Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 552
บทที่ 552 การโหมโรง
“สองคนนั้นหายไปได้อย่างไร?” ลูเซียนข่มใจให้เย็นลงและถามออกไป
ทอมป์สันเปิดดูรายงานในมือเพื่อหาคำยืนยัน และเสียงกระดาษถูกพลิกหน้าก็ดังเข้ามาในหูของลูเซียน “สองคนนี้มีนักเวทประจัญบานอาวุโส และนักเวทชั้นกลางอีกสองคนคอยติดตาม และพบว่าทั้งสองคนเข้าไปในโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งทางตะวันตกของเรนทาโต แต่ไม่ออกมาอีกเลย”
“นักเวทอาวุโสคนนั้นคิดว่าคงมีการประชุมลับของพวกนักบวชและผู้พิทักษ์ราตรีหัวรุนแรงของซาร์ด และไม่ได้คิดอะไรมาก แต่วันนี้ เขาก็ยังไม่เห็นจูเลียนาและมินสค์ เขาจึงสงสัยและปลอมตัวเป็นหนูเข้าไปในโบสถ์ แต่กลับไม่มีใครอยู่ข้างในเลย”
ที่นี่คือราชอาณาจักรโฮล์ม ซึ่งมีนักเวทมากกว่าคณะนักบวชหลายเท่า เพราะฉะนั้น ทอมป์สันจึงสามารถใช้นักเวทชั้นอาวุโสมาคอยสอดแนมได้
“หรือพวกเขารู้ตัวว่าถูกติดตามแล้วใช้โบสถ์เพื่อหลบหนี?” ลูเซียนคิดหาความเป็นไปได้อื่น
ทอมป์สันเคาะโต๊ะเบาๆ “ก็เป็นไปได้ แต่ไม่สูงมาก เพราะมีการสอดแนมแบบเดียวกันนี้เมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นทั้งสองคนไม่มีสัญญาณให้รู้เลยว่าจับความผิดปกติได้ นอกจากนี้ เมื่อวานทั้งสองก็ทำตัวปกติเหมือนก่อนหน้านี้”
“หรือพวกนักบวชและผู้พิทักษ์ราตรีถูกซาร์ดตัดหางปล่อยวัด?” ลูเซียนสันนิษฐานไกลออกไป
ทอมป์สันหัวเราะหึๆ แล้วตั้งใจพูดออกไปว่า “หากสองคนนั้นหายไปจริงๆ ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ไปยังสภาสูงสุด เพราะอาจบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับซาร์ดและเราต้องเปลี่ยนแผน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยืนยันได้ว่าสองคนนั้นหายตัวไป”
ลูเซียนลูบคิ้ว “เหลืออีกสิบสองวันจนกว่าจะถึงภารกิจ พยายามหาสองคนนั้นให้เจอและอย่าให้ซาร์ดรู้ตัว”
ทอมป์สันไม่ได้คัดค้านคำแนะนำหรือคำเตือนของลูเซียน ทุกคนในสภาเวทมนตร์ต่างกำลังคาดเดาว่าเมื่อไรกันที่เขาจะกลายเป็นมหาจอมเวทและเข้าร่วมสภาสูงสุด นอกจากนี้ การอนุมัติของเขามีอำนาจสูงกว่าคณะกรรมการกิจการแล้ว และมีอำนาจเทียบเท่ากับผู้วิเศษระดับเก้า เช่น ราเวนติ
“พวกคุณมีแรงค่อนข้างจะหนักแน่น แม้จะขี้โมโหก็ตาม ซาร์ด ในฐานะ ‘ศาสดาพยากรณ์’ ก็ใช้มนตร์สะกดพวกเขาได้ดี” ทอมป์สันอธิบายสั้นๆ ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการกิจการ ลูกศิษย์ของเจ้าแห่งวายุ และนักเวทชั้นอาวุโสซึ่งถูกทดสอบศรัทธา เขาได้ยินข่าวเรื่องความร่วมมือนี้ แต่ก็ไม่ดูรายละเอียดแผนมากนัก
ลูเซียนหมุนปากกาขนนกไปมา ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มินสค์กับจูเลียนาก็เป็นผู้พิทักษ์ราตรีที่เกลียดเขาเข้าไส้ ทั้งเพื่อ ‘ความเป็นธรรมสาธารณะ’ และความแค้นส่วนตัว พวกเขาจะใช้ทุกวิธี ดังนั้น เขาจึงขอให้ทอมป์สันเพิ่มกำลังคุ้มกันครอบครัวของโจเอล
