Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 374
บทที่ 374 ชะตาลี้ลับ
แสงแห่งเวทมนตร์ที่ดูราวกับภาพฝันมลายหายไป เส้นสายลวดลายสีเงินบนพื้นกลับกลายเป็นรอยไหม้ดำๆ ทั้งหมด ราวกับใช้ถ่านวาดมันขึ้น
ลูเซียนไม่เคยรู้สึกมีพลังแข็งแกร่งเท่านี้มาก่อน เมื่อสายสัมพันธ์ระหว่างดวงจิตกับโลกแห่งปัญญาของเขามีความมั่นคงเหนียวแน่นยิ่งขึ้น เขารู้สึกว่าสักวันหนึ่งเขาอาจดึงดวงจิตกับโลกแห่งปัญญาออกมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ และทำให้ความเสมือนจริงเป็นความจริงแท้ แต่ลูเซียนรู้ดีถึงข้อเท็จจริงที่ว่าโลกใบนี้ต้องใช้พลังอย่างน้อยผู้วิเศษระดับตำนาน เช่น เขารู้ว่าตอนที่เฟอร์นันโด อาจารย์ของเขา เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงในโลกแห่งปัญญาของท่าน ทั่วทั้งเมืองอัลลินนั้นถูกปกคลุมด้วยเมฆหนา สั่นสะเทือนเลือนลั่นด้วยสายฟ้าแปลบปลาบ
ในที่สุดลูเซียนก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกของการเป็นนักเวทระดับสูง เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมามองด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเปี่ยมด้วยกำลังใจ แม้ว่ามือทั้งสองของเขาจะยังเหมือนเดิม ลูเซียนกลับสัมผัสได้ถึงพลังที่ส่งตรงมาจากดวงจิต พลังจิต และโลกแห่งปัญญาของเขา
“ท่านว่าอะไรนะขอรับ” ทอมป์สันถาม “ไร้ร่องรอย… ชะตา เช่นนั้นหรือ”
ลูเซียนได้ยินคำถามนั้น เขาไม่เข้าใจที่ทอมป์สันกล่าว อะไรคือ ‘ไร้ร่องรอยชะตา’ เกิดอะไรขึ้นระหว่างทำพิธีกรรมเช่นนั้นหรือ มันเกี่ยวข้องกับดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวของเขาหรือไม่
ลูเซียนเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว
ทอมป์สันรู้สึกได้ถึงพลังน่าคร้ามเกรงจากพิธีกรรมเวทมนตร์นี้แล้วจากนั้นเฟอร์นันโดก็โพล่งคำนั้นออกมา ในฐานะนักเวทระดับแปดและหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการกิจการ เขากลับไม่เคยได้ยินคำเช่นนั้นมาก่อนเลย เกิดอะไรขึ้นกับลูเซียนกันแน่
เฟอร์นันโดไม่ตอบคำถามในทันที กลับลูบศีรษะของอัลเฟอร์ริสที่รู้สึกมึนงงไม่ต่างกันอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงถามลูเซียนว่า
“เจ้าเลื่อนขึ้นระดับสูงแล้วหรือไม่”
“ขอรับ อาจารย์… ข้าหยุดการแพร่ขยายได้อย่างยากลำบากพอควร” ลูเซียนตอบตามจริง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่นี้ท่านว่าอย่างไรนะขอรับ อะไรคือ ‘ไร้ร่องรอยชะตา’ เช่นนั้นหรือ ในตอนที่ข้าพยายามควบคุมพลัง ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างในดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวข้าที่เปลี่ยนไป”
“เจ้านี่ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาเสียจริง” เฟอร์นันโดกล่าวด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวใจ “เจ้าจะรอสักสามหรือสี่ปีค่อยเลื่อนขั้นไม่ได้เลยรึอย่างไร กลับต้องมาทำเอาตอนนี้”
แต่หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เฟอร์นันโดก็กล่าวต่อ “ข้าไม่ควรออกความเห็นมากเกินไปในเรื่องที่เกี่ยวกับโลกแห่งปัญญาของเจ้าในเมื่อมันเป็นเรื่องของเจ้าเอง แต่หากว่าเจ้าอยากจะรู้ ข้าก็จะบอกให้… ‘ไร้ร่องรอยชะตา’ หมายถึงกลุ่มนักเวทพิเศษที่เป็นอิสระจากข้อจำกัดทางโชคชะตา เมื่อใดที่พวกเขาเชื่อมต่อกับดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวและได้รับเงาสะท้อนเป็นของตนเอง เงาสะท้อนนั้นกลับพังทลายลงและรัศมีแสงของดาวแห่งโชคชะตาก็จางลงโดยที่หาสาเหตุมิได้ ดังนั้นร่องรอยชะตาจึงไม่อาจถูกจับตามองได้อีกต่อไป หรือก็คือ พวกเขาคือนักเวทที่ไม่อาจทำนายชะตาได้”
“อะไรนะ!” ทอมป์สันประหลาดใจอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองลูเซียนด้วยความอึ้งงัน
นักเวทคนใดที่ศึกษาด้านโหราศาสตร์จะนับถือโชคชะตาแทบจะไว้เหนือเกล้า นี่เป็นครั้งแรกที่ทอมป์สันได้ยินว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ผลกระทบใดๆ จากโชคชะตา!
