Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 232
TXV – 231 มรดกของอาจารย์ !
เซี่ยเหล่ยและอเลน่าได้เดินทางไปยังเมืองชิงตู่ ถึงแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะยังคงรู้สึกแย่กับบาดแผลในใจเรื่องของหลางซือเหยาแต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่ใจเราคิด บางปัญหาที่คิดว่าจะไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น บางคนในชีวิตหรือความจริงบางอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องอยู่หรือไป ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องสิ่งใด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
เซี่ยเหล่ยถึงมายังครอบครัวหลางในเวลากลางคืนถึงแม้ว่าหลางซือเหยาจะเดินทางออกไปแล้วก็ตามแต่เซี่ยเหล่ยต้องการที่จะสารภาพความจริงกับหลางเฉิงชุนพ่อของเธอ
เมื่อหลางเฉินชุนเปิดประตูให้กับเซี่ยเหล่ย เขาแสดงสีหน้านิ่ง
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยคิดว่าหลางเฉินชุนต้องแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจแต่ความจริงไม่เป็นอย่างที่คิด เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นก่อนจะถามว่า “อาจารย์รับประทานอาหารแล้วยังครับ ถ้ายังไม่ทานผมจะทำให้นะ”
“ผมทานแล้ว ก่อนที่คุณจะมาถึง ” หลางเฉินชุนตอบ
เซี่ยเหล่ยต้องการจะอธิบายให้หลางเฉินชุนเข้าใจแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด เขาและลูกสาวของหลางเฉินชุนตกหลุมรักกันและวางแผนถึงขั้นที่จะแต่งงานซึ่งเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นเรื่องที่จะทำให้หลางเฉินชุนมีความสุขใช่หรือไม่?
หลางเฉินชุนบอกให้เซี่ยเหล่ยนั่งลง หลังจากนั้นเขาก็ชงชาให้เซี่ยเหล่ยดื่ม
เซี่ยเหล่ยรีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว “ อาจารย์ครับ ให้ผมชงชาให้อาจารย์จะดีกว่าหากให้ อาจารย์ชงเอง ผมคิดว่ามันคงจะไม่เหมาะ ”
“ ผมแค่ชงชา ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” หลางเฉินชุนตอบ
เซี่ยเหล่ยนั่งลงก่อนจะพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ อาจารย์ครับ ผมมาวันนี้… ”
“คือว่า… ” เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
หลางเฉินชุนถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอก ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วมันเป็นเรื่องของหนุ่มสาว ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับคุณอย่างไรดี”
เซี่ยเหล่ยก้มหน้าลง เขาไม่เคยคิดว่าเขาและหลางซือเหยาจะสิ้นสุดลงแบบนี้แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อหลางเฉินชุนยังคงไม่เปลี่ยนไป
“ซือเหยาเคยบอกกับผมว่าเป็นความผิดของเธอเอง ไม่ใช่ความผิดของคุณผมจะไม่ตำหนิคุณ คุณคือผู้ชายที่ดีผมจะไม่คิดว่าคุณผิด ผมจะคิดซะว่าซือเหยาก็แค่โชคไม่ดีเท่านั้นเอง” หลางเฉินชุนตอบกลับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยฝืนยิ้มก่อนจะตอบว่า “ถ้าอาจารย์คิดแบบนั้นผมเองก็รู้สึกสบายใจ ผมแค่กลัวว่า อาจารย์จะไม่มีความสุข ”
“คุณไม่ได้ทำให้ผมไม่มีความสุขหรอกแค่คุณมาหาผม ผมก็รู้สึกดีแล้ว” หลางเฉินชุนตอบ