หลังจากสนทนากันจบ ลูเซียนก็มองไปที่วารสารอาร์คานาที่วางอยู่ตรงหน้าและไม่อาจรวบรวมสมาธิแม้จะผ่านมานานเนื่องจากความวิตกกังวล การปฏิบัติการที่ใกล้เข้ามานี้มีแรงกดดันมากเกินไปสำหรับผู้ที่รับรู้ถึงแผนการ แม้เขาจะรักษาความสุขุมไว้ได้ดี แต่เขาก็ยังรู้สึกกังวลอยู่มากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับภยันตรายและความเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้ล่วงหน้า แน่นอนที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว และเขาต้องพิจารณาให้รอบคอบยิ่งขึ้น เขามีความรัก อาจารย์ ลูกศิษย์ สหาย และครอบครัว คงเป็นผลที่เสียหายร้ายแรง หากแผนของเขาล้มเหลว
“ข้าต้องเตือนอาจารย์แล้วบอกให้เขารู้แผน” ลูเซียนรู้ว่าทอมป์สันจะรายงานเรื่องนี้กับเฟอร์นันโด แต่เขาก็ตัดสินใจไปยัง ‘นรกสายฟ้า’ มิติพิเศษของเฟอร์นันโดด้วยตัวเอง
เขากำลังจะออกจากห้องทำงาน ขณะที่เชลีย์เคาะประตูและเข้ามา นางถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบายใจและไม่สู้ดีนัก “อาจารย์คะ พอมีเวลาไหมคะ?”
“มีเรื่องอะไร?” ลูเซียนถามกลับอย่างเป็นสุขุม
เชลีย์นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะของลูเซียนอย่างเหนียมอายและวางมือไขว้กัน “อาจารย์คะ ข้ามีคนรักชื่อฌากส์ ท่านน่าจะรู้จักเขาใช่ไหมคะ? ท่านเคยทำสัญญาไว้กับเขา”
“ข้ารู้จัก เขามาขอยาวิเศษปลุกพลังโลหิตที่นี่หรือ?” ลูเซียนพยักหน้า
เชลีย์ตอบพร้อมกับรอยยิ้มละอายใจ “เขามีความสามารถสูงและน่าจะพัฒนาเป็นอัศวินได้ด้วยตัวเอง แต่หลังจากทำสัญญาเวทมนตร์ เขาก็ไม่สามารถเพิ่มอำนาจจิตของตัวเองได้เลย ความพยายามของเขาไร้ค่า หลังฝึกมาหลายปี เขาจึงคิดจะใช้สัญญาฉบับนี้เป็นที่พึ่งสุดท้าย”
“หากเขาใช้สัญญา เขาจะไม่มีทางหวนกลับหรือมีความหวังอีกต่อไป” หลังจากมีความรักเกิดขึ้นในชีวิต ลูเซียนก็ค่อนข้างสงสารเชลีย์กับคนรักของนาง
เชลีย์หน้าแดงระเรื่อและตอบว่า “ข้าจึงอยากขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ ข้าเก็บคะแนนอาร์คานาได้เยอะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่านพ่อก็ยังยกเหรียญทองล่าสมบัติมากมายให้ข้า บวกกับสมบัติที่ฌากส์หามาได้จากภารกิจทหารรับจ้าง เราน่าจะมีสมบัติพอที่จะซื้อ ‘โลหิตต้นกำเนิด’ ของแวมไพร์อาวุโส แต่ตัวข้าเองไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ”
“สบายมาก แล้วอีกอย่างเราก็เคยทำสัญญาเป็นกัน ข้าจะซื้อให้เจ้า หลังจากข้ากลับมา” ลูเซียนพูดด้วยความอ่อนโยน
เชลีย์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก นางสุภาพและทรนงเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือ แม้ว่าเรื่องนี้จะอยู่ในหัวของนางมานานแล้วก็ตาม ตอนนี้นางได้รับคำตอบที่น่าพอใจ หลังจากรวบรวมความกล้ามาขอความช่วยเหลือ นางอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ “ขอบคุณมากๆ ค่ะอาจารย์”
ลูเซียนยิ้ม “นี่เขาจะทำพิธีด้วยตัวเองหลังจากซื้อน้ำยาต้นกำเนิดโลหิตอย่างนั้นหรือ จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่เลวทีเดียว เขาหาเงินจากภารกิจทหารรับจ้างโดยไม่หวังพึ่งพาแต่เจ้า”
“พิธีไม่ซับซ้อน ข้าไม่อยากรบกวนท่านมากค่ะ อาจารย์ ข้าจะไปที่สำนักงานเขตภารกิจให้ออกภารกิจและเชิญนักเวทจากสำนักศาสตร์มืดมาทำพิธี” ขณะเอ่ยถึงฌากส์ เธอยิ้มออกมาอย่างเป็นสุขและอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว “เขาเคยเป็นอัศวินที่ติดหรู แต่ตอนนี้เขาพึ่งพาได้มากขึ้นแล้ว”
ตั้งแต่นางเข้ามาศึกษาภายใต้การชี้นำของลูเซียน นางก็ได้คบค้าสมาคมกับสุภาพบุรุษที่โดดเด่นที่สุด นางจึงมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับฌากส์คนเก่า แต่โชคดีที่เขาเปลี่ยนไปมาก จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังอยู่รอดมาถึงปัจจุบัน
ลูเซียนไม่ได้พูดอะไร ตอนที่เชลีย์เริ่มชื่นชมและบ่นถึงฌากส์ “ภารกิจทหารรับจ้างครั้งสุดท้ายที่เขารับค่อนข้างอันตราย เป็นคดีการสืบสวนลัทธิๆ หนึ่ง เขายังไม่ได้ปลุกพลังโลหิตและเกือบตายในนั้น”
“ลัทธิ?” ลูเซียนค่อนข้างอ่อนไหวกับคำนี้
เชลีย์พยักหน้า “แม้ว่าจะเป็นลัทธิ แต่ลึกๆ ก็เกี่ยวข้องกับศาสนจักร เป็นองค์กรที่พวกนักบวชหัวรุนแรงระดับล่างก่อตั้งกันเอง ดูเหมือนพวกเขาจะบูชาราชาทูตสวรรค์และเปลี่ยนจากลัทธิคำสอนที่ศรัทธาเพียงพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว”
หลังจากใช้ชีวิตในโลกแห่งเวทมนตร์มาหลายปี ความศรัทธาของนางเกือบจะสลายไปหมดแล้ว แต่นางก็ยังติดปากเรียกว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า’
ลูเซียนขมวดคิ้วอีกครั้ง “ราชาทูตสวรรค์…” ซาร์ดต้องการอะไร? หรือเขากำลังคิดจะข้ามช่องแคบสตอร์มและรวบรวมความศรัทธาของศาสนจักรในภายหลัง?
เมื่อได้ฟังเชลีย์เล่าเรื่องราวทั้งหมด ลูเซียนก็คิดอยู่คู่หนึ่งก่อนตอบว่า “เนื่องจากศาสนจักรและสภาจะค่อยๆ ควบคุมอาณานิคมในมิติดินแดนใหม่ โฮล์มจะยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ เจ้าควรเตือนให้พ่อของเจ้าเตรียมพร้อม เผื่อเกิดสงครามเต็มรูปแบบ”
“ค่ะ ท่านพ่อเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ครอบครัวของเราทำข้อตกลงกับสภา” เชลีย์ไม่ได้คิดมาก
หลังจากเห็นเชลีย์ออกไป ลูเซียนก็มุ่งหน้าไปยังชั้นที่สามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน โดยวางแผนจะเข้าไปยัง ‘นรกสายฟ้า’ ผ่านทางวงเวทการส่งผ่านกำหนดไว้ แต่ก็พบว่าอาจารย์ของเขาอยู่ในห้องสมุด
“เจ้ามาสินะ” ดูเหมือนเฟอร์นันโดรู้ล่วงหน้าว่าลูเซียนจะมาหา
ลูเซียนพยักหน้า “ข้ารู้ข่าวเหตุผิดปกติบางอย่างมาจากทอมป์สัน”
“เขาบอกเขาแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่มีข่าวคราวเรื่องอื่น” แผนที่ของนครเรนทาโตวางอยู่ตรงหน้าเฟอร์นันโด “แผนที่นี้ระบุตำแหน่งพวกหัวรุนแรงที่ถูกตัดหางปล่อยวัด และเขตที่พวกขุนนางต่างๆ อาศัยอยู่ และวงพลังอาคมเทพบางส่วนในเรนทาโต”
แผนที่นี้เป็นแผนที่ลับที่ได้มาจากแฮททาเวย์
ลูเซียนเดินเข้าไปหาอาจารย์และสังเกตแผนที่ เขาพบว่าพวกหัวรุนแรงถูกซาร์ดตัดหางปล่อยวัดแล้วจริงๆ จากฝั่งตะวันตก ยิ่งตำแหน่งใกล้กับคริสตจักรแห่งอาภาทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ และปราสาทเนคโซทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ยิ่งมีนักบวชและผู้พิทักษ์มาตีหัวรุนแรงอยู่น้อยลง ในเขตที่คริสตจักรแห่งอาภาตั้งอยู่ ก็ยังไม่มีกลุ่มหัวรุนแรงอยู่เลย แม้แต่กองอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ของสโตนก็ถูกย้ายไปยังอารามหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่าทั้งหมดถูกเตรียมการให้สภาแห่งเวทมนตร์ลงมือได้สะดวก
