Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 781 ส่งออกไป “อย่างสุภาพ”
- Home
- Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
- บทที่ 781 ส่งออกไป “อย่างสุภาพ”
ภายในป่าปีศาจ พระจันทร์สีเงินขับแสงสว่างไสวขับไล่เมฆดำบนท้องฟ้าให้หายไป จากนั้นแสงจันทร์กลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างสีบลอนด์ปรากฏชัดเจนขึ้น แสงจันทร์อันเย็นเยียบและอ้างว้างก็แผ่ปกคลุมไปทั่วหอคอยเวทมนตร์ท่ามกลางความเงียบสงัด
ที่ปลายเท้าของอัลเทอร์นา ปรากฏดานิซอสขนาดเล็กพอๆ กับคริสตัลขนาดเล็กของอัลเฟอร์ริส และมีรอยแผลน่ากลัวที่กลางหลังของเขา ก้อนเนื้อที่ถูกเปลวเพลิงสีดำปกคลุมตกลงมาที่พื้น ทำให้มองเห็นอวัยวะที่ระบุไม่ได้ว่าคือส่วนไหน และกระดูกสันหลังถูกเผยให้เห็น สิ่งที่แย่กว่านั้นคือปีกของมันครึ่งหนึ่งถูกตัดจนมองเห็นกระดูกได้ชัดเจน
ในไม่ช้าดานิซอส มังกรแห่งกาลเวลาและแสงสว่างจะต้องตายอย่างแน่นอน ถ้าหากเปลวเพลิงแห่งจินตนาการยังคงลุกไหม้ แต่ตอนนี้เปลวเพลิงกลับค่อยๆ มอดดับลง คงต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอันน่าสยดสยองจากดาบแห่งต้นกำเนิดและโชคชะตา
แม้ว่าดานิซอสจะเป็นที่รู้จักดีในเรื่องพลังชีวิตอันมหาศาล แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะฟื้นตัว
เลือดไหลออกมากองกันเป็นแอ่งเลือดรอบๆ ตัวของเขา ที่มีเนื้อและปีกครึ่งนึงที่เสียหายลอยอยู่บนแอ่งเลือดนั้น
จากเหตุการณ์นี้ เมื่อได้ยินคำพูดจริงจังของอัลเทอร์นา ทั้งจิตอาวุโส แดรกคูลา และคนอื่นๆ ก็ทราบได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
อัลเทอร์นาจะไม่พูดซ้ำ แต่ดวงตาสีแดงก่ำของนางที่กำลังมองมาที่พวกเขาที่กำลังตกตะลึงอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่านางเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจทุกอย่างที่นางต้องการจะสื่อ
บรรยากาศค่อนข้างหน้าอึดอัก
ในตอนนี้เอง ไรน์ก็เก็บปีกค้างคาวยักษ์ของเขากลับแล้วคลี้ยิ้ม “สิ่งที่บรรพบุรุษต้นกำเนิดหมายถึงก็คือยุคสมัยของเราเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย อันตราย และมีชีวิตชีวาที่สุดนับตั้งแต่โบราณมา เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงพาเราออกมาจากหมอกหนา…
“… พวกเจ้าทุกคนน่าจะรับรู้ได้ถึงอันตรายอันยิ่งใหญ่ที่อยู่รอบตัวเราช่วงเวลานี้ ถ้าระดับตำนานลดการป้องกันของตัวเองลง พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะถูกจัดการได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ต้องการก็ตาม ดังนั้น นี่จึงเป็นยุคสมัยที่แย่ที่สุดสำหรับพวกเจ้าทุกคน…
“… แต่การปฏิวัติโลกและอำนาจจะนำมาซึ่งโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้าเชื่อว่าในทศวรรษหน้า พวกเจ้าจะคว้าโอกาศที่มีค่าที่สุดที่เกินกว่าโอกาสครั้งไหนๆ เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นหรือแม้กระทั่งก้าวผ่านชีวิตของตัวเอง! แต่ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถคว้ามันไว้ได้หรือไม่…”
เขากวาดดวงตาสีเงินมองไปรอบๆ และยิ้มให้กับระดับตำนานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง “… ดังนั้น นี่จึงเป็นยุคสมัยที่ดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าทุกคน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับทางที่พวกเจ้าเลือกด้วย เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ในตอนนี้ กลุ่มต่างๆ จะต้องล้มตายอย่างแน่นอน แต่กลุ่มที่รวมตัวกันจะอยู่รอดและเติบโตขึ้น เราต้องปฏิรูปสภาแห่งความมืดเพื่อรักษาความอยู่รอดและโอกาสที่มากขึ้นของเรา เหมือนกับที่นักเวทย์เหล่านั้นทำกับสภาของพวกเขาเอง …”
เขาเดินเข้าไปหาพวกระดับตำนานแล้วถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “มีความคิดอะไรดีๆ ไหม?”
