Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 589 ชีวิตกับเวทมนตร์
บทที่ 589 ชีวิตกับเวทมนตร์
คฤหาสน์หลังใหญ่โอ่โถงรายล้อมไปด้วยกำแพงสูง และแท่งเหล็กสีดำที่ก่อตัวขึ้นเป็นประตูตรงสุดทางเดิน ทหารในชุดเกราะยาวสีเงินสองคนกำลังเฝ้าอารักขาอยู่ ทั้งสองช่วยกันเปิดประตูต้อนรับรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
“จัดงานเลี้ยงอะไรกันเนี่ย?” ลูเซียนไม่ใช่นักเวทสติเฟื่องที่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตชนชั้นสูง พิจารณาดูจากไฟประดับประดาหรูหราภายในคฤหาสน์ เขาก็เข้าใจได้ว่ากำลังมีงานอะไรสักอย่างภายในคฤหาสน์
หลังจากลังเลอยู่สักพักว่าค่อยกลับมาใหม่คราวหน้าดีไหม ลูเซียนก็ตัดสินใจ เขาเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว จะมีอะไรให้กังวลอีกล่ะ?
คลื่นเวทมนตร์เรืองรองบนร่างของเขา ลูเซียนเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน
เนื่องจากขุนนางชนชั้นสูงยึดถือเกียรติยศและมารยาทผู้ดี เหล่าขุนนางจะเดินทางมาด้วยรถม้า ไม่ว่างานเลี้ยงจะอยู่ใกล้บ้านแค่ไหนก็ตาม ฉะนั้นแล้ว ลูเซียนซึ่งมาถึงในฐานะคนธรรมดาจึงกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ทหารทั้งสองมองหน้ากันและตั้งใจจะหยุดเขาไว้
แต่แล้วทันใดนั้น ทั้งสองกลับรู้สึกว่าลูเซียนมีศักดิ์และสิทธิ์เต็มเปี่ยม ด้วยเหรียญตราของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กบนหน้าอก ทั้งสองจึงลดมือลงและให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติคนนี้
“แค่เวทง่าย ๆ ก็เพียงพอให้ผ่านองครักษ์เข้ามา…” ลูเซียนส่ายหน้าขณะเดินผ่านประตู ทหารองครักษ์พวกนี้รับมือได้เฉพาะคนธรรมสามัญ แต่โชคดี อัศวินสังกัดหน่วยข่าวกรองน่าจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่อัศวินพวกนั้นก็รู้จักเขาดีอยู่แล้ว “ข้าต้องวางกับดักเวทไว้เผื่อศาสนจักรหันมาเล่นงานลุงโจแอล”
แม้ว่าศาสนจักรอาจไม่ใช้วิธีสกปรกเหมือนกับลัทธิอาร์เจนต์ ฮอร์น แต่ก็ควรกันไว้ดีกว่าแก้ ในกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรีมักมีคนบ้าคลั่งอยู่เสมอ
อากาศในเดือนกรกฎาคมร้อนอบอ้าว แต่ในนครเรนทาโตซึ่งอยู่ห่างจากมหาสมุทรไม่กี่ชั่วโมง ก็มีอากาศค่อนข้างเย็นในยามวิกาล ลูเซียนเดินไปบนถนนพร้อมกับสายลมยามเย็น ราวกับว่าเขาละลายหายเข้าไปในหน้าต่าง ไม่มีรถม้าคันไหนที่เข้ามาก่อนและหลังสังเกตเห็นเขาสักคัน
สวนหน้าคฤหาสน์มีขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่นานลูเซียนก็เดินมาถึงตัวอาคาร ซึ่งมีตะเกียงเวทมนตร์ส่องแสงสว่างไสวเต็มไปหมด ยิ่งทำให้ตัวคฤหาสน์ดูอลังการยิ่งขึ้น
ภาพยามราตรีที่เห็นได้ทั่วไปในโลกเดิมกลับดูชวนมองอย่างยิ่งในโลกนี้
เหนือขั้นบันไดขึ้นไป อะลิซ่าที่ดูแข็งแรงไม่เปลี่ยนกำลังต้อนรับแขกเหรื่อพร้อมกับแม่บ้านสองสามคนในชุดราตรีเข้ารูป
“สตรีสูงศักดิ์ดูไม่ค่อยชินเลย…” ลูเซียนพูดกับตัวเองน้ำเสียงสับสน แล้วเขาก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเดินเข้าไปหาอะลิซ่า