“แล้วอย่างไร… พวกเขาก็ตายอยู่ดี” เฟอร์นันโดเอ่ยเสียงเยาะหยัน
“พวกเขาตายแล้ว… อาจารย์ขอรับ พวกเขาคือผู้ใดกันหรือ” ลูเซียนถามด้วยความใคร่รู้
เฟอร์นันโดยิ้มกริ่ม “ข้ารู้จักกับห้าคนจากกลุ่มนั้น ผู้ที่โด่งดังที่สุดคงจะเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิเวทมนตร์ซิลวานาสโบราณ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ธานอส นักเวทอีกสี่คนเป็นผู้วิเศษระดับตำนาน แต่ทุกคนก็ตายไปแล้ว”
“ธานอสก็เป็นผู้ที่ไร้ร่องรอยชะตาเช่นนั้นหรือ เช่นนั้นท่านกลายเป็น ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ได้อย่างไรกันขอรับ ไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ใดที่เอ่ยถึงเรื่องนี้…” ทอมป์สันประหลาดใจอย่างยิ่งยวด อย่างไรเสีย ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ระดับตำนานของสำนักโหราศาสตร์โบราณ และยังเป็นที่พูดกันว่า เพื่อที่จะได้เป็น ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ คนผู้นั้นจะต้องเปลี่ยนดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวเป็นดวงอาทิตย์เพื่อให้เลื่อนขั้นขึ้นไปได้ หากว่าดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวเขาพังทลายลงไปแล้ว เช่นนั้นเขาจะสร้างความก้าวหน้าได้อย่างไรกัน
ลูเซียนเองก็สับสนมึนงงไม่ต่างกัน
เฟอร์นันโดส่ายศีรษะแล้วส่งยิ้มให้ “มีเพียงสมาชิกสภาสูงสุดเท่านั้นที่จะเข้าถึงบันทึกลับฉบับนี้ได้ ก็นะ บางทีพวกนักเวทโบราณแก่ๆ ก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ธานอสเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับตำนานโดยใช้ดวงอาทิตย์จำลองดวงเล็กที่สร้างขึ้นด้วยหินสุริยันต์กับร่างของสัตว์เวทชั่วร้ายโบราณที่ชื่อว่าเชอร์คิราจำนวนมากมายมหาศาล ในตอนนั้น นักเวทระดับตำนานแทบจะทุกคนเชื่อว่านักเวทที่ใช้วิธีการพรรค์นั้นเพื่อเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับตำนานจะทำให้ไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าได้อีก แต่ว่า ในท้ายที่สุด ธานอสก็กลายเป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือคนทั้งปวง”
“สรุปแล้ว ‘ไร้ร่องรอยชะตา’ มักจะสร้างปาฏิหาริย์… พวกเขาคือบุตรแห่งโชคชะตาหรือขอรับ” ขณะที่ทอมป์สันกล่าว เขาก็มองไปทางลูเซียน
เฟอร์นันโดมองทอมป์สันด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะตอบว่า “อย่าได้กล่าวเกินจริง… พวกเขาเพียงมีภูมิต้านทานเวทมนตร์ด้านการทำนายก็เท่านั้น หาได้มีอะไรวิเศษวิโส ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมผู้ที่ไร้ร่องรอยชะตาทุกคนถึงไม่ได้เป็นผู้วิเศษระดับตำนานนั้น… เจ้าควรจะคิดในทางตรงกันข้าม เหล่าผู้ไร้ร่องรอยชะตาที่ไม่อาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้วิเศษระดับตำนานได้จะไม่เป็นที่จดจำ ข้าเชื่อว่ายังมีผู้ไร้ร่องรอยชะตาอีกมาก แม้แต่ในหมู่คนทั่วไป”
“นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากแล้วขอรับ…” ลูเซียนหวังว่าตัวเขาจะเป็นผู้ไร้ร่องรอยชะตา
“ข้าไม่เชื่อเรื่องพรรค์นั้น… ที่ว่าไร้ร่องรอยอะไรนั่น” เฟอร์นันโดเอ่ยเสียงหยัน “ให้พูดเจาะจงกว่านั้นก็คือ โชคชะตาของพวกเขาเพียงไม่สามารถจับตามองได้ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของโชคชะตา หากมีวิธีการที่พัฒนายิ่งขึ้นโดยสำนักโหราศาสตร์โดยยึดหลักจากอาร์คานาศาสตร์ เราย่อมมองเห็นร่องรอยล่องหนนั้นได้!”
เฟอร์นันโดค่อนข้างมั่นใจ และน้ำเสียงของเขาก็มั่นคงแน่วแน่ ในฐานะมหาจอมเวทผู้เคยประสบพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านอาร์คานาศาสตร์มาแล้ว เฟอร์นันโดจึงมั่นใจอยู่เสมอ
“แล้ว… ลูเซียนคือผู้ไร้ร่องรอยชะตาหรือไม่ขอรับ” ทอมป์สันอดที่จะถามไม่ได้ อัลเฟอร์ริสเองก็อยากรู้เช่นกัน
เฟอร์นันโดเหลือบมองลูเซียนแล้วส่ายหน้า น้ำเสียงของเขาฟังดูสับสนเล็กน้อย “ข้าคิดว่าเขาเป็น และข้าก็นึกสงสัยว่าเหตุใดพรสวรรค์ของเขาเพิ่งจะปรากฏขึ้นหลังจากที่ก้าวขึ้นเป็นนักเวทระดับสูง แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าเขามิใช่ผู้ไร้ร่องรอยชะตาหรอก เพราะดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวเขายังถูกจับตาสังเกตการณ์ได้” เฟอร์นันโดหันมาทางลูเซียนแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับภายในโลกแห่งปัญญาของเจ้า”
“ข้าพยายามอย่างที่สุดในการควบคุมดาวเพื่อหยุดการแพร่ขยาย แต่ผลกลับออกมาไม่ดีนักขอรับ ตอนที่ข้ามาถึงขีดจำกัด ไม่ทราบอย่างไร อยู่ๆ ดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวข้าก็แบ่งออกเป็นสองดวง ครึ่งหนึ่งนั้นพังทลายลงทันทีหลังจากที่เกิดการแพร่ขยายฉับพลันและก่อตัวเป็นพายุหมุนที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างเข้าไปได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งหยุดการลุกไหม้ของดาวแห่งโชคชะตา และข้าก็ฉวยโอกาสนั้นเข้าควบคุมขอรับ”
ลูเซียนไม่ได้บอกความจริงให้เฟอร์นันโดทราบทุกประการ เขาไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลที่ดาวแห่งโชคชะตาของเขาแยกออกเป็นสองดวง เหมือนๆ กับที่มิมีผู้ใดสามารถอธิบายได้ว่าทำไม ‘ไร้ร่องรอยชะตา’ จึงมีอยู่
เฟอร์นันโดยกแขนขึ้นกอดอก “เหตุใดดาวจึงแยกออกเป็นสอง โลกแห่งปัญญาของเจ้าก่อตัวขึ้นอย่างไรกันแน่ แต่หากว่าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
“ไม่มีอะไรที่ข้าบอกไม่ได้ขอรับ” ลูเซียนยิ้ม เขาสาธยายถึงโลกแห่งปัญญาของเขาแต่ปิดบังส่วนที่เกี่ยวกับรากฐานที่ประกอบขึ้นโดยไฟ ลม กับน้ำ และโลกแห่งน้ำแข็งกับหิมะ ดั่งที่เฟอร์นันโด ทอมป์สัน กับอัลเฟอร์ริสทราบดีว่าลูเซียนคือผู้ที่เสนอข้อสันนิษฐานว่ารูปแบบของพลังงานนั้นไม่ต่อเนื่อง และพวกเขายังรู้อีกด้วยว่าลูเซียนคิดว่าอิเล็กตรอนคือสิ่งที่อยู่ภายในอะตอม แต่ลูเซียนไม่อาจให้เฟอร์นันโดรู้ข้อเท็จจริงที่ว่าความเชื่อในเรื่องความไม่ต่อเนื่องของพลังงานนั้นนำไปสู่การรวมตัวเป็นปึกแผ่นมั่นคงของโลกแห่งปัญญาของเขา
