Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 701 แผนการของลูเซียน
ภายในมิติทะเลเดือด
กอนไฮล์มคิดแล้วพลันลงมือทำ ความมืดหดตัววูบ ก่อนที่ตาข่ายล่องหนที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งและความมืดจะเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ เพื่อคุ้มกันตัวมัน
ในระหว่างกระบวนการนั้น ท่านหญิงหิมะก็เข้าฟาดฟันความมืดอย่างเต็มกำลังเพื่อขัดขวางมิให้มันถอยกลับไปรวมตัวกันได้โดยสะดวก
เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาได้แช่แข็งธารลาวาเดือดและทุกสรรพสิ่งที่มันแตะต้อง ท่านหญิงหิมะได้ใช้พลังจากแก่นพลังปีศาจของนาง เพราะนี่นับเป็นโอกาสอันดีงามที่นางจะสังหารศัตรูตัวฉกาจและขึ้นครองบัลลังก์เจ้าชายปีศาจ! ยามนี้ นางถูกความปรารถนาในการกลืนกินและฆ่าล้างเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์!
ความมุมานะของท่านหญิงหิมะขัดขวางมิให้พลังของกอนไฮล์มหดตัวกลับไปมากกว่านี้ได้สำเร็จ ในขณะที่เสียงร่ายคาถาเวทมนตร์ระดับตำนานหลายบทดังกึกก้องไปทั่วทั้งมิติทะเลเดือด
กอนไฮล์มเดือดดาลยิ่ง แต่มันยังคงตัดสินใจได้ถูกต้อง จู่ๆ ร่างจริงของกอนไฮล์มที่อยู่ในป้อมปราการเยือกแข็งก็เลือนลางโปร่งแสงลง ราวกับว่าพลังของมันได้หลอมรวมเข้ากับภาพมายาสะท้อนที่กำลังเผชิญหน้ากับภยันตรายใหญ่หลวง ณ มิติทะเลเดือด กอนไฮล์มทำเช่นนี้ก็เพราะทั้งนักเวทชั้นตำนานและนาตาชาต่างสามารถสังหารร่างที่แท้จริงของมันในป้อมปราการได้ด้วยการแกะรอยย้อนกลับจากภาพมายาสะท้อน!
บนฟ้า มือขวาพร้อมกับกรงเล็บแห่งความมืดพลันกลายเป็นสีดำสนิท มันดำมืดดูราวกับราตรีที่น่าหวาดหวั่นลึกล้ำที่สุด อุณหภูมิต่ำแทบถึงขีดสุดที่มันนำมายังสู่สมรภูมิรบถึงกับแช่แข็งท่านหญิงหิมะที่ลอยตัวอยู่ในอากาศและแปรสภาพนางให้กลายเป็นรูปปั้นคริสตัล!
แท้จริงแล้วกอนไฮล์มสามารถทำร้ายท่านหญิงหิมะให้บาดเจ็บรุนแรงได้ แต่มันจำต้องปกป้องตัวเอง! กอนไฮล์มต้องตัดสินใจเลือก!
โลกในมิติที่ถูกแช่แข็งเริ่มปริแตกเพราะเวทมนตร์ และในขณะเดียวกันนั้น จักรวาลก็สามารถเติบโตกลับมาอีกครั้ง
เวทพังทลายขั้นสุดยอดสามารถทะลุทะลวงตาข่ายน้ำแข็งและความมืดเข้าไปได้หลายชั้น แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด กอนไฮล์มยังคงปลอดภัยดีภายใต้ตาข่ายคุ้มกัน รวมถึงอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับยอดเยี่ยมทั้งหลายของมันด้วย!
นับเป็นปรากฏการณ์พบหาได้ยากยิ่งที่เวทพังทลายขั้นสุดยอดไม่สามารถกวาดล้างไปทั้งสมรภูมิรบ ในมิติอเวจีแห่งนี้ กอนไฮล์มมีความต้านทานต่อเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งมาก และมันยังถึงกับต้านทานเวทพังทลายขั้นสุดยอดได้ส่วนหนึ่ง!
พายุที่โหมกระหน่ำพัดพาเอามือขวาสีดำเข้าไป จากนั้นสายฟ้าก็สว่างวาบจากภายในนั้น ดวงดาวลอยเกลื่อนฟ้าและเปลี่ยนท้องฟ้าเหนือมิติทะเลเดือดให้กลายเป็นท้องนภาประดับดาวแสนงดงามน่าอัศจรรย์ใจ!
จากนั้น ดวงดาวเจิดจำรัสทั้งหลายก็พุ่งเข้าใส่มือขวาของเดโมกอร์กอนแห่งความมืดอย่างเร็วแรง และพวกมันก็กระแทกเข้าใส่มือขวาสีดำแทบจะพร้อมๆ กัน!