อะลิซ่ากำลังเฝ้ามองเหล่าสตรีที่มายังงานเลี้ยงเต้นรำอย่างร่าเริง และให้การต้อนรับพวกนางอย่างอบอุ่น
หลังจากใช้ชีวิตขุนนางมาหลายปี นางก็ไม่ได้ทะเล่อทะล่าเหมือนแต่ก่อน จอห์น บุตรชายของนาง เป็นถึงอัศวินหลวงที่ติดตามองค์ราชินีมาจากนครอัลโต้ และได้ทำภารกิจสำคัญ ๆ มากมาย เหล่าขุนนางจึงพากันแสดงความเคารพต่ออะลิซ่า และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำเชิญมาร่วมงานเลี้ยง
“ท่านไวเคานต์และไวเคาน์ติสเทรนน่า ท่านหญิงคาลี่ ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงค่ะ” อะลิซ่าให้การต้อนรับแขกที่มาใหม่พร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นกับหญิงสาวร่างสูงท่าทางอ่อนโยน ผมสีทองและตาสีฟ้าที่ดูต่างไปจากชาวโฮล์มทั่วไป
ไวเคานต์เทรนน่ารู้ดีว่าอะลิซ่าจัดงานเลี้ยงขึ้นเพราะอะไร เขาพยักหน้าทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม “นับเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยง ท่านหญิง”
คาลี่ก็ตอบรับด้วยมรรยาทขุนนางสูงศักดิ์เช่นกัน
“อีกสักพักกว่างานเต้นรำจะเริ่ม นำทางท่านไวเคานต์เทรนน่ายังไปห้องรับรอง ให้พวกท่านได้พักผ่อนกันก่อน” อะลิซ่าออกคำสั่งกับสาวใช้
หลังจากครอบครัวเทรนน่าเข้างานไป อะลิซ่าก็ยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมต้อนรับแขกคนใหม่ แต่ก็ต้องตกตะลึงกับชายผมและตาสีดำที่ยืนอยู่ตรงบันได นางขยี้ตา รู้สึกเหมือนกับกำลังฝัน
นางไม่เคยเห็นเขาสวมชุดสูทกระดุมสองแถวมาก่อน แต่ก็เข้ากับรูปร่างและท่วงท่าของเขาอย่างเหมาะเจาะ ความรู้สึกของนางเอ่อล้นขึ้นมา ดวงตาของนางแดงระเรื่อ อะลิซ่าพึมพำออกมา “อีวานส์น้อย?”
“ป้าอะลิซ่า” ลูเซียนพยายามตั้งสติ และเดินเข้ามาหาอะลิซ่าพร้อมกับรอยยิ้ม
อะลิซ่าส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาอีกครั้ง นางรู้สึกปลื้มปีติที่ได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง แต่ก็ยังละอายใจที่เคยหักหลังเขาในอดีต “อีวานส์น้อย?”
“ทำไมขอรับ ป้าอะลิซ่า? ป้าจำข้าไม่ได้เหรอ?” ลูเซียนยิ้ม
ท่าทีเป็นมิตรของเขาทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ของอะลิซ่าสลายไปหมด เหลือไว้เพียงความตื่นเต้นเป็นสุข นางลืมมรรยาทขุนนางที่พยายามรักษาภาพไว้ และร้องไห้ฟูมฟายออกมาไม่ต่างจากสมัยที่นางยังอยู่ในสลัม
นางขยี้ตาอีกครั้ง ก่อนจะละล่ำละลักพูดออกมา “อีวานส์น้อย เจ้ากลับมาหาเราจริง ๆ เหรอ? ป้าคิดว่าเจ้าจะเกลียดที่ถูกป้าทรยศไปแล้ว”
“ก็ข้าขอให้ป้าทำเองนี่นา” ลูเซียนกอดป้าอะลิซ่าพร้อมกับรอยยิ้ม “สำหรับข้า ป้าคือครอบครัวของข้า”
“โถๆ ป้า… ดีใจจนพูดไม่ออก” อะลิซ่ามองลูเซียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างตื่นเต้น “อีวานส์น้อย เจ้าสูงขึ้น สูงขึ้นมากเลย!”
นางเทียบความสูงในอดีตของลูเซียนด้วยมือที่กำลังสั่นเทา ขวบปีแห่งความเศร้าหมองและความรู้สึกผิดมลายหายไปสิ้น นางลากหลานชายตัวดีเข้ามาในบ้าน “ข้า… ข้าต้องบอกโจแอลกับจอห์นว่าอีวานส์กลับมาแล้ว!”
