Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 423
บทที่ 423 ขอบคุณ
ชีวินรสายนเวทที่ทำงานให้กับคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานามีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง อย่างแรกคือการแยกประเภทรายงานการวิจัยที่ได้รับมาโดยยึดจากคำหลักและส่งไปยังสมาชิกคณะกรรมการในสำนักต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างที่สองคือส่งผลการพิจารณาไปให้ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท อย่างที่สามคือพิจารณาความเห็นที่สองสมาชิกคณะกรรมการส่งกลับมาเพื่อหาค่าเฉลี่ย และสรุปผลการประเมินทั้งในด้านความเห็นและในด้านการมอบค่าชื่อเสียงอาร์คานากับคะแนนอาร์คานาว่าควรจะให้เท่าไหร่ อย่างที่สี่คือ เมื่อความเห็นของทั้งสองสมาชิกแตกต่างกันอย่างมาก จะต้องส่งไปให้กับบุคคลที่สาม
และหากว่าทั้งสองสมาชิกคณะกรรมการไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาที่ได้รับจากบุคคลที่สาม จะต้องจัดการประชุมเล็กที่มีทั้งสมาชิกคณะกรรมการในสำนักนั้นๆ และเรียกตัวผู้เขียนรายงานมาด้วย ในระหว่างการประชุมจะมีการตัดสินใจครั้งสุดท้ายหลังจากสอบปากเปล่าผู้เขียนและปรึกษากันในหมู่ผู้ร่วมประชุม และการประชุมจะได้รับการตรวจสอบโดยที่ปรึกษาพิเศษจากสภาสูงสุด
ในฐานะที่คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาเป็นแผนกที่พิเศษที่สุดในสภาเวทมนตร์ โครงสร้างจึงไม่ได้เหมือนกับรูปแบบขององค์กรและไม่มีทั้งประธานหรือรองประธาน ทั้งสิบห้าชั้นมีเพียงสมาชิกแต่ละท่าน ผู้รับใช้ และนักเวทระดับกลางไม่กี่คนที่ทำงานเอกสารทั่วไป
ชีวินรสายนเวทกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติในยามนี้ มันได้ทำผิดพลาดด้วยการส่งรายงานไปให้สมาชิกสามคนในคราวเดียว ตอนนี้ทั้งสามก็ได้พิจารณารายงานฉบับนี้แล้ว แต่ความเห็นของพวกเขากลับแตกต่างกันไปมาก เหมือนนรกกับสวรรค์
ท้ายที่สุด มันก็เลิกสนใจความผิดพลาดของมันและหาทางออกด้วยการส่งความเห็นทั้งหมดไปให้นีชกา มิลินา อีวานส์ และเลฟสกี พร้อมกับเชิญพวกเขาให้มาร่วมการประชุมที่จะจัดขึ้นในเวลาเก้าโมงวันพรุ่งนี้ และยังส่งจดหมายเชิญไปหาสมาชิกคณะกรรมการท่านอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญทางด้านคณิตศาสตร์กับเจ้าแห่งพายุอีกด้วย
ในฐานะมหาจอมเวทผู้ทำหน้าที่เฝ้าดูแลอัลลินตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฟอร์นันโดจึงถือเป็นบุคคลในอุดมคติสำหรับการเป็นที่ปรึกษาพิเศษ หากว่าเขายุ่งจนไม่มีเวลาเข้าร่วมการประชุม เขาย่อมสามารถปฏิเสธการเชื้อเชิญโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ชีวินรสายนเวทมีเวลาพอจะเชื้อเชิญมหาจอมเวทหรือนักเวทระดับตำนานท่านอื่นมาแทน
…
ภายในฝ่ายบริหารจัดการนักเวท อีริคเกาศีรษะที่เริ่มมีเส้นผมเบาบางด้วยความมึนงง เขาจำได้ลางๆ ว่าเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้มาก่อน แต่เขาก็ไม่อาจคิดหาคำตอบที่ถูกต้องได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ใบหน้าเลฟสกีที่ซีดเซียวจากการจับรถไฟเที่ยวแรกสุดท่ามกลางอากาศหนาวเย็นยามเช้าอยู่แล้ว ในยามนี้กลับยิ่งดูน่าสังเวช “บะ บางที งานของข้าอาจถูกโยนลงถังขยะไปแล้ว…”
มันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเขาครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นรายงานของเขาไม่ผ่านการพิจารณา ดังนั้นเขาจึงพยายามจะส่งไปให้วารสารบางหัว ซึ่งรวมถึง ‘อภิปรายอาร์คานา’ ด้วยหวังว่าจะมีคนได้อ่านมันมากขึ้นและอาจกระทั่งยอมรับมัน แต่ทว่า เขากลับไม่เคยได้รับการติดต่อกลับมาจากวารสารหัวไหนเลย ไม่มีแม้แต่จดหมายปฏิเสธด้วยซ้ำ ภายหลัง เลฟสกีได้ยินมาว่าบรรณาธิการได้โยนงานของเขาทิ้งหลังจากอ่านไปได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น เพราะเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งของใครบางคน
“…” อีริคเองก็ไม่แน่ใจ แม้ว่าเขาจะรู้จักลูเซียนค่อนข้างดีและมองว่าลูเซียนคือคนหนุ่มที่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่อีริคก็ไม่มั่นใจว่าลูเซียนจะโยนรายงานทิ้งไปหรือไม่ ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ใครสักคนซึ่งเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อย่างลูเซียนจะทะนงตนและอาจจะหยิ่งยโสไปสักหน่อย
ฉับพลันนั้น กรงเหล็กก็ระเบิดแสงสีขาวออกมาอีกครั้ง เลฟสกีสะดุ้งเล็กน้อย แล้วความเงียบงันก็เขาปกคลุมภายในห้องทำงาน
“บางทีงานของเจ้าอาจอยู่ในนี้…มันคงตกหล่น” อีริคปลอบใจเลฟสกี
เลฟสกีพยักหน้าแรงๆ ด้วยพูดอะไรไม่ออก
เมื่อแสงสว่างหายไป อีริคก็ขยับไปมองเอกสารนั้นแล้วแย้มยิ้ม “เป็นของเจ้า”
เลฟสกีถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ภายในวินาทีถัดมา เขาก็กลับมาประหม่ากลัวอีกครั้ง เลฟสกีพยายามเอื้อมมือออกไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ชักกลับมา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอันสั่นเทา
“อีริค ช่วยอ่านความเห็นให้ข้าทีละอันทีเถิด”
อีริคเองก็สงสัยใคร่รู้ เขาจึงตอบตกลง ในความคิดเขา เขาหวังว่าความเห็นของลูเซียนจะเฉียบแหลมและตรงไปตรงมา เพื่อที่เลฟสกีจะได้รู้เสียทีว่ามันถึงเวลาที่เขาจะยอมแพ้และกลับสู่หนทางการดำเนินชีวิตตามปกติ ก่อนที่เลฟสกีจะหมกหมุ่นกับระบบเรขาคณิตของเขาไปกว่านี้ เขาถือเป็นจอมเวทอนาคตไกลผู้หนึ่งที่มีความมุมานะซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านโหราศาสตร์และคณิตศาสตร์ และเป็นที่ยอมรับจากทางสภาเวทมนตร์และองค์กรหอคอย
อีริคหยิบเอกสารออกมาก็เห็นว่ามีความเห็นอยู่สองหน้า ก่อนจะเริ่มอ่าน
“ท่านนีชกา จอมเวทระดับแปด นักเวทระดับเจ็ด มีอิทธิพลทางด้านโหราศาสตร์ สนามแรง และคณิตศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ‘ถ้าความฝันของเลฟสกีคือการเขียนงานที่ไม่มีใครบนโลกเข้าใจหรือยอมรับได้ ความฝันของเขาคงเป็นความจริงแล้ว งานชิ้นนี้เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมายจนน่าขัน เหมือนอย่างที่ข้าเคยบอกไว้ ข้าขอแนะนำอย่างยิ่งว่าเลฟสกีควรจะมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อให้เห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าและท้องฟ้าอันสดใส นี่คือโลกที่แท้จริงของเรา และมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับระบบเรขาคณิตในจิตนาการของเขาเลยสักนิด ข้อสรุปของข้ายังคงเดิม งานชิ้นนี้ไร้ประโยชน์’”