ตูม!
ใจกลางพายุพลันระเบิดตูมตาม เปลวเพลิงและประกายไฟปะทุไปทั่วทุกหนแห่ง มันดูราวกับว่ามือสีดำใหญ่ยักษ์นั้นกำลัง ‘หลั่งโลหิต’ แต่มิใช่เลือดที่หยดลงมา กลับเป็นหยดน้ำสีดำแผ่อุณหภูมิที่ต่ำแทบขีดสุดดูน่าคร้ามเกรง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่หยดน้ำสีดำนั้นแตะต้องจักกลายเป็นน้ำแข็งโดยพลัน
ภายใต้การโจมตีที่สามนักเวทชั้นตำนานร่วมมือกัน และด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจจากสองเจ้าแห่งปีศาจ ปราการคุ้มกันกายของเดโมกอร์กอนแห่งความมืดจึงถูกทำลายสิ้นในท้ายที่สุด กอนไฮล์มจึงได้รับบาดเจ็บ!
หากมิใช่ว่ามันดึงพลังส่วนใหญ่มาจากร่างแท้ได้ทันกาล เจ้าเดโมกอร์กอนคงบาดเจ็บหนักกว่านี้นัก หรืออาจถึงกับตกตายไปเลยก็เป็นได้!
บนท้องฟ้าสีซีดจางเหนือป้อมปราการเยือกแข็ง เจ้าแห่งภูตผีตวัดเคียวแห่งความตาย พลังของเคียวนั้นสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในพื้นที่นั้นเหี่ยวเฉาลง และเคียวนี้ก็ฟาดฟันจนทะลุทะลวงป้อมปราการด้วยพลังแห่งความตายอันไร้ที่สิ้นสุด!
แอ็ปซิสไม่ได้อยู่ในรูปของร่างมายา ดังนั้นตอนนี้มันจึงสูงหลายร้อยเมตร สูงใหญ่เสียยิ่งกว่าป้อมปราการ! และป้อมปราการเยือกแข็งก็ดูเล็กจิ๋วไปทันทีเมื่อเทียบกับเคียวแห่งความตายอันใหญ่ยักษ์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าตัวของแอ็ปซิส!
การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความทุกข์ทรมาน ความยากลำบาก และคำสาปแช่ง และมันก็ตัดผ่านปราการคุ้มกันภายนอกป้อมปราการทันที เพราะกอนไฮล์มเพิ่งจะดึงพลังไปอีกทางหนึ่ง ปราการคุ้มกันหนึ่งชั้นนี้จึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ป้อมปราการเหลืออยู่ในตอนนี้!
มือซ้ายขนาดยักษ์ที่มีกรงเล็บแห่งความมืดยื่นออกมาจากป้อมปราการเพื่อสะกัดคมดาบเอาไว้!
“อ๊ากกกกกกกกก!!!”
ในตอนที่เคียวเฉือนผ่านมือซ้ายข้างนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนและเดือดดาลก็พลันดังกึกก้องมาจากภายในป้อมปราการ บัดนี้กลางฝ่ามือนั้นปรากฏรอยเฉือนลึก และโลหิตสีน้ำเงินเข้มก็ไหลทะลักออกมา ทุกที่ที่โลหิตสีน้ำเงินนั้นสาดกระเซ็นจะถูกน้ำแข็งขึ้นปกคลุมเอาไว้
เมื่อเดโมกอร์กอนแห่งความมืดสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไป แม้ว่าป้อมปราการเยือกแข็งจะเป็นถิ่นของมัน แต่มันก็ยังคงอ่อนแอยิ่ง เพียงขัดขวางมิให้เจ้าแห่งความตายฝ่าเข้ามาถึงตัวก็นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ทำเอาหืดขึ้นคอแล้ว
ใบหน้าของแอ็ปซิสมิอาจแสดงสีหน้าได้ แต่ลูกไฟสีขาวกลับปรากฏขึ้นในเบ้าตาทั้งสองข้าง จิตสำนึกความเป็นปีศาจของมันถูกปลุกขึ้นแล้ว ดังนั้นการโจมตีระลอกต่อมาจึงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ดวงตาข้างซ้ายของลูเซียนเป็นสีแดงสดดั่งเม็ดทับทิม ก่อนที่ลำแสงจะแผ่พุ่งออกมากระทบกับมือขวาของกอนไฮล์มที่เพิ่งจะยื่นออกมาจากความมืดด้วยความเร็วอันหาที่เปรียบมิได้
ความมืดมิอาจหยุดยั้งหรือแช่แข็งลำแสงได้ ลำแสงสีแดงพุ่งทะลวงผ่านความมืดเข้าไปกระแทกกับมือนั้นอย่างจัง!
