Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 468
บทที่ 468 นักปราชญ์ปริศนา
“นักปราชญ์จากอาณาจักรทางตะวันออกหรือ?” อัครเทพที่หนึ่งเจคอปมองฟรานซิสด้วยความสับสน
เจคอปไม่ได้ตั้งคำถามถึงพลังความสามารถหรือภูมิหลังของนักปราชญ์ผู้นี้ เนื่องจากเขาผ่านทั้งการทดสอบจากเทพอะวันโดและได้รับความเชื่อใจจาก ‘คราวน์’ แอล แต่เจคอปตั้งคำถามเพื่อให้เข้าใจแผนการของฟรานซิสได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้อย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้นำหลักของสภาภาวนาลับ
อัครทูตคนอื่นต่างก็มีความกังวลไม่ต่างกัน แม้แต่ลูเซียนก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
สถานการณ์ในโลกนี้ค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนที่อื่น พระเจ้าเทียมเท็จซึ่งรวมถึงพระเจ้าที่มีดวงจันทร์เป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตของตน มีมากมายเต็มไปหมด หาก ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ อัลเทอร์นา พระเจ้าเที่ยงแท้ลงมาเยือนโลกใบนี้ นางคงเป็นที่หมายปองของพวกที่มีเทวภาพไม่ต่างจากนาง นางอาจยึดอำนาจคืนจากพระองค์เทียมเท็จทั้งหลาย นอกจากนี้ อัลเทอร์นาก็ยังเป็นแวมไพร์บรรพชนต้นกำเนิดและสามารถควบคุมสายเลือดและเทวภาพ หรือสถานะความเป็นพระเจ้า ได้อีกด้วย
ความเข้าใจของสภาเวทมนตร์ต่อพลังเทพพัฒนาขึ้นอย่างมาก และคำอธิบายของลูเซียนส่วนใหญ่ก็หยิบยืมมาจากศาสนจักร เขาเข้าใจความหมายของคำว่า ‘อาณาเขต’ และ ‘เทวภาพ’ เพียงผิวเผินเท่านั้น และก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าทั้งสองคำนี้คืออะไรกันแน่
ในความคิดของเขา ลูเซียนคิดว่าหากไม่มีวิธีการอื่นในการตามหาพระเจ้าอัลเทอร์นา วิธีหนึ่งที่ระบุตำแหน่งของอัลเทอร์นาได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจเป็นการควบคุมและการติดตามดูพระเจ้าเทียมเท็จ ผู้มีหน้าที่สัมพันธ์กับดวงจันทร์เหมือนกัน
สำหรับฟรานซิส ลูเซียนก็สงสัยว่าเขามาจากคริสตจักรแห่งไหน เขาอาจมาจากศาสนจักรฝ่ายเหนือ ศาสนจักรฝ่ายใต้ หรือศาสนจักรของพระเจ้าเทียมเท็จทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาแห่งความมืด เขาก็อาจมาจากสภาเวทมนตร์หรือสภาแห่งความมืดก็เป็นได้… แต่ที่แน่ๆ คือเขาไม่ใช่พวกดรูอิดหรือเอลฟ์
คำกล่าวของแอลเกี่ยวกับแนวคิดศาสนาที่เจริญงอกงามไม่ได้ช่วยให้ระบุตัวตนของฟรานซิสง่ายขึ้น ลูเซียนก็อาจจับความรู้สึกคล้ายๆ กันกับพลังของตัวเขาเองได้ หากฟรานซิสมาจากหนึ่งในสามศาสนจักร การช่วยให้พระเจ้าเทียมเท็จปฏิวัติศาสนาก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความเชื่อของเขา อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาชิกและผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงจากศาสนจักร คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินไปที่จะปรับเปลี่ยนความเชื่อของตนเพื่อเรื่องสำคัญเช่นการค้นหา ‘เทพเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’
ขณะคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ ลูเซียนก็เพิ่มความระมัดระวังและเตรียมพร้อมมากขึ้น อุปกรณ์เวทมนตร์ส่วนใหญ่ของเขาเสียหาย และเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนาว และยังไม่รู้ว่าฟรานซิสมีพันธมิตรอยู่ในละแวกใกล้เคียงหรือไม่
แอลชี้ไปที่ฟรานซิสแล้วก็ยิ้มออกมา “ท่านฟรานซิสมาจากโอเอซิสในทะเลทรายตะวันออก เขาทำการศึกษาเชิงลึกว่าด้วยปรัชญา เทววิทยา และไสยเวท คืนหนึ่ง เขาเห็นดาวประกายแสงเจิดจรัสขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนกลับสู่ภาวะปกติ นั่นเป็นสัญลักษณ์การขึ้นสู่อำนาจของพระเจ้าพระบิดา ท่านฟรานซิสจึงเดินทางมายังเออร์โดเพื่อสักการะบูชาและสื่อสารกับพวกเรา”
โกหกทั้งเพ… ลูเซียนสบถเสียงแผ่วเบา ความสงสัยในตัวฟรานซิสเพิ่มขึ้นทุกนาที ปรากฏการณ์โหราศาสตร์ที่เขาอธิบายเป็นปรากฏการณ์ที่บอกถึงการล่มสลายของ ‘พระเจ้าองค์เก่า’ เพื่อให้พระเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการขึ้นสู่อำนาจของเทพอะวันโดเลย
เขาสร้างเรื่องขึ้นมาเฉยๆ หรือตั้งใจปั่นหัวเทพอะวันโดและแอลซึ่งไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์เลยสักนิด?
ฟรานซิสนั่งลงบนเก้าอี้เงินตัวหนึ่ง เขายังคงมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ก่อนจะมองไปยังเหล่าอัครทูตและพูดขึ้น “เทพเจ้าแห่งไฟและการทำลายผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้รับการบูชาจากชาวบาร์ริลอีกต่อไป ไม่เพียงเพราะวิธีการเทศนาที่มีปัญหา แต่พระองค์ก็ยังถูกเทพแอนทานาสปราบลงอีก ชาวบาร์ริลผู้เกรงกลัวเทพอะวันโดจึงคิดว่าเทพเจ้าแห่งไฟและการทำลายอ่อนแอกว่าที่พวกเขาคิด”
“นั่นเป็นเพราะเทพเจ้าองค์อื่นทรยศพระองค์!” อัครทูตที่สองพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด เขาไม่อยากยอมรับว่าเทพเจ้าแห่งไฟอะวันโดซึ่งมีพลังทำลายโลกได้ทั้งใบจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ฟรานซิสพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ “อย่างไรเสีย พระองค์ก็พ่ายแพ้ สำหรับเทพเจ้า ความพ่ายแพ้เลวร้ายยิ่งกว่าการวายชีวา ฉะนั้น ข้าขอเสนอให้เราลืมภาพของเทพอะวันโดในอดีต และเปิดใจรับวิธีการเทศนาวิธีใหม่ เราสามารถบอกได้ว่าด้วยเพลิงแห่งการทำลาย แอล พระผู้ช่วยให้รอด ถือกำเนิดแล้ว ความล้มเหลวของเทพอะวันโดที่ผ่านมาเป็นเพียงบททดสอบของผู้ศรัทธา ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบต้องสำนึกผิดอย่างมหันต์ เพื่อให้ได้รับการไถ่บาปจากแอล และเก็บเกี่ยวพืชผลจากผืนดินอันสมบูรณ์ หลังเพลิงมอดลง”
“นี่จะเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่ แอล เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป เขาจะค่อยๆ ซึมซับคุณสมบัติของเทพอะวันโดและรับเอาอาณาเขตของไฟและการทำลาย แล้วผู้ศรัทธาจะเข้าใจว่าแอลก็คือเทพอะวันโด และเทพอะวันโดก็คือแอล ทั้งสองจะสามารถขึ้นเป็นเทพเจ้าผู้ทรงพลานุภาพที่แท้จริง ก็ต่อเมื่อทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง”
“เรื่องใดก็ตามที่เกิดขึ้นในภายหลังก็สามารถอธิบายง่ายๆ ว่าเป็นการหนึ่งการทดสอบของเทพเจ้า”
อัครทูตหกคนรอบโต๊ะกลมต่างปิดปากเงียบ แผนของฟรานซิสสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม การตีตราว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นบททดสอบของเทพเจ้าฟังดูเหมือนเป็นการดูหมิ่นศาสนาเป็นเสียหน่อย
ในทางกลับกัน ลูเซียนสังเกตว่าฟรานซิสถ่ายทอดแนวคิดออกมาโดยไม่มีน้ำเสียงเหน็บแนม แต่เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้เสียมากกว่า ซึ่งยิ่งทำให้คำกล่าวของเขาดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ลูเซียนยิ่งฟังยิ่งเชื่อว่าฟรานซิสเป็น ‘แขกผู้มาเยือน’ จากโลกหลัก เขาสงสัยว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ หรือกำลังแสวงหาพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินเพื่อวัตถุประสงค์อื่นกันแน่
เหล่าอัครเทพก็ยังนิ่งเงียบ ฟรานซิสยืนขึ้น วางมือทาบอก และแสดงความเคารพแอล
“เรามนุษย์ไม่สามารถเข้าใจพระจิตของเทพเจ้าอย่างถ่องแท้ หากมีอะไรผิดพลาด นั่นหมายความว่าเรายังไม่เข้าใจพระองค์มากพอและประมาทเลินเล่อต่อบททดสอบของพระองค์”
“เทพเจ้าอยู่กับเราตั้งแต่เวลาเริ่มเดิน และจะคงอยู่กับเรานิจนิรันดร์ เทพเจ้าทรงมิได้ประสงค์ในการบูชา แต่ทว่า พวกเราต้องบูชาเทพเจ้าแห่งการไถ่บาป”
“พระองค์ทรงเป็นตัวแทนของสัจธรรม คุณธรรม การไถ่บาป และคุณงามความดีทั้งหลาย พระองค์เป็นเทพเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวที่ดูแลทุกสรรพสิ่ง!”
