Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 573 รุ่งอรุณแห่งโหราศาสตร์
- Home
- Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
- บทที่ 573 รุ่งอรุณแห่งโหราศาสตร์
บทที่ 573 รุ่งอรุณแห่งโหราศาสตร์
“นี่เป็นหนึ่งในสองข้อสนับสนุนสมมติฐานในบทความนี้ ซึ่งข้าตั้งชื่อไว้ว่าหลักแห่งความสมมูล…”
เบลคเข้าใจหรือยอมรับมวลแรงโน้มถ่วงได้ไม่ยาก และมวลเฉื่อยก็ได้รับการพรรณนาอย่างเท่าเทียมภายใต้ระบบเครื่องมือวัดที่เหมาะสม จอมเวทบางคนได้ทำวิจัยที่เกี่ยวข้องและได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างคิดว่าความเท่ากันของมวลทั้งสองเป็นเหตุบังเอิญ และไม่ได้ศึกษาลึกลงไปในเหตุบังเอิญนั้น
เมื่อได้ฟังการเกริ่นนำสั้นๆ ของลูเซียนถึงการทดลองและข้อมูล เบลคก็รู้สึกว่าหัวของเขากำลังบวมเป่ง เขาจจึงหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมา บันทึกและคำนวณข้อมูลอยู่บนโต๊ะซึ่งมีวิทยุเวทมนตร์วางอยู่ เขาตั้งใจราวกับเป็นลูกศิษย์กำลังเข้าชั้นเรียนของอาจารย์
จอมเวทส่วนใหญ่ที่กำลังฟังการกระจายเสียงครั้งนี้ล้วนทำไม่ต่างกัน ไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะได้โอกาสเข้าถึงการชี้แนะของผู้ที่กำลังจะขึ้นเป็นมหาจอมเวท นอกจากนี้ การตอบสนองของสภาพอากาศที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“…กรณีนี้รวมถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ต่อไป ข้าจะสรุปและสร้างระบบทั้งหมดด้วยเครื่องมือ เช่น เรขาคณิตอีวานส์ และการวิเคราะห์เทนเซอร์ แต่เนื่องจากต้องใช้ความรู้ที่ซับซ้อนหลายประการมาเกี่ยวข้อง ข้าจะพูดถึงการนำมาใช้ทั่วไปเท่านั้น พวกท่านจะได้เข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น…”
ปากกาขนนกของเบลคหยุดในทันที เขาเข้าใจคำทุกคำที่ท่านอีวานส์กล่าว แต่เขาไม่รู้ว่าคำพวกนี้หมายถึงอะไร เมื่อมาเรียงร้อยเชื่อมโยงกัน อาการวิงเวียนแผ่ซ่านลงมาที่ดวงตา คำ สัญลักษณ์ และสูตรที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดเข้ามาในหัวของเขาโดยไม่สื่อให้เห็นความหมายที่แท้จริง
มันทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝันพร่ามัว
“…ข้าคิดว่าความรู้เรื่องอาร์คานาของข้าดีพอมาตลอด โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ แต่วันนี้ข้าได้ตระหนักแล้วว่ายังไปไม่ถึงแม้แต่จุดเริ่มต้นของคณิตศาสตร์เลย…”
“…จอมเวทอาวุโสศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกวันไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมข้าเข้าใจบทความในวารสาร ‘อาร์คานา’ เพียงครึ่งเดียว…”
คำถามเดียวกันนี้ดังสะท้อนอยู่ภายในใจของจอมเวทอาวุโสส่วนใหญ่เช่นกัน ทุกคนต่างมั่นใจในความเก่งกาจเรื่องอาร์คานาและองค์ประกอบของสติปัญญาของตนเองมาก แต่แล้วก็ต้องเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง หลังจากได้ฟังสิ่งที่ลูเซียนอธิบาย ถือเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจในขณะที่แทบจะตามไม่ได้เลย!
“สรุป! สรุปให้ข้าฟังก่อนเถอะ!”
ทุกคนส่งเสียงกรีดร้องอยู่ภายในหัวใจอย่างบ้าคลั่ง และตัดสินใจที่จะฟังลักษณะของแรงโน้มถ่วงเสียก่อน แล้วค่อยศึกษาบทความในภายหลัง
…
ภายในหอคอย…
อันโนนิสก็ได้ยินคำอธิบายของลูเซียนจากวิทยุเวทมนตร์ของเขา ไม่นานหลังจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เขาตั้งหน้าตั้งตาฟังและก็รู้สึกสงสัยในบางเรื่อง
ในฐานะจอมเวทระดับเก้าและผู้วิเศษระดับเก้าแห่งสำนักโหราศาสตร์ ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงมีความสำคัญมหาศาล ถ้าเขาสามารถเข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงและใช้แก้ปัญหาบางประการที่ค้างคาใจมานาน เขาก็เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเป็น ‘นักโหราศาสตร์’ ตัวจริงได้!
