Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 742 ลูเซียนผู้ชอบธรรม
คนแคระตรงหน้ามีเคราหนาที่เสริมให้เขาดูเป็นชายและดิบเถื่อนมากขึ้นเหมือนกับที่คนแคระผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ทำกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ท่าทียิ้มแย้มของเขากลับดูซับซ้อนเหมือนนักวิชาการหรือมนุษย์ผู้คงแก่เรียน “ข้าตั้งใจที่จะมาพบเจ้านานแล้ว แต่ข้าหาร่องรอยของเจ้าไม่ได้”
นี้เป็นการยอมรับทางอ้อมว่าเขาคือไวเค็น หรืออย่างน้อยก็เป็นไวเค็นที่ครอบครองร่างคนแคระในตอนนี้
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ลูเซียนกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาหนักอึ้งและเย็นเหยียบ เมื่อไหร่กันที่ไวเค็นคิดจะฆ่าเขาด้วยตัวเอง? หรือตอนที่เขาเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและกลายเป็นตำนาน? หรือหลังจากที่เขาได้พบกับสัตว์ประหลาดไวเค็นในทวารานาจักร?
โชคดีที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการเข้าถึงระดับตำนานขั้น 3 จากทั้งหมด นอกจากนี้สถานที่ที่เขาไปยังมีทั้งราชสำนักเอลฟ์ที่เป็นแนวร่วมระดับตำนานชั้นแนวหน้า หรืออเวจีที่เป็นที่ของมนุษย์ครึ่งเทพของไวเค็นผู้ถูกกรรมตามสนองอาศัยอยู่ ส่วนสถานที่อื่น ๆ เขาอยู่เพียงไม่เกินครึ่งวัน ในขณะเดี๋ยวกันเขาก็ปกปิดร่องรอยของเขาด้วยเอกลักษณ์ของโลกความลี้ลับซึ่งนั่นเป็นวิธีที่เขาใช้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ มนุษย์ครึ่งเทพที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุด
หลังจากทำความเข้าใจข้อจำกัดเฉพาะของพลังพระเจ้าเสด็จแล้ว สภาเวทมนตร์ก็ได้ข้อสรุปใหม่เกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของไวเค็น หากเขาพบวิธีหลอมละลายสัตว์ประหลาดไวเค็นได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ เขาก็อาจจะมีพลังที่ใกล้เคียงกับพระเจ้าที่แท้จริง และมีพลังมากกว่าธานอส
แต่แน่นอนว่าหลังจากที่เขาไปถึงระดับตำนานขั้น 3 ลูเซียนก็กังวลเกี่ยวกับไวเค็นน้อยลง เพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถหลบหนีได้ แต่ปัญหาเดียวคือไวเค็นคิดว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจขนาดที่ว่าเขาต้องกำจัดลูเซียนด้วย “พลังพระเจ้าเสด็จหรือไม่” แม้ว่าสัตว์ประหลาดของไวเค็นจะเข้ามาควบคุมก็ตาม
เมื่อคิดได้อย่างรวดเร็ว ลูเซียนก็สงบใจได้ทันที ที่นี่คือนครเรนทาโตหากมีอะไรเกิดขึ้น ระดับตำนานชั้นแนวหน้าอย่างแฮททาเวย์ก็จะมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้การมาเยือนของไวเค็นก็มาเพียงภาพมายาสะท้อนเท่านั้น และยังคงต้องรอดูกันว่าเขาจะเอาชนะลูเซียนได้หรือไม่ “ข้าติดค้างอะไรถึงทำให้เจ้าแห่งหายนะต้องมาเยือน?”
“เจ้าแห่งหายนะ…นานแล้วที่ใคร ๆ ก็เรียกข้าด้วยฉายาระดับตำนานของข้า” ไวเค็นดูเหมือนจะจมอยู่ในความรู้สึกที่หลากหลาย จากนั้นเขาก็ยิ้ม และพูดว่า “อย่ามารบกวนข้า คนแก่อย่างข้ามักจะทำให้คนนึกถึงอดีต ส่วนเหตุผลที่ข้ามาที่นี่เจ้าไม่รู้จริงๆหรอพระเจ้าแห่งไอน้ำยูริ”
ถ้าเจ้าเป็นชายชราที่อยู่เพื่อให้คนนึกถึงอดีต ข้าก็คงจะเป็นคนดีที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ลูเซียนแอบคิดกับตัวเอง บุคลิกของไวเค็นนั้นไม่ยากที่จะคาดเดา เมื่อพิจารณาว่าเขาได้ลบความทรงจำที่เกี่ยวกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาอย่างไร้ความปราณี และทำให้พวกเขากลายเป็นทูตสวรรค์
“พระเจ้าแห่งไอน้ำคืออะไร? ยูริคืออะไร? ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร?” ลูเซียนแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา
ไวเค็นหัวเราะเบา ๆ “เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่กับข้าอย่างแน่นอน ข้าสัมผัสได้ถึงหัวใจแห่งศรัทธาภายในคนแคระคนนี้ ข้ารู้สึกว่าในที่สุดพลังแห่งศรัทธาของเขาก็มีศูนย์กลางที่สามารถรวบรวมได้ เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะมาเยือนหลังจากเลือกร่างได้โดยบังเอิญใช่ไหม?”