“เหมือนมีบางอย่างผิดปกติขอรับ” ลูเซียนดูที่แผนที่แล้วพูดขึ้น แต่เขาก็ไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าสิ่งนั่นคืออะไร แม้แต่เวทโหราศาสตร์ก็ไม่อาจให้คำตอบได้
เฟอร์นันโดขมวดคิ้ว “มันราบรื่นเกินไปจนน่าเป็นห่วง ลูเซียน ฮัล-ชูเลียรับผิดชอบสังฆมณฑลตามแนวชายฝั่งตอนเหนือ เอริก้าจะเข้าควบคุมราชรัฐคาเลส์ วิเซนเตจะไปที่อาณาจักรโคเล็ตต์ และบรูคจะจัดการสังฆมณฑลบริแอนน์ ซึ่งไม่ร่วมมือกับซาร์ด ด้วยตัวเองด้วยความร่วมมือจากโฮลต์
ฮัล-ชูเลีย เป็น ‘ราชาแห่งชะตากรรม’ นักเวทชั้นตำนานอีกคนที่สังกัด ‘กระท่อมแห่งพาล์เมรา’ เขาควบคุมดินแดนทางตอนเหนือ เอริก้าก็คือ ‘ปรมาจารย์แห่งการแปลงกาย’ และนักประวัติศาสตร์ในกลุ่ม ‘ตระกูลนักเวท’ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ราชรัฐคาเลส์ และมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับขุนนางท้องถิ่น ดังนั้น นางจึงเป็นผู้นำการโจมตีที่เหมาะที่สุด ด้วยตรรกะเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองเห็นความใกล้ชิดของอาณาจักรโคเล็ตต์กับกลุ่ม ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ข้อเท็จจริงที่ว่ารางวัลบัลลังก์นิรันดรมีทั้งสองเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
สหพันธ์บทเพลงจันทรามีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ราชอาณาจักรบริแอนน์ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา หากบรูคจะลงมือด้วยตัวเองด้วยความร่วมมือจากเชลซี โฮลต์ ‘ปราชญ์แห่งจันทรา’
“เราต้องเนรเทศพวกนักบวชและควบคุมสังฆมณฑลให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้ขุนนางในประเทศต่างๆ เลิกลังเลอีกต่อไป มิฉะนั้น สถานการณ์จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะอัศวินชั้นตำนานและพระคาร์ดินัลหลวง” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เฟอร์นันโดพยักหน้า “ความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในแผนของเรา แฮททาเวย์กับข้าจะดูแลสังฆมณฑลโฮล์ม ดักลาสควบคุมการรบจากฝั่งอัลลิน และมหาจอมเวทและนักเวทชั้นตำนานคนอื่นๆ จะพร้อมเข้าร่วมทุกสนามรบตลอดเวลาในฐานะกำลังเสริม”
“ในตอนนั้น เจ้าจะไม่อยู่ในอัลลิน ข้าจะส่งเจ้าไปใกล้ๆ กับปราสาทเนคโซ เป็นจุดสมดุลของพลังเขตอาคมเทพต่างๆ แล้วจะเปิดจากจุดนี้ง่ายมาก หากสถานการณ์อันตรายมาก เจ้าจะพานาตาชาหนีไปโดยอาศัยความวุ่นวาย ขณะที่อัลลินปลอดภัย อัลลินจะกลายเป็นเป้าหมายหลักของศัตรู หากแผนที่พลาด เจ้าเป็นอาวุธลับของเรา และปราสาทเนคโซก็มีดาบแห่งสัจธรรม การสะกดรอยตามเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเจ้าลงมือคนเดียว เราสามารถซ่อนตัวในมหาสมุทรลึก เมื่อเจ้ากลายเป็นนักเวทชั้นตำนาน เจ้าจะเป็นเปลวไฟที่จุดไฟของสภา”
“นี่คือคัมภีร์ ‘ท่องราตรี’ ที่ข้าขอมาจากสตานิส… เขามีเส้นสายอยู่ในสภาแห่งความมืดรายได้คัมภีร์นี้มาจากเจ้าชายแวมไพร์ตนหนึ่ง ที่ช่วยให้เจ้าทลายขอบเขตและอุปสรรคอวกาศ”
ขณะฟังแผนของอาจารย์เกี่ยวกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ลูเซียนก็รู้สึกว่าอากาศรอบตัวเขาหดหู่ขึ้นมา
………………………………………………………………………..