อย่างไรก็ตาม เขาจะเก็บความสงสัยนี้ไว้จนกว่าเขาจะได้อ่านบทความและยืนยันผลกับตา หากลักษณะของแรงโน้มถ่วงถูกค้นพบได้โดยง่าย ท่านดักลาสก็คงไม่หลงทางและรู้สึกสับสนขนาดนี้
เขารู้ว่าลูเซียน อีวานส์ สามารถทำให้พายุสงบลง พายุที่เกิดขึ้นจากคำพูดของท่านประธาน ด้วยการเสนอคำอธิบายเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะพูดเกินจริงไปสักเล็กน้อย แต่เขาก็ยังหวังว่าลูเซียน อีวานส์ จะสามารถวิเคราะห์ลักษณะของแรงโน้มถ่วงได้จริงๆ
อันโนนิสเพียงแค่ฟังและคำนวณอยู่ในหัวตอนที่มีการนำเสนอหลักการพื้นฐานสองประการ แต่เขาก็ใจจดใจจ่อมากขึ้นเมื่อลูเซียนเริ่มใช้การพรรณนาเชิงเรขาคณิต
ในบางจังหวะ กองกระดาษและปากกาขนนกก็ลอยมาตรงหน้าเขา เพื่อช่วยเข้าบันทึกและคำนวณข้อมูล ความสับสนแสดงออกทางสีหน้าของเขาอยู่เนืองๆ
บทความคณิตศาสตร์ที่ยากจะเข้าใจในวารสาร ‘ธรรมชาติ’ เป็นเรื่องไร้สาระในมุมมองของจอมเวทส่วนใหญ่และไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่อันโนนิสวิเศษที่ชำนาญในศาสตร์ด้านนี้ เขาเคยตีพิมพ์บทความลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วสองสามครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เข้าใจมันได้ดีไปกว่านี้ บทความชิ้นนี้เข้าใจยากเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้
ห้องสมุดของอันโนนิสเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงอื่นใด เว้นแต่เพียงเสียงของลูเซียน และเสียงเมื่อเขาตวัดปากกาขนนกไปบนกระดาษ
ทันใดนั้น อันโนนิสก็รู้สึกถึงบางอย่าง และเห็นว่าเบิร์กเนอร์ ‘ศาสดาพยากรณ์’ เดินเข้ามาในห้องของเขาตอนไหนก็ไม่รู้ เขาก็กำลังบันทึกและคำนวณข้อมูลในกระดาษด้วยอุปกรณ์วงเวทและปากกาขนนก
อันโนนิสไม่ได้ถามอะไรแต่กลับมาตั้งสมาธิกับคำอธิบายของลูเซียนอีกครั้ง
ภายในสำนักงานใหญ่ของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เนื่องจากไม่มีความรู้เชิงคณิตศาสตร์ ราเวนติจึงทำได้เพียงบันทึกประเด็นสำคัญของลูเซียนไว้ใช้อ้างอิงในอนาคต
…
ภายในปราสาทเนคโซ…
เนื่องจากนางได้พาบิดาเที่ยวชมที่ต่างๆ หลังจากเขาเดินทางมาถึง นาตาชาจึงไม่ได้ฟังรายการ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ หรือ ‘ความจริงของโลก’ ในวันนี้ เนื่องจากปรากฏการณ์พายุฝนฟ้าคะนองในนครอัลลินอยู่ห่างไปไกลมาก นางจึงไม่ได้สนใจและคิดว่าเป็นเพียงฝนท้องถิ่นธรรมดาๆ ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีฝนในฤดูร้อน
จนกระทั่งแสงของเวท ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ส่องสว่างในพื้นที่ดังกล่าวจนนาตาชาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ นางจึงรีบติดต่อลูเซียน หลังจากไม่สามารถติดต่อเขาได้ นางก็กลัวว่านางอาจเข้าไปขัดจังหวะลูเซียนจึงหยุดการติดต่อ และหันไปหาทางติดต่อแฮททาเวย์แทน
