Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 236
TXV – 236 สาวชนบทผู้โชคดี
ด้านนอกสนามบิน จูเสี่ยวหงเงยหน้ามองเครื่องบินโดยสารที่กำลังเทคออฟด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เซี่ยเหล่ยสังเกตเห็นท่าทีกังวลของเธอตั้งแต่อยู่บนเครื่องแล้ว เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวหง เราออกมาจากสนามบินแล้วนะ ยังกลัวอยู่อีกเหรอ?”
จูเสี่ยวหงยิ้มอายๆ “พี่เหล่ย นี่ไฟล์ทแรกของฉันเลย อย่าหัวเราะนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “ไม่เห็นน่าหัวเราะตรงไหนเลยนะ? แต่หลังจากบริษัทสาขาในเมืองชู่สร้างเสร็จแล้ว คุณยังมีเที่ยวบินให้นั่งอีกเยอะ ต้องปรับตัวหน่อยนะ”
จูเสี่ยวหงยังคงดูกังวลอยู่เหมือนเดิม “พี่เหล่ยอยากย้ายฉันมาที่สาขานี้เหรอ?”
เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “ไม่ดีเหรอ? ที่นี่คือบ้านของคุณไงครอบครัวคุณอยู่ที่นี่ คุณเองก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ ผมให้คุณมาดูแลบริษัทสาขานี้ไม่ดีเหรอ?”
“หา?” จูเสี่ยวหงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน “ให้ฉันดูแลบริษัทสาขานี้เหรอ?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “อื้ม ผมว่าคุณนี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว”
จูเสี่ยวหงเรียนจบแค่ม.ต้น การศึกษาถือว่าไม่ได้สูงนัก เรื่องเทคโนโลยีการช่างก็ยังตามหลังเซี่ยเหล่ยอยู่มาก ซึ่งก็เธอไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไหร่จากมุมมองของเธอจูเสี่ยวหงไม่เต็มใจเป็นผู้อำนวยการบริษัทนักไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้นำให้แก่บริษัทสาขาย่อยของอุตสากรรมอาชาสายฟ้าเลย แต่เซี่ยเหล่ยได้ตัดสินใจแล้วเพราะคนที่เซี่ยเหล่ยต้องการไม่ใช่แค่ต้องมีความสามารถแต่ต้องเป็นคนที่จะไม่หักหลังเขาด้วยซึ่งจูเสี่ยวหงคือคนแบบนั้น คนที่จะไม่มีวันหักหลังเซี่ยเหล่ยต่อให้มีคนเอามีดมาจ่อคอเธออยู่ก็ตาม
ในขณะที่จูเสี่ยวหงกำลังจะตอบตกลง เธอก็เปลี่ยนใจส่ายหัวรัวๆทันที “พี่เหล่ย ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันทำไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นให้ฉันทำงานเวิกค์ช็อปธรรมดาเถอะ ฉันจะขยันทำงานนะแต่อย่าให้ฉันเป็นคนดูแลบริษัทเลย ฉันทำไม่ได้หรอก”
เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “การจัดการบริษัทมันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คุณคิดหรอก ตราบใดที่ยังบริหารคนหลายคนได้อยู่น่ะนะ ดูอย่างผมสิบางครั้งผมก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัทแต่คนอื่นก็ยังทำงานกันได้ปกติเลย”
“แต่…… คนเก่งๆคนอื่นในบริษัทยังมีอีกเยอะ ทำไมถึงเลือกฉันล่ะ?” จูเสี่ยวหงถามเพราะคิดไม่ออกจริงๆ
เซี่ยเหล่ยตอบ “เพราะผมเชื่อใจคุณเหตุผลมีแค่นี้แหละ”
จูเสี่ยวหงนิ่งอึ้ง แต่ก็เข้าใจได้ในทันที “พี่เหล่ย ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่……ถ้าทำได้ไม่ดีก็อย่าว่ากันนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “มาเถอะ ไปพักที่โรงแรมกัน”
จูเสี่ยวหงพูดต่อ “พี่เหล่ย มาถึงบ้านเกิดฉันทั้งทียังจะพักโรงแรมอีกเหรอคะ? มาที่บ้านฉันสินั่งรถไปชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าคุณอยู่ได้นะ”
“ยังไงก็ได้ ไปที่บ้านคุณก็ได้นะเรียกรถกันเถอะ” เซี่ยเหล่ยตัดสินใจแบบไม่คิดมาก เขาไม่ใช่คนใหญ่คนโตมาจากไหนหลังจากการหายตัวไปของเซี่ยฉางห่าย เขาก็ต้องใช้ชีวิตราวกับสุนัขต้องทนลำบากกว่า 5 ปีนั่นทำให้เขาเป็นคนไม่ดูถูกคนอื่น
สิ่งที่พัฒนาไปมากอย่างเห็นได้ชัดในฝั่งตะวันตกคือการคมนาคม เมื่อออกจากเมืองชิงตู่สามารถเห็นถนนกว้างๆได้ทุกที่ ราวกับเส้นใยของแมงมุมที่เชื่อมต่อถึงกันได้หมดแล้ว การเดินทางไปที่บ้านของจูเสี่ยวหงก็เป็นระบบไฮสปีดเต็มตัว ใช้ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว บ้านของเธอเป็นบ้านหลังคากระเบื้องในหมู่บ้านภูเขาเล็กๆชื่อ หม่าซู่ตั้งอยู่กลางไร่นา มีบ้านหลังคากระเบื้องเพิ่งสร้างใหม่อีกมากมายหลายหลัง และป่าไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ เป็นภาพที่ไม่ใช่แค่สวยงามน่ามองแต่ยังมีเสน่ห์และความเรียบง่ายอยู่ด้วย
พ่อแม่ของจูเสี่ยวหงเป็นเกษตรกรที่อ่อนน้อมถ่อมตน ซื่อสัตย์และใจดีเมื่อแนะนำเซี่ยเหล่ยให้รู้จักแล้ว พวกเขาก็ตื่นเต้นมากที่เจ้านายของลูกสาวมาที่บ้านแม้จะยุ่งกับงานอยู่แต่พวกเขาก็ไปนำเป็ดนำไก่และไปเก็บของในไร่เพื่อนำมาทำอาหารต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
จูเสี่ยวหงพาเซี่ยเหล่ยไปที่ห้องเพื่อรอทานอาหารทั้งเตียงและข้าวของต่างๆถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่หมด
จูเสี่ยวหงที่ไปช่วยงานครอบครัวก็เริ่มงานยุ่งไปด้วย จนเซี่ยเหล่ยรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก “เสี่ยวหง คุณลุงคุณป้าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ผมเกรงใจ”
จูเสี่ยวหงพูดยิ้มๆ “พี่เหล่ย เห็นมั้ยว่าบ้านหลังนี้เพิ่งปรับแต่งใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็ใหม่ด้วย?”
