Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 569-3 เจตนาร้าย (3)
ณ เมืองไฮด์เลอร์ ถ้วยไวน์ในมือของเฟลิเปถูกเขาบีบแตกออกเป็นเสี่ยง เสียงครวญครางของเหล่าวิญญาณที่แผดร้องอยู่ตลอดก็ดังสะท้อนอยู่ภายนอกห้อง ราวกับพวกภูตผีสูญเสียการควบคุม เพราะภาวะตะลึงงันของเจ้านายของพวกมัน
วู้!
ในเสียงร้องที่โหยหวนและน่าสะพรึงกลัวของพวกมัน รอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองก็ปรากฏบนหน้าอันซีดเผือดและซีดเซียวของเฟลิเป “ผู้ก่อตั้งและผู้พัฒนาทฤษฎีอาร์คานาและผู้นำทางจิตวิญญาณของสภาเวทมนตร์กลับประกาศทฤษฎีอาร์คานาของเขาผิดพลาด และเขาเชื่อในพระเจ้าที่ควบคุมทุกสรรพสิ่ง ถ้านี่เป็นเรื่องจริง และถ้านี่พิสูจน์แล้ว ถ้าคิดว่าคงมีหัวของใครระเบิดกันบ้างล่ะ ถึงแม้ถ้าหัวไม่ระเบิด ความเชื่อมั่นต่อความก้าวหน้าในอนาคตจะหยุดชะงักแน่นอน บางที คงไม่มีใครพัฒนาขึ้นเป็นชั้นตำนานไปอีกนาน แล้วก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีพลังชั้นตำนานจะพัฒนาตัวเอง”
ข้าก็อาจเป็นหนึ่งในเหยื่อพวกนี้…
วู้!
ผี ผีดิบ และมัมมี่ต่างกรีดร้องอย่างสิ้นหวังและเจ็บปวด
…
“หากท่านสงสัยว่าบันทึกเสียงนี้เป็นของปลอมหรือไม่ ท่านนักเวท ท่านสามารถตรวจสอบได้ด้วยการพยากรณ์และโหราศาสตร์ของท่านตามสบาย”
ลูเซียนเดินขมวดคิ้วออกมาจากห้องทำงานและไปถึงเขตแรกของชั้นที่สามสิบเอ็ดซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุสกาย เขาต้องยืนยันสถานการณ์ก่อนที่จะตามไปสมทบกับอาจารย์ มิฉะนั้น เขาจะไม่สามารถประเมินผลกระทบจากบทสนทนานี้ต่อจอมเวทส่วนใหญ่ได้
หลังจากเปิดประตูห้องออกอากาศ ‘ความจริงของโลก’ เข้าไปลูเซียนก็เห็นซาแมนธากำลังขยุ้มผมตัวเองอย่างเคร่งเครียดและพูดผมทำอยู่คนเดียว “แรงโน้มถ่วงคืออะไร? มันถูกสร้างขึ้นมาในตอนแรกอย่างไร…”
เขามองไปรอบๆ และก็ยิ่งได้ยินเสียงของความสับสนมากยิ่งขึ้น
“หรือนี้หมายความว่าพระเจ้าประทานทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นจริงๆ…”
“ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงต้องอาศัยพระเจ้า…”
“แรงโน้มถ่วงคืออะไร? ลักษณะของแรมโน้มถ่วงคืออะไร…”
“แรงโน้มถ่วงไม่สามารถเข้าใจได้โดยตรง แล้วมันกระจายตัวอย่างไร…”
จอมเวทจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าตะโกนขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งเอ่อล้นและหลงทาง “ไม่ต้องตกใจ ทุกคน นี่น่าจะเป็นบันทึกเสียงที่ศาสนจักรปลอมขึ้น! ท่านประธานดักลาสจะอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้!”
ใช่ ถึงแม้ท่านประธานจะพูดแบบนั้นจริงๆ เราก็ต้องทำให้เข้าใจว่าว่านี่เป็นการกล่าวร้ายหรือคำโกหกจากศาสนจักร! นี่เป็นตัวเลือกเดียวที่อยู่ในหัวของลูเซียน
“ใช่ เราจะสัมภาษณ์ท่านประธานในวันพรุ่งนี้และขอให้เขาอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน” ซาแมนธากลับมาเป็นตัวเองอย่างปุบปับ ปฏิเสธจะเชื่อในสิ่งที่นางพึ่งได้ยิน “ลูเซียน ท่านมาแล้วหรือ? มีข่าวอะไรไหม?”
“นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง ข้าจะไปหาท่านหญิงเฮลเลนและแวะไปหาท่านประธาน” ลูเซียนประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวและช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของทุกคนลง
การเป็นคนที่มาจากโลกอื่นอย่างเขา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับลูเซียนที่จะยอมรับในพระเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แต่ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นบนปรากฏการณ์และการทดลองที่ทำซ้ำได้ สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
ท่ามกลางบรรยากาศของความหดหู่ ความเศร้า ความโกลาหล และความสับสน ลูเซียนรีบออกจากสถานีวิทยุสกายแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดของ ‘แม่มดแห่งแดนน้ำแข็ง’ บนชั้นที่สามสิบสาม
จังหวะที่เขาไปถึงประตู ลูเซียนก็ได้ยินเสียงอาจารย์ของเขาคำราม “เบิร์กเนอร์ เจ้ากำลังบอกข้าว่านี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าคำพยากรณ์ของเจ้าจะไม่เคยผิด! ข้าจะไปหาดักลาสแล้วถามเขาด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่ลมพายุที่น่าสะพรึงกลัวกระทบหน้าของเขา ลูเซียนก็เห็นว่าอาจารย์ของเขากำลังออกฤทธิ์อาละวาดเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีเรื่องอื่นที่ลูเซียนจะต้องกังวลอีกต่อไป เขาถึงถามออกไปอย่างจริงจัง “อาจารย์ขอรับ ท่านศาสดาพยากรณ์บอกว่าบทสนทนานี้เป็นของจริงใช่ไหม? โป๊บเข้าไปในมิติแดนสัจธรรมจริงๆ หรือขอรับ? แล้วท่านประธานอยู่ที่ไหน?”
เฟอร์นันโดระงับความโกรธไว้และข่มเสียงตอบออกไป “เบิร์กเนอร์บอกว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีใครขัดขวางร่องรอยชะตานี้ เขาจึงบอกได้ง่ายๆ เลยว่าบทสนทนานี้เป็นเรื่องจริง สำหรับดักลาส…” เขามองเฮลเลนที่ยังคงงดงามดั่งเทพีน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนท่าทางกำลังกระวนกระวาย นางพยายามจะเปิดประตูมิติด้วยความกังวลและหัวเสีย “มิติพิเศษถูกปิดกั้น ยังบอกไม่ได้ว่าเขาปิดเองหรือเป็นการกระทำของโป๊ป…”
ยิ่งเขาพูดมาก ก็ยิ่งยากที่เขาจะอดกลั้นความรู้สึกอยากคำราม ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเปิดประตูมิติพิเศษของดักลาสและหาตัวเขาให้เจอ! ทุกสิ่งยังคงเป็นเรื่องง่ายดาย ตราบใดที่เขาไม่ได้สวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าแห่งสัจธรรมจริงๆ!
เฟอร์นันโดค่อนข้างมั่นใจว่าเขารู้จักสหายคนนี้ดีมาหลายปี ฉะนั้น เขาจึงไม่หลงทางและสับสนเหมือนเฮลเลน
“จริงหรือ?” ข้ารู้สึกว่าความรู้ของเขากำลังสับสน ท่านประธานเป็นผู้อาวุโสที่ชาญฉลาดและโอบอ้อมอารีในใจของเขาเสมอ จู่ๆ เขาจะละทิ้งทฤษฎีอาร์คานาได้อย่างไร?
เมื่อคิดพิจารณาอย่างรวดเร็วแล้ว ลูเซียนก็มีความคิดผุดขึ้นมาสองประการ “อาจารย์ขอรับ ลองขอให้ศาสดาพยากรณ์ทดสอบอีกครั้ง! นี่อาจเป็นเพียงความจริงบางส่วน บางครั้ง ความจริงบางส่วนกลับตรงกันข้ามกับความจริงทั้งหมด!”
