Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 729 “อากาศยาน”
ถนนในนครเรนทาโตแออัดไปด้วยผู้คน
“ดูสิ นั่นอะไร?” จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นกลางกลุ่มฝูงชน ทุกคนหันไปมองตามที่เขาชี้
“อะไร?”
“รถประดิษฐ์สามารถบินได้แล้วเหรอ?”
พวกเขาโหวกเหวกโวยวายด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นวัตถุสีเงินบินอยู่กลางอากาศที่ความสูงระดับตึกสามชั้น รูปร่างมันก็ดูเหมือนรถประดิษฐ์ที่วิ่งบนท้องถนนที่มีส่วนหัว ห้องโดยสาร ประตู ล้อ และดวงไฟ แต่ดูเหมือนว่ามันจะน้ำหนักเบามากกว่าเนื่องจากใช้โลหะธรรมดาผลิต และแน่นอน ความแตกต่างสำคัญของพาหนะคันนี้ก็คือรถรูปร่างแปลกๆ คันนี้บินได้! นั่นเป็นพลังเฉพาะของนักเวทที่สูงกว่าขั้นสามและอัศวินอาภาเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
ด้วยอารามตกใจของพวกเขา คนก็ยิ่งหันขึ้นไปมองบนท้องฟ้า เพียงไม่นาน นครเรนทาโตก็เต็มไปด้วยผู้คนนับพันที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นแหงนหน้ามองท้องฟ้า
เนื่องจากเรนทาโตมีวิวัฒนาการด้านต่างๆ ก้าวไกลกว่าเดิม ถ้าเป็นเมืองอื่น ชาวบ้านร้านตลาดก็วิ่งหนีด้วยความแตกตื่น ตะโกนลั่นว่า “สัตว์ประหลาด” และอาจเกิดเหตุโกลาหลครั้งใหญ่
ภายใน “รถบิน” คันนี้ ไวเคานต์ลีเบลก้มมองฝูงชนด้านล่างอย่างพึงพอใจ ปากก็คาบซิการ์ไปพลาง เขารู้สึกว่าความโหวกเหวกโวยวายนั้นเป็นคำชื่นชมที่เยี่ยมที่สุดของเขา
“จะตกใจอะไรนักหนา? พวกบ้านนอก” ไวเคานต์ลีเบลพ่นหายใจออกดังๆ “ก็แค่ทักษะการบินขั้นสูงเสริมด้วยเครื่องยนต์รถประดิษฐ์”
เขาเป็นบุตรของเคานต์คนหนึ่ง และได้ปลุกพลังโลหิตของตนด้วยยาวิเศษ จึงไม่มีทางที่จะบินด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เขารู้สึกว่าการบินด้วยสิ่งประดิษฐ์ทั่วไปนั่นน่ารังเกียจ และรู้สึกเหมือนร่างเปลือยเปล่า ขุนนางควรบินอย่าง “มีสมบัติผู้ดี” ขุนนางต้องบินอย่างไม่รีบร้อนและสง่างาม
เขาฝันถึงเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งมีการประดิษฐ์รถขึ้นมา ในที่สุดเขาก็พบสิ่งที่ต้องการ ขุนนางควรบินกลางอากาศได้ด้วยพาหนะ ชาวบ้านข้างล่างทำได้เพียงแหงนหน้ามองโดยไม่เห็นหน้าคนที่กำลังบินอยู่ และแน่นอน ถ้านี่ไม่ใช่การทดสอบบินครั้งแรกของเขา เขาคงจ้าง “สารถี” มาแล้ว ขุนนางไม่ควรต้องขับรถเอง!