ดวงตาของลูเซียนแข็งค้าง ไวเค็นยังคงรักษาความสามารถในการภาพมายาสะท้อนระยะไกลของปีศาจแห่งบรรพกาลไว้ได้หลังจากที่เขากลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพแล้ว ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ปีศาจที่ล่วงรู้ถึงความลับของความเป็นอมตะ แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายเขาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามความคาดหมายของผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดที่สามารถเอาชนะจันทราสีเงิน, เจ้าแห่งนรก, เจตจำนงแห่งอเวจี และสัตว์ประหลาดไวเค็นได้ด้วยตัวเขาเอง
แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่สะดวกที่เจ้าแห่งนรก และเจตจำนงแห่งอเวจีจะมาเยือน และความจริงที่ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะถูกจำกัดในโลกแห่งวัตถุหลัก นอกจากนี้จะไม่มีความร่วมมือใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจตจำนงแห่งอเวจีอีกด้วย
การแสดงความสามารถของลูเซียนแน่นอนว่าไม่สามารถหลีกหนีความสนใจที่ไวเค็นมอบให้ได้ เขาจึงยิ้มอย่างสงบ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแท้จริงเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่ไม่มีความรู้สึกเชิงลบมากเกินไป แต่เขายังคงรู้สึกกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
“มันเป็นเพียงแค่โครงการวิจัยที่เป็นความลับ ความลึกลับของเทพเจ้า และธรรมชาติของพลังแห่งศรัทธาเป็นจุดสนใจของนักเวทระดับตำนานมาโดยตลอด เช่น โอลิเวอร์ที่กำลังศึกษาเรื่องเจ้ามังกรแห่งความมืด” ลูเซียนอยากรู้ว่า ไวเค็นพยายามทำอะไรกันแน่ ดังนั้นแทนที่จะแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา เขาจึงยอมรับอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่โกหก
“เจ้าระวังตัวมาก ดูเหมือนว่าการสนทนากับดักลาสทำให้เจ้าต้องระวัง เจ้าจะไม่พูดอะไรที่จะกระทบกับการศึกษาอาร์คาน่าและเวทมนตร์”
ไวเค็นดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อในคำสารภาพของลูเซียน “ถูกต้อง ผู้รังสรรค์การเล่นแร่แปรธาตุแบบใหม่ และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป จอมเวทที่มีอำนาจมากที่สุดในขอบเขตกล้องจุลทรรศน์ ผู้ก่อตั้งหลักของระบบอาร์คานาและเวทมนตร์ในปัจจุบันที่ได้หยุดการสำรวจความจริงของโลก และมุ่งเน้นไปที่การเผยแพร่ศรัทธา นี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญต่อความเชื่อมั่นของจอมเวททุกคนในสภาเวทมนตร์หลังจากที่ได้เผยแพร่ออกไป”
“นี้เป็นเพียงการศึกษาที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทัศนคติต่ออาร์คานาของข้าดีกว่าสิ่งใด สำหรับข้าการเผยแพร่ศรัทธาและการรวบรวมพลังแห่งศรัทธานั้นไม่มีความหมาย จุดที่ข้าสนใจก็คือตำแหน่งของพวกเขาในระบบอาร์คาน่าปัจจุบัน” ลูเซียนยังคงยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ท้ายที่สุดการรวมกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพิเศษก็เป็นเพียงสมมติฐาน
