Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 544
บทที่ 544 ไวโอลิน
หลังจากการสัมภาษณ์ โลวี่และผู้สอบสัมภาษณ์คนอื่นๆ ก็ออกจากห้องประชุมใหญ่พร้อมสีหน้าแปลกๆ ความรู้เกี่ยวกับอะตอมและกลเม็ดการควบคุมวงเวทที่ทุกคนต่างเตรียมการไว้ล่วงหน้ากลายเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ คำถามของท่านอีวานส์แปลกประหลาดเกินกว่าจะจินตนาการ พวกเขาต้องเปิดเผยแผนการในชีวิตจริงๆ หรือ? เรื่องนี้เกี่ยวกับการพัฒนาจากระดับหนึ่งเป็นระดับสอง จากระดับสองเป็นระดับสาม เป็นต้น ตรงไหน?
อย่างไรก็ตาม คำตอบง่ายๆ เช่นนั้นคงไม่อาจทำให้ท่านอีวานส์ประทับใจ ดังนั้น ผู้สอบสัมภาษณ์ทุกคนต่างเสริมเติมแต่งส่วนที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น อัลฟาเลียเล่าถึงเป้าหมายของนางในระบบความรู้ของนาง และเบลคก็นำเสนอแผนการหาทางกลับจากหมู่เกาะสุริยคติมายังนครอัลลิน หลายๆ คนก็ตั้งสถาบันอะตอมเป็นเป้าหมายในแผนการชีวิต
จังหวะที่เขาย้อนนึกถึงการแนะนำตัวเองก่อนหน้านี้ และตอนที่เขาเพิ่มเรื่องการตามหาความรักในแผนการชีวิตของเขา โลวี่รู้สึกว่าใบหน้าของเขาร้อนฉ่าและไม่กล้ามองหน้าเพื่อนร่วมสัมภาษณ์ โดยเกรงว่าเขาจะถูกเยาะเย้ย สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่น่าขายหน้าที่สุด
คนอื่นๆ ก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไร เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ผู้สอบสัมภาษณ์หลายคนต่างบอกเล่าถึงอดีตอันทุกข์ระทมโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน โดยหวังว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจ แต่ตอนนี้ที่การสัมภาษณ์จบลงแล้ว พวกเขาก็รู้สึกเสียใจที่ไม่อาจถอดเสื้อผ้าออกมาคลุมหัวตัวเอง
ร็อคพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนเบิกบาน “รอที่นี่สิบนาที เดี๋ยว ลูเซียนก็ตัดสินใจแล้ว”
การสัมภาษณ์แสนประหลาดนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องสนุกของเขา โดยเฉพาะเมื่อผู้สอบสัมภาษณ์เปิดเผยตัวตนออกมาอย่างไร้ประสบการณ์
เมื่อได้ยินคำพูดของร็อค โลวี่ก็ไม่รู้สึกละอายอีกต่อไป ขณะร็อคเดินเข้ามาในห้องประชุมใหญ่และปิดประตู หัวใจของพวกเขาก็เต้นเร็วขึ้นๆ และดังขึ้น
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ โลวี่รู้สึกว่าเขาต้องพูดอะไรสักอย่าง มิฉะนั้น เขาจะหมดสติลงเพราะความวิตกกังวล เขาอ้าปากถามออกมา “เอริก้า เจ้าคิดว่าท่านอีวานส์จะเลือกใคร?”
