Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 234
TXV – 234 ไร้หนทาง !
ด้วยเสียงหัวเราะนั้นทำให้เซี่ยเหล่ยโกรธอย่างมากแต่เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตอบโต้ได้
“เซี่ยเหล่ย คุณไม่สามารถที่จะซื้ออุปกรณ์เสริมและแบตเตอรี่ได้แล้วโรงงานของคุณจะสามารถผลิตและส่งออกไปขายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร “กู๋เค่อเหวินก็พูดต่อว่า” อย่าคิดว่าแค่รู้จักกับคนใหญ่คนโตในเมืองชิงตู่แล้วจะทำตัวโอหังได้ จะสู้กับพวกเรางั้นเหรอ? ยังเร็วไป 100 ปีหัดเจียมตัวซะบ้าง “
กู๋เค่อหวู่หัวเราะเยาะเย้ยก่อนพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้คุณเคยได้รับการสนับสนุนจากมู๋เจียนเฟิง ผมจึงไม่ได้เข้ามายุ่งย่ามกับคุณแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว บริษัทอุตสาหกรรมจีนก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณแล้วถึงตอนนี้แล้วคุณยังสามารถที่จะขอความช่วยเหลือจากเขาได้อีกมั้ยนะ?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวจากนั้นก็พูดว่า “ไม่ได้แล้ว”
“ฮ่าๆๆ!” กู๋เค่อหวู่หัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อ่อใช่…คุณสามารถไปหาเฉินตูเทียนหยินเพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอได้แต่ขอให้คิดให้ดีก่อนเพราะครั้งนี้ผมจะไม่ทำตัวสุภาพกับเธอแล้ว “
เซี่ยเหล่ยยังไม่ได้คิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากเฉินตูเทียนหยินยิ่งกู่เค่อหวู่พูดแบบนี้แล้วยิ่งไม่อยากไปทำให้เธอเดือดร้อนแต่ก็ไม่เหมาะเหมือนกันที่เขาจะไปขอความช่วยเหลือจากเธอเพราะตอนนี้เองเธอก็กำลังยุ่งอยู่มากเมื่อเซี่ยเหล่ยคิดไปคิดมาว่าถ้าหากเขาต้องการจะขอความช่วยเหลือจากใครแล้วละก็คงจะเป็นฉือโบเหยิยน และหลงบิง สองคนนี้จะต้องช่วยเขาได้อย่างแน่นอน
กู่เค่อเหวินพูดว่า “เซี่ยเหล่ย ฉันจะให้เงินกับคุณ 50 ล้านจากนั้นทั้งบริษัทและสิทธิบัตรก็จะกลายเป็นของฉันรวมไปถึงข้อข้องใจของเราก็จะหายไปทั้งหมดเป็นยังไงหล่ะข้อเสนอนี้คุณสนใจหรือไม่?
เซี่ยเหล่ยโกรธอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้นแต่เขาก็ต้องข่มใจเอาไว้จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เดิมที่ตระกูลกู๋ก็มีทางเลือกในการลงทุนมากอยู่แล้วและตอนนี้บริษัทของผมก็กำลังย่ำแย่ คุณยังคิดที่จะเอามันไปอีกอย่างนั้นเหรอ!”
กู๋เค่อเหวินพูดว่า “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของบริษัทคุณแล้วที่ฉันจะมอบให้ หากคุณยังดั้นด้นต่อ ในขณะที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมากอยู่นั้นแน่นอนด้วยกำลังของบริษัทของคุณในตอนนี้ไม่สามารถที่จะส่งมอบสินค้าได้จริง แล้วคุณจะจ่ายค่าชดเชยไหวอย่างนั้นเหรอ! “
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ “เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นเสียงดังและแข็งกระด้าง
กู๋เค่อหวู่พูดว่า “เซี่ยเหล่ย คุณคิดอะไรของคุณอยู่? คุณลองมองไปทางซ้ายมือสิ”
เซี่ยเหล่ยมองไปทางซ้ายมือก็จะเห็นถนนห่างออกไปราวๆ 200 เมตรบริเวณนั้นเต็มไปด้วยรถตู้รถสองแถวและรถมินิบัสจอดอยู่รวมไปถึงแผนกจัดการเมืองที่กำลังทำท่าทางเหมือนนักเลงหัวไม้ แถมจำนวนพวกเขายังคงมากกว่าจำนวนคนของโรงงานเสียอีก
กู๋เค่อหวู่พูดอย่างเรียบง่ายไปว่า “ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสามารถในการต่อสู้ของคุณแต่หากคุณสามารถที่จะเอาชนะจำนวนคนขนาดนี้ได้ ผมก็คงจะต้องยอมรับแต่โดยดี”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรต่อเขาหันกลับและเดินไปที่โรงงาน
“เฮ้? ตอบคำถามมาก่อนสิ “กู๋เค่อเหวินได้โผล่หัวออกมานอกหน้าต่างแล้วตะโกนถามออกไปต่อว่า ” เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 50 ล้าน ตกลงคุณจะขายหรือไม่? “
เซี่ยเหล่ยหันหน้ากลับและมองตาของกู๋เค่อเหวินจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ลองไปถามแม่มึXดู!”