เสียงเนื้อถูกทะลวงดังฟังชัดอย่างยิ่งในบริเวณนั้น และบนฝ่ามือขวาของกอนไฮล์มก็ปรากฏรูลึก ความร้อนของลำแสงได้เผาเนื้อหนังของมันจนดำเมี่ยม!
เมื่อเกราะคุ้มกันกายของกอนไฮล์มถูกกำจัดไปทั้งหมด เวทเพ่งพยาบาทของลูเซียน บวกกับเวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอนจึงทำหน้าที่มันได้ดีเป็นที่ยิ่ง!
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น อาการชาที่มือขวามิได้ทำให้มันปัดป้องการโจมตีจากนาตาได้เชื่องช้าลงเลย กระแสไฟฟ้าขนาดเล็กจิ๋วกับน้ำแข็งเย็นเยียบขัดขวางมิให้คมดาบของดาบแห่งสัจธรรมตัดเฉือนลงไปลึกกว่านี้!
จากนั้น ท่านหญิงหิมะและเจ้าแห่งภูตผีก็ลงมือโจมตีอีกระลอกหนึ่งจากทั้งสองด้าน
ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่กอนไฮล์มก็เริ่มรู้สึกเสียเปรียบเล็กน้อย
กอนไฮล์มรู้ดีว่ามันไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์แย่ลงไปมากกว่านี้ มันจำต้องกลับไปยังป้อมปราการเยือกแข็ง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม การร่วมมือกันของดักลาส เฟอร์นันโด แฮทธาเวย์ นาตาชา ไวโอเล็ต ลูเซียน อีวานส์ และท่านหญิงหิมะแทบจะเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับการต่อสู้กับมนุษย์ครึ่งเทพที่นอกถิ่นเลยทีเดียว!
ทว่า ในตอนนั้นเอง กอนไฮล์มก็ต้องตะลึงงันเมื่อมันเห็นว่าท้องนภายามราตรีหายไป พายุสายฟ้าก็เริ่มหมดฤทธิ์ และร่างอันงดงามก็ค่อยๆ เลือนหายไป
‘ทั้งหมดนั้นคือภาพมายาเช่นนั้นหรือ’
‘ไม่…นั่นคือพลังจากชั้นตำนานระดับสูงสุด…’
‘พวกนั้นคือมิติพิเศษที่ถูกอัญเชิญมาเช่นนั้นหรือ แต่เหตุใดการอัญเชิญจึงใช่เวลาสั้นถึงเพียงนั้นกัน’
ความคิดมากมายวูบผ่านเข้ามาในหัวกอนไฮล์ม แต่ที่แน่ๆ มันรู้ดีอยู่อย่างหนึ่ง มันถูกลูเซียน อีวานส์ หลอกเข้าให้แล้ว!
การเสียสมาธิเพียงหนึ่งวินาทีมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน แอ็ปซิสกดเคียวเฉือนมือซ้ายของกอนไฮล์มลึกลงกว่าเดิม และมือขวาของมันก็ถูกท่านหญิงหิมะจับกุมเอาไว้
กอนไฮล์มมองเห็นว่าลูเซียนและนาตาชากำลังส่งยิ้มมาให้ตน ขณะที่ร่างของทั้งสองค่อยๆ โปร่งแสงลงเรื่อยๆ ลูเซียนถอดหมวกทรงสูงออกมาวางทาบบนอกเพื่อแสดงความขอบคุณ ส่วนนาตาชานั้นแย้มยิ้มกว้างและทำท่าวันทยหัตถ์ตามแบบฉบับของอัศวิน
จากนั้นร่างของทั้งสองก็หายลับไป เมื่อพวกเขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองก็ตรงเข้าไปในมิติจักรวาลวายป่วงแล้ว!
“โธ่เอ้ย!” กอนไฮล์มเดือดดาลอย่างยิ่งกับความเจ้าเล่ห์เพทุบายของลูเซียน แต่กลับมิอาจไล่ตามไปได้เพราะมีท่านหญิงหิมะและเจ้าแห่งความตายขัดขวางเอาไว้ มันย่อมกำจัดทั้งสองได้ภายในสามสิบวินาที แต่เพียงสามสิบวินาทีก็มากพอแล้วสำหรับชั้นตำนานทั้งสองในการตามหาหนึ่งในแกนหลักของมิติ!
นอกจากนี้ หากปล่อยลูเซียนเข้าไปในมิติจักรวาลวายป่วงในตอนนี้ แผนการทั้งหมดอาจเกิดปัญหาขึ้นได้!