เลฟสกีก้มศีรษะลง ความเห็นของนีชกานั้นเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ แต่ข้อความกลับรุนแรงกว่าคราวก่อนนัก เขากำมือแน่น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุมได้
อีริคเหลือบมองเลฟสกีด้วยสายตาเห็นใจ แล้วเขาก็อ่านต่อ
“ท่านหญิงมิลินา จอมเวทระดับเจ็ด นักเวทระดับเจ็ด มีอิทธิพลทางด้านโหราศาสตร์ แม่เหล็กไฟฟ้า และคณิตศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ‘งานชิ้นนี้เต็มไปด้วยการให้เหตุผลแปลกประหลาดที่ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด และข้อสรุปก็เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับสามัญสำนึก ข้าขอเตือนผู้เขียนว่า หยุดรังควานสมาชิกคณะกรรมการด้วยงานชิ้นนี้ของเจ้าเสียที นอกเหนือจากรูปแบบการเขียนแล้ว งานชิ้นนี้ไม่มีอะไรที่ผ่านเกณฑ์การส่งผลงานเลยสักนิด แต่รูปแบบย่อมไม่ช่วยให้มันผ่านการพิจารณา ข้าไม่คิดว่ามันจะมีเรขาคณิตระบบใหม่ที่แตกต่างจากเรขาคณิตหอคอย’
เลฟสกียิ่งก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ไม่อาจทราบได้เลยว่าเขากำลังพยายามปิดซ่อนโทสะและความสิ้นหวังบนใบหน้า หรือว่าอับอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นกันแน่ แต่เมื่อพิจารณาจากมือที่ยังคงกำแน่นของเขา คำตอบก็ค่อนข้างชัดเจน
ในขณะนี้ เลฟสกีรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังร่วงหล่นลงจากหน้าผา เขาพยายามอย่างหนักที่จะบินกลับขึ้นไป ไขว่คว้าอะไรสักอย่างไว้ แต่เขากลับคว้าอะไรไว้ไม่ได้เลย เขากำลังจะร่วงลงสู่ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ พร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง
จากนั้นเลฟสกีก็ได้ยินเสียงอีริคพลิกกระดาษไปอีกหน้า ใบหน้าของเลฟสกีพลันเห่อร้อน และร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน ราวกับว่าเขาเพิ่งจะคว้าจับแสงแห่งความหวังสุดท้ายเอาไว้ได้
หนึ่งวินาทีผ่านไป ทั้งห้องเงียบงัน สิบวินาทีผ่านไป ยังคงเงียบสงัด หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที ในห้องนั้นก็ยังคงเงียบกริบ เลฟสกีทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเงยหน้าขึ้นในที่สุด และก็ได้เห็นว่าอีริคยืนนิ่งอยู่กับที่ จดจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษราวกับรูปปั้น
“อีริค?” เลฟสกีถามเสียงสั่น
ราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากฝัน อีริคเริ่มอ่านคล้ายกำลังละเมอ
“ท่านอีวานส์ จอมเวทระดับหก นักเวทระดับห้า มีอิทธิพลทางด้านเวทธาตุและอุณหพลศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ‘เป็นข้อสันนิษฐานที่อาจหาญ การให้เหตุผลแบบนิรนัยที่ถูกต้องแม่นยำไร้ข้อผิดพลาด ผู้เขียนแสดงให้เราเห็นถึงเรขาคณิตระบบใหม่เอี่ยมที่แตกต่างจากเรขาคณิตหอคอย หากว่าเราสามารถวางประสบการณ์ในอดีตและสิ่งที่เราเห็นด้วยตาเปล่าทิ้งไปก่อน เราจะมองเห็นถึงระบบเรขาคณิตที่เป็นอิสระจากกรอบ ผ่านการพัฒนามาอย่างดี และถูกต้องตามตรรกะอย่างแท้จริงที่ควรจะได้ชื่อว่าเรขาคณิตเลฟสกี’
เลฟสกีอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว เขาตะลึงงัน สิ่งที่เขาเพิ่งจะได้ยินนั้นทำให้รู้สึกเหมือนกับเขากำลังฝันอยู่