ก่อนหน้านี้ เขาได้พบกับนักเวทสองสามคนที่กระหายเงินกับวัตถุ สำหรับการสร้าง “รถประดิษฐ์” พวกเขาเลือกวัสดุโลหะแบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนัก นั่นรวมถึงลดความปลอดภัยลงด้วย พลังการบินของตัวบุคคลถูกพัฒนาให้ยืนยาวถาวร รถประดิษฐ์จึงบินได้ด้วยการควบคุม ทั้งนี้ ทักษะการบินถาวรขั้นสูงจะเป็นของผู้มีพลังระดับอาวุโสเท่านั้น และนักเวทชั้นกลางบินได้หลายครั้งต่อวัน แต่ก็ต้องหยุดพัก ซึ่งยังไม่ตรงตามความต้องการของไวเคานต์ลีเบล
และในที่สุด พวกเขาก็พัฒนาเครื่องยนต์ของรถประดิษฐ์ที่สามารถใช้แก๊สเป็นไอพ่น ทำให้ผู้ขับสามารถบังคับทิศทางได้อย่างมีอิสระ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถทำให้รถประดิษฐ์บินได้ โดยไม่ต้องมีทักษะการบิน และยังสามารถวิ่งบนถนนได้ด้วย
แน่นอน “รถบิน” ก็มีข้อบกพร่องอยู่เช่นกัน ประการแรก การบินไม่ใช่การบินจริงๆ เสียทีเดียว และการบินขึ้นและบินลงใช้เวลานานมาก ประการที่สอง รถบินใช้เชื้อเพลิงมาก แม้จะมีทักษะการบินถาวร ก็ต้องคอยเติมอัญมณีเวทมนตร์ที่คนธรรมดาไม่มีทางหาซื้อได้
อย่างไรก็ตาม ไวเคานต์ลีเบลก็ค่อนข้างพอใจแล้ว เขาตั้งใจที่จะทำให้ “รถบิน” แพงเกินกว่าพวกบ้านนอกจะซื้อหาได้อยู่แล้ว นั่นเป็นวิธียกระดับความสง่างามของขุนนาง!
ขณะมองลงไปยังรถที่วิ่งบนพื้นที่ต้องขับกันช้าๆ เพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงอาการตกตะลึงบนใบหน้าของพวกเขา ไวเคานต์ลีเบลยื่นมือออกไปเขี่ยขี้บุหรี่ซิการ์ทิ้ง ก่อนเขาจะพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “พวกบ้านนอกเอ๊ย”
เพื่อโอ้อวด “ความสง่างาม” ของเขา เขายิ่งเหยียบคันเร่งด้วยความลำพองใจ ตั้งใจจะบินผ่านช่องแคบระหว่างอาคารสูงๆ เพื่อให้พวกบ้านนอกด้านล่างมองเห็นแค่เพียงด้านหลังของเขากับรถบิน!
รถบินยังไม่ทันผ่าน “ช่องแคบ” เขาก็ต้องตาค้าง เพราะมีรถเหมือนกับของเขาบินมาจากฝั่งตรงข้าม ภายในรถบินคันนั้น มีชายคนหนึ่งที่อยู่ในอาการสับสนตื่นตระหนกไม่แพ้กัน บินด้วยความเร็วและความสูงระดับเดียวกัน!
“ให้ตายเถอะ พวกนักเวทนั้นขายความคิดข้าให้คนอื่น!”
ตอนนั้นเอง ความคิดต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวเขา แล้วเขาก็ดึงคันโยก “อย่างชำนาญ” หวังจะเพิ่มความสูงหลบการชน
อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่สุดในการบินของรถก็คือความช้าในการเพิ่มและการลดความสูง เนื่องจากเขาไม่ใช่นักเวท จึงมองข้ามปัญหานี้ไป
ทั้งสองตกใจและประสาทเสียลนลานไม่ต่างกัน มองหน้ากันงุนงง ก่อนที่รถบินทั้งสองคันจะบินเข้าปะทะกันอย่างจัง
“ข้าไม่น่าบินต่ำขนาดนี้ เพราะอยากอวดให้คนอื่นเห็น…” ไวเคานต์ลีเบลหยีตา เนื่องจากพลังโลหิตของเขาไม่ได้ปลุกขึ้นตามปกติ เขาจึงไม่มีอำนาจจิตพลังอัศวินคอยเตือนภัยฉุกเฉิน
ตู้ม!
ลูกไฟขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นกลางอากาศ เศษซากของรถประดิษฐ์บินร่วงลงกระแทกพื้นราวกับเม็ดฝน
“นั่นไง…” ชาวบ้านที่แหงนหน้ามองพากันตกตะลึงจริงๆ คราวนี้ นี่มันอะไรกัน?