โลวี่ก็ตกใจ หลังจากพูดออกไป เขาไม่คิดว่าเสียงของตัวเองจะแห้งและแหบพร่าขนาดนี้
เอริก้าพูดตอบเสียงเบาๆ นางทำจมูกฟุดฟิด “ทุกอย่างเกินไปมาก เราแสดงสิ่งที่เรามีไปแล้ว”
ไม่ไกลกัน ขณะที่เบลคกำลังกังวล ในฐานะคนที่ก้าวขึ้นเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการบนหมู่เกาะอันโหดร้าย เขายังรักษาสีหน้าสุขุมเยือกเย็น เขาพูดกับอัลฟาเลียด้วยร้อยยิ้มแข็งทื่อ “ข้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสดี เจ้าตอบคำถามได้ดี”
อัลฟาเลียก็ตอบกับพร้อมรอยยิ้มกระอักกระอ่วน “หยุดพูดอย่างนี้เถอะ เจ้าจะทำให้ข้าหวังเกินไป ยิ่งหวังมาก ก็อาจจะยิ่งต้องเสียใจมาก”
นางพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็กำหมัดขึ้นเป็นบางที
ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนเงยหน้าขึ้นและมองท่านอีวานส์ทั้งด้วยความคาดหวังและความกระวนกระวาย
ลูเซียนยิ้ม “พวกเจ้าเก่งและต่างมีศักยภาพกันทุกคน อย่างไรก็ตาม สถาบันอะตอมต้องการผู้ช่วยเพียงสิบคนในตอนนี้ ฉะนั้น ข้าต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของเราด้วยความลำบากใจ ผู้เข้ารอบคนแรกคือท่านบัลเตอร์ลีย์”
ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นอาจารย์ของโลวี่ในสำนักเวทมนตร์โบกกำปั้นไปมาด้วยความตื่นเต้น แต่ในฐานะนักเวทระดับสอง เขาก็รักษามารยาทไว้
“ผู้เข้ารอบคนที่สอง อัลฟาเลีย” เสียงอันอบอุ่นของลูเซียนก็ลอยเข้ามาเข้าหูของอัลฟาเลีย
นางยังไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองลูเซียนด้วยความงุนงง ก่อนจะเห็นลูเซียนพยักหน้าให้นางพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากนั้น นางถึงรู้ตัวว่าได้รับเลือกจากสถาบันอะตอม ดวงตาสีฟ้าของนางก็มีน้ำตาคลอเบ้า
ความสำเร็จครั้งนี้ได้มาอย่างเป็นตรงไปตรงมา โดยไม่มีการจ่ายเงินสินบนและวัสดุสิ่งของ โดยไม่ได้จ่ายร่างกายและความรู้สึก แต่ได้มาด้วยความสามารถด้านเวทมนตร์และอาร์คานา!
สำหรับอัลฟาเลียซึ่งต้องออกจากอัลลินด้วยเหตุผลบางประการ นี่เป็นการตอบรับที่นางสมควรได้รับ นางซุกหน้าลงในฝ่ามือ ไม่แสดงให้ใครเห็นความอ่อนแอของนาง
เมื่อได้ยินการประกาศของท่านอีวานส์และมีเสียงร้องอุทานดังขึ้นโดยรอบ โลวี่ก็ยิ่งตื่นเต้นยิ่งขึ้น เขากลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ท่านเบลคผ่าน เอริก้าผ่าน และนักเวทฝึกหัดที่เขาเพิ่งรู้จักก่อนหน้านี้ก็ผ่าน แต่ทำไมเขาถึงไม่ถูกเลือก?
“ผู้เข้ารอบคนที่สิบ โลวี่”
โลวี่รู้สึกว่าเห็นดวงตาลอยอยู่ตรงหน้า จนเกือบจะสะดุดขาตัวเองล้ม ความปลื้มปิติและความตื่นเต้นอย่างรุนแรงระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ เขาเวียนหัวเหมือนจะเป็นลมและตาเปียกปอนด้วยน้ำตา
“อย่าเพิ่งเป็นลม ถ้าเจ้าป่วย ข้าจะขอตำแหน่งคืน” ลูเซียนพูดมุกตลกที่ไม่มีใครเข้าใจ
แต่ในสายตาของโลวี่ ประโยคนั้นเป็นเหมือนบทเพลงของเอลฟ์ เขารีบตอบในทันที “ไม่ ไม่ ท่านอีวานส์ ข้าแข็งแรงดี!”
ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของเขากลายเป็นเรื่องน่าเอ็นดูขึ้นมาในทันที
หลังจากให้เจอโรมตกลงกับผู้ช่วยสิบคน ลูเซียนก็เดินออกไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการ เขาตั้งใจจะตรวจสอบผลการสอบสวนของทอมป์สัน
“พวกเขาสารภาพแล้ว สองคนเป็นสายลับจากศาสนจักรฝ่ายใต้ คนหนึ่งเกี่ยวข้องกับศาสนจักรฝ่ายเหนือ และอีกคนถูกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์หลอกมา ทุกคนได้รับสัญญาว่าจะได้รางวัลอย่างงาม ถ้าสามารถแทรกซึมเข้ามาในสถาบันอะตอม และจะได้รับเงินตอบแทนต่อข่าวกรองทุกชิ้นที่ส่งเกี่ยวกับสถาบันอะตอมหรือเรื่องของเจ้าในภายหลัง” ทอมป์สันส่งเอกสารให้กับลูเซียนและถามด้วยความสับสน “ทำไมจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสนใจตัวเจ้า? ศาสนจักรเป็นแกนนำการจัดการกับนักเวทอย่างนั้นหรือ?”