หลังจากได้รับคำยืนยันว่าลูเซียนและอัลลินปลอดภัยดี นางก็รู้สึกโล่งอกและหันไปเปิดวิทยุเวทมนตร์ โดยหวังว่าจะได้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนครอัลลิน
นางไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงที่คุ้นหูที่สุดดังออกมาจากวิทยุเวทมนตร์ ซึ่งทำให้นางรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องสัญลักษณ์และสูตรเป็นเรื่องซับซ้อนเกินไปที่นาตาชาจะเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจหยุดนางจากการฟังการบรรยายของลูเซียนอย่างตั้งอกตั้งใจ
ขณะที่นางกำลังฟัง นางก็ใช้มือขวาจับแก้ม ริมฝีปากของนางยิ้มแป้นออกมาพร้อมกับความสุขใจที่ฉายออกมาทางไปตา
…
ภายในห้องออกอากาศของสถานีวิทยุสกาย…
ซาแมนธาและจอมเวททุกคนจ้องมองลูเซียนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่รู้และความเบาปัญญา ราวกับว่าเขากำลังพูดภาษาที่ไม่มีอยู่จริง
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน ลูเซียนก็รู้ตัวว่าเขาอธิบายลึกเกินไป เขารีบจบส่วนของการพรรณนาเชิงเรขาคณิต และสมการสนามแรงโน้มถ่วง ก่อนจะเข้าสู่บทสรุป
“จากที่กล่าวมาข้างต้น เราจะเห็นได้ว่ามวลก่อให้เกิดส่วนโค้งของกาลและอวกาศ ซึ่งนำไปสู่ปรากฏการณ์แรงโน้มถ่วง ลักษณะของแรงโน้มถ่วงก็คือกาล-อวกาศโค้งงอ เราสามารถตั้งแนวเทียบได้…”
แม้ว่าคำอธิบายเรื่องตาข่ายยืดหยุ่นไม่ถูกต้องทั้งหมด จะทำให้ซาแมนธาและจอมเวทนอื่นๆ ยิ้มกว้างด้วยความสนใจ พวกเขาพอจะเข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงขึ้นมาบ้างแล้ว
“นี่อธิบายได้หลายเรื่อง…”
“ทั้งหมดเกี่ยวกับแรงใช่ไหม?”
“พิสูจน์ได้ด้วยปรากฏการณ์หรือไม่?”
…
เสียงซุบซิบด้วยความตื่นเต้นและความสงสัยดังไปทั่วห้อง แม้แต่เฮลเลนก็ต้องถามเอากับเฟอร์นันโด นี่เป็นการตีความลักษณะแรงโน้มถ่วงจากมุมมองที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นปัญหาเรื่องพื้นที่สี่มิติเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุในกาลอวกาศโค้งงอ
“เหนือกว่าที่จินตนาการไว้เยอะมาก…”
“รูปแบบของกาลและอวกาศยิ่งดูซับซ้อนเข้าไปอีก…”
เบลคและจอมเวทซึ่งกำลังฟังวิทยุเวทมนตร์ต่างประหลาดใจกับคำอธิบายที่ไม่น่าเชื่อและน่าประทับใจส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังคงสงสัยในเรื่องนี้ เนื่องจากลักษณะของกาล-อวกาศ และแรงโน้มถ่วงที่ลูเซียนพรรณาซับซ้อนเกินกว่าแม้จะแค่จินตนาการถึง!
อย่างไรก็ตาม ศาสดาพยากรณ์และนักโหราศาสตร์ในกลุ่มหอคอยกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก นี่เป็นการทำลายข้อพิจารณาของพวกเขาถึงลักษณะของแรงโน้มถ่วง ซึ่งอาจไม่ได้เป็นแม้แต่ ‘แรง’
แต่โชคดีที่ไม่เคยมีคำอธิบายชี้ขาดที่ผ่านการยอมรับเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วงมาก่อน และพวกเขาไม่กล้าสร้างโลกแห่งปัญญาโดยอาศัยหลักแรงโน้มถ่วง เพราะฉะนั้นโลกแห่งปัญญาจึงไม่สั่นคลอน
“ต้องให้ปรากฏการณ์เป็นข้อยืนยัน!”
“เรื่องนี้ต้องได้รับการพิสูจน์!”