คำพูดของไรน์ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงสิ่งที่อัลเทอร์นาต้องการจะสื่อ แต่อย่างไรก็ตาม “จันทราสีเงิน” ที่ต้องการจะตั้งตนเป็นประธานได้เริ่มปฏิรูป รวบรวมและเพิ่มความมั่นคงไห้แก่สภาแห่งความมืดแล้ว
ด้วยการใช้ประโยชน์จากดานิซอส แดรกคูลา เดโมกอร์กอนแห่งความมืด และแผนการของโอเกอร์ ทำให้อัลเทอร์นาเอาชนะมังกรบรรพกาล และได้ตัดกำลังระดับตำนานที่อาจจะต่อต้านนางให้มากที่สุด
แดรกคูลาทั้งผิดหวังระคนตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษต้นกำเนิดไม่ไว้วางใจเขามากพอ นี้คือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นก็คือเมื่อบรรพบุรุษต้นกำเนิดกลายเป็นประธานของสภาแล้วนั้น เขาจะสามารถก้าวข้ามไรน์เพื่ออัญเชิญนางออกมาได้
เขาสัมผัสตุ่มพองบนใบหน้า และสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลง และพูดว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้เป็นผู้นำสภา”
“พวกเรามนุษย์หมาป่าพร้อมรับใช้ท่านเสมอ” แดรกคูลากล่าวอย่างเร่งรีบก่อนที่โซนิเตจะแสดงความภักดี
ลูเซียนรู้สึกขบขันเล็กน้อย มนุษย์หมาป่าไม่ได้ดีไปกว่าสุนัขตัวใหญ่
แวมไพร์ และมนุษย์หมาป่าแสดงจุดยืนอย่างรวดเร็ว มังกรบรรพกาลเห็นพ้องที่จะปฏิรูปสภา แต่มีข้อแม้ว่าพวกมันต้องเป็นผู้นำ และเนตรแห่งเดโมกอร์กอนก็มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเช่นกัน ส่วนพวกที่เหลือต้องการใช้เวลาในการคิดทบทวนให้มากกว่านี้
พวกเขากำลังชั่งน้ำหนักจากคำพูดของไรน์ ที่จริงแล้วโลกนี้อันตรายเกินไป การเป็นระดับตำนานในอดีตโดยทั่วไปหมายถึงชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พวกเขาก็ยังต้องระมัดระวังไม่ให้ตนเองถูกสังหาร
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หลังจากแผนการของพวกเขาที่จะรวบรวมผู้ติดตามและทรัพยากรสำเร็จ และเมื่อพลังทั้งหมดถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อย สงครามแห่งรุ่งอรุณอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็ล้มลงได้!
หลังจากการตายของเจ้าชายปีศาจและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าแห่งมหาสมุทรไร้พรมแดน เนตรแห่งเดโมกอร์กอนและระดับตำนานคนอื่นๆ ก็ไม่เคยรู้สึกตื่นตัวเต็มที่แบบนี้มาก่อน พวกเขาเชื่อว่าตนเองสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายใดๆ ได้ทันท่วงทีในเทือกเขาแห่งความมืด แต่ในที่สุดการล้อมที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ได้เตือนพวกเขาเอาไว้ว่าบางทีการมาด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
สิ่งที่สำคัญกว่าคือประธานของพวกเขากำลังจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ พวกเขาต้องการพลังอันแข็งแกร่งนั้น!