การมีอยู่ของเดโมกอร์กอนแห่งความมืดคือเหตุผลที่ว่าทำไมลูเซียนจึงใช้เวลาเตรียมการเพื่อเข้าไปยังมิติจักรวาลวายป่วงนานถึงเพียงนี้
แม้ว่าการมีอยู่ขอจักรวาลวายป่วงจะเป็นความลับชิ้นใหญ่สำหรับเหล่านักเวทและพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญ แต่เจ้าแห่งปีศาจที่มีอยู่น้อยนิดในอเวจีต่างรู้กันดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับรองผู้นำแห่งอเวจีอย่างเจ้าชายปีศาจ
เจ้าชายปีศาจตนก่อนหมกหมุ่นกับการฆ่าล้างผลาญเกินกว่าจะให้ความสนใจกับวัตถุดิบชั้นตำนานอะไรก็มิทราบอย่างแผ่นกาลเวลา ดังนั้น ลูเซียนจึงเชื่อว่าแผ่นกาลเวลาจะอยู่ที่นั่นเสมอหากเจ้าชายตนก่อนคือผู้ควบคุมดูแล ทว่า เจ้าชายปีศาจตนใหม่คือกอนไฮล์ม ‘เดโทกอร์กอนแห่งความมืด’ ปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา แม้ว่ามันจะไม่ต้องการแผ่นกาลเวลา แต่ลูเซียนก็เชื่อว่ามันย่อมนำแผ่นกาลเวลาออกไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มันต้องการ กอนไฮล์มย่อมไม่ปล่อยของดีๆ เช่นนี้ให้อยู่อย่างสูญเปล่าแน่
ด้วยเหตุนี้ หลังจากยืนยันได้แน่ชัดว่าแผ่นกาลเวลายังอยู่ในมิติจักรวาลวายป่วงโดยใช้เวทพยากรณ์ ลูเซียนก็คาดเดาว่าเดโมกอร์กอนแห่งความมืดจะคิดแผนการเช่นนี้ขึ้น ลูเซียนจึงติดต่อกับ ‘พันธมิตร’ และเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีอัญเชิญมิติพิเศษชั้นตำนาน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการศึกษาวิจัยของไฮดี้ ลูกศิษย์ของเขา
ในขณะที่นักเวทส่วนใหญ่ใช้พลังของมิติพิเศษที่อัญเชิญมาได้เพียงเล็กน้อย แต่ในเมื่อลูเซียนได้บอกแผนการของเขากับดักลาส เฟอร์นันโด และแฮทธาเวย์แล้ว ทั้งสามท่านจึงตกลงยินยอมให้เขาหยิบยืมพลังชั้นตำนานสูงสุดของพวกตนผ่านพิธีกรรมอัญเชิญ
แน่นอนว่า มิติพิเศษที่อัญเชิญมาจะสามารถโจมตีได้เพียงระลอกเดียวเท่านั้น หลังจากนั้น พวกมันก็จะหายไปทันที แต่นั่นแหละที่ลูเซียนต้องการ เพราะมันจะถ่วงเวลากอนไฮล์มได้มากพอที่เขากับนาตาชาจะเข้าไปเอาแผ่นกาลเวลาแล้วจากไป
ลูเซียนไม่คิดมากกับการหยิบยืมพลังมาเพื่อสังหารกอนไฮล์ม แต่ทว่า สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะทำในตอนนี้ก็คือการทำให้เจตจำนงแห่งอเวจีบังเกิดโทสะ ในมิติอเวจี หากเขาขอให้นักเวทชั้นตำนานทั้งสามมาที่นี่และสังหารเจ้าชาย เจตจำนงแห่งอเวจีคงจะมาเยือนเป็นแน่!
อีกอย่างก็คือ หากลูเซียนต้องการให้นักเวทชั้นตำนานทั้งสามมาที่นี่ด้วยตนเอง เขาคงจะใช้วิธีอื่นแทนที่การใช้พิธีอัญเชิญ แล้วหลังจากนั้น ก็เป็นไปได้มากว่ากอนไฮล์ม ปีศาจชั้นตำนานที่เจ้าเล่ห์สุดขีด จะสังเกตเห็น!
ดังนั้น หลังจากชั่งใจดูสถานการณ์แล้ว ลูเซียนก็ตัดสินใจใช้วิธีนี้ แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วเขาจะอยากสังหารเจ้าชายปีศาจเพื่อกำจัดปัญหายุ่งยากในอนาคตก็ตาม
ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าแห่งภูตผีและท่านหญิงหิมะจะบรรลุเป้าหมายของตนเองได้หรือไม่นั้น ลูเซียนไม่สนใจ เขาได้ช่วยเหลือทั้งสองสังหารเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลและทำร้ายเดโมกอร์กอนแห่งความมืดจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ฉะนั้นก็ถือว่าเขารักษาสัญญาที่ให้ไว้
…………………………………………..