เฟอร์นันโดคาดเดาว่าโลกแห่งปัญญาของลูเซียนส่วนหนึ่งคงจะมีน้ำแข็งกับหิมะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เฟอร์นันโดดูจะสับสนมึนงงเล็กน้อย “ข้ามองไม่เห็นความเชื่อมโยงใดๆ… เจ้าเกิดที่ไหนรึ”
วันเวลาในการเกิดกับปัจจัยอื่นๆ บางประการของคนคนหนึ่งสามารถแทรกแซงการตัดสินใจเลือกของดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวได้
ฉับพลันนั้น ลูเซียนก็ได้รับแรงบันดาลใจ เขานึกสงสัยว่าการแบ่งแยกดวงดาวนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกลับมาเกิดใหม่หรือไม่
ลูเซียนตอบคำถามของเฟอร์นันโด ซึ่งอาจารย์ของเขามิได้นึกสงสัยอะไรเลย เฟอร์นันโดหยิบลูกแก้วคริสตัลออกมาเพื่อดูว่าการทำลายจะใช้การกับลูเซียนได้หรือไม่
ลูเซียนเองก็อยากรู้เช่นนั้น เขาหวังว่าอาจารย์จะช่วยให้เขาหาคำตอบได้ว่าการแบ่งดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวนั้นมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่
ดวงดาวมากมายปรากฏขึ้นติดตามร่องรอยชะตาอยู่ภายในลูกแก้วคริสตัล
ลูเซียนไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอะไรเมื่อเผชิญหน้ากับพลังแห่งการทำนายของมหาจอมเวท ซึ่งหมายว่าเขาไม่อาจเตรียมตัวให้พร้อมหากว่ามหาจอมเวทพยายามจะสอดส่องดูโชคชะตาของเขา เบื้องหลังดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวเขา พายุหมุ่นสีดำยังคงดูดกลืนแสงสว่างเข้าไป
เฟอร์นันโดมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม เขาทำซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดก็หยุดมือหลังจากอ่านไปหลายนาที
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ อาจารย์” ลูเซียนถามอย่างกระตือรือร้น
เฟอร์นันโดลูบไล้ลูกแก้วคริสตัลพลางเอ่ยเสียงเบา “ข้าอยู่ใกล้เจ้าถึงเพียงนี้ การทำนายควรจะสามารถระบุตำแหน่งของเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบและบอกข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ามากกว่านี้ แต่ว่า… ลูกแก้วกลับบอกข้าว่าเจ้าอยู่ห่างจากข้าไปทางซ้ายสองเมตร”
ลูเซียนตรวจดูจุดที่เขายืนอยู่ จริงอยู่ว่าเขายืนอยู่หน้าเฟอร์นันโดโดยเยื้องออกไปทางซ้าย แต่ระยะห่างนั้นมีเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น!
“สรุปก็คือ… การทำนายทั้งหมดเกี่ยวกับตัวข้าจะไม่ถูกต้อง ระดับความบิดเบือนจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างระดับของข้ากับระดับของผู้ทำนาย แต่ความบิดเบือนนี้จะมีอยู่เสมอ!”
เฟอร์นันโดพยักหน้าอย่างเคร่งเครียดจริงจัง “บางทีเราควรจะเรียกเจ้าว่า… ‘ชะตาลี้ลับ’”