Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 620 รอยยิ้มเย้นหยัน
บทที่ 620 รอยยิ้มเย้นหยัน
ก่อนที่ลูเซียนจะได้ตอบ บรรยากาศกดดันเปี่ยมด้วยแรงอาฆาตก็บุกรุกเข้ามา กำแพงสีดำฝั่งหนึ่งในเขาวงกตถูกกระแทกเป็นรูโหว่ แล้วมัมมี่ที่สวมมงกุฎทองคำก็เดินออกมา
“เจ้าสองคน ตายที่นี่เสียเถิด!”
กลุ่มควันที่รายล้อมรอบตัวมัมมี่บรรพชนขยายตัวจนเต็มพื้นที่ ขัดขวางไม่ให้พลังจิตของลูเซียนและเคลาส์แผ่ออกไปไหนไกล มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าการตกอยู่ใต้กลุ่มควันนี้เป็นเวลานานจะทำให้พลังจิตของพวกเขาเหือดหายไปอีกด้วย!
ฮูววววววว!
ขณะร้องคำรามอย่างฉุนเฉียว จู่ๆ ร่างของมัมมี่บรรพชนก็ขยายใหญ่ขึ้นนับสิบเท่า จนกระทั่งตัวของมันใหญ่เท่ายักษ์ตนหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้ว ลูเซียนกับเคลาส์ช่างดูเล็กจ้อยดั่งมดตัวน้อย
จากนั้นก็พลันบังเกิดสายลมกรรโชก
สายลมรุนแรงเกิดจากการที่กำปั้นทั้งสองข้างของราชามัมมี่ ซึ่งเหมือนดั่งค้อนยักษ์สองอัน กระแทกกับพื้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง! เสาหินสีดำล้มครืนลงทีละต้นๆ หากเป็นลูเซียน เขาคงจะใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะโค่นเสาสักต้นได้ด้วยการใช้เวทเพ่งพยาบาทติดต่อกันหลายครั้ง!
“เวทธาตุอารักขา!” ด้วยไม่มีเวลาสำหรับการแปลงกาย ลูเซียนจึงเรียกใช้เวทป้องกันที่มีในชุดคลุมของมหาจอมเวท
จุดแสงจากธาตุหลากสีสันมารวมตัวกันตรงหน้าเขาและก่อเป็นโล่แสงกึ่งโปร่งใส
ในขณะเดียวกันนั้น มือขวาของเขาก็สัมผัสไล้ไปบนนาฬิกาพกและทำการก่อกวนกระแสแห่งกาลเวลา
“เวทปราการแปรธาตุ!” เคลาส์เอ่ยขึ้น
เขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมา ดังนั้น ตอนนี้ความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรชั้นตำนานระดับสามกับเขาจึงมีมากนัก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเลือกที่จะร่ายเวทป้องกันที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด ซึ่งมันจะคุ้มกันเขาเหมือนดั่งป้อมปราการเหล็กดำขนาดเล็ก
มัมมี่บรรพชนยักษ์วิ่งฝ่ากระแสแห่งกาลเวลาแสนปั่นป่วน พลังจากกระแสปั่นป่วนนั้นทำให้มันเบนทิศทางไปจากเป้าหมายเล็กน้อย แต่มันยังคงรู้ตัวดีว่ามันกำลังมุ่งหน้ามาเพื่ออะไร!