“ อาจารย์คือคนที่ผมเคารพแม้ว่าผมและซือเหยาจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแต่อาจารย์คือคนที่ผมจะเคารพเสมอ ครอบครัวของอาจารย์ บ้านของอาจารย์ก็เปรียบเหมือนครอบครัวของผมและบ้านของผม ผมสัญญา” เซี่ยเหล่ยตอบ
“แน่นอน… ซือเหยาเองก็ยังเด็กเกินไป ” หลางเฉินชุนตอบพร้อมถอนหายใจ “อ้อ เธอฝากจดหมายไว้ให้คุณด้วยนะ คุณลองเปิดดูสิ “ เขาหยิบซองจดหมายสีเหลืองออกมาแล้วยื่นให้เซียเหล่ย
เซี่ยเหล่ยหยิบจดหมายออกมาจากซองก่อนจะอ่าน
ในจดหมายเขียนว่า : ฉันรู้ว่าตอนนี้คงสายเกินไปที่จะพูดอะไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะไม่พาดพิงถึงคุณ ฉันขอโทษสำหรับทุกอย่างยกโทษให้ฉันด้วย ฉันบอกพ่อของฉันเรื่องอาชีพของฉันในสหรัฐอเมริกาแล้วไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ฟังคำอธิบายของคุณ ฉันทำเรื่องการขอวีซ่าให้เขาแล้วอีกไม่นานเขาก็จะมาถึงสหรัฐอเมริกาเพราะเขามีเกี่ยวข้องกับฉัน เขาไม่สามารถอยู่ในประเทศจีนได้อีกต่อไป ฉันไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกเมื่อไหร่ แต่ฉันจะจดจำภาพของคุณไปตลอดชีวิต ฉันจะไม่มีวันลืมคุณ ถึงแม้วันนี้ฉันจะล้มเหลวแต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาของคุณจะจบลงด้วย สถาบันวิจัย AE จะไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆ พวกเขาจะเลือกคนที่มีอำนาจมาจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ คุณต้องระมัดระวังให้มาก ฉันแนะนำให้คุณขายบริษัทและมองหาเมืองเล็กๆในประเทศจีน เก็บตัวเงียบๆ อย่าให้ใครเห็นคุณ พ่อและน้องสาวของคุณอาจตกเป็นเป้าหมายไปด้วย พวกเขาเองก็ควรหลบซ่อนตัวให้ดี
สุดท้าย, จำไว้มันคือทางออกที่ดีที่สุด…
เมื่ออ่านจดหมายของหลางซือเหยาจบ ดวงตาของเซี่ยเหล่ยก็เต็มไปด้วยน้ำตา
หลางเฉินชุนตบไหล่เซี่ยเหล่ยอย่างเบาๆก่อนจะพูดว่า “อย่าเสียใจไปเลย ผมรู้ว่าซือเหยาเองก็เสียใจไม่ต่างจากคุณ”
เซี่ยเหล่ยหันหน้าขึ้นมามองที่หลางเฉินชุน “ อาจารย์จะไปสหรัฐอเมริกาหรอ?”
หลางเฉินชุนฝืนยิ้มเบาๆและตอบว่า “ผมไม่อยากไปจากที่นี้ ผมอยู่ที่นี้มาตลอดชีวิตแต่ผมก็ต้องไป… เห้อ ลืมมันไปซะเถอะถือว่าคืนนี้เราไม่ได้พูดอะไรกัน เราสองคนมาดื่มกันดีกว่า ”
“ผมจะไปหยิบเหล้าให้ครับ” เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นไปหยิบเหล้าแต่จริงๆแล้วเขาถือโอกาสเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลเต็มหน้าของเขาออกไปด้วย
ทั้งสองคนดื่มเหล้าที่หยิบมาจนหมด
เซี่ยเหล่ยออกจากบ้านของหลางเฉินชุนเป็นเวลาเที่ยงคืนก่อนออกไปหลางเฉินชุนได้นำหนังสือเล่มหนึ่งใส่ในมือของเซี่ยเหล่ย หนังสือเล่มนั้นมีลักษณะบางและดูเก่ามากเหมือนว่ามันถูกเก็บมาแล้วหลายสิบปี
“ อาจารย์…” เซี่ยเหล่ยก้มลงมองหนังสือเล่มนั้นสิ่งนี้เป็นมรดกตกทอดมาหลายรุ่นของครอบครัวหลาง หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมความลับของกระบวนท่าหวิงชุนไว้มากมาย
“เอาไปสิ นำไปฝึกกระบวนท่าหวิงชุนให้ดีขึ้นและส่งเสริมมันในรุ่นต่อๆไป ” หลางเฉินชุนตอบ
“ อาจารย์ สิ่งนี้คือสิ่งที่ล้ำค่ามากผมไม่สามารถนำมันไปได้หรอกครับ ” เซียเหล่ยพูด