ปรมาจารย์สองคนแห่งสำนักโหราศาสตร์พูดเป็นเสียงเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์เรื่อง ‘เรขาคณิตเลฟสกี’ ทั้งสองตกลงกันว่าจะไม่หลับหูหลับตาปฏิเสธเรื่องใดก็ตามเพียงเพราะสัญชาตญาณหรือประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม ทุกทฤษฎีต้องได้รับการพิสูจน์ด้วยปรากฏการณ์และการทดลอง มิฉะนั้นก็ยังเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น
จอมเวททุกคนก็สงสัยเหมือนกัน พวกเขาฟังลูเซียนบรรยายต่อ “จากมุมมองที่กาลและอวกาศโค้งงอ เราก็สามารถคำนวณการหมุนควงซ้ำๆ ของจุดที่ดาวประกายพรึกโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด…”
การคำนวณค่อนข้างง่าย จอมเวทหลายคนเริ่มคำนวณด้วยตัวเองตามคำแนะนำของลูเซียน ศาสดาพยากรณ์ตื่นเต้นมากจนตัวเขาแทบจะสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
อันโนนิสเข้าใจพวกเขาดี เพราะปัญหาเรื่องนี้สร้างความสับสนงุนงงให้กับสำนักโหราศาสตร์มาเป็นเวลานาน ระบบเคลื่อนที่ตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วงแบบเก่าไม่สอดคล้องกับผลการสังเกตการณ์
ศาสดาพยากรณ์สงสัยว่าข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นจากดาวดวงอื่นบนฟ้า แต่ก็ไม่เคยพบร่องรอยของแรงโน้มถ่วงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หลังจากเขาเข้าไปสำรวจสถานที่ต่างๆ ในการกระโดดทะลุมิติ
สีผมของจอมเวทหลายคนกลายเป็นหงอกขาวและใบหน้าก็เต็มไปด้วยริ้วรอยจากคำถามนี้
ศาสดาพยากรณ์ได้รับคำตอบ หลังจากลูเซียนนำเสนอกระบวนการคำนวณ
“ผลออกมาเหมือนกัน… ใกล้เคียงกับผลการสังเกตการณ์มาก…” ศาสดาพยากรณ์พึมพำด้วยความตื่นเต้น “นี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของแรงโน้มถ่วงสินะ…”
อันโนนิสก็ได้ข้อมูลสุดท้ายออกมา จู่ๆ เขาก็มีน้ำตาคลอเบ้า และเขาต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตา หลังจากรู้สึกอิ่มเอมใจที่การทำงานหนักมาหลายปีก็ได้คำตอบในที่สุด
ทันใดนั้นศาสดาพยากรณ์ก็พูดขึ้นมาเสียงดัง “นี่เป็นความสำเร็จที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าทฤษฎีอาร์คานาในปัจจุบันหลายสิบปี! ข้ามองเห็นวิวัฒนาการอันยิ่งใหญ่ของสำนักโหราศาสตร์!”
“ได้เห็นข้อมูลนี้ ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจแล้ว!”
อันโนนิสระงับความตื้นตันใจและกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านศาสดาพยากรณ์ ท่านจะตายตอนนี้ได้อย่างไร? ข้ายังอยากศึกษาและสำรวจจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลลึกลงไปกว่านี้!”
หลังจากลูเซียนไขปัญหาเรื่องดาวเคราะห์เทียมโดยทฤษฎีการยึดเวลาของแรงโน้มถ่วง อันโนนิสก็เชื่อมั่นในระบบนี้เรียบร้อย เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เขามองที่ศาสดาพยากรณ์และพูดขึ้น “ด้วยระบบสัมพัทธภาพของลูเซียน เส้นทางข้างหน้าท่านดูแจ่มชัดและสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง”
“แล้วเจ้าไม่หรือ?” ศาสดาพยากรณ์ตอบด้วยรอยยิ้มและแสดงความเห็นด้วยความรู้สึกที่สับสน “ในอนาคต จะไม่มีใครกล้าพูดว่าลูเซียน อีวานส์ ตัดสินใจผิดที่เขาเลือกสำนักโหราศาสตร์มาตั้งแต่ต้น…”
“ข้าจะไปศึกษาบทความ!” อันโนนิสพูดด้วยความตื่นเต้น ดูเหมือนเขามองเห็นรุ่งอรุณแห่งโลกแห่งปัญญากึ่งปึกแผ่นอยู่ตรงหน้าแล้ว!
…
บนท้องฟ้าไกลออกไปจากนครอัลลิน…
คริโทเนียลูบคิ้วของเขาอย่างครุ่นคิด “จะบอกว่า พลังโลหิตของข้าคือการควบคุมการเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงและสสารอย่างนั้นหรือ?” เขาไม่เข้าใจบทความวิชาการมากนัก
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เงาของเบเนดิกต์ที่สามพูดพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “ลูเซียน อีวานส์…”
……………………………………………………………