ตอนนี้อีริคกำลังจ้องเลฟสกีเหมือนกับเขาไม่เคยรู้จักสหายเก่าแก่ผู้นี้มาก่อน ก่อนจะอ่านต่อไป
“แม้ว่าคุณค่าของการค้นพบนี้จะยังเทียบไม่ได้กับการค้นพบแคลคูลัส ข้าก็ยังอยากใช้รางวัลที่มอบให้กับการค้นพบแคลคูลัสเป็นมาตรฐานในการเน้นย้ำถึงความสำคัญของรายงานฉบับนี้ ข้าอยากให้เราทุกคนขอบคุณคุณงามความดีอันใหญ่หลวงที่ท่านเลฟสกีมีต่อเรขาคณิต เช่นเดียวกับความอุตสาหะอันยาวนานของท่าน”
ในหัวเขากำลังส่งเสียงหึ่งๆ เมื่อเลฟสกีได้ยินถ้อยคำเต็มที่เต็มไปด้วยความขอบคุณนั้น ดวงตาเขาก็พลันเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา
อีริคเข้าใจความรู้สึกของเลฟสกีดี เสียงของเขาจึงอ่อนลง
“นี่คืองานเขียนที่สั่นสะเทือนวงการ มีความสร้างสรรค์ และนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นสากล ซึ่งควรค่าแก่การศึกษาหารือต่อไปและจะต้องมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาร์คานาศาสตร์อย่างแน่นอน ข้าขอแนะนำว่าควรมอบหกร้อยค่าชื่อเสียงอาร์คานา และห้าพันคะแนนอาร์คานาเป็นรางวัล”
เลฟสกีอ้าปากค้าง พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรหลุดรอดออกมา ทันใดนั้น เขาก็ร้องไห้โฮ ในที่สุด ความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขาก็ประสบผล! ความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดตลอดหลายปีของเขาประสบผลแล้ว!
เลฟสกีเป็นคนเข้มแข็งและไม่เคยร้องไห้ให้กับเรื่องพวกนี้เลยตลอดสิบปีที่ผ่านมา แต่ในตอนนี้ เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
ความจริงแล้ว ลูเซียนมองว่ารายงานฉบับนี้เป็นรายงานที่ ‘สำคัญอย่างสูง’ แต่เพราะเลฟสกีไม่ได้แสดงแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อะไรไว้ ลูเซียนจึงตัดสินใจให้ความเห็นที่กลางๆ กว่าเล็กน้อย
หลังจากอ่านเนื้อหาที่เหลือในเอกสารจบ อีริคก็รอให้เลฟสกีใจเย็นลงก่อนจะเอ่ยว่า “เนื่องจากความเห็นทั้งสามมีความแตกต่างกันอย่างมาก การประชุมเล็กจึงจะจัดขึ้นในเก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ อย่าลืมมาร่วมการประชุมเล่า”
“ข้าย่อมมา” เลฟสกีตอบอย่างหนักแน่น ตราบใดที่สมาชิกสักคนหนึ่งจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานามองเห็นคุณค่าในผลงานของเขา เลฟสกีก็มีกำลังใจขึ้นมากแล้ว และเชื่อว่าชีวิตเขาจะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
เลฟสกียืนขึ้นพร้อมกับพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณขอรับ ท่านอีวานส์”
…
ภายในห้องทำงานของเฟอร์นันโด
หลังจากเกิดความเงียบขึ้นนาทีหนึ่ง ดักลาสก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “คนหนุ่มสาวช่างมีความคิดสร้างสรรค์จริงๆ ลูเซียน แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาจะไม่ใช่งานง่ายๆ แต่คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกกลับมามีพลังอีกครั้ง”
“บางทีสิ่งที่เบิร์กเนอร์บอกอาจเป็นความจริง… นี่คือยุคสมัยแห่งวิวัฒนาการอันยิ่งใหญ่และการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ข้าอดทนรอที่จะทำตามความคิดนั้นไม่ไหวแล้ว!