“คุณคือลูกศิษย์ของผม ผมคงตายก่อนที่จะได้เจอซือเหยาอีกครั้งหลังจากที่ผมไปสหรัฐอเมริกาผมคงไม่ได้สอนคุณอีก ผมไม่มีลูกชายไว้สืบสกุลหนังสือเล่มนี้มันไร้ประโยชน์สำหรับผมแล้ว หากหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือของคุณมันจะปลอดภัยกว่า คุณต้องสัญญากับผมว่าคุณจะฝึกมันและส่งเสริมให้คนทั่วโลกได้รู้จักหวิงชุน ” หลางเฉินชุนกล่าว
เซี่ยเหล่ยไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ เขาคุกเขาลงกับพื้นตรงหน้าหลางเฉินชุนและพูดว่า “ อาจารย์ครับ ผมสัญญา ผมจะฝึกกระบวนท่าหวิงชุนให้ดีที่สุดและจะทำให้คนทั่วโลกรู้จักครับ ”
เมื่อเซี่ยเหล่ยคุกเข่าลงไปหลางเฉินชุนจึงคว้าตัวของเขาขึ้นมาและมองตาของเขาพร้อมพูดว่า “ไป กลับไป เร็วๆเข้า ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “อาจารย์จะเดินทางเมื่อไหร่ ผมจะไปส่งเอง ”
หลางเฉินชุนส่ายหน้าทันทีก่อนจะตอบว่า “ ผมไม่ต้องการให้คุณไปส่งผมเมื่อคุณไม่เกี่ยวข้องกับซือเหยาแล้ว ผมจะไม่รบกวนคุณอีก ” เขาผลักเซี่ยเหล่ยออกและพูดว่า “ไป ไป ไป เร็วๆสิ ”
ขณะนั้นเซี่ยเหล่ยเห็นว่าภายในดวงตาของหลางเฉินชุนเองก็เต็มไปด้วยคราบของน้ำตาไม่ได้ต่างจากเขา มันทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง……..
ภายใต้คืนอันโหดร้าย เซี่ยเหล่ยขับรถ BMW M6 ออกมา
เขาให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่าหลังจากนี้เขาจะไม่เสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อีก
สิ่งหนึ่งที่เขาทำทุกวันหลังจากนี้คือเรียนรู้ความลับทุกอย่างของกระบวนท่าหวิงชุน
การเลือกที่กินยา AE – 12 คือทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะเซี่ยฉางห่ายพ่อแท้ๆของเขาคงไม่คิดที่จะทำร้ายเขาแน่นอน ที่พ่อของเขาเหลือยาชนิดนี้เอาไว้ในขวดแก้ว เขาเชื่อว่าเขาคงมีเหตุผลบางอย่างแต่อย่างไรก็ตามถ้าเขากินยาเม็ดนี้เข้าไปจะไม่สามารถหาเม็ดต่อไปได้อีกแล้วเพราะไม่มีใครสามารถผลิตยาชนิดนี้ได้และไม่มีใครรู้ที่มาของยาความลับนี้ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาตัดสินใจที่จะไม่กินยาเม็ดนี้จนกว่าจะหาที่มาและความลับของมันเจอ
อย่างไรก็ตามหลังจากรู้ที่มาของยา AE แล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้มันอยู่ในบ้านอีกต่อไป เช้าวันรุ่งขึ้นเขาเข้าไปยังงานเวิกค์ช็อปของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าและใช้เวลาสองชั่วโมงในห้องนั้นโดยไม่ให้ผู้อื่นรบกวน เขาสร้างสร้อยคอที่ทำมาจากโลหะผสมไทเทเนียมใส่ยา AE ไว้ด้านในและปิดผนึกด้วยจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวจากนั้นนำมาแขวนคอติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา
เมื่อออกจากงานเวิกค์ช็อป เซี่ยเหล่ยคว้าสร้อยคอรูปพระจันทร์เสี้ยวบนคอของเขาและมองด้วยรอยยิ้มหากเขาใส่สร้อยคอเช่นนี้โอกาสที่ยาจะถูกขโมยก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ในตอนนี้เขาจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
กวนหลิงชานออกมาจากตึกของสำนักงานละพูดว่า “ ประธานเซี่ย สร้อยคอของคุณสวยสะดุดตาจริงๆ ”
“ขอบคุณ คุณว่าเหมาะกับผมไหม?” เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะถามต่อ
