Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 418
บทที่ 418 การคำรามของเฟอร์นันโด
ณ ชั้นที่สามสิบห้าของอาคารสำนักงานใหญ่สภาเวทมนตร์ ในห้องประชุมขนาดกลาง
ที่บริเวณตรงกลางของห้อง มีโต๊ะยาวทำจากไม้เชอร์รีตัวหนึ่งตั้งอยู่ ห้อมล้อมไปด้วยเก้าอี้ยี่สิบสี่ตัว บรรดาเก้าอี้ก็ล้วนทำมาจากไม้มีค่าและหุ้มด้วยกำมะหยี่อย่างดีที่แสนนุ่มสบาย ด้านหลังของเก้าอี้แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรบรรจงต่างๆ เช่น สัญลักษณ์ของธาตุต่างๆ มวลพายุที่โอบกอดสายฟ้า มงกุฎแห่งเวทมนตร์และอาร์คานา…
“มีการยืนยันว่าพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน อัลเทอร์นา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพระจันทร์สีเลือด สำหรับศัตรูของอัลเทอร์นา… ก็คือสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน อาจจะมาจากโลกอันเงียบงันซึ่งไร้สีสันต่างๆ ยกเว้นเพียงสีดำ สีขาว และสีเทา” ศาสดาพยากรณ์ผู้สวมหมวกทรงแหลมสีเทากล่าวสรุปในเบื้องต้น
พระจันทร์สีเลือดและสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่ใกล้เคียงกับ ‘ความจริง’ ได้รับความสนใจจากสภาเวทมนตร์ในทันที สภาสูงสุดเรียกประชุมด่วนเพื่อตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป
เนื่องจากการประชุมครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเร่งด่วน จึงมีสมาชิกเพียงสิบแปดคนจากยี่สิบสี่คนสามารถเข้าร่วมได้ แฮททาเวย์และสมาชิกอีกห้าคนไม่ได้อยู่ในนครอัลลินในตอนนี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์เอ่ย วิเซนเต มิรันดา หรือที่รู้จักกันในนามของ ‘ธานาทอส’ ก็เคาะโต๊ะและพูดว่า “สิ่งที่เราควรจะสนใจตอนนี้ก็คือมิติไหนที่อัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตปริศนาร่วงหล่นลงไป แล้วทำไมพวกเขาถึงเริ่มสู้กัน”
วิเซนเต มิรันดา อยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำ ภายในดวงตาของเขา เปลวเพลิงสีแดงเข้มสองดวงกำลังสั่นไหว
“น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแดรกคูลา เจ้าชายแวมไพร์ และไรน์ เคานต์เนตรเงิน ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน ตามข้อมูลจากการผูกดวงโหราศาสตร์ ข้าเดินทางไปที่เทือกเขาแห่งความมืดเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมาแล้วพบว่าประสาทของไรน์กระโดดเข้าไปในมิติภูเขาราตรีเพื่อฟื้นฟูจากความเสียหายหนัก สภาพโดยรอบถูกทำลายเป็นเถ้าถ่าน แดรกคูลาทิ้งร่องรอยไว้เต็มไปหมด…” ดักลาสพูดอย่างสุขุม “และสาเหตุที่ทั้งสองเริ่มสู้กัน แล้วทำไมสิ่งมีชีวิตปริศนาจึงเข้ามาเกี่ยวข้อง ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ”
ดวงตาสีแดงก่ำของเฟอร์นันโดสำรวจไปรอบๆ ห้องประชุม ผู้วิเศษระดับตำนานหลายคนก้มหน้าหลบตาหลีกเลี่ยงการสบตากับเขา พวกเขาไม่อยากถูกเฟอร์นันโดคำรามใส่ หากเขาพบว่าพวกเขาพูดอะไรผิด
“ข้าส่งเบิร์กเนอร์และอันโนนิสไปตามหามิตินั้น หากพวกท่านคนไหนว่าง ก็มาช่วยกันเถอะ พวกเรารู้ดีว่าเรื่องนี้สำคัญเพียงไหน” เฟอร์นันโดกล่าวขึ้น เขารับผิดชอบการปกป้องนครอัลลินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงรับผิดชอบการบริหารจัดการในจุดนี้ด้วย
เบิร์กเนอร์เป็นชื่อของศาสดาพยากรณ์ และอันโนนิสก็เป็นนักโหราศาสตร์
“นอกจากนี้ ข้ายังได้รับคำยืนยันจากแหล่งข่าวอื่นว่าแดรกคูลาและไรน์เป็นคนก่อเรื่องนี้ หากเราต้องการหาเหตุผลที่พวกเขาสู้กัน เราต้องพุ่งเป้าไปที่สิ่งมีชีวิตปริศนาและโลกอันเงียบงันที่สร้างขึ้นจากสีดำ สีขาว และสีเทา!”