ไวเค็นหัวเราะเบา ๆ “เอาล่ะ หยุดแก้ตัวได้แล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดของเจ้าเพื่อโจมตีสภาเวทมนตร์หรอกน่ะ ข้าแค่อยากถามเจ้าว่าเจ้าต้องการวิธีที่สมบูรณ์ในการขโมย และใช้พลังแห่งศรัทธาหรือไม่? สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่สามารถทำลายกฎของข้าและบอกความลับของมนุษย์ครึ่งเทพได้ ดังนั้นข้าจึงแน่ใจว่าเจ้ารู้วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นปีศาจแห่งบรรพกาลด้วยพลังแห่งความรู้สึกเท่านั้นซึ่งนั้นไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดที่ข้าเคยพัฒนามา
“เจ้าควรรู้ว่าขั้นตอนที่สำคัญหลายอย่างบนเส้นทางสู่มนุษย์ครึ่งเทพของเจ้าได้ขาดหายไป เจ้าไม่สามารถไปถึงที่หมายได้หากเจ้าตัวคนเดียว ข้าสามารถช่วยเจ้าแก้ปัญหาด้วยราคาเพียงเล็กน้อยอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่สงสัย หลังจากนั้นนักเวทระดับสูงเกือบยี่สิบคนก็จะรู้โครงสร้างทั้งหมดของดาวเคราะห์เทียม”
“ไร้สาระ! เหตุใดข้าจึงต้องการวิธีขโมยและใช้พลังแห่งศรัทธา พวกเขาสามารถช่วยข้าคลี่คลายลักษณะของพลังแห่งศรัทธาได้หรือ?” ลูเซียนปฏิเสธอย่างแน่วแน่
ความมุ่งมั่นของลูเซียนทำให้ไวเค็นหวั่นไหว ลูเซียนไม่ได้เยาะเย้ยเขาที่พยายามยั่วยุมหาจอมเวท แต่แสดงให้เห็นให้รู้ว่าข้อเสนอของเขานั้นไร้ประโยชน์ ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เขาคิด
ไวเค็นพูดอย่างไม่เร่งรีบ “ไร้ประโยชน์เหรอ? แล้วทำไมเจ้าถึงขโมยพลังแห่งศรัทธาของพระเจ้าแห่งช่างฝีมือ? วิธีการขโมย และการใช้ประโยชน์ของเจ้าถูกซ่อนไว้อย่างดี แต่นั่นเป็นส่วนที่น่าทึ่งเพียงส่วนเดียวในเรื่องนี้ ไม่มีทางที่เจ้าจะประสบความสำเร็จเว้นแต่ไฮต์จะกลายเป็นพระเจ้าแห่งไอน้ำด้วยตัวเอง เราจะศึกษาตามเวลากว่า 3,000 ปีในเวลาเพียง 2 ปีได้อย่าง”
เขาค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนั้น
“เจ้า…” ลูเซียนตะลึงเล็กน้อย ผู้ชายที่แอบสอดแนมเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับไวเค็น
ใบหน้าของลูเซียนสะท้อนอารมณ์ที่แปรปรวนออกมา ไวเค็นสังเกตเห็นถึงความตกใจของเขา เมื่อคิดว่าลูเซียนรู้สึกประหลาดใจเพราะสิ่งที่ประสบความสำเร็จและไม่น่าสนใจที่ได้รับการเรียนรู้จากเขา ไวเค็นคลี่ยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ด้วยการสอนของข้า เจ้าจะสามารถขโมยพลังแห่งศรัทธาของไฮต์มาจากแท่นบูชาของเจ้าเองได้ ฟังดูเป็นอย่างไร?”
เขาไม่ได้กังวลกับความไม่สมดุลระหว่างต้นทุน และผลตอบแทน มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสภาเวทมนตร์ที่สามารถแบ่งสันปันส่วนกันได้
“อย่างที่ข้าเคยพูดไว้หลายครั้ง ข้าไม่สนใจที่จะขโมยและใช้พลังแห่งศรัทธา หลังจากที่ข้าเข้าใจแก่นแท้ และความสำคัญของอาร์คาน่าแล้ว ข้าจะสร้างวิธีการอันไร้ที่ติ แทนที่จะเปลี่ยนเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาดอย่างเจ้า” ลูเซียน ยิ้มพลางดูถูกวิธีการของไวเค็น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึง “ความมั่นใจ” และ “วิสัยทัศน์”
ไวเค็นเงียบไปชั่วครู่ราวกับว่าเขาคิดไม่ถึงว่าลูเซียนจะปฏิเสธจริงๆ เขาได้สร้างความก้าวหน้าในการวิจัยของเขาหรือไม่? ผลกระทบของผู้สังเกตการณ์เป็นลักษณะของพลังแห่งศรัทธาจริงหรือไม่?