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดจบกู่เค่อเหวินก็ชะงักไปและใบหน้าของเธอก็แสดงความโกรธออกมา
ในตาของกู๋เค่อหวู่ก็เช่นกัน เขาเองก็แสดงความโกรธออกมาเพราะไม่มีใครกล้าที่จะเอาแม่ของเขามาพูดแบบนี้!
เซี่ยเหล่ยเดินกลับเข้าไปที่ประตูโรงงานและตรงดิ่งไปหาเฉียวปิงจากนั้นไปยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในไม่ช้าก็หยิบเอาเอกสารขึ้นมาและเซ็นชื่อของเขาลงไปแล้วก็ยื่นเอกสารไปที่มือของเฉียวปิงสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “ตกลง เราจะระงับการผลิตในตอนนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและจะให้คุณตรวจสอบในเวลาหนึ่งเดือนต่อมา”
“มันไม่ใช่แค่หนึ่งเดือนแต่เป็นครึ่งปี!” พนักงานบางคนพูดในสิ่งที่เฉียวปิงเคยพูดไว้
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ครึ่งปี 1 ปี หรือ 216 ปี มันจะไปต่างอะไรกัน”
“ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ” เฉียวปิงทิ้งคำพูดเอาไว้จากนั้นก็พูดขึ้นว่า”ไปกันได้แล้ว”
ทั้งพนักงานของเฉียวปิงและแผนกจัดการเมืองต่างพากันกลับตามคำสั่ง
เมื่อเห็นว่าฝ่ายของเฉียวปิงเริ่มกลับไปกันแล้วบรรดาคนงานต่างก็พากันออกมาเพื่อที่จะพูดคุยกับเซี่ยเหล่ย
“ประธานเซี่ย ปล่อยไว้แบบนี้แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ” หลิวเสวียบิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
คนงานคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ประธานเซี่ย ทำไมเราถึงไม่สู้กับพวกเขาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย เราไม่กลัวพวกเขาหรอกนะ!”
“ถ้าเราทำแบบนั้น สถานการณ์ของเราจะยิ่งแย่ลงไปอีก” จูเสี่ยวหงพูดขึ้น
“ประธานเซี่ย เราจะทำอย่างไรกันดี” หยินฮ่าวพูดขึ้นและพูดต่อว่า “คุณต้องการจะให้พวกเราทำอะไรต่อไป บอกมาได้เลยพวกเราพร้อมที่จะทำ!”