ลูเซียนลูบคิ้วของเขา เขาทำลายแผนของรูดอล์ฟที่สองในมิติดินแดนใหม่ และเขาก็มีพัวพันกับดวงจันทร์สีเงินอย่างชัดเจน แล้วชายคนนั้นจะไม่สนใจเขาได้อย่างไร? แต่แน่นอน ความลับสุดยอดของสภาสูงสุดไม่ใช่เรื่องที่ทอมป์สันจำเป็นต้องรู้
ลูเซียนอ่านเอกสารดูผ่านๆ และตาของเขาก็ค้างอยู่อย่างนั้น ภาพของผู้พิทักษ์ราตรีที่ว่าจ้างไอแซคคุ้นตาเขามาก
“มินสค์… จูเลียนา…” ลูเซียนอ่านชื่อของทั้งสองออกมา
ลูเซียนรู้ว่ามีเรื่องบางอย่างต่างสงสัยเกี่ยวกับอะเมลตัน ตอนที่ไรน์ฉายภาพสะท้อนเข้าไปยังความฝันของคลาวน์ อดีตหัวหน้ากองผู้พิทักษ์ราตรีผู้วายชนม์ นอกจากนี้ เขายังไม่รู้ตัวตนและรูปร่างหน้าตาของผู้พิทักษ์ราตรีสองสามคนที่คอยเป็นมือเป็นไม้ให้กับคลาวน์
นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหา ลูเซียนเคยพบเล็นด์มาก่อน และไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะถูกย้ายมาพร้อมกับอะเมลตัน อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลจากไอแซค ผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองคนเคยกับเขามาก่อนเมื่อสามปีที่แล้ว โดยหวังว่าเขาจะเข้าถึงตัวลูเซียนได้ หรือพูดได้ว่าซาร์ดเตรียมแผนการมานานสามปี ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นพระคาร์ดินัลหลวงของสังฆมณฑลโฮล์ม
‘ไม่แปลกเลยที่เขาเก็บเรื่องนาตาชากับข้าเป็นความลับ แต่นี่เป็นแผนระยะยาว หรือเขามั่นใจมากว่าเขาจะได้ย้ายมาที่นี่?’ ลูเซียนรู้สึกสับสน แล้วเขาก็บอกกับทอมป์สัน “ตามดูผู้พิทักษ์ราตรีสองคนนี้ แต่อย่าเพิ่งกำจัดพวกมัน”
“แล้วให้โหราจารย์คอยแอบคุ้มครองครอบครัวของจอห์นด้วย อย่าให้พวกเขารู้ตัว และอย่ามีปัญหากับองครักษ์ที่นาตาชาให้มาประจำการ”
ผู้พิทักษ์ราตรีสองคนเกลียดเขาเข้าไส้ ลูเซียนกังวลว่าจะไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้
“ได้สิ” ทอมป์สันทำตัวสุภาพกับลูเซียนมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะการเปลี่ยนตำแหน่งเนื่องจาก ‘การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ แต่แค่การพัฒนาความสามารถเวทมนตร์ของเขาอย่างเดียวก็บอกได้ว่าเขาจะขึ้นเป็นนักเวทชั้นตำนานคนต่อไป
…
วันที่ 30 กรกฎาคม หลังรอดตายจากการลอบสังหารที่มีฝ่ายอนุรักษนิยมอยู่เบื้องหลัง พระราชินีแห่งพระราชวังเนคโซก็เดินทางมาถึงหอคอยเวทมนตร์แห่งโฮล์ม และประกาศว่านางจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำและฉลองวันครอบรอบวันเกิดกับผู้อาวุโสของราชวงศ์ที่นี่ และนางจะวางแผนจะเดินทางกลับพระราชวังเนคโซในวันรุ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าดยุกเจมส์และดยุกรัสเซลต้องเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟหลังจากการลอบสังหาร ฝ่ายขวาก็ไม่ได้คัดค้านแผนของราชินี
ครั้นราตรีมาเยือน นาตาชาซึ่งกำลังฉลองวันคล้ายวันเกิดอยู่กับสมาชิกราชวงศ์ในหอคอยเวทมนตร์ก็ขอตัวออกมาด้วยข้ออ้างว่านางจะไปพบแฮททาเวย์
นางยกกระโปรงยาวของนางขึ้นและรีบวิ่งห้อไปที่ห้องทำงานของลูเซียนเหมือนกับอัศวินกำลังเข้าประจัญบาน