ปัง! กำปั้นใหญ่เทียบเท่าเนินดินเล็กๆ ซึ่งมีเปลวเพลิงลุกโหมรายล้อมกระแทกใส่ลูเซียนกับเคลาส์
เวทธาตุอารักขาของลูเซียนแตกร้าว และพลังทรงอำนาจก็เหวี่ยงลูเซียนไปกระแทกกับกำแพงสีดำด้านหลังเขาอย่างแรง ลูเซียนกระอักเลือดออกจากปาก รู้สึกเหมือนว่าดวงจิตของเขากำลังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ป้อมปราการเหล็กดำเองก็แตกร้าวเช่นกัน วงแหวนเวทนานาชนิดบนปราการไม่อาจต้านทานพลังรุนแรงนี้ได้
ปราการป้องกันของเคลาส์ฝืนทนอยู่ได้นานกว่าวินาทีหนึ่ง ก่อนที่แรงระเบิดจะเหวี่ยงร่างของเขาไปกระแทกกับกำแพงจุดเดิมที่พังทลายไปกว่าครึ่งแล้ว
เป็นตอนนั้นเองที่ลูเซียนมองเห็นทองฟ้า ถึงมันจะเป็นสีเทาและมีเมฆหนา แต่มันก็คือท้องฟ้า! ตอนนี้เขาออกมาจากปราสาทแล้ว! ข้างมือเขา จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังเหนือธรรมชาติแปลกประหลาด ราวกับว่าข้างกายเขานี้คืออีกโลกหนึ่ง
ลูเซียนพลันรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เขาแผ่พลังจิตออกไปและก็ได้ ‘เห็น’ ปราสาทสีดำอันงดงามที่มีปลายยอดสูงชันแตะท้องฟ้า
ประตูปราสาทเปิดกว้าง ตรงกลางนั้นเป็นม่านหลายชั้นที่ดูคล้ายกับแขวนห้อยเอาไว้ ที่ด้านหลังม่าน ปรากฏใบหน้าซีดเซียวจำนวนนับไม่ถ้วนที่แสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป เป็นภาพที่ชวนให้ขนพองสยองเกล้ายิ่งนัก
“เตาหลอมวิญญาณ!” เคลาส์อุทานผ่านทางกระแสจิต ซึ่งช่วยยืนยันการคาดเดาของลูเซียน
นับเป็นโชคดีของทั้งสอง หมัดของราชามัมมี่เพิ่งจะช่วยให้พวกเขาหาเตาหลอมเจอ
ฮูววววววว!
มัมมี่บรรพชนไล่กวดพวกเขามาอย่างกระชั้นชิด ไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองได้พักหายใจ กลุ่มควันดำรอบตัวมันเป็นเหมือนเคียวแห่งความตาย ดั่งสัญลักษณ์ชะตากรรมของพวกเขาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
มันพุ่งเข้าหาทั้งสองอย่างเร็วรี่ ก้าวสุดท้ายของราชามัมมี่นั้นเหลืออีกเพียงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว!
ในตอนนั้นเอง นาฬิกาพกในมือลูเซียนก็เปล่งแสงสลัวราง ก่อนที่ลูเซียนจะใช้นิ้วกลางกดลงไป
กริ๊ก วงกลมครึ่งซีกสีดำปรากฏขึ้นเหนือตัวมัมมี่บรรพชน ก่อนจะร่วงลงมา ดูเหมือนว่ามันจะหนักพอควรเพราะตอนนี้มัมมี่ยักษ์ถึงกับหลังแอ่นเล็กน้อย มันเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง ราวกับถูกจับสวมโซ่ตรวนเอาไว้
ลูเซียนฉวยโอกาสนี้ร่ายเวทแปลงกาย ดวงตาของเขาทอประกายวาบ กล้ามเนื้อพลันโป่งพองล่ำสัน ก่อนที่ลูเซียนจะใช้มือซ้ายยกโล่ขนาดเล็กแต่หนาขึ้นเพื่อปกป้องทั้งเคลาส์และตนเอง