ขณะที่เฟอร์นันโดพูด เขาก็มองตรงเข้าไปในตาของวิเซนเต
“ท่านหมายความว่าอย่างไร เฟอร์นันโด?”
เปลวไฟสีดำในดวงตาของธานานอสสั่นไหวเป็นประกาย เขาไม่ใช่นักเวทที่บ้าคลั่งซึ่งไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดังนั้น เขาจึงเข้าใจสิ่งที่เฟอร์นันโดพยายามบ่งชี้
“ข้าได้รับสารจากราชรัฐไวโอเล็ต เมื่อสิ้นเดือนเมษายนในปี 816 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บริเวณแถวทะเลสาบเอลซินอร์ นักผจญภัยบางคนที่รอดตายนิยามการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า ‘ยกเว้นสีดำ สีขาว และสีเทา สีอื่นเริ่มซีดลง และเสียงก็หายไป’ อย่าบอกข้าว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน!”
“นอกจากนี้ โรเจริโอก็อยู่ที่นั่นเมื่อครั้งก่อน! แล้วทำไมเขาไม่ระบุเรื่องนี้ลงในรายงาน?!”
แสงในตาของเฟอร์นันโดสว่างวาบและเขาก็เกือบจะคำรามออกมา ผู้รอดชีวิตที่เขากำลังพูดถึง แน่นอนก็คือลูเซียน
เนื่องจากการลอบโจมตีของศาสนจักรและการเกี่ยวข้องของแฮททาเวย์ มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนจากเหตุหายนะครั้งนั้น ผู้พิทักษ์ราตรีและอัศวินบางคนซึ่งกำลังไล่ล่าลัทธิอาร์เจนต์ ฮอร์น ก็อยู่ที่นั่นด้วยในตอนนั้น ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้วข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ลูเซียนจึงไม่ได้พยายามปิดบังเรื่องนี้จากอาจารย์ของเขา แต่กลับกัน เขาสารภาพต่อหน้าเฟอร์นันโด ซึ่งอันที่จริงกลายเป็นเรื่องดีที่แสดงว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ‘โลกแห่งวิญญาณ’
“ท่านต้องถามเอากับแฮททาเวย์” ธานาทอสพยายามเปลี่ยนความสนใจของเฟอร์นันโดไปยังแฮททาเวย์ซึ่งไม่อยู่ในที่ประชุม
“ข้าจะถามแฮททาเวย์ด้วยว่าทำไมถึงมีการรวมตัวของสีดำ สีขาว และสีเทาในเมืองไฮด์เลอร์?!”
การคำรามของเฟอร์นันโดยังคงดำเนินต่อไป ธานาทอสถึงกับต้องขยับหนีไปด้านข้าง
สมาชิกสภาสูงคนที่เหลือต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไฮด์เลอร์ แต่เพราะไม่พบเหตุผลที่เป็นไปได้ จึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเหมือนกับสภาพของเมืองไฮด์เลอร์มาก พวกเขาทุกคนจึงรู้สึกสงสัย อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับวิเซนเต ทุกคนต่างก็หวังว่าเจ้าแห่งวายุจะเริ่มพูดถึงเรื่องนี้
เฟอร์นันโดไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
ธานาทอสมีรูปร่างผอมมากเสียจนดูเหมือนมีผิวหนังเพียงชั้นเดียวที่ปกคลุมโหนกแก้มของเขา เขาตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสุขุม “ไฮด์เลอร์เชื่อมต่อกับมิติปริศนาแห่งหนึ่ง และที่กลายสภาพเป็นอย่างนี้ก็เพราะถูกปนเปื้อน เสียดายที่เรายังไม่พบทางเข้าสู่มิตินั้น เราเลยยังไม่ได้สำรวจต่อ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกอันเงียบงันหรือไม่ ข้าจะเริ่มการสืบสวนต่อเมื่อข้ากลับไปถึง”
ถึงตอนนี้ วิเซนเตเลือกบอกความจริงได้เพียงครึ่งหนึ่งเกี่ยวกับโลกแห่งวิญญาณ อย่างไรก็ตาม การค้นหาทางเข้าเป็นเรื่องยากมาก
“ดี เรายังมีเบาะแสอยู่บ้าง ข้าจะถามจากแฮททาเวย์และโรเจริโอด้วย ข้าหวังว่าทุกท่านในห้องประชุมนี้จะสละเวลามาช่วยสืบสวนสองกรณีนี้ เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความจริงของโลก” ดักลาสรีบสรุปก่อนที่ความเกรี้ยวกราดของเฟอร์นันโดจะดำเนินต่อไป