กวนหลิงพยักหน้า “ก็ดีนะ แต่ฉันคิดว่าเหมาะสมกับคุณหลางมากกว่า”
“ก็จริงของคุณ” เซี่ยเหล่ยตอบ
“อ่อ ประธานเซี่ยบริษัทอุตสาหกรรมแบตเตอรี่แจ้งเข้ามาว่าการส่งสินค้าต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากวัตถุดิบการผลิตแบตเตอรี่มีปัญหา ” กวนหลิงชานพูดต่อ “นี้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนสัญญา ฉันบอกให้เขารับผิดชอบแต่อีกฝ่ายกลับวางสายไปฉันคงต้องปรึกษา คุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ”
เซี่ยเหล่ยแสดงสีหน้าคิ้วขมวดอย่างแปลกใจก่อนจะถามต่อด้วยคำถามมากมายว่า “พวกเขามีปัญหาอะไรหรอ ? เกิดอะไรขึ้น ? เราได้จ่ายเงินมัดจำไปแล้วและมีสัญญาด้วยถ้าหากเลื่อนการส่งวัตถุดิบออกไปสินค้าของเราก็จะผลิตได้ล่าช้า เราสั่งซื้อสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ? ”
กวนหลิงชานแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมาก “เห็นได้ชัดว่าพวกเขามองเราเป็นบริษัทขนาดเล็ก เราควรดำเนินการตามกฎหมายนะ ”
“คุณพยายามติดต่อพวกเขาอีกครั้งก่อน ผมขอเวลาคิดวิธีแก้ปัญหาก่อนการดำเนินตามกฎหมายส่งผลต่อบริษัท เรายังต้องทำธุรกิจกับพวกเขาหากทำแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ” เซี่ยเหล่ยตัดสินใจตอบอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้วค่ะ” กวนหลิงชานตอบ
เซี่ยเหล่ยถามต่อด้วยความสงสัย “เบี่ยดิเป็นบริษัทขนาดใหญ่ พวกเขาไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องของวัตถุดิบ เราเองก็สั่งซื้อวัตถุดิบในจำนวนไม่มาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดปัญหาการส่งวัตถุดิบล่าช้า นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ หัวหน้าเซี่ย” ลู่เชิงเดินเข้ามา
เซี่ยเหล่ยเลิกคิดเรื่องบริษัทแล้วหันไปตอบลู่เชิง “พี่เชิง มีอะไรหรอ?”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ซือเหยาโทรหาผมแต่ผมไม่ได้รับสาย ผมจึงโทรกลับหาคุณแต่คุณก็ไม่รับสายผมเช่นกัน ผมติดต่อคุณไม่ได้เลย ” ลู่เชิงตอบ
เซี่ยเหล่ยเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเราเลิกกันแล้วครับ ”
“หา ?” สถานการณ์เต็มไปด้วยความตกใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรต่อ
เซี่ยเหล่ยจับที่ไหล่ของลู่เชิงก่อนจะพูดว่า “อย่าถามผมอีกเลย ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ”
“ครับ ผมเข้าใจ อย่าเศร้าไปเลย” ลู่เชิงพูดให้กำลังใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะตอบว่า “ผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่คุณคิดนะ ผมสบายดี ”
ลู่เชิงแสดงท่าทางราวกับว่าต้องการที่จะพูดอะไรออกมาแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
ทันใดนั้นก็มีรถโรลลอยด์แพนทอมด์สีเงินขับเข้ามาทางประตูโรงงาน หน่วยรักษาความปลอดภัยเดินออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัยก่อนที่จะเดินไปที่รถคันดังกล่าวเพื่อสอบถาม
เซี่ยเหล่ยมองไปที่รถคันนั้นเขารู้ว่าในรถคันนั้นคือเฉินตูเทียนหยิน เขาไม่รอให้หน่วยรักษาความปลอดภัยเดินไปที่รถของเธอก่อนที่เขาจะไปถึงแน่นอน……..
ติดตามตอนต่อไป…………