ความจริง ความจริงสมบูรณ์ และความจริงแท้ นี่คือองค์ประกอบของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
การปกปิดความจริงบางส่วนเพื่อควบคุมข้อเท็จจริงเป็นกลวิธีที่คนบนโลกเดิมของลูเซียนถนัดนัก ลูเซียนคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีและคิดถึงความเป็นไปได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าดักลาสไม่ได้อธิบายด้วยตัวเอง จะมีคนอีกมากที่ยังมีข้อสงสัย” เฟอร์นันโดติดต่อเบิร์กเนอร์อีกครั้ง และไม่ทันได้สังเกตว่าลูเซียนออกจากห้องไปแล้วเงียบๆ
…
นครอัลลินปรากฏขึ้นมาลางๆ บนท้องฟ้าเรากับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่มหึมา ไกลออกไปจากตัวเมือง เงาสีดำร่างหนึ่งกำลังจ้องมองดูพร้อมกับรอยยิ้ม หากเขาเข้าไปใกล้กว่านี้ เขาอาจถูกมหาจอมเวทที่ทำหน้าที่ดูแลเมืองอยู่จับได้ผ่านหมอกหนา
“พระคุณเจ้า ดูเหมือนกระหม่อมจะได้กลิ่นไอความหดหู่และความสับสนแผ่ออกมาจากอัลลิน หลังความเชื่อมั่นของพวกมันล่มสลาย” ผู้พูดเป็นชายชราร่างสูงผมหงอกขาวซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ ‘เจ้าแห่งเวลา’ คริโทเนีย เขาสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของจอมเวททั่วไปภายในอัลลินและเรนทาโตด้วยความสามารถพิเศษของเขา “แผนของพระองค์ได้ผลดีเยี่ยม บางที สภาเวทมนตร์อาจล่มสลายโดยไม่ต้องทำสงคราม กระหม่อมเกรงว่าพวกมันจะไม่อาจแสดงความหวังและความโอหังที่เคยมีมายาวนาน นี่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่ออุดมการณ์ของพวกมัน”
ด้านซ้ายมือของเขา มีชายร่างเล็กที่เปลี่ยนร่างไม่หยุดยืนอยู่ข้างๆ ในร่างชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นศูนย์รวมพลังจิตของผู้คน เบเนดิกต์ที่สามตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “อันที่จริง คนที่ดีที่สุดก็คือดักลาสกลายเป็นนักบุญในศาสนจักร หากเป็นเช่นนั้น สถาเวทมนตร์จะเกิดความแตกแยกและกระจัดกระจายออกไป หากไม่ได้ล่มสลายในทันที มนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก ทันทีที่ความเชื่อมั่นสูญสิ้น มนุษย์จะรู้สึกว่ากำลังมาถึงวันสิ้นโลก เมื่อถึงตอนนั้น นักเวทมากมายนับไม่ถ้วนจะพิจารณาเส้นทางใหม่”
“น่าเสียดายที่ดักลาสยโสเกินไป”
“แต่กลับกลายเป็นดี บางที นักเวทชั้นตำนานสองสามคนที่สร้างโลกแห่งปัญญาจากทฤษฎีแรงโน้มถ่วงอาจจะไม่มีหัวแล้วก็ได้” คริโทเนียหัวเราะคิกคัก
เบเนดิกต์ที่สามพูดจาโดยไม่มีความโอหังแม้แต่น้อย “นักเวทชั้นตำนานคงไม่โง่ขนาดนั้น พวกเขาจะไม่เชื่อโดยไม่มีหลักฐาน จนกว่าจะได้ถามจากปากของดักลาสเอง แม้ข้าจะหลอกล่อให้พวกทดสอบความจริงของบทสนทนา แทนความสมบูรณ์ พวกเขาก็จะสงวนสติสัมปชัญญะสุดท้ายไว้ ผลที่เลวร้ายที่สุดก็คือพวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบอาร์คานา ซึ่งทำให้การพัฒนาต่อในอนาคตเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง”
“แต่ดักลาสจะหายตัวไปสองวัน เขาจะพลิกสถานการณ์ได้ไหม?” คริโทเนียกำลังวางแผนลอบเข้าไปในอัลลิน เมื่อเกิดความโกลาหลเพื่อบ่อนทำลายให้สถานการณ์เลวร้ายลงและสังหารผู้มีพรสวรรค์บางคนของสภาเวทมนตร์อย่างเช่นลูเซียน อีวานส์
เบเนดิกต์ที่สามยิ้มอย่างสงบ “เหมือนที่ข้าบอก มนุษย์มีความแปลกประหลาด หากเขามาอธิบายสองวันให้หลัง ความสงสัยของจอมเวทส่วนใหญ่จะฝังลึกเข้าไปในกระดูก และพวกเขาก็จะสงสัยในคำอธิบายที่มาช้าเกินเหตุ พวกเขาจะไม่เชื่อและจะมองว่าเหตุผลนั้นเป็นข้ออ้าง”
“พระคุณเจ้า ดูเหมือนว่าพระองค์มีความช่ำชองในการทำความเข้าใจผู้คน” คริโทเนียกล่าวสรรเสริญเขา
เบเนดิกต์ที่สามยิ้ม “นี่ก็เป็นชะตาชีวิตของพวกเขา ก่อนที่ดาวเคราะห์จะถูกค้นพบ ความสงสัยเรื่องแรงโน้มถ่วงของดักลาสและแนวโน้มที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าคงไม่อาจสร้างผลกระทบใหญ่โตขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม แผนดาวเคราะห์จำลองที่ลูเซียน อีวานส์ เสนอสามารถทำให้จอมเวททุกคนเชื่อในทฤษฎีแรงโน้มถ่วงได้ ฮ่าๆ บางทีเขาอาจเป็น ‘ผู้นำทางแห่งรุ่งอรุณ’ จริงๆ ก็ได้”
…
เบลคไม่รู้ตัวเองตอนเขาล้มลงบนโซฟา ดวงตาของเขาเหมือนลอย สีหน้าของเขาสับสน เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงอื้ออึงในหู ท่านประธานทำแบบนั้นได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกับระบบอาร์คานา?