ไรน์มองเห็นจิตใจแห่งการต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดเสริมว่า “สิ่งที่ผ่านไปแล้วนั้นเป็นอดีต”
จากเหตุผลที่กล่าวมา ในที่สุดพวกเขา รวมทั้งโอเกอร์และมังกรบรรพกาลทั้งหกก็ตัดสินใจได้ อีกอย่างพวกเขาไม่กล้าปฏิเสธต่อหน้า “จันทราสีเงิน”
ไม่ว่าพวกเขาจะรู้จักเวทมนต์ลึกลับมากแค่ไหน แต่ก็พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองประธานที่กำลังมอง “จันทราสีเงิน” และพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของพวกเขา
ในเวลานี้เองที่อัลเทอร์นาหันไปมองลูเซียนและชี้ไปที่ซากของมังกรบรรพกาล ที่มีทั้งเลือด เนื้อ และปีก
“อาหารของเจ้า” อัลเทอร์นาพูดอย่างจริงจัง
จากนั้นนางก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับว่าการจ้องมองเลือดมากเกินไปจะทำให้นางอดใจไม่ไหว
เหล่าระดับตำนานคิดกับตัวเองว่า ประธานดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นประธานที่เอาชนะมังกรบรรพกาล และเป็นผู้วางแผนทั้งหมด และในบรรดาผู้ที่เชื่อว่าอัลเทอร์นาไม่น่าเชื่อถือก็อาจถูกนางกินไปหมดแล้ว
“พวกเราทุกคนมีความมั่นใจอย่างมากและสนับสนุนให้ท่าน ‘จันทราสีเงิน’ เป็นประธานของเรา” หนึ่งในระดับตำนานกล่าวขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แสดงความเคารพอย่างสูง เหลือก็แต่จิตอาวุโสเท่านั้นที่ยังคงลังเลเล็กน้อย
ดวงตาสีแดงก่ำจ้องไปที่จิตอาวุโส
จากนั้นไม่นานจิตอาวุโสก็ก้มหน้าลง และพูดว่า “ความปรารถนาของท่านคือความประสงค์ของเรา”
ตอนนี้มีระดับตำนานแวมไพร์ชั้นนำสองคน อีกทั้งสภาก็ได้รวมตัวกันแล้ว และ “จันทราสีเงิน” ได้กลายเป็นประธานไปแล้ว ถ้าดานิซอสยังกลับมาได้ จิตอาวุโสก็คงไม่ยอมเช่นนี้
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ราชาแห่งฝันร้ายตัดสินใจมุ่งหน้าไปอัลลิน
ลูเซียนคิดว่าปัญหาทั้งหลายได้แก้ไขอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ขณะที่เขากำลังรวบรวมเนื้อมังกรและกำลังจะจากไป เขาก็ตระหนักว่าคนอื่นไม่คิดอย่างนั้น
“ท่านอีวานส์ ท่านจะออกจากเทือกเขาแห่งความมืดเมื่อไหร่” เซร์วานเตสถามอย่างจริงจัง
ลูเซียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าจะไปหาท่านไรน์ก่อนจึงจะจากไป”
จากนั้นลูเซียนก็ได้ยินเสียงถอนหายใจหลายครั้ง จากนั้นเซร์วานเตสก็ยิ้มให้ลูเซียนอย่างจริงใจ “ถ้าอย่างงั้นก็ดูแลตัวเองด้วย”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มาที่นี่บ่อยนัก” โอเกอร์พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ลูเซียนไม่คิดว่ามันจะกลัวเขา เป็นเพราะพวกเขาวางแผนด้วยตัวเอง และปรากฎว่ามีเพียงนาทราวอสเท่านั้นที่ถูกฆ่า เขาไม่ควรเป็นคนที่ถูกตำหนิและถูกเรียกว่า “ศูนย์รวมแห่งความโชคร้าย”!
…
ในหุบเขาหินเพลิง ฟิเทียที่สวมชุดคลุมเวทมนต์ดำของจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณนั้น เห็นแดรกคูลากลับมาด้วยความโกรธแค้น
“ล้มเหลว?” นางถามพลางเลิกคิ้ว
แดรกคูลาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟิเทียฟัง และถามด้วยความโกรธว่า “เจ้าบอกว่าสภาจะปรับโครงสร้าง!”
นางยิ้มออกมา “ข้าผิดเหรอ?”
“เจ้า!” ดวงตาสีแดงเข้มของแดรกคูลาบ่งบอกว่าเขากำลังโกรธจัด
นางยักไหล่เล็กน้อยแล้วย่อกายลงเพื่อลูบคลำแมวน้อย ‘สกอย’
แดรกคูลาจ้องมองไปที่นางครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และบ่นด้วยความหงุดหงิดว่า “ทำไมบรรพบุรุษต้นกำเนิดถึงเชื่อใจคนเลวคนนั้นมากกว่าเสมอ! หรือแม้แต่นักเวทย์ก็ยังน่าเชื่อถือกว่าข้าคนนี้!”
บนใบหน้าของฟิเทียยังประดับรอยยิ้มร่าเริงเหมือนเดิม นั้นเพราะนางคุ้นเคยกับอารมณ์แบบนี้ของเขาอยู่แล้ว
แมวดำ ‘สกอย’ หันกลับมาปัดมือของฟิเทียด้วยหางของมันอย่างถือดี
……………………………