โครม
วัตถุที่ถูกเพลิงเผาไหม้ตกลงมาต่อหน้าอาลี ซึ่งกำลังถือกระเป๋าเดินทางสีดำ เขากระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ และเกือบพลาดตกท่อระบายน้ำข้างถนน
“ระเบิดรุนแรงมาก…”
“เกือบโดนข้า…”
“เรนทาโตอันตรายจริงๆ…”
ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในหัวอาลี ทั้งที่เพิ่งมาถึงที่นี่ เขาก็รู้สึกถึง “อันตราย” ของเรนทาโตอย่างลึกซึ้งเสียแล้ว ตอนนั้นเอง เขาตระหนักได้ว่าเส้นทางของเขาจะเต็มไปด้วยอุปสรรค ถ้าเขาต้องการสร้างชื่อให้ตัวเอง ถ้าเขาไม่ระมัดระวัง เขาก็อาจตายจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ไม่นานความไม่สบายใจของเขาก็ถูกประสบการณ์แปลกๆ เข้ามาแทนที่
“เร็วเข้า! เรียกตำรวจ!” ชาวบ้านได้สติกลับคืนมา
พวกเขาคุ้นชินกับกองตำรวจโฮล์มแล้ว
…
ภายในจักรวาลอะตอม…
“เจ้ายิ้มอะไร?” นาตาชาบินกลับมาพร้อมกับดาบยาวของนาง นางเพิ่งฝึกดาบรอบบ่ายเสร็จ ก็พลันเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของลูเซียน
แทนที่จะตอบโดยตรง ลูเซียนพยักหน้าตอบ “มีคนแอบเฝ้าดูข้า”
“เจ้าเจออะไรจากรูปปั้นยูริไหม?” นาตาชาฉลาดพอที่จะจำเหตุการณ์นั้นได้ ลูเซียนขอให้แคทริน่าแอบเข้าไปวางรูปปั้นดูมิวต์เพื่อจุดประสงค์สองข้อ หนึ่งในนั้นก็คือการทดสอบ!
ลูเซียนหัวเราะคิกคัก “ถ้า ‘เขา’ ไม่ได้ทำอะไร ข้าจะหาวิธีทำให้ไฮต์เจอเอง แต่โชคดี เขาติดกับทันที”
“เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?” นาตาชาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ลูเซียนส่ายหน้า “ข้าตรวจดวงพยากรณ์ดูแล้ว ข้ายังไม่รู้ว่าใครกันแน่ รู้แค่ว่ามีใครสักคนอยู่ แต่การเพิ่มวงเวทโดยไม่จำเป็นที่รูปปั้นจะทำให้แคทริน่าตกอยู่ในอันตราย”
ลูเซียนไม่อยากให้ลูกศิษย์ที่ยังมีพลังไม่ถึงระดับอาวุโสเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุอันตรายขนาดนั้น
“ดูเจ้าไม่กังวลเลยนะ” นาตาชาผ่อนคลายลง เมื่อเห็นท่าทางสบายๆ ของลูเซียน เขาเก็บดาบแห่งสัจธรรมกลับเข้าฝัก
“รอบคอบน่ะใช่ แต่ไม่กังวล ทำไมข้าต้องกังวลกับคนที่อยากเป็นมนุษย์ครึ่งเทพด้วยการจับตาดูข้าตลอดเวลาด้วยล่ะ?” ลูเซียนพูดติดตลกกับภรรยา “ดูข้าสิ ข้าศึกษาและสำรวจด้วยตัวเองมาตลอด ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะทำอะไร นั่นเป็นคุณสมบัติของผู้เชี่ยวชาญ”
“โธ่ ถ้าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ลองมาเป็นอัศวินชั้นตำนาน หาดาบมาฝึกกับข้า!” นาตาชาเลิกคิ้ว
ลูเซียนตอบอย่าง “ห้าวหาญ” “ไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่เจ้าไม่ใช้ดาบแห่งสัจธรรมกับโล่แห่งสัจธรรม”