สีหน้าท่าทางของแอลดูค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงประโยคเหล่านี้ เปลวไฟในตาของเขาเต้นรุนแรงขึ้น หลักศาสนาฉบับปรับปรุงของฟรานซิสทำให้ ‘บัลลังก์เทพ’ ของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยกให้เขาขึ้นเป็นพระเจ้าเทียมเท็จผู้เดินอยู่ท่ามกลางมนุษย์ปุถุชนอย่างชัดเจน
“นี่เป็นคำอธิบายเรื่องเทววิทยาล่าสุดของศาสนจักรใช่ไหมขอรับ?” ลูเซียนถามออกมาเบาๆ
พระเจ้าแห่งสัจธรรมต้องการเข้าถึงความก้าวหน้าในอาร์คานาศาสตร์ขั้นสูงสุด เช่นเดียวกับจอมเวทที่ต้องการความรู้เรื่องเทววิทยา ทั้งสองฝ่ายต่างรู้จักพลังของศัตรูเป็นอย่างดี
นี่ยิ่งทำให้ลูเซียนประเมินตัวตนของฟรานซิสยากขึ้นไปอีก เทียบดูแล้ว โอกาสที่ฟรานซิสจะเป็นสมาชิกของพระเจ้าแห่งสัจธรรมมีน้อยมาก แม้ว่าพระสันตะปาปาก็อาจถูกกล่าวหาฐานดูหมิ่นศาสนาหากใช้หลักศาสนาพระเจ้าแห่งสัจธรรมกับพระเจ้าเทียมเท็จ หากไม่ได้มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอยู่
“พระเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดรับความศรัทธาของพวกเขาและให้อภัยในบาปของพวกเรา ช่วยเราจากโลกอันโสมมนี้ด้วยเถิด” เจคอป นักเทศน์ผู้มากประสบการณ์ที่สุดเป็นคนแรกที่ตระหนักได้ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรต่อ เขาเริ่มบูชาแอลในทันทีและรับเชื่อใน ‘เทพเจ้าแห่งไฟและการทำลาย’ ในนามของอัครทูตคนอื่น
แอลพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เทวภาพของข้าได้ส่งผ่านมาสู่ตัวข้าจากพระเจ้าพระบิดา แต่ก็ยังอ่อนกำลังอยู่ เราต้องทำสงครามกับพระเจ้าเทียมเท็จองค์อื่นที่มีอาณาเขตคล้ายๆ กันเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์อาซินรับภาระหน้าที่แห่งความเป็นอมตะ ความอุดมสมบูรณ์ และความสงบสุข และสัมพันธ์กับการฟื้นคืนชีพ ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป นางต้องเป็นเป้าหมายแรกของเรา”
แอลไม่ได้มองอาซินเป็นเทพเจ้าอีกต่อไป
“อาซินได้ทรยศต่อเทพอะวันโดผู้ยิ่งใหญ่ในสงครามกับเทพแอนทานาสผู้ชั่วร้าย นางเผยแพร่ศาสนาของนางในหุบเขาแม่น้ำโซลนา เทพเจ้าองค์อื่นที่หักพลังเทพอะวันโดต่างแย่งชิงศรัทธาของผู้คนที่มีอยู่จำกัดกับนาง แต่ด้วยความเกรงกลัวการล้างแค้นจากเทพอะวันโดผู้ยิ่งใหญ่ อาณาเขตเทพพวกนั้นคงยากที่จะหาพบ โอกาสในการชนะของเรา แม้จะมีเทพอะวันโดผู้ยิ่งใหญ่อยู่ข้างเราก็ยังน้อยมาก หากเราต้องสู้กับเทพเจ้าในอาณาเขตของพวกเขา” แอนฮิวซ์เดินทางออกไปเทศนาในโลกภายนอกบ่อยครั้งและคุ้นเคยกับสถานะของโลกเป็นอย่างดี