นางกำลังจะเคาะประตู แต่แล้วประตูก็เปิดออกเอง ขณะเดียวกันนั้น เสียงเปียโนอันน่าอภิรมย์ก็ดังก้องอยู่ภายในห้อง ส่งเสียงแผ่ขยายออกไปอย่างงดงามและสดใส ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศโรแมนติกราวกับความฝันในทันที
นาตาชาเปิดประตูเงียบๆ และมองลูเซียนที่นิ้วของเขากำลังกระโดดเด้งไปมาอยู่บนเปียโน เขาสวมชุดแต่งกายอย่างเป็นทางการสีดำที่เขาใส่ตลอดสมัยอยู่ที่นครอัลโต้ ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนและตั้งใจ ดวงตาของเขาหันกลับไปมองที่นาง แล้วก็มองลึกเข้าไปจนเกือบเหมือนกับจะดึงวิญญาณออกมา
อีกด้านหนึ่ง ลูเซียนก็รู้สึกประหลาดใจ วันนี้ นาตาชาไม่ได้สวมชุดราตรีสีเข้ม หรือชุดและเกราะอัศวินเหมือนทุกครั้ง แต่กลับกัน นางอยู่ในชุดราตรียาวสีขาวประดับลูกไม้พื้นๆ ด้วยการมัดผมและหมวกปีกกว้างทำให้นางดูเหมือนเจ้าสาวที่โผล่พรวดเข้ามา และมีทั้งความบริสุทธิ์และความสดใสในเสน่ห์อันร้อนแรงของนาง
ห้องถูกจัดเหมือนเดิมกับคราวที่แล้ว ยกเว้นเพียงฟลูต ปี่โอโบ เชลโล เครื่องลมทองเหลือง ไวโอลิน และเครื่องดนตรีอื่นๆ รอบเปียโน ราวกับว่าวงออร์เคสตรามาเคยอยู่ตรงนั้น แต่แล้วก็จากไปในทันที ทิ้งเครื่องดนตรีไว้ข้างหลัง
นาตาชามองตาลูเซียนและฟังเสียงดนตรีที่ละเอียดอ่อน แล้วก็รู้สึกว่าความปั่นป่วนก่อนหน้านี้หายไปแล้ว นางเดินเข้าไปหาลูเซียนพร้อมกับรอยยิ้ม และก็หยุดอยู่ข้างโต๊ะขนาดเล็ก
นางรู้ว่านี่คือ ‘บทกวีแด่นาตาชา’ ท่อนบรรเลงเปียโนที่ลูเซียนเตรียมไว้ตั้งแต่ครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมัวแต่พลอดรักกันหลังจากต่างรู้ใจกันเมื่อครั้งก่อนจนลืมเรื่องนี้ไป ตอนที่ทั้งคู่คุยถึงเรื่องนี้ในภายหลัง ลูเซียนก็ขอเลื่อนการเล่นเปียโนมาจนถึงวันคล้ายวันเกิดของนาง
โน้ตดนตรีเติมเต็มห้องราวกับกระแสน้ำไหลหลั่ง ขึ้นและลงอย่างอ่อนโยนและปลอบประโลมจิตใจของนาง ท่วงทำนองและจังหวะแสนโรแมนติกสะท้อนอยู่ในดวงตาของทั้งสองคน
หลังจากลูเซียนบรรเลงจบเพลง นาตาชาปรบมือและกำลังจะเข้าไปกอดอัศวินของนาง
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนส่ายศีรษะพร้อมด้วยรอยยิ้ม บอกเป็นนัยว่ายังมีอีกเพลงหนึ่ง
“เพลงนี้เป็นของขวัญวันเกิดของเจ้า”
ลูเซียนหยิบฟลูตขึ้นมาบรรเลงจังหวะที่ต่างจากเพลงที่เคยเล่นมาในอดีต และเสียงเพลงฟังดูเหมือนเสียงนกร้อง
เมื่อเพลงบรรเลงฟลูตกำลังจะจบลง ปี่โอโบก็ลอยมาหาเขาและบรรเลงฉากฤดูใบไม้ผลิ
นาตาชามองลูเซียนด้วยความสับสน นี่เป็นรูปแบบดนตรีที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน ผลงานสร้างสรรค์ชิ้นใหม่ของเขาหรือ?
แล้วลูเซียนก็ถือไวโอลินอยู่ในมือ เขาจ้องมองนาตาชาและเล่นทำนองเพลงบทกวี
ขณะที่เสียงนุ่มนวลจากไวโอลินเข้าลอยเข้าถึงหูนาตาชา สภาวะจิตของนางก็ดูเหมือนถูกกระแทกด้วยอะไรบางอย่าง ดนตรีแสนงดงามและโรแมนติก และดูเหมือนบรรจุความเศร้าสร้อยที่เลอะเลือนซึ่งนำพามาซึ่งอารมณ์ร่วม
เพลงนี้ต่างจากดนตรีใดๆ ที่นาตาชาเคยรู้จักมาในอดีต แต่เป็นความไพเราะที่แสนประทับใจและกินใจที่ดูเหมือนลูเซียนกำลังบอกเล่าความรักในหัวใจของเขา
ดนตรีที่ดีที่สุดไม่มีรูปแบบแตกต่างกัน ขณะมองลูเซียนที่กำลังเล่นไวโอลินอย่างสง่างาม นาตาชาหลงเสน่ห์ท่วงทำนองนี้