ในตอนนั้นเอง เขาทำได้เพียงคนๆ เดียว ชายผู้ที่มักสร้างความยุ่งเหยิงต่อความเข้าใจในอดีตและผู้ที่เพิ่งปรับเปลี่ยนระบบการเคลื่อนที่ เขาจะได้ยินสิ่งที่ท่านประธานพูดไหม? แล้วเขาจะตอบเรื่องนี้อย่างไร?
ณ ชั้นที่สามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน เสียงของเฟอร์นันโดดังสนั่นไปทั่ว “มีบางส่วนถูกปิดบังไว้จริงๆ?”
“อะไรกัน? เจ้าบอกไม่ได้ว่าส่วนที่ถูกปิดบังคืออะไร? แล้วข้าจะมีศาสดาพยากรณ์ไว้ทำไม?”
เขารู้ว่าเขาโหดร้ายกับเบิร์กเนอร์เกินไป เพราะเรื่องนี้เป็นฝีมือของโป๊บ ซึ่งเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ อย่างไรก็ตาม เขาก็อารมณ์ฉุนเฉียวเสมอเมื่อถูกปลุกเร้า
“แม้เราจะเจอเนื้อหาส่วนที่ซ่อนอยู่ แล้วจะอย่างไรต่อ? ความสงสัยของท่านประธานต่อแรงโน้มถ่วงไม่ใช่เรื่องหลอกลวง… คำถามพวกนั้นไม่มีคำตอบ…” เฮลเลนยังไม่ละความพยายามที่จะเข้าสู่แดนสัจธรรม เมื่อได้ยินเฟอร์นันโดพูด นางกำแพงความเห็นออกมาอย่างหัวเสีย
เฟอร์นันโดอดกลั้นความรู้สึกอยากคำรามใส่นางไว้ และเดินเข้าไปช่วยนาง ทันใดนั้น เฟอร์นันโดก็มองไปรอบๆ ด้วยความสับสน “ลูเซียนไปไหน?”
…
หลังจากเขากลับมาถึงห้องทำงานของตัวเองในสถาบันอะตอม ลูเซียนก็ถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงความสับสนของท่านหญิงเฮลเลน และคำถามของจอมเวทอีกหลายคนในสถานีวิทยุสกายเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง เขาคัดลอกงานของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากห้องสมุดห้วงจิต รวมถึงต้นฉบับของ ‘เรขาคณิตอีวานส์’ และการวิเคราะห์เทนเซอร์จากเรขาคณิต แล้วเขาก็รวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ข้าไม่สามารถร่วมรบในศึกชั้นตำนานได้ แต่ข้าพร้อมลุยเสมอ หากเป็นเรื่องอาร์คานา!
ลูเซียนหยิบปากกาขึ้นมา แล้วหลับตาลงค้นหางานของเขาเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงเอกสารในห้องสมุดห้วงจิตที่เปิดผนึกออกแล้ว ขณะที่แนวคิดก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในหัวของเขา ปากกาขนนกก็จะจรดลงบนกระดาษเริ่มเขียนชื่อเรื่อง
‘การตีความเชิงสัมพัทธนิยมและคำอธิบายเชิงเรขาคณิตของแรงโน้มถ่วง และระบบสัมพัทธภาพภายใต้กรอบอ้างอิงที่ขยายความครอบคลุม’
ตู้ม! พายุฝนฟ้าคะนองคำรามใกล้กับนครอัลลินอย่างกะทันหัน!
ขณะมองดูการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จำกัดอยู่เฉพาะรอบอัลลิน คริโทเนียเฝ้าสังเกตด้วยอาการตะลึงงัน “โลกแห่งปัญญาของนักเวทชั้นตำนานกำลังสั่นไหว?”
เปรี้ยง! สายฟ้าสีเงินส่องสว่างผ่ากลางราตรีอันมืดมิด!