หลังจากหยอกล้อกันพักใหญ่ ทั้งสองก็คุยกันถึงบุคคลปริศนากับพระเจ้าแห่งการช่างอีกครั้ง ตอนนั้นเอง พ่อบ้านลีโอก็เดินเข้ามา “ท่านหญิง ข้ารับใช้จากปราสาทเนคโซขอเข้าพบขอรับ”
เขาเรียกนางว่าท่านหญิง แทนคำว่าราชินีมาตลอด
“ข้า? มีอะไรสำคัญหรือไง?” นาตาชาเดินไปห้องสมุดด้วยความสับสน ช่วงนี้ ไม่น่าจะมีอะไรเร่งด่วนที่ราชินีต้องจัดการด้วยตัวเอง
สักพักใหญ่ นาตาชาก็กลับเข้ามา นางบอกลูเซียนด้วยสีหน้าแปลกใจ “‘อุบัติเหตุรถชน’ ที่เจ้าพูดถึงเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว แต่ชนกันบนฟ้า…”
“บนฟ้า?” เป็นไปได้อย่างไร ลูเซียนรู้ถึงอันตรายจากอุบัติเหตุรถชนเป็นอย่างดี หลังจากมีการสร้างรถประดิษฐ์ เขาก็แนะนำให้จำกัดความเร็วและมาตรการความปลอดภัยต่างๆ ในเมือง แต่ก็ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้นมาก่อน เพราะรถประดิษฐ์ยังมีจำนวนน้อยมาก เขาไม่คิดว่าอุบัติเหตุรถครั้งแรกจะเกิดขึ้นบนท้องฟ้า!
นาตาชาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ไวเคานต์ลีเบลที่ตายเป็นคนหัวคิดสร้างสรรค์”
เด็กซนที่ชอบเล่นตายเพราะเล่น… ลูเซียนคิดอยู่ในใจ ขุนนางกับนักเวทบนโลกนี้ “ทำอะไรจริงจัง” พวกเขาสร้าง “รถบิน” ที่เขายังไม่เคยคิดถึงมาก่อน
นาตาชาตบมือตัวเองเบาๆ “ข้าต้องเรียกประชุมสภาขุนนาง การตายของขุนนางสองคนจะทำให้พวกอนุรักษนิยมเสนอแผนห้ามใช้รถบิน ถ้าเหตุผลของเขาฟังขึ้น รถม้าคงถูกโยนลงทะเลไปนานแล้ว”
ในฐานะภรรยาของจอมเวทผู้ช่ำชองการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์แปลกๆ ทุกชนิด นางก็ค่อนข้างสนใจแนวคิดเรื่องรถบิน
“ก็จริง ควรจะสร้างกฎควบคุมดีกว่าที่จะสั่งห้ามใช้ เราจะตั้งกฎควบคุมความปลอดภัยอากาศยานและท้องถนน คงจะดีถ้ากองตำรวจจะตั้งหน่วยพิเศษดูแลการจราจร” ลูเซียนเสนอ
“ฮ่าๆ เราควรห้ามนักเวทบินบนท้องฟ้าในเมืองอย่างอัลลินด้วยไหม? หรือมีกฎหมายควบคุมการบินของนักเวท?” นาตาชาพูดติดตลกก่อนกลับไปยังปราสาทเนคโซผ่านประตูมิติในห้องโถง
ลูเซียนส่ายหน้ายิ้มและเดินเข้าไปยังนรกสายฟ้า มิติพิเศษของเฟอร์นันโด เตรียมหารือเรื่องอาร์คานากับอาจารย์ของเขาและท่านบรูค
เขายังไม่ทันเข้าไปในมิตินรกสายฟ้า เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นหนักหน่วง หอคอยเวทมนตร์ของเฟอร์นันโดเปล่งแสงสว่างวาบ และปล่อยพลังออกไปทำลายทุกอย่างราวกับวันสิ้นโลก แล้วทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของหอคอยเวทมนตร์
“โธ่เอ๊ย ระเบิดอีกแล้ว!” เฟอร์นันโดปรากฏตัวต่อหน้าลูเซียนพร้อมกับผมยุ่งเหยิง
ลูเซียนหลุดพูดออกไป “อาจารย์ ท่านต้องระวังตัวมากกว่านี้ ถ้าเป็นนักเวทคนอื่น คงตายไปแล้วนาน”