ทันทีที่ดักลาสกล่าวจบ เขาก็เรียกประตูมิติออกมาและกลับเข้าไปในมิติพิเศษของเขาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ดวงตาสีแดงของเฟอร์นันโดกลับมาจดจ้องลูเซียนด้วยสายตาครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในตอนที่ลูเซียนเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เฟอร์นันโดก็เอ่ยขึ้นในที่สุด
“ข้าไม่คิดว่าข้อเสนอของเจ้าจะง่ายดายเพียงนั้น…”
“มันก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นขอรับ” ลูเซียนตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ในตอนที่เฟอร์นันโดกำลังจะถามคำถามเพิ่มเติม วงแหวนเวทบนโต๊ะเขาก็เปล่งแสง ก่อนที่เอกสารจะปรากฏขึ้น
หลังจากหยิบเอกสารขึ้นมากวาดตาอ่านเร็วๆ เฟอร์นันโดก็ยิ้มกริ่ม “เจ้านี่ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาเสียจริง ลูเซียน วันพรุ่งนี้ตอนเก้าโมง ที่ชั้นสิบห้า จะมีการประชุมเล็กเพื่อหารือเรื่องรายงานการวิจัยที่เจ้าให้ความเห็น เหอะ เหตุใดเจ้าจึงแตกต่างจากผู้อื่นเสมอเลยนะ”
ลูเซียนไม่ประหลาดใจสักนิด “แล้วท่านจะเข้าร่วมการประชุมหรือไม่ขอรับ อาจารย์”
เฟอร์นันโดถลึงตาใส่ลูเซียนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงถากถาง “ข้าต้องขอคิดให้รอบคอบก่อนว่าข้าควรเอาตัวเข้าไปยุ่งในเรื่องที่เจ้าให้การสนับสนุนหรือไม่ เพราะมันอาจอันตรายมาก… เดี๋ยวนะ โอ้ เป็นรายงานคณิตศาสตร์หรอกหรือ เช่นนั้นมันย่อมไม่ส่งผลอันใดต่อโลกแห่งปัญญา แต่ข้าก็ยังต้องอ่านเนื้อหาก่อนอยู่ดี
ลูเซียนพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าในหัวเฟอร์นันโดคิดอย่างไรกับลูกศิษย์ตนเองกันแน่
…
ภายในหอคอยสูงเสียดฟ้า นีชกากำลังจ้องมองเอกสารอย่างเงียบงัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็โยนเอกสารกลับไปบนโต๊ะและเอ่ยอย่างกราดเกรี้ยว “ลูเซียน อีวานส์ คิดอะไรอยู่กันแน่ นี่เขาจะสนับสนุนทุกอย่างที่ชวนตะลึงหรืออย่างไร เขารู้จักคำว่าตรรกะจริงๆ รึ! เขามองไม่เห็นโลกแห่งความเป็นจริงหรือไง!”