หลังจากสมาชิกทุกคนออกจากห้องประชุม เฟอร์นันโดก็ส่ายศีรษะ
“เรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่คาดไว้”
อันที่จริง เฟอร์นันโดรู้ว่าลูเซียนไม่ได้บอกเรื่องจริงทั้งหมด แต่เขาก็เคารพสิทธิในการรักษาความลับของลูเซียนและไม่ได้สืบสวนต่อ สำหรับเฟอร์นันโดแล้ว การรู้โครงเรื่องคร่าวๆ ของเหตุการณ์ที่ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว
ด้วยความมั่นใจในฐานะเจ้าแห่งวายุ เขาเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนย่อมทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง ตราบใดที่มีเบาะแส เขาก็สามารถสืบหาความจริงได้
ยกตัวอย่างเช่น แม้ลูเซียนจะบอกว่าแดรกคูลาไม่ได้เห็นหน้าหรือได้กลิ่นเขา เขาจึงไม่น่าจะไล่ล่าลูเซียน แต่เนื่องจากลูเซียนหันไปขอความช่วยเหลือจากนาตาชา ใครสักคนที่ใส่ใจเรื่องนี้มากพออาจสืบหาเบาะแสเชื่อมโยงมาถึงลูเซียนโดยสืบหาที่อยู่ของนาตาชา
ดังนั้น เหตุผลที่เฟอร์นันโดยอมพาลูเซียนกลับไปที่ราชรัฐไวโอเล็ตมีสองประการ ประการแรก เพื่อสร้างความสับสนให้กับคนอื่น เนื่องจากคงไม่มีใครที่สติดีจะกลับไปยังจุดเกิดเหตุทันทีหลังจากก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้ และอีกประการ ถ้ามีความลับอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดและมีใครสักคนเริ่มสงสัยลูเซียน พฤติกรรมของเฟอร์นันโดอาจถูกตีความได้ว่าลูเซียนได้แบ่งปันความลับนี้กับสภาเวทมนตร์ น่าจะทำให้ลูเซียนปลอดภัยมากกว่า หากใครสักคนต้องการปิดปากพยานที่รู้เห็นเรื่องนี้ นั่นหมายความว่าต้องปิดปากคนทั้งสภาเวทมนตร์!
…
เนื่องจากพลังวิญญาณมีส่วนสัมพันธ์กับวิญญาณและโลกแห่งปัญญาของแต่ละคนอย่างใกล้ชิด การสำรวจพลังวิญญาณหรือการพัฒนาวิธีการเข้าฌานสมาธิต้องอาศัยความระมัดระวังอย่างสูง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีนักเวทอาวุโสจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะพยายามปรับเปลี่ยนฌานสมาธิของตน บางคนถึงขั้นเสียชีวิตจากเรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากทำการทดลอง ‘ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก’ และการใช้ทฤษฎี ‘ทวิภาคของคลื่น–อนุภาค’ เพื่อพัฒนาพลังวิญญาณ ลูเซียนยังไม่เริ่มฌานสมาธิใหม่ในทันที แต่กลับกัน เขาค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไขทีละเล็กทีละน้อยในการฝึกแต่ละวัน เขาประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาสองถึงสามปีในการสร้างและปรับปรุงฌานสมาธิใหม่ให้สมบูรณ์
เมื่อเปิดหน้าต่างออกไป ลูเซียนสัมผัสได้ถึงลมยามราตรีที่พัดเข้ามา นี่ก็เข้าสู่เดือนแห่งน้ำแข็ง (ธันวาคม) แล้ว สายลมเย็นทำให้ลูเซียนรู้สึกสั่นสะท้าน แต่ก็สดชื่นมากๆ เช่นกัน
ลูเซียนยิ้มกว้างเมื่อเขาเห็นอัลเฟอร์ริสกำลังตั้งใจย่างแกะทั้งตัวอยู่ที่สนามหญ้าด้านล่าง เขากลับมาถึงบ้านแล้วสองสามวันและก็แแสดงตัวต่อหน้าผู้คนบ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม ไม่มีใครสงสัยเขาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พระจันทร์สีเลือด ในสายตาของเหล่าจอมเวท ยกเว้นเฟอร์นันโด ธอมป์สัน และคนที่เขาสนิทสนม ลูเซียน อีวานส์ ผู้นำของสถาบันอะตอม ไม่เคยเดินทางออกจากนครอัลลิน