“เวทวารีกวาดล้าง!” เคลาส์โพล่งขึ้น
ท้องฟ้าสีเทาพลันเปล่งประกายระยิบระยับ ก่อนจะบังเกิดหลุมขนาดใหญ่ แล้วน้ำสีดำก็ไหลบ่าออกมาจนราชามัมมี่จมอยู่ใต้น้ำ
สำหรับเหล่ามัมมี่แล้ว พวกมันสามารถสร้างความแห้งแล้งอย่างสุดขีดและมีพลังต้านทานเวทน้ำ ทว่า หากเวทน้ำทรงพลังมากพอ มันก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนของพวกมันได้เช่นกัน
แต่เมื่อสายน้ำท่วมท้นล่าถอยกลับไปและเหลือไว้เพียงความหายนะบนพื้น เจ้ามัมมี่บรรพชนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งกลุ่มควันรอบตัวมันก็หาได้รับผลประทบใดๆ ไม่
ร่างกายของมันเกร็งเขม็งโป่งพองขึ้นอีกครั้ง ราชามัมมี่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะทำลายวงกลมครึ่งซีกสีดำ ก่อนจะยกเท้าขวาขึ้นกระทืบลูเซียนและเคลาส์
ปัง! ท่ามกลางเสียงดังสนั่นอื้ออึง ลูเซียนและเคลาส์ต่างอยู่ภายใต้การป้องกันจากคลื่นล่องหนในอากาศ พวกเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“เวทน้ำตกเพลิงผลาญ!” เคลาส์ตัดสินใจใช้เวทไฟชั้นตำนาน เพราะหากว่าใช้น้ำไม่ได้ผล เขาก็จะลองใช้ไฟดู!
พื้นดินแตกแยกจนเกิดช่องว่างมายาขนาดใหญ่ แล้วเปลวเพลิงสีขาวดำก็พวยพุ่งขึ้นสูงถึงท้องนภา อุณหภูมิร้อนสุดขีดนี้หลอมละลายได้แม้แต่กระเบื้องสีดำ
เสาเพลิงหนากักขังราชามัมมี่เอาไว้และเปลวเพลิงก็เผาผลาญรีดเค้นเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างที่สุดจากสัตว์อสูร แต่เมื่อเสาเพลิงนั้นหายไป แม้ว่ากลุ่มควันดำส่วนใหญ่จะสลายตัวไปแล้ว และผ้าพันแผลน่าขนลุกก็ถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก ราชามัมมี่กลับยัง ‘มีชีวิตอยู่!’
“อย่างน้อยก็แค่ต้องใช้เวทน้ำตกเพลิงผลาญอีกสักสิบครั้ง… หากว่ามันฟื้นตัวได้ไม่เร็วเกินไปล่ะก็นะ…” เคลาส์ถามลูเซียนผ่านทางกระแสจิต “เจ้าจะยืนหยัดใช้โล่ใบนั้นได้นานเพียงใด”
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เคลาส์ก็มองเห็นว่ากลุ่มควันกลับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
การคุ้มกันแข็งแกร่งเป็นบ้า!
แขนทั้งสองข้างของลูเซียนรู้สึกปวดร้าวแล้ว “หากเป็นเช่นนี้ อาจจะสักสามนาที… มันหนักมาก”
โล่แห่งสัจธรรมเองก็เกือบถึงขีดจำกัดของมันแล้วเช่นกัน
“บอลนรก!”
“เวทลวงตาแห่งเทพีเวทมนตร์!”
…
เคลาส์ร่ายเวทมนตร์ชั้นตำนานออกมาชุดใหญ่ แต่ไม่มีเวทบทใดเลยที่สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ราชามัมมี่ เพราะความแตกต่างระหว่างระดับชั้น เวทมนตร์จึงใช้ไม่ได้ผลนัก!
กำปั้นของมัมมี่บรรพชนรัวลงมาราวหยาดฝน ทำให้แขนของลูเซียนปวดร้าวอย่างที่สุด
คลื่นล่องหนที่ปกป้องพวกเขาอยู่ก็ใกล้จะแตกร้าวได้ทุกเมื่อ
โชคยังดีที่การโจมตีของราชามัมมี่ยังพอคาดเดาได้ เพราะความสามารถด้านการคุ้มกันแสนแข็งแกร่งและพลังในการต่อสู้ของราชามัมมี่นั้นต้องแลกมาด้วยกลยุทธ์ในการต่อสู้ที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ รูปแบบการจู่โจมของมันจึงเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและไร้ลูกเล่นใดๆ
เคลาส์นำหุ่นกระบอกออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันใส่มัมมี่บรรพชน
หุ่นตัวนั้นพองขยายกลายเป็นโกเลมทองคำอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าโกเลมก็ปล่อยเปลวเพลิงและควันพิษออกมา ทั้งยังมีพลังป้องกันกับทักษะการต่อสู้ที่น่าทึ่งเช่นเดียวกับศัตรู
นอกจากนี้แล้ว เคลาส์ยังอัญเชิญมิติพิเศษ ‘สวรรค์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ’ ดังนั้น หลังจากที่ภาพมายาสะท้อนปรากฏขึ้น โกเลมทองคำจึงได้รับการสนับสนุนอย่างใหญ่หลวง โกเลม หุ่นกระบอก และหุ่นฟางอีกนับไม่ถ้วนตามติดโกเลมทองคำเข้าสู่สมรภูมิรบ
ปัง! แกร๊ก! กร๊อบ! เคลาส์หลับตาลงครู่หนึ่ง ด้วยไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า
ไม่กี่วินาทีถัดมา โกเลมทองคำและกองกำลังของมันก็ถูกราชามัมมี่บดขยี้จนกลายเป็นเพียงเศษชิ้นส่วน พวกมันหาได้ครณามือศัตรู
“ข้าจะทำลายปราการป้องกันของมัน จากนั้นเจ้าค่อยลงมือ” เคลาส์บอกลูเซียนผ่านกระแสจิต
เขาสูดหายใจเข้าลึก รู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา หากทั้งสองไม่เร่งมือ เมื่อใดก็ตามที่กองทัพผีดิบไล่ตามมาทัน ทุกอย่างก็คงสายเกินไปแล้ว
ลูเซียนพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งเครียด เขาไม่เอ่ยอะไร แต่เคลาส์สามารถพึ่งพาเขาได้
เคลาส์หยิบเอาหุ่นกระบอกออกมาอีกตัว หุ่นตัวนี้เป็นตุ๊กตาใบหน้ากลมแสนประณีตที่มีผมสีดำยาวสลวย ฉับพลันนั้น ตุ๊กตาก็ลืมตาขึ้น นางมองตรงไปที่ดวงตาสีแดงของราชามัมมี่
ไม่ทราบเหตุใดลูเซียนจึงรู้สึกว่าเส้นด้ายล่องหนมากมายได้ร่วงลงมาบนตัวราชามัมมี่และตุ๊กตา เชื่อมโยงทั้งสองตรงข้อต่อทุกส่วน
“เวทจำลองหุ่นเชิด!”
นี่คือเวทมนตร์คาถาอันเก่าแก่ลึกลับ ตุ๊กตาผมดำเริ่มบิดไปมาด้วยท่าทางชวนขนลุก จากนั้นผ้าพันแผลโสโครกก็ปกคลุมทั่วตัวนาง ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดง ภายในไม่กี่วินาที หุ่นเชิดก็กลายเป็นราชามัมมี่ขนาดย่อส่วน!
ฮูววววววว!
ด้วยสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายใหญ่หลวง ราชามัมมี่จึงระเบิดเสียงคำรามกึกก้อง พร้อมกับรัวหมัดอย่างบ้าคลั่ง ทว่า เมื่อเผชิญหน้ากับโล่แห่งสัจธรรม โล่ป้องกันชั้นตำนานระดับสามที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุด ราชามัมมี่จึงต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะทำลายมันได้โดยสมบูรณ์
เคลาส์กระอักเลือดออกทางมุมปากข้างหนึ่ง มือขวาของเขาซีดเซียวอย่างยิ่ง ดูราวกับเนื้อตาย เขายกมือขวาขึ้นแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วหนึ่งจิ้มไปบนหุ่นเชิดมัมมี่
กลุ่มควันเริ่มระเหยหายไปอย่างเงียบงัน และผ้าพันแผลโสโครกก็เริ่มร่วงหล่นลงกับพื้น
ราชามัมมี่กรีดร้องเสียงโหยหวน ก่อนจะเหวี่ยงหมัดขวาออกมาด้วยเรี่ยวแรงที่น่าหวั่นเกรง แต่คราวนี้เป้าหมายของกำปั้นหาใช่โล่ของลูเซียนไม่ แต่เป็นเคลาส์
หมัดขวาของราชามัมมี่กระแทกบนอกของเคลาส์อย่างจัง
ร่างของเคลาส์ระเบิดลำแสงออกมาหลายสาย ผลของเวทมนตร์ชุดใหญ่ ซึ่งรวมถึงชนวนเวท จัดลำดับเวทมนตร์ และเวทคาถาต่อเนื่องก็เริ่มทำงาน พวกมันสามารถหักล้างพลังส่วนใหญ่ของศัตรูได้
ในขณะเดียวกันนั้น เคลาส์ได้หายตัวไปจากจุดที่เคยยืนอยู่ และไปโผล่อีกครั้งตรงหน้าเตาหลอมวิญญาณในวินาทีถัดมา เขาหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
ถึงกระนั้น เคลาส์ก็ไม่ได้หยุดชะงักการเคลื่อนไหว นิ้วของเขาจิ้มไปที่ตัวหุ่นเชิดอีกครา พร้อมกับที่เลือดของเขากระเด็นลงบนตัวมัน
ผ้าพันแผลโสโครกทั้งหมดพลันขาดออกจากกัน!
มัมมี่บรรพชนล้มเลิกความคิดในการพุ่งเป้าไปที่ลูเซียน แล้วจ้ำพรวดมุ่งหน้ามาหาเคลาส์แทน!
ในตอนนั้นเอง ลูเซียนก็ยกมือขวาที่ถือนาฬิกาพกสีเงินเป็นประกายขึ้น ก่อนจะกดนิ้วลงไป
แกร๊ก!
ราชามัมมี่หยุดเคลื่อนไหว โลกทั้งใบพลันหยุดหมุน
จันทรากาลลอยเอื่อยมาตามเจ้าของ ขณะที่ลูเซียนดึงดาบแห่งสัจธรรมออกมาฟาดใส่ราชามัมมี่ไปหกถึงเจ็ดครั้งติดต่อกันโดยใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี เขาเล็งไปที่บาดแผลที่เขาเพิ่งฝากไว้บนตัวมันก่อนหน้านี้ ซึ่งยังไม่หายดีนัก
จากนั้นกระแสแห่งกาลเวลาก็กลับมาเดินต่อ สีสันทั้งมวลก็กลับมาเช่นกัน
หลังประกายวูบวาบเย็นยะเยือกจากคมดาบหมดลง ราชามัมมี่ก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เสียงนั้นทำให้ทั้งอาณาบริเวณสั่นสะเทือน ทั้งยังทำให้ดวงตาและหูของเคลาส์เริ่มมีเลือดไหลออกมา
ส่วนลูเซียนนั้นมีโล่คุ้มกันอยู่ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
บนอกของราชามัมมี่ปรากฏรอยดาบลึกที่ตัดผ่านเนื้อเน่าเปื่อยสีดำมะเมื่อมเข้าไป และปากแผลก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาสีแดงแสนดุร้ายของมันตวัดมาจ้องมองลูเซียน ก่อนจะเงื้อหมัดขึ้นหมายจะต่อยลูเซียนด้วยความเดือดดาล
แต่มันไม่อาจทำได้สำเร็จ ก่อนที่หมัดของมันจะแตะต้องตัวลูเซียน ร่างกายส่วนบนของมันก็แยกออกเป็นชิ้นๆ เศษเนื้อเน่าเปื่อยร่วงกราวลงบนพื้นและถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นกองโลหิตและน้ำหนอง
หัวใจลูเซียนเต็มตื้นด้วยความปิติยินดีอย่างรุนแรง ชนิดที่เขาไม่สามารถใช้คำใดมาอธิบายได้ นี่มันบ้ามาก! พวกเขาพยายามเต็มที่และสุดท้ายก็สังหารมันได้!
ผ้าพันแผลถูกกองโลหิตและน้ำหนองทำให้ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่มงกุฎทองคำยังคงเปล่งประกายอยู่
ลูเซียนถือโล่แห่งสัจธรรมเดินตรงไปหยิบมงกุฎนั้นขึ้นมา เขาคิดจะพูดกับเคลาส์เรื่องการแบ่งของรางวัลหลังจากที่พวกเขาออกไปจากที่นี่แล้ว
การต่อสู้นี้ทำให้เคลาส์ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นรวมถึงหุ่นเชิดชั้นตำนานที่เขาเก็บซ่อนมานานหลายปี เคลาส์ถอนหายใจเฮือก ในที่สุดประสาททั่วร่างกายก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
และเมื่อหันหลังกลับ เขาก็ได้เห็นม่านบางๆ หลายชั้นที่มีดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่เบื้องหลัง เคลาส์ยื่นมือออกไป พยายามจะจับมัน เพื่อทำความเข้าใจความลับของเตาหลอมแสนลี้ลับนี้
“เตาหลอมวิญญาณ…” เคลาส์พึมพำเสียงแผ่วด้วยความหลงใหล
ลูเซียนเอ่ยเตือนอีกฝ่ายผ่านทางกระแสจิต “ระวังด้วย ผีดิบที่เหลืออาจตามเราทันได้ทุกเมื่อ เจ้าร่ายเวทป้องกันอีกครั้งก่อนเถิด”
ลูเซียนพูดถูก เคลาส์จึงทิ้งมือลงข้างตัวและเริ่มร่ายคาถาเวทป้องกันให้กับตนเองหลายต่อหลายชั้น ในระหว่างนั้น เขายังคงจดจ้องไปทางเตาหลอมอย่างอิ่มเอมใจ
“แสงพิพากษา!”
ทันใดนั้น เสียงเคร่งขรึมก็ดังขึ้น ลำแสงแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะลวงยอดปราสาทลงมาโดนเคลาส์อย่างจัง!
“เจ้าคนบาป! จงลงไปสารภาพบาปในนรกซะ!”
ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์นั้น ร่างของเคลาส์ค่อยๆ ระเหยหายไป เขาหันไปมองอีกทางด้านหนึ่ง บนใบหน้าเขามีแต่ความตกตะลึง ด้วยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพลังจิตและเวทค้นหาของตนจะพลาดเขาไปได้!
แล้วสติรับรู้ของเขาก็เริ่มเลือนหาย เขามองเห็นจุดจบชีวิตของตนเองแล้ว
สายตาของเขาเริ่มพร่ามัว แต่เตาหลอมวิญญาณยังคงอยู่ในคลองสายตา เขาไม่รู้สึกเสียใจสักนิด เขาได้เห็นเตาหลอมนี้แล้ว
ร่างกายและดวงวิญญาณของเคลาส์เลือนหายไปในอากาศท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีนี้
เหตุการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของลูเซียนไปโดยสิ้นเชิง บางทีอาจเป็นเพราะเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นอัศวินชั้นตำนานก็ได้ และพรมแดนอำนาจจิตของเขาก็ไม่ละเอียดถี่ถ้วนเท่าพลังจิต
ลูเซียนหันหลังกลับด้วยความตกตะลึงระคนเดือดดาล และก็ได้เห็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว เขามีผมสีเหลืองครีมตัดสั้น และดวงตาสีแดงของเขาก็ฉายประกายเย้ยหยันชัดเจน มือขวาของเขายื่นออกมาและกำลังวาดมือเป็นสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนแผงอก
แนวตั้งสั้นกว่า และแนวนอนก็ยาวกว่าปกติ!