“มนุษย์ครึ่งเทพสองคนได้ถือกำเนิดขึ้นบนเส้นทางนี้ และพวกเขาเป็นมนุษย์ครึ่งเทพเพียงสองคนที่ไม่ใช่มนุษย์ครึ่งเทพที่เกิดตามธรรมชาติ ในที่สุดบางครั้งเจ้าก็จะกลับมาบนเส้นทางนี้ หากเจ้าพลาดโอกาสในวันนี้ ในอนาคตเจ้าก็จะไม่ได้รับข้อมูลอีกเลยนะ” ไวเค็นถอนหายใจราวกับว่าเขารู้สึกเสียใจแทนลูเซียนจริงๆ
ลูเซียนยิ้มอย่างอบอุ่น แต่เขายังคงพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเชื่อในตัวเอง”
นั่นคือความมั่นใจอย่างที่จอมเวทอายุน้อยผู้มีชื่อเสียงสมควรจะเป็น ไวเค็นไม่แปลกใจเลย
เขายิ้ม และคนแคระก็หรี่ตาลง “ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหลัง”
บรรยากาศแปลก ๆ หายไป คนแคระก็ทรุดตัวลงราวกับว่าเขาสูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป
เมื่อมองไปที่บรรยากาศเบื้องหน้าเขา ลูเซียนยิ้มจางๆ “ ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากความจริง ทำไมเจ้าไม่เชื่อ? เจ้าจะเชื่อก็ต่อเมื่อข้าโกหกเท่านั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าคนแคระค่อยๆ กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ลูเซียนก็หายตัวไปจากเรนทาโต
…
ในแดนสัจธรรม “ไวเค็นมาหาเจ้าใช้ไหม?” ดักลาสขมวดคิ้วมองลูเซียน
ลูเซียนไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ เขาบอกให้อาจารย์และท่านประธานทราบโดยเร็ว
“เขาจูงใจข้าด้วยวิธีที่จะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพเพื่อแลกกับโครงสร้างสมบูรณ์ของดาวเคราะห์เทียม” ลูเซียนเกริ่นสั้น ๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้ ดักลาสก็ถามว่า “เจ้าเห็นด้วยไหม?”
นั่นเป็นสิ่งที่ดี พวกเขาวางแผนที่จะให้ข้อมูลนี้แก่ศาสนจักรก่อน เพื่อที่พวกเขาแข่งกับสภาในสาขาที่สภาทำได้ดีที่สุด ปรากฎว่าสมเด็จพระสันตะปาปาได้ส่งมอบความลึกลับของมนุษย์ครึ่งเทพมาที่นี่อย่างชาญฉลาด นั่นเป็นของที่ระลึกที่คาดไม่ถึง! แม้ว่าดักลาส เฟอร์นันโด และลูเซียนจะไม่ต้องการแนวทางดังกล่าว แต่ก็สามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงและการวิจัยได้เป็นอย่างดี ท้ายที่สุดมันก็เป็นเส้นทางเดียวที่มนุษย์ครึ่งเทพจะประสบความสำเร็จได้ในตอนนี้
“ข้าทำให้เขาผิดหวัง” ลูเซียนทำราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่
“แต่มันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน หากเจ้าเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ไวเค็นอาจใช้ประโยชน์จากเหตุผลใดก็ตามที่เจ้ามี แม้ว่าเราจะทำข้อตกลงซึ่งกันและกัน แต่เจ้าก็ไม่ควรเป็นผู้เจรจาด้วยตนเอง” ดักลาสเข้าใจทันทีว่าทำไมลูเซียนถึงปฏิเสธ
ลูเซียนพยักหน้า นั่นเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่สำคัญกว่านั้น มันก็ถือเป็นโอกาสที่เขาต้องการมาโดยตลอดที่จะแสดงทัศนคติต่อของเขาไวเค็น แต่ถ้าสมมติว่าเขาทำได้แค่มองหาโอกาสทางอ้อมที่จะทำเช่นนั้น แต่ไวเค็นกลับมาล่อลวงเขาด้วยตัวเองโดยที่เขาไม่คาดคิด เขาจะต้องเสียใจแน่ถ้าเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้
“เราวางแผนที่จะจับนักเวทที่เกี่ยวข้องกับไวเค็น แต่วิธีการของเขานั้น …” ดักลาสสงสัยว่าพวกเขาควรเลือกทางไหน
ลูเซียนยิ้ม “ มีนักเวท 20 คนที่รู้ความลับของดาวเคราะห์เทียม และอีกหลายสิบคนที่สามารถสร้างมันได้ด้วยตัวเองจากกลไกนี้ ร่วมกับภาพมายาสะท้อนปีศาจของไวเค็นก็ทำให้เราแทบจะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครเป็นใครกันแน่ แต่เราสามารถจำกัดขอบเขตให้แคบลงได้เท่านั้น ดังนั้นข้าจึงได้เพิ่มโครงสร้างพิเศษบางอย่างลงในข้อมูลของดาวเคราะห์ดาวเคราะห์เทียมชั่วคราว ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถบอกได้ว่าพวกเขาได้ติดต่อกันก่อนหรือติดต่อในภายหลัง”
“เราจะไม่แลกเปลี่ยนเหรอ” ดักลาสถาม
ลูเซียนชี้ไปทางทิศเหนือ “สิ่งที่เราขาดหายไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการขโมย และใช้พลังศรัทธาและเราไม่จำเป็นต้องขอสิ่งนั้นจากไวเค็น เพราะเขาได้เปิดเผยวิธีที่จะกลายเป็นปีศาจอย่างลับๆ ให้กับนักเวท เอลฟ์ มาร ปีศาจ และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เพื่อทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงและแยกพวกเราออกจากกัน ฉะนั้นเราก็สามารถทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นได้เช่นกัน”