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “ถ้าเราจะสู้ก็ย่อมทำได้แต่ลองคิดกันให้ดีๆนะ พวกที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นคือกลุ่มคนพาล พวกเขานั้นก็เปรียบเหมือนขยะที่เน่าเสียหากพลาดพลั้งฆ่าใครตายก็ไม่พ้นต้องไปเข้าคุก ลองคิดย้อนกลับไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเราจะทำยังไง พ่อแม่ภรรยาหรือลูกที่ขาดซึ่งเสาหลักไปจะเป็นอยู่อย่างไร ดังนั้นเราจึงไม่ควรเอาตัวเข้าไปแลกกับเรื่องแบบนี้ “
“แต่……ประธานเซี่ยโรงงานของเราถูกระงับไปแล้วแล้วเราจะหาเงินจากไหนไปจุนเจือครอบครัวหล่ะ” หลิวเสวียบิงพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูกังวลจากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า “ลูกของฉันก็เรียนมหาลัยแล้วซะด้วย”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหลังจากนี้สามวันคุณควรไปพักผ่อนให้สบายใจ จากนั้นอีกสามวันคุณค่อยกลับมาเริ่มทำงาน “
“สามวัน? ไม่ใช่ครึ่งปีอย่างนั้นเหรอ? “คนงานบางคนกล่าว
“ประธานเซี่ย แค่สามวันอย่างนั้นเหรอ! “คนงานบางคนพูด
จากคำพูดของเซี่ยเหล่ยนั้นทำให้เหล่าคนงานได้ลดความเคร่งเครียดและค่อยๆผ่อนคลายลงในที่สุดหลายคนจึงคิดไปว่าสิ่งนี้เป็นเพียงแค่เรื่องของการพักผ่อนเป็นเวลาสามวันก็เท่านั้น
“แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็พูดต่อว่า “วันนี้ยังมีงานอีกมากรีบทำให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านไปหาครอบครัวกันใช้เวลาในช่วงวันหยุดให้คุ้มค่าที่สุด ใครที่ต้องการมีลูกก็ขอให้ได้ลูก ใครที่อยากพาแฟนไปเที่ยวก็พาไป”
เมื่อได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดดังนั้นทำให้บรรดาคนงานต่างพากันหัวเราะทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น
จากนั้นเซี่ยเหล่ยกลับไปที่ออฟฟิศของเขาเมื่อถึงที่ออฟฟิศเขายกหมัดขึ้นชกกำแพงหนึ่งครั้งกำแพงส่วนหนึ่งได้แตกละเอียดเป็นผุยผงและร่วงหล่นลงไปที่พื้น
“พี่เซี่ย อย่าทำอย่างนี้” เซี่ยเสวียพูดด้วยความเป็นห่วงและหยิบผ้าขึ้นมาซับเลือดที่มือของเซี่ยเหล่ย
“ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นอะไร” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นจากนั้นก็ถอนหายใจเล็กน้อย
กวนหลิงชานพูดว่า “ประธานเซี่ย ฉันได้โทรไปหายังผู้สื่อข่าวหลายรายในบริเวณเมืองห่ายจูแต่ก็ไม่มีผู้สื่อข่าวรายใดตอบกลับมาซักคน”
เซี่ยเสวียยังพูดอีกด้วยว่า “ฉันก็ได้โทรไปแจ้งตำรวจแล้วแต่นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมง ตำรวจก็ยังไม่มา”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดไปว่า “นี่เป็นเรื่องปกติมาก ฝ่ายตรงข้ามกล้าที่จะทำเช่นนี้ พวกเขาจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว “
“พี่เซี่ย ฉันไม่เชื่อว่ากฏหมายจะทำอะไรกับพวกเขาไม่ได้หรอกนะ เราจะยื่นฟ้องศาล!” เซี่ยเสวียพูด
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เขาเป็นบุคคลในกฎหมายและก็ยังเป็นผู้บังคับใช้กฏหมายอีกด้วย เอกสารที่เฉียวปิงเตรียมมาก็มีข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเราแถมยังมีหลักฐานพร้อม เราจะไปทำอะไรได้อีก”
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” กวนหลิงชานพูดขึ้นอย่างกังวลมากว่า “ตอนนี้เรามีคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจากต่างประเทศและถ้าเราไม่สามารถที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ตามเวลาที่กำหนดก็จะทำให้เราต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนมากเลยนะ เราไม่มีปัญญาพอที่จะจ่ายไหว”
ในเวลานี้หยินฮ่าว ลู่เชิง จูเสี่ยวหง และคนอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าของออฟฟิศ พวกเขาเป็นเหมือนกระดูกสันหลังสำหรับบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “หลิงชาน คุณพาพวกเขาไปที่ห้องประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางและวิธีการเพื่อให้ได้ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ “
“อืม” กวนหลิงชานได้พูดขึ้นแล้วเดินไปที่ทางเข้าของออฟฟิศพร้อมกับพูดขึ้นอีกว่า “พวกเราจะไปที่ห้องประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องนี้กันก่อนและจะปล่อยให้ประธานเซี่ยได้พักซักเล็กน้อย” กวนหลิงชานพูดขึ้นจากนั้นเธอก็เดินไปยังห้องประชุม
เหล่าพนักงานต่างพากันเดินไปที่ห้องประชุมทำให้บริเวณออฟฟิศเงียบสงบลง ภายในจิตใจของเซี่ยเหล่ยตอนนี้มีแต่ภาพใบหน้าของกู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวิน ทำให้เขาโมโหและโกรธอย่างมากจนอยากที่จะฆ่าสองพี่น้องนั้นให้ตายแต่ก็ทำไม่ได้…….