ความกระหายในความศรัทธาอันแรงกล้าของพวกเขาทำให้ลูเซียนครุ่นคิดถึงต้นกำเนิดของพลังเทพ ลูเซียนสงสัยว่าต้นกำเนิดของพลังเทพก็คือพลังแห่งศรัทธานั่นเอง หมายความว่าพลังจิตมีอยู่จริง หรือหมายความว่าพลังจิตเป็นรูปแบบพิเศษของพลังวิญญาณที่มีความถี่พิเศษ
ฟรานซิสยิ้ม “องครักษ์ของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์อาซินจะลดความระวังลง หากนางเผชิญหน้ากับแอลในฐานะเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป ระหว่างทางมาที่นี่ ข้ารู้มาว่าจะมีการโต้วาทีเทววิทยาเกิดขึ้นในหุบเขาแม่น้ำโซลนา ซึ่งอารามจะเต็มไปด้วยผู้ศรัทธาที่หลงเชื่อในคำโอ้อวดพลังของเทพเจ้าของพวกเขา ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบจะถูกเนรเทศจากหุบเขา นักบวชของเทพแอนทานาสผู้ชั่วร้ายก็อาจเข้าร่วมด้วย เขาพยายามทำให้คน ‘เปลี่ยนศาสนา’ จากพระเจ้าเท็จเทียมให้มานับถือสมาชิกวิหารแองโกนอร์มา”
“เราควรเข้าร่วมภายใต้ชื่อศาสนาใหม่ ระหว่างการโต้วาทีก็พยายามปั่นหัวอาซิน และลวงเขาออกมาเพื่อลอบสังหาร”
แอลพยักหน้า “ทำตามที่ท่านฟรานซิสบอก เมื่อเวลามาถึง ฟรานซิส เจคอป และข้าจะสังหารอาซินนอกอาณาเขตของเขาโดยง่าย”
“ท่านฟรานซิสด้วยหรือ?” เจคอปถามด้วยความประหลาดใจ
เขาเป็นผู้นำอัครทูตและได้รับ ‘เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ’ ที่มีพลังสูงสุดจากเทพอะวันโด ซึ่งเทียบเท่ากับพลังของอัครทูตคนอื่นทุกคนรวมพลังกัน พลังของเขาไม่มากไม่น้อยไปกว่าระดับหก อะไรทำให้ฟรานซิสมีค่าพอที่จะสู้เคียงข้างกับเขา?
ฟรานซิสยิ้ม “ข้าเคยได้รับการประสาทพรจากพระเจ้าเที่ยงแท้ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าสังหารไฮดราตัวหนึ่งที่มีพลังเทียบเท่ากับพระเท็จเทียม หลังจากได้อาบเลือดและกินหัวใจของมัน ข้าก็ได้รับพลังที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากสายเลือดเทพ”
อัศวินในสายเลือด? แม้ว่าจะเป็นคำโกหก ลูเซียนก็เข้าใจสิ่งที่ฟรานซิสพยายามอธิบายและคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็คงไม่ใช่สมาชิกของสภาเวทมนตร์
ไม่มีอัศวินที่สืบทอดทางสายเลือดในสภาเวทมนตร์
เจคอปตะลึงงันและหยุดตั้งคำถามในตัวฟรานซิสในทันที เขาหันไปทางอัครทูตคนอื่นๆ “เลเวียธาน ถึงเวลาที่เจ้าต้องรับใช้เทพเจ้า เนื่องจากเจ้าไม่เคยใกล้ชิดกับศาสนาอื่น เจ้าสามารถเป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปได้ แอนฮิวซ์จะไปช่วยเจ้า…”
“ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย คนที่ไม่มีทักษะแบบเจ้าคงยากที่จะชนะการอภิปรายและปั่นหัวอาซินได้” ฟรานซิสเอ่ยเสริม