ตามที่พวกเขาคิด ลูเซียนใช้เวลาทั้งหมดในการพัฒนาตนเอง เนื่องจากเขากังวลเกี่ยวกับการลอบสังหารจากศาสนจักร
และก็เพราะลูเซียนไม่ได้เดินทางไปนานเกินไป ขณะที่การปลอมตัวเป็นลูเซียนของอัลเฟอร์ริสก็ช่วยไว้ได้เยอะ
“นายท่าน ท่านอาร์เธอร์มาอีกแล้วขอรับ ข้าควรปฏิเสธเขาด้วยข้ออ้างเดิมไหมขอรับ?” ลีโอ หัวหน้าพ่อบ้านซึ่งเป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าลูเซียนเพิ่งกลับมา ก็ถามขึ้น
ลูเซียนส่ายศีรษะ “พาเขาเข้ามา ข้ามีเรื่องอยากจะถามเกี่ยวกับการผลิตหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์พอดี”
แม้เขาจะได้ ‘เข็มขัดสุขภาพ’ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ และอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีค่าอื่นๆ จากการผจญภัยครั้งนี้ เขาก็ยังใช้วัตถุดิบและน้ำยาเวทมนตร์ระดับอาวุโสไปเยอะมาก ตอนนี้ที่เขาเหลือมีเพียงไขฮีเลียม และเลือดอัลเฟอร์ริสอย่างละหลอด ฮีเลียมเหลวสามหลอด และยาลำนำน้ำอีกสี่หลอดเท่านั้น
นอกจากนี้ วัตถุดิบที่เขาใช้เพื่อการเลื่อนชั้นสู่ระดับอาวุโสก็หยิบยืมมาจากเฟอร์นันโด ดังนั้น เขาต้องวางรายได้จากกิจการโฮล์มการแร่และการเกษตรไว้กลับเฟอร์นันโดเป็นหลักประกัน เงินอุดหนุนจากสภาเวทมนตร์ต้องจ่ายให้อัลเฟอร์ริสเป็นค่าจ้าง แม้ว่าลูเซียนยังหาวัตถุดิบที่ต้องการสำหรับทดลองโดยใช้งบประมาณจากสถาบันได้ เขาก็ไม่มีเงินทองหรือคะแนนอาร์คานามากพอจะทำอะไรอย่างอื่น เขาต้องหาแหล่งรายได้ใหม่โดยด่วน
บรรยากาศที่มีมังกรอยู่ในสวนค่อนข้างกดดัน อาร์เธอร์เดินผ่านสวนโดยรู้สึกว่าข้อเข่าอ่อนแรง เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น รอยยิ้มอั้นกระตือรือร้นก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าอ้วนกลมของเขา “สวัสดี ลูเซียน สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาที่อายุน้อยที่สุดของเรา! ในที่สุด ท่านก็มีเวลาให้ข้าจนได้!”
“ท่านมีเรื่องอะไรถึงมาเอาป่านนี้?” ลูเซียนเริ่มต้นอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
อาร์เธอร์ปลดกระดุมเม็ดบนออกแล้วหัวเราะออกมา “บ้านของท่านอุ่นกว่าบ้านของข้ามากนัก เตาผิงของข้าไม่เคยลุกโชนเหมือนกับเวทมนตร์ของท่าน”
“คืออย่างนี้ ลูเซียน” อาร์เธอร์เริ่มพูดต่อ “ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำสั่งซื้อแรกของหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์ได้ผลิตแล้ว ท่านจำได้ไหม? ท่านเปลี่ยนวัตถุดิบสำหรับการผลิต เซอร์เจมส์ ดยุก มีพระประสงค์จะติดตั้งหลอดไฟคริสตัลในคฤหาสน์ของพระองค์ที่เรนทาโต เราติดตั้งสายไฟจากวงเวทที่ใช้พลังน้ำไปยังคฤหาสน์ของพระองค์… แน่นอน ภายใต้การดูแลของนักเวทหลายคนจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า”
ลูเซียนพยักหน้า รอให้อาร์เธอร์พูดให้จบ
“แล้วคืนนี้ เรากำลังจะเปิดไฟแล้ว! คฤหาสน์ของเซอร์เจมส์จะเป็นคฤหาสน์ขุนนางหลังแรกที่สว่างไสวด้วยเวทมนตร์! นี่จะเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์! ในฐานะผู้ออกแบบ ท่านควรจะอยู่ที่นั่น!” อาร์เธอร์กล่าวอย่างมีอารมณ์ขันด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข