Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 641 การแสดงของเจ้าและข้า
- Home
- Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
- บทที่ 641 การแสดงของเจ้าและข้า
บทที่ 641 การแสดงของเจ้าและข้า
“เจ้าพูดถึงเรื่องอันใด” สัตว์ประหลาดหาได้พุ่งเข้าโจมตีหลังจากหยุดหัวเราะ กลับจดจ้องลูเซียนด้วยท่าทาเคร่งเครียด
ลูเซียนดันแว่นตาข้างเดียวขึ้นพลางตอบ “เมแคนทรอน ราชาแห่งทูตสวรรค์ คือร่างจุติของธานอส และเดิมทีทูตสวรรค์เสราฟิมทั้งหกก็ถูกสร้างขึ้นจากนักเวทชั้นตำนานทั้งหกท่าน เมื่อพิจารณาเบาะแสทั้งหมดนี้แล้ว เราก็จะสรุปได้ว่าผู้ที่ชักใยอยู้เบื้องหลังคือไวเค็น ราชันย์แห่งความพินาศ ผู้ที่หายตัวไปเป็นคนแรก”
‘ราชันย์แห่งความพินาศ’ นั้นเป็นทั้งชื่อพลังชั้นตำนานและชื่อเล่นของไวเค็น ซึ่งมีความหมายว่าเขาคือผู้สร้างความพินาศให้กับโลก ชีวิต และผู้คน
“แล้ว?” สัตว์ประหลาดดูท่าทางสนอกสนใจในการอนุมานของลูเซียน
“ในเมื่อคทาทองคำขาว ของสำคัญที่ท่านธานอสทิ้งไว้ ตกไปอยู่ในมือพระสันตะปาปาแทนที่จะอยู่ในทวารานาจักร มันก็บ่งชี้ว่าใครสักคนได้ออกไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับคทาทองคำขาวที่สามารถควบคุมบงการพลังจากหุบเขาวิมานได้” ไรห์นช่วยลูเซียนพูดต่อ
ลูเซียนพยักหน้า “ด้วยเหตุนี้ หากไม่มีเบาะแสอื่นๆ เราอาจจะมองว่าพระสันตะปาปาคือไวเค็น ตัวการทั้งหมดในที่นี้ แต่ว่า มันกลับยังมีความย้อนแย้งในการอนุมานของเรา”
“โอ้ มันคืออะไรงั้นรึ” สัตว์ประหลาดถามอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่ ไร้ซึ่งสัญญาณว่าจะพุ่งเข้าโจมตี
“เขาคือผู้คว้าชัยในตอนแรกเริ่ม เป็นผู้สรรค์สร้างนักเวทชั้นตำนานทั้งหกให้กลายเป็นทูตสวรรค์เสราฟิม แต่เขากลับถูกราชาแห่งทูตสวรรค์และซาร์ดหักหลัง มันบ่งบอกถึงอะไรน่ะหรือ มันบ่งบอกว่าเขาไม่อาจควบคุมหุบเขาวิมานและทวารานาจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรเล่า” ลูเซียนไม่สงสัยเลยว่าไวเค็นจะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพโดยสมบูรณ์แล้วในตอนนี้
“ไวเค็นสูญเสียการควบคุมเหนือหุบเขาวิมานในตอนที่สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ในกำมือเขา ซึ่งหมายความว่าตอนนั้นคงจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น และสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่อยู่ที่นี่ก็แข็งแกร่งพอจะขัดขวางไม่ให้เขาเข้ามาในทวารานาจักรได้บ่อยครั้ง ทว่า หากเขาไม่เข้ามาที่นี่บ่อยๆ พลังควบคุมเหนือราชาแห่งทูตสวรรค์และทูตสวรรค์เสราฟิมทั้งหมดก็จะค่อยๆ อ่อนกำลังลง นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตที่ขัดขวางเขาย่อมพยายามจูงใจราชาแห่งทูตสวรรค์อย่างแน่นอน ผลลัพธ์ก็คือการทรยศที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
ลูเซียนกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับมิได้อยู่ในสมรภูมิรบที่อันตรายถึงชีวิต แต่กำลังยืนอยู่บนแท่นปราศรัย
“เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตลึกลับในโลกแห่งวิญญาณใช่หรือไม่” สัตว์ประหลาดกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ
ลูเซียนมองสัตว์ประหลาดด้วยใบหน้าอมยิ้ม “เปล่าขอรับ ขณะรอให้ตัวมันฟื้นคืนชีพและกลับมายังเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ มันย่อมไม่มีทางแบกรับภาระหน้าที่แสนสำคัญนั้นได้ ข้ากำลังพูดถึงท่านต่างหากล่ะขอรับ เป็นท่านที่ขับไล่ไวเค็น ทำให้เขาไม่กล้าเข้ามาในทวารานาจักรบ่อยๆ”
ก่อนที่สัตว์ประหลาดจะทันได้ตอบอะไร ลูเซียนก็ยกมือซ้ายขึ้นชี้ไปทางสัตว์ประหลาด มินำพาต่อท่าทางประหลาดใจของไรห์น “หากมิใช่ท่าน เหตุใดเศษกระดาษ ชิ้นส่วนของหุ่นเชิด สมุดบันทึกเวทมนตร์และบันทึกการทดลองทั้งหมดจึงได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีโดยไม่ถูกไวเค็นทำลายทิ้งกันเล่า”
“หากมิใช่ท่าน เหตุใดเราจึงบังเอิญไปเจอเบาะแสมากมายอย่างง่ายดายเช่นนั้นเล่า”
“หากมิใช่ท่าน เหตุใดซาร์ดจึงบังเอิญพบเจอกับราชาแห่งทูตสวรรค์กันเล่า”
“หากมิใช่ท่าน เหตุใดเขาจึงออกไปจากทวารานาจักรได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนกันเล่า”
“หากมิใช่ท่าน ชิ้นส่วนลี้ลับในตัวซาร์ดจะมาจากที่ใดได้อีก เหตุใดเขาจึงจงใจนำทางเรามายังที่แห่งนี้ ให้เราได้เห็นวงแหวนเวทวงนี้กันเล่า”
“หากมิใช่ท่าน เหตุใดท่านจึงเสียเวลาพูดคุยให้มากความ มอบโอกาสให้เราได้หลบหนีในระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อนๆ ของเรากันเล่าขอรับ”
ความบังเอิญเพียงหนึ่งครั้งนั้นเป็นเรื่องที่รับได้ แต่มันย่อมต้องมีเหตุผลหากว่าความบังเอิญนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเกินไป!
ไรห์นพลันตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและมองไปทางสัตว์ประหลาด “เจ้าทำเช่นนั้นก็เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของไวเค็นและหาคนมาช่วยจัดการกับเขาใช่หรือไม่”
สัตว์ประหลาดนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้อันใด
ลูเซียนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่คิดว่าท่านจะเฝ้าอารักขาทวารานาจักรด้วยความเต็มใจนัก ความจริงแล้ว ท่านถูกไวเค็นควบคุมและมีข้อกำหนดมากมายปลูกฝังไว้ในตัว นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมท่านจึงออกไปไม่ได้และเป็นเหตุผลที่ท่านต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก”
“ข้าคิดว่าการทดลองมิได้เกิดความผิดพลาดในตอนที่ท่านมาสเกลีนกับสหายสร้างท่านขึ้นโดยใช้ภูตผีทั้งหลาย จริงๆ แล้ว เป็นไวเค็นที่หลอกพวกท่านด้วยวิธีแปลงกายเป็นปีศาจที่เขาได้รับสืบทอดมาจากราชันย์แห่งสุริยา ดังนั้น ท่านจึงต้องทำตามคำสั่งของเขาหลังจากที่ท่านถือกำเนิดขึ้น และช่วยเขาจับตัวนักเวทชั้นตำนานอีกหกคน”
“ข้าคิดว่าท่านอาจเป็นอีกวิธีการหนึ่งสำหรับการคืนชีพที่ท่านธานอสทิ้งไว้ หากว่าไวเค็นไม่ค้นพบแล้วนำมาใช้ประโยชน์เสียก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ท่านเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมนุษย์ครึ่งเทพและเป็นเหตุผลที่ท่านสามารถ ‘ช่วย’ ซาร์ดให้ใช้พลังพระเจ้าเสด็จได้!”
“ข้าคิดว่าข้อจำกัดของไวเค็นคงจะมีช่องโหว่อยู่ ในเมื่อท่านเองก็เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมท่านจึงหลุดจากการควบคุมของเขาในตอนที่เขาออกไปจากทวารานาจักรเพื่อสร้างศาสนานักบุญสัจธรรม แต่ว่า ข้อกำจัดเหล่านั้นก็ยังมีอยู่ มันบังคับให้ท่านสังหารสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เข้ามาในทวารานาจักรและห้ามท่านบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เราทราบ ท่านจึงเตือนเราด้วยวิธีการอันหลากหลายและมอบหนทางในการเอาชีวิตรอดให้กับเราด้วยการพูดคุยเรื่องไร้แก่นสาร”
ขณะจดจ้องไปที่สัตว์ประหลาด ลูเซียนก็ประกาศกร้าว ถ้อยคำของเขายิงออกมาราวกับกระสุนปืนใหญ่
“ข้าคิดว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในห้องทดลองของท่านธานอสคือการต่อสู้ระหว่างท่านกับไวเค็น ท่านไม่ได้ล้มเหลว แต่เขาก็มิใช่ผู้ชนะ ท่านจึงรักษาบันทึกการทดลองส่วนหนึ่งเอาไว้ได้!”
“นั่นคือเหตุผลที่ท่านมาสเกลีนกับท่านแม็คลอยด์ได้รับการเตือนจากท่านในช่วงสุดท้าย และรู้ว่าใครคือตัวการที่แท้จริง เพราะอย่างนี้ท่านมาสเกลีนจึงบอกกับข้าว่าผู้ที่เราคิดว่าเป็นศัตรูอาจเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเราก็เป็นได้!”
“ข้าพูดถูกหรือไม่ขอรับ ท่านสัตว์ประหลาด”
หลังจากเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง จู่ๆ สัตว์ประหลาดก็หัวเราะออกมา “เจ้าพูดผิดบางส่วน เช่น หากเจ้ายังไม่ค้นพบห้องทดลองของธานอสและระบุตัวตนของไวเค็นได้ ข้าจะยังแสดงพลังในระดับที่เหนือกว่าเป้าหมายเพียงหนึ่งหรือครึ่งขั้นเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าอาจสูญเสียความสามารถหรือการกู้คืนความทรงจำและการลอกเลียนแบบ นั่นคือขีดจำกัดทางธรรมชาติ”
“สรุปแล้ว ท่านยอมรับทฤษฎีส่วนที่เหลือของข้าใช่หรือไม่ ท่านสัตว์ประหลาด” ลูเซียนยิ้มยิ้ม
สัตว์ประหลาดหัวเราะร่า “เจ้าฉลาดมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่อย่างไรข้าก็ยังต้องกำจัดเจ้า”
มันไม่มีทางเลือกจริงๆ
ราวกับเขาไม่ได้ยินคำพิพากษาประหารชีวิต ลูเซียนตอบกลับไปด้วยท่าทางเป็นกันเองและสง่างาม “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านไม่จำเป็นต้องกำจัดข้า ข้าจะตายด้วยตัวข้าเอง”
“จริงรึ” น้ำเสียงของมันฟังดูแปลกพิกล
ลูเซียนทาบมือขวาบนอกแล้วค้อมกายลงอีกคราด้วยมาดสมกับเป็นสุภาพบุรุษ
“ข้าจะไม่รบกวนเวลาท่านสัตว์ประหลาดแล้วล่ะขอรับ”
ขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น เขาก็กางแขนออกเป็นรูปไม้กางเขนมนุษย์ เสื้อสูทของเขาปลดกระดุมออก และสายโซ่เส้นบางของนาฬิกพกก็ยืดยาวออกจากกระเป๋าเสื้อสูท
จากนั้น เขาก็หงายหลังร่วงลงไป เส้นผมของเขาพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางสายลม
ด้านหลังลูเซียนคือหลุมขนาดใหญ่ยักษ์เต้มไปด้วยลวดลายเวทมนตร์หลากชนิด และปลายทางของการดิ่งเวหาของเขาก็คือจุดศูนย์กลางของก้นหลุม!
ฉับพลันนั้น ฝูงค้างคาวก็โผบินไปดึงตัวลูเซียน ในที่สุดไรห์นก็เข้าใจในสิ่งที่ลูเซียนพยายามทำอยู่
ลูเซียนร่วงลงสู่ใจกลางวงแหวนเวทโดยกางแขนออกกว้างและมีฝูงค้างคาวล้อมรอบกายจนดูราวกับกลุ่มเมฆหมอก
“ท่านสัตว์ประหลาด ข้าอยากทราบว่าข้าควรจะเรียกท่านว่าอย่างไรดี” สัญลักษณ์ลวดลายต่างๆ ในวงแหวนเวทรอบๆ ตัวลูเซียนเปล่งแสงเป็นประกายวิบวับ ขณะที่เขาเอ่ยถามคำถามสุดท้าย
สัตว์ประหลาดตนนั้นเฝ้ามองลูเซียนหงายลงร่วงลงไปขณะแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ ใบหน้าของมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเอง ลูเซียนที่ร่วงลงไปใกล้ก้นหลุม ภาพสะท้อนบนแว่นตาข้างเดียวของลูเซียนก็ปรากฏรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาคือชายชราท่าทางเศร้าซึมผู้มีผมสีดอกเลา
“เมื่อนานมาแล้ว ข้าก็เคยมีชื่อว่าไวเค็นเช่นกัน…”
‘อะไรนะ’ ลูเซียนมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ฉับพลันนั้น เขาก็นึกถึงหุ่นเชิดที่ถูกแยกส่วนตัวนั้น
ลวดลายเวทมนตร์ทั้งหมดเปล่งแสงเจิดจ้า แสงสีดำ ขาว และเทาอันเงียบงันทึบทึมและพลังสีขาวงาช้างมีชีวิตชีวาก็ไหลทะลักออกมารวมตัวกันอีกครั้ง ความตายและชีวิต ความชั่วร้ายกับความศักดิ์สิทธิ์ ความมืดและความสว่าง ทั้งหมดนี้เข้าพัวพันโอบล้อมลูเซียนกับไรห์นไว้อย่างแปลกประหลาด
…
ภายในห้องโถงสีเทาในทวารานาจักร ร่องรอยการทำลายล้างปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ผนังกับประตูดำทั้งหลายในห้องโถงใกล้ๆ กันนั้นก็ถูกทำลายลงเช่นกัน ของเหลวบางอย่างกำลังไหลหยดออกมาเพื่อซ่อมแซมพวกมัน
“‘ทวารานาจักร’ แห่งนี้มีชีวิตเช่นนั้นหรือ” เฟอร์นันโดมองไปรอบๆ ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ดักลาสเองก็กำลังมองสังเกตผนังกับประตูด้วยความสงสัยใคร่รู้ “เหตุใดทวารานาจักรจึงมีชีวิตกันเล่า มันคือสิ่งมีชีวิตรูปแบบใดกันนะ”
“หยุดถามคำถามก่อนเถิด รีบตามราชาแห่งทูตสวรรค์ไปกันดีกว่า ไม่ง่ายเลยที่เราจะทำให้มันบาดเจ็บสาหัสได้ถึงเพียงนี้ เราไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ไปได้ หลังจากที่เราจับตัวมันได้ เราก็จะรู้ว่าเหตุใดมันจึงมาปรากฏตัวในโลกแห่งวิญญาณและทวารานาจักร” เฟอร์นันโดเอ่ยกระตุ้น หากพวกเขาสามารถล่วงรู้ความลับทั้งหลายเกี่ยวกับทวารานาจักรได้จากราชาแห่งทูตสวรรค์ มันย่อมช่วยให้พวกเขาระบุตำแหน่งของลูเซียนได้
ดักลาสตวัดสายตากลับมาพลางกล่าวตอบเสียงเคร่งขรึม “ก็ได้”
เมื่อครู่นี้ พวกเขาเพิ่งเข้ามาในส่วนลึกของทวารานาจักร โดยสะกดรอยตามราชาแห่งทูตสวรรค์มา และไล่ตามอีกฝ่ายทันที่ห้องโถงนี้ เนื่องจากทั้งสองร่วมมือกัน ราชาแห่งทูตสวรรค์ที่ยังไม่ได้รับอิทธิพลพลังอำนาจจากหุบเขาวิมานบาดจึงเจ็บสาหัส หากมิใช่เพราะ ‘พลังพระเจ้าคุ้มครอง’ ทรงพลังมาก เมแคนทรอนคงแทบหลบหนีไปที่ใดมิได้ อย่างไรเสีย ดักลาสก็กำลังจะเลื่อนระดับพลังเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ และทั้งสองก็เตรียมตัวสำหรับการโจมตีมาอย่างดี
นักเวทที่เตรียมตัวมาดีคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุดเสมอ!
…
ภายในห้องโถงสีเทาห้องหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาสลัดผู้ที่ไล่ตามมาได้แล้ว เมแคนทรอนจึงหยุดเดินและคิดจะรักษาบาดแผลด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้อาการดีขึ้นกว่านี้เสียก่อน
ขนนกบนปีกทั้งสามสิบหกปีกบนแผ่นหลังของเขาหลุดร่วงลงไปมาก โลหิตสีทองเปรอะเปื้อนรอบปากเขา บาดแผลรุนแรงชัดเจนปรากฏอยู่ทั่วทั้งตัว แม้แต่ความสามารถในการฟื้นฟูของราชาแห่งทูตสวรรค์ก็ยังไม่อาจรักษาให้หายได้ทันที เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนักมากจริงๆ
“ข้าจะให้พวกเจ้าได้รับรู้ถึงโทสะของข้าหลังจากที่ข้าเข้าไปในเขตอิทธิพลของหุบเขาวิมาน!” ราชาแห่งทูตสวรรค์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลังของเขาจะสูงขึ้นครึ่งขั้นยามที่เขาอยู่ใกล้ๆ หุบเขาวิมาน และพลังเสริมนั้นก็ไร้ข้อจำกัดด้านเวลา
ในตอนที่เขากำลังจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นเอง ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวโดยพลัน ดวงตาสีทองของเขาบัดเดี๋ยวเจิดจ้า บัดเดี๋ยวริบหรี่อับแสง เขากุมศีรษะตัวเองไว้แน่นพร้อมกับกรีดร้องออกมา “ผู้ใดกัน ผู้ใดพยายามแทรกแซงเข้ามาในร่างข้า”
ตัวเขาถูกแสงศักดิ์สิทธิ์โอบล้อม ขณะที่เขาพยายามต่อต้านผู้โจมตีนิรนามที่พยายามจะเข้าครอบครองร่างของเขา
ทันใดนั้น เสียงเคร่งขรึมทุ้มต่ำก็ดังก้องในหัว “ไม่ง่ายเลยที่ต้องเฝ้ารอโอกาสให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีกครา เจ้าจะเรียกข้าว่ารูดอล์ฟที่สอง หรือธานอส นามเดิมของข้าก็ได้!”
“อะไรนะ” เมแคนทรอนประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาพลันเสียการควบคุมความคิดของตน หลังจากเกิดความโกลาหลขึ้นครู่หนึ่ง ดวงตาสีทองของเขาก็กลับมาเป็นประกายสดใสอีกครา และบาดแผลบนร่างของเขาก็หายดีอย่างรวดเร็ว
เขาส่ายศีรษะและทำความคุ้นเคยกับร่างกาย จากนั้น ‘เมแคนทรอน’ ก็แย้มยิ้มเยาะหยัน “ใครมันจะไปเขียนวิธีการฟื้นคืนชีพที่แท้จริงไว้ในสมุดกันเล่า ข้าเพียงแต่ต้องคลำหาหนทางเลื่อนระดับพลังอีกครั้งเพราะความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ มิเช่นนั้นข้าคงไม่ต้องรอคอยมานานเช่นนี้หรอก”
…………………………………