” ลูเซียนตอบแบบกำกวม
“เจ้านี่เริ่มน่าเบื่อเสียแล้ว เมื่อเจ้าได้เป็นผู้วิเศษชั้นตำนาน เจ้าจะน่าเบื่อจริงๆ” ไรน์ถอนหายใจ “ถ้างั้น รีบลงมือโดยเร็วที่สุดเถอะ”
ความฝันหายไปแล้ว ลูเซียนลืมตาขึ้น บทสนทนาที่ไรน์เพิ่งคุยกับเขานั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว
ลูเซียนรู้ว่าไรน์ยังปิดบังเรื่องบางอย่างกับเขาอยู่ ไรน์รู้เรื่องโลกแห่งวิญญาณมากกว่าที่เขาคิด อย่างไรก็ตาม ลูเซียนก็ยังตระหนักว่าการรู้มากเกินไปเป็นเรื่องที่ไม่ดี
ลูเซียนลุกขึ้นทันทีจนอัลเฟอร์ริสสะดุ้ง หางมันแกว่งและเกือบหวดเก้าอี้เป็นชิ้นๆ
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!” มันพูดเสียงสูง
ลูเซียนอยากพาอัลเฟอร์ริสไปด้วย แต่นอกจากจะต้องเก็บความลับสำคัญแล้ว ลูเซียนยังรู้ว่าอัลเฟอร์ริสจะขโมยคลังเก็บของของไรน์ด้วย
ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ลูเซียนกำลังเผชิญอยู่ก็คือเขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่จะออกไปจากอัลลินเพราะเจ้าแห่งวายุจะไม่อนุญาตให้เขาไปง่ายๆ
….
ในไฮด์เลอร์ ในห้องโถงจัดเลี้ยงของหอคอยเวทมนตร์ เทียนสีขาวส่องแสงสลัวในห้องโถงนั้น
ลูเซียนยืนอยู่ในห้องโถง รู้สึกราวกับว่ากำลังเข้าร่วมงานศพ เขาถือแก้วใส่เครื่องดื่มสีขาวข้นหนืด และลังเลที่จะชิมมัน ในขณะที่อัลเฟอร์ริสมีความสุขมาก และในตอนนี้มันกำลังถือจานใบใหญ่ง่วนอยู่กับอาหารแปลกๆ ทุกชนิด อย่างเช่น เนื้อเส้นทอดที่เหมือนหนอนแมงวันตัวอ้วน ขนมปังรูปหัวกะโหลก และอวัยวะใส่ถาด…
ลูเซียนมองอาหารเหล่านั้นแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาเห็นเฟลิเปซึ่งสวมเสื้อยาวสีดำกำลังเดินตรงมาหาเขา
เฟลิเปหยุดตรงหน้าลูเซียนแล้วยิ้มน้อยๆ “ข้าคิดว่าเจ้าไม่กล้ามาไฮด์เลอร์เสียอีก เพราะชั้นนักเวทของเจ้ายังต่ำอยู่… เจ้ามีเหตุผลที่ต้องกังวล”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กล้ามาดูข้ารับรางวัลวันนี้เสียอีก” ลูเซียนโต้กลับ “ข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการ ทำไมข้าต้องกังวลเรื่องมาเมืองที่อยู่ใต้การปกครองของสภาเวทมนตร์ด้วยล่ะ?”
“ข้าควรจะเอาวัตถุจากการศึกษาเรื่องการจำของเซลล์ให้เจ้าดีไหมนะ?” เฟลิเปไม่ยอมถอย “เพราะถึงแม้เจ้าจะถูกฆ่า มันก็ยังมีความหวังที่เจ้าจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
ลูเซียนส่ายศีรษะ “ข้าไม่เชื่อผลการวิจัยของพวกนักเวทชั้นกลางหรือชั้นล่างหรอก”
พวกเขาทักทายกันแบบนี้ ในตอนนั้นเอง ชายที่สูงวัยกว่าคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมของจักรวรรดิเมชเคตก็เดินมาหาทั้งสองคน เขาถือแก้วใส่ไวน์แดงและจ้องลูเซียนด้วยดวงตาสีแดง เขาพูดกับลูเซียนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ขอบใจสำหรับ ‘การทดลองแห่งปาฏิหาริย์’ ของเจ้า”
แล้วเขาก็เดินจากไป
“นั่นใครน่ะ?” ลูเซียนถามเฟลิเป
ใบหน้าของเฟลิเปซึ่งดูป่วยอยู่เสมอ มีรอยยิ้มขึ้นมา และเขาตอบว่า “ท่านซูซาน่ะ เป็นนักเวทระดับหก นักเวทศาสตร์มืดระดับเจ็ด หนึ่งในสมาชิกอาวุโสของกลุ่มเรา ครั้งหนึ่งเขาเกือบระเบิด ข้าจึงอยากบอกว่าความหวังที่จะได้เป็นนักเวทระดับแปด นั้นมืดมัวสำหรับเขา”
ขณะที่พูดเรื่องนี้ เฟลิเปค่อนข้างอารมณ์ดี เขาไม่เคยเป็นคนนิสัยดีและใจกว้างเลย
“มีหลายอย่างในโลกที่เราไม่อาจควบคุมได้” ลูเซียนแกว่งวนแก้วไวน์
มีคนไม่มากนักในงานเลี้ยง เพราะนักเวทศาสตร์มืดหลายคนไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะดูนักเวทสายธาตุได้รางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ มีเพียงแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้นที่มาทักทายลูเซียน ด้วยความที่เขาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการ
โชโคลา หนึ่งในสองประธานของกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา ซึ่งเป็นจอมเวทอสูรที่ทรงพลังและเป็นนักเวทศาสตร์มืดระดับที่เก้า เดินขึ้นไปบนเวทโดยสวมเสื้อคลุมเวทมนตร์หนักสีดำ จากนั้น เขาเชิญลูเซียนขึ้นมาบนเวที
ด้านหลังเขามีมัมมี่ตนหนึ่งถือถาดคริสตัล ซึ่งมีเสื้อคลุมสีเทาเข้มตัวหนึ่งพับไว้อย่างประณีต ภายใต้แสงไฟ มีกระแสความรุ่งโรจน์อยู่บนผ้าผืนนั้น
“การทดลองแห่งปาฏิหาริย์ของท่านลูเซียน อีวานส์ได้แสดงให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้อีกอย่างของต้นกำเนิดชีวิต ซึ่งเป็นความลับที่เหล่านักเวทศาสตร์มืดทุกคนกำลังตามหาอยู่” โชโคลาพูดสั้นๆ “เขามีคุณสมบัติพร้อมที่จะได้รับรางวัลบัลลังก์นิรันดร”