เซี่ยเหล่ยพยายามสงบจิตใจและอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงจากนั้นก็พูดกับตัวเองว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววของกู๋เค่อเหวินและกู๋เค่อหวู่ก็เพราะว่าพวกเขากำลังเตรียมการสำหรับวันนี้ไว้เป็นอย่างดีนี่เอง ส่วนปัญหาตอนนี้ก็วิกฤติอย่างมากไม่รู้ว่าหลงบิงหรือผู้บริหารฉือจะช่วยได้หรือไม่? “
การที่จะแก้ปัญหาให้ได้นั้น ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่อยากที่จะยืมมือคนอื่นเข้ามาช่วยเลยแต่เนื่องจากปัญหานี้มันใหญ่เกินตัวของเขาอย่างมากด้วยตัวเขาคนเดียวไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้หากไม่จำเป็นจนถึงที่สุดเซี่ยเหลี่ยก็ไม่อยากที่จะของความช่วยเหลือจากใครเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยยังไม่ทันที่จะได้โทรไปหาหลงบิง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเมื่อก้มลงดูก็พบว่าเป็นหู่ฮั่วโทรเข้ามา
เซี่ยเหล่ยรับโทรศัพท์จากนั้นก็ได้ยินเสียงพูดว่า “เซี่ยเหล่ย ในเวลานี้ที่ผมไม่ช่วยคุณเป็นเพราะว่าผมไม่สามารถที่จะช่วยได้จริงๆ” หู่ฮั่วพูดผ่านโทรศัพท์จากนั้นก็พูดต่อว่า “บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าเวลานี้กู๋ดิงชานได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้ คุณคงเข้าใจใช่มั้ยว่ามันหมายความว่ายังไง “
กู๋ดิงชานเป็นพ่อของกู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งมาเฟียร์ที่ยิ่งใหญ่และโด่งดัง เขาไม่ใช่บุคคลธรรมดาจนขนาดที่ว่าหลายๆคนขนานนามให้เขาว่า “ตำนานที่ยังเป็นนิรันดร์ !”
เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินหู่ฮั่วพูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับสองพี่น้องตระกูลกู๋จากนั้นเขาก็พูดอย่างขมขื่นว่า “นายกเทศมนตรีหู่ ผมเข้าใจคุณแล้ว ผมไม่โกรธคุณหรอกแต่ผมอยากจะขอความเห็นของคุณหน่อยว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อ? “
หู่ฮั่วพูดว่า “นี่คือเป้าหมายในการโทรมาครั้งนี้ของผม อย่างแรกเลยคุณต้องเลื่อนเวลาการส่งผลิตภัณฑ์ออกไปก่อนจากนั้นก็จ่ายเงินชดเชยไปและแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตามลำดับ “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมเข้าใจแล้วนายกเทศมนตรีหู่ ตอนนี้คุณก็รู้สถานการณ์ของผมแล้วว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นผมจะไม่คุยกับคุณจนกว่ากระบวนการต่างๆจะถูกแก้ไขและลุล่วงไปได้ด้วยดี”
“ตกลงตามนี้” หู่ฮั่วพูดขึ้น
“ครับ แค่นี้ก่อนนะ” เซี่ยเหล่ยพูดจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที เซี่ยเหล่ยก็ได้โทรไปหาหลงบิงและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง
หลังจากที่หลงบิงฟังเซี่ยเหล่ยพูดจนเสร็จเธอก็พูดขึ้นสั้นๆว่า “ฉันจะถามผู้บริหารฉือในตอนเย็นจากนั้นฉันจะค่อยให้คำตอบคุณ”
ติดตามตอนต่อไป…….