สาวใช้มองดูนายหญิงฟูมฟายด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่กล้าบอกนางให้กลับไปรับแขกคนอื่น ๆ จนพวกนางต้องไปตามตัวพ่อบ้านมาทำหน้าที่แทน
ระหว่างทางเดิน อะลิซ่าคร่ำครวญพูดจ้อไปตลอดทาง จนนางกลั้นน้ำตาไว้ได้ในที่สุด แล้วนางก็ตบหน้าผากตัวเอง “ป้า… ป้าลืมไปเลยว่าจอห์นติดภารกิจที่ปราสาทเนคโซ ลุงโจแอลก็ได้รับเชิญไปที่สมาคมนักดนตรี!”
“ไม่เป็นไร ข้ารอพวกเขาได้…” ก่อนที่ลูเซียนจะพูดจบ อะลิซ่าก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ป้าต้องบอกพวกเขาว่าเจ้ากลับมาแล้ว ป้าจะบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย! อีวานส์น้อย ไปรอในห้องรับรองก่อนนะ ป้าขอโทรหาพวกเขาก่อน!”
นางพูดปุ๊บ ก็รีบวิ่งไปที่ห้องสมุด จนลืมพาลูเซียนไปส่งห้องรับรอง
พอเห็นอาการดีใจจนออกนอกหน้าของป้าอะลิซ่า ลูเซียนก็ไม่ถือสาที่ ‘ถูกลืม’ เขาส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มและคิดว่าน่าจะกลับมาหาพวกเขาเร็วกว่านี้
ราวกับว่าอยู่ในบ้านตัวเอง ลูเซียนเดินเข้าไปยังห้องรับแขกโดยไม่หลงทาง เขาเห็นคนจากตระกูลไวเคานต์เทรนน่า และแขกชั้นสูงคนอื่น ๆ ที่กำลังสนทนากัน จนมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามา
ตรงกลางห้องรับรอง เครื่องจักรหน้าตาประหลาดกำลังหมุนแผ่นทรงกลมและส่งเสียงดนตรีกระจ่างใสอันน่าอภิรมย์ออกมา ทำให้ทั้งห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันรื่นรมย์
ลูเซียนพยักหน้าทักทายพวกเขา เขาเดินตรงไปยังกำแพงและเปิดตู้เย็นที่ซ่อนอยู่ แสงจากในตู้เย็นส่องแสงให้เห็นเครื่องดื่มสว่างไสว
ลูเซียนเปิดขวดแชมเปญอย่างไม่รีบร้อน และหยิบน้ำแข็งวางลงในแก้วก้อนหนึ่ง ขณะเขากำลังจะปิดตู้เย็น เสียงผู้ชายที่กำลังแตกหนุ่มก็ดังก้องมาจากด้านหลัง “นั่นคือตู้เย็นเวทมนตร์ สิ่งประดิษฐ์เล่นแร่แปรธาตุของลูเซียน อีวานส์ ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เราได้ดื่มด่ำความเย็นในหน้าร้อน”
ฮะ? ลูเซียนรู้สึกแปลกที่ชื่อของตนถูกกล่าวถึงอย่างนั้น จนไม่รู้จะตอบว่าอะไร
เด็กชายที่ยืนอยูด้านหลังเขามีลักษณะของชาวโฮล์ม ผมสีดำและตาสีฟ้า เมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่ตอบโต้อะไร เขาจึงคิดว่าลูเซียนคงไม่รู้จักที่มาของตู้เย็น จึงแนะนำต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้สร้างออกมาไม่กี่ชิ้น เฉพาะขุนนางชั้นสูงถึงจะมีสิทธิ์ได้ใช้ ข้าเคยเห็นมาก่อนที่งานเลี้ยงงานอื่น”
“คืองี้ การทำให้คนนิยมสิ่งประดิษฐ์เป็นความคิดของนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่ ลูเซียน อีวานส์ มันช่วยพัฒนาชีวิตของเราจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ?”
เด็กชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของลูเซียน แต่เขาก็มีท่าทีเป็นมิตร
“แน่นอน ข้าก็ชอบชีวิตแบบนั้น” ลูเซียนมองเด็กชายด้วยรอยยิ้ม
เด็กชายตัวน้อยมีความสุขมาก เมื่อได้ฟังความเห็นสนับสนุน “ไวเคานต์เวสลีย์เป็นอัศวินที่องค์ราชินีทรงชื่นชมที่สุด เขาเลยมีสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคมากมาย ลูกพี่ลูกน้องของข้าก็ชอบเครื่องเล่นแผ่นเสียงเวทมนตร์ เราได้ฟังเสียงเพลงที่น่ามหัศจรรย์ทั้งที่ไม่ต้องมีวงดนตรี บางทีถึงกับนอนหลับไปพร้อมเสียงดนตรีเลย”
เขาชี้ไปที่คาลี่ขณะกำลังพูด ลูกพี่ลูกน้องที่เขาพูดถึงคงจะหมายถึงนาง สำหรับอีกชื่อ เวสลีย์ก็คือชื่อตระกูลของจอห์น
เมื่อเห็นว่าลูเซียนกำลังมองนาง หลังจากเด็กชายชี้มาที่นาง คาลี่ก็ยิ้มรับอย่างมีมารยาท “เครื่องเล่นแผ่นเสียงเวทมนตร์เพิ่งถูกประดิษฐ์ขึ้น ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ข้าชอบมากเลยค่ะ”
เด็กชายพูดเสริมขึ้นอย่างร่าเริง “นี่ก็เป็นผลงานการออกแบบของท่านอีวานส์”
ลูเซียนพยักหน้า เขารู้เรื่องสิ่งประดิษฐ์พวกนี้มากกว่าเด็กชาย เขาเป็นคนนำเสนอแนวคิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงเวทมนตร์ให้กับองค์กรเจตจำนงแห่งธาตุเมื่อสองสามปีก่อน แต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากขาดอุปกรณ์เก็บเสียงดี ๆ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ห้องทดลองของแกสตันบังเอิญค้นพบเรซิ่นธรรมชาติที่นำมาใช้ได้ แล้วหลังจากนั้น เครื่องเล่นแผ่นเสียงเวทมนตร์ก็ปรากฏขึ้นมาบนโลก
“อันที่จริง ท่านไวเคานต์เวสลีย์ยังมีสิ่งประดิษฐ์เล่นแร่แปรธาตุอีกชิ้นหนึ่ง” ดูเหมือนคาลี่ก็ชื่นชอบชีวิตกับเวทมนตร์เหมือนกัน ขณะกำลังพูด นางก็ชี้ไปยังกล่องสีเงินที่แขวนอยู่สูงขึ้นไปภายในห้องและพูดขึ้น “ข้าเคยเห็นที่บ้านท่านดยุกเจมส์มาก่อน มันเรียกว่าเครื่องปรับอากาศ มันช่วยทำให้อากาศในหน้าร้อนเย็นขึ้นมา และไล่ความเย็นด้วยเตาหลอมในหน้าหนาว”
“จริงเหรอ?” เด็กชายไม่เคยเห็น ‘เครื่องปรับอากาศเวทมนตร์’ มาก่อน ดวงตาของเขาเบิกโพล่ง และมองด้วยความสนอกสนใจ
คาลี่ยิ้มและพูดต่อ “เจ้าจะสัมผัสกับลมเย็นพัดออกมา นี่คือสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกของท่านมหาจอมเวทลูเซียน อีวานส์”
“โห จริงดิ? เจ๋งชะมัด!” เด็กชายวิ่งวนอยู่ในห้องด้วยความตื่นเต้น “พี่คาลี่ โตขึ้นข้าจะเรียนเวทมนตร์ ข้าจะเป็นมหาจอมเวทและนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่!”
ไวเคานต์เทรนน่าออกปากแซวหลานชาย “โฮลค์ เจ้าลองชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มดูสิ”
“ขอบอกเลย” เด็กชายตัวน้อยขยับนิ้วด้วยท่าทางชาญฉลาด “รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มไม่ใช่เป้าหมายของข้า ต้องเป็นรางวัลลูเซียน อีวานส์! พอเราเข้าสมาคมต่าง ๆ แล้วคนถามว่าข้าคือใคร ท่านลุงจะได้เกียรติให้แนะนำท่านโฮลค์ เจ้าของรางวัลอีวานส์ สาขาอาร์คานา ท่านลุง ข้ามีอะไรจะบอก พี่คาลี่ก็อยากได้รางวัลลูเซียน อีวานส์ เหมือนกัน แต่นางอยากได้รางวัลอีวานส์ สาขาการแพทย์”
“ถ้าเรามีเจ้าของรางวัลอีวานส์ถึงสองคนในตระกูล เราจะได้เดินอวดให้ทั่วไปเลย” เทรนน่ามองบุตรสาวของตนด้วยอารมณ์ขัน
คาลี่กระดากอายไม่น้อยที่โฮลค์เปิดเผยเป้าหมายของนางต่อหน้าคนแปลกหน้า นางรีบหันมาถามลูเซียน หวังเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านค่ะ ท่านชื่ออะไรคะ?”
ลูเซียนเกาคางเบา ๆ ด้วยมือขวา “เรียกข้าว่า ลูเซียน อีวานส์ ก็ได้”
………………………………………………………………………………….