เซี่ยเหล่ยไม่เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไรแต่ก็พยักหน้ารับ “เห็น”
“รู้มั้ยว่านี่เป็นเพราะคุณเลยนะ?”
เซี่ยเหล่ยอึ้ง “เพราะผม?”
จูเสี่ยวหงยิ้มหวาน “ใช่ เพราะคุณเลยถ้าคุณไม่ช่วยฉัน ฉันคงซ่อมแซมบ้านให้ใหม่แบบนี้ไม่ได้หรอก เราคงไม่มีเงินพอจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเฟอร์นิเจอร์ใหม่หรือแม้แต่น้องชายฉันก็คงไม่มีเงินเรียนหนังสือด้วยซ้ำ คุณไม่ได้ให้แค่ที่พักกับฉันแต่ให้โบนัสจ่ายเงินเดือนสูงๆด้วย เงินส่วนใหญ่ที่ฉันได้มาก็ส่งกลับมาที่นี่ ทุกวันนี้ที่บ้านฉันถึงดีขึ้นเยอะ คุณเป็นเหมือนเทวดาสำหรับครอบครัวฉันแล้วจะไม่ให้เราต้อนรับอย่างดีได้ยังไงล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเขินๆ “เทวดาอะไรกัน? อย่าเรียกแบบนั้นเลย”
เสี่ยวหงพูดต่อ “พี่เหล่ย ปล่อยพวกเขาทำไปเถอะทำตัวตามสบายนะ ให้ครอบครัวฉันต้อนรับคุณเต็มที่สักหน่อย”
เซี่ยเหล่ยเป็นคนพูดไม่เก่งเสียด้วยอีกอย่าง เขามีบุญคุณต่อจูเสี่ยวหงที่ช่วยรับเธอและดูแลเธอไว้ที่ครอบครัวจูมีชีวิตที่ดีอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะเขาถ้าเขาจะไม่รับน้ำใจของครอบครัวจูก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่
จูเสี่ยวหงถอดรองเท้าออกแล้วปีนขึ้นไปบนที่นอนเพื่อจัดผ้าปูที่นอนใหม่ให้เซี่ยเหล่ย เมื่อบั้นท้ายเธอยกสูงขึ้นความงามได้รูปปรากฏแก่สายตาเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาจำตอนที่จูเสี่ยวหงมาที่บริษัทอาชาสายฟ้าครั้งแรกได้หม่าเสี่ยวอันก็เช่นกัน เนื้อตัวเธอมอมแมมแม้แต่รองเท้าก็ขาดแหว่ง ตอนนี้เงินเดือนเธอก็เยอะพอแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าแพงๆ จูเสี่ยวหงอาจจะใส่เสื้อราคาถูกกว่า 110 หยวน กางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็ธรรมดา ดูไม่สบายสักเท่าไหร่ แต่บั้นท้ายโค้งมนดูจะเป็นสิ่งเดียวที่โดดเด่นและให้ความรู้สึกเซ็กซี่ภายใต้เสื้อผ้าราคาถูกสไตล์เรียบๆเหล่านี้ ปกติแล้วผู้หญิงทั่วไปเป็นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?
“พี่ครับ! ผมกลับมาแล้ว!” เสียงเล็กดังมาจากด้านนอกหน้าต่าง
จูเสี่ยวหงที่ปูผ้าปูที่นอนเสร็จแล้วปีนลงมาจากเตียงแล้วตอบรับด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ฉันกลับมาแล้ว”
เพียงพูดจบเด็กชายคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาทางประตู เขารอเจอพี่สาวเขาแทบไม่ไหวแต่ก็พบกับชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ในห้องด้วยอีกคน พวกเขาสบตากันจากนั้นเด็กคนนั้นนิ่งไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มให้เขา
จูเสี่ยวหงกล่าว “เซี่ยวหู่ นิ่งอยู่ทำไมล่ะ? เรียกพี่เหล่ยสิ เขาเป็นเจ้านายพี่”
จูเซี่ยวหู่ดูเขินๆนิดหน่อยก่อนจะพูดออกมา “พี่เหล่ย”
เซี่ยเหล่ยตบบ่าจูเซี่ยวหู่เบาๆพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งใจเรียนแล้วก็ตั้งใจทำงานเก็บเงินนะ ทำตัวดีๆกับพี่สาวล่ะ รู้มั้ย?”
“อื้ม” จูเซี่ยวหู่ตอบรับด้วยท่าทีจริงจัง
จูเสี่ยวหงพูดต่อ “เซี่ยวหู่ ไปช่วยพ่อกับแม่ทำอาหารนะ พี่จะพาพี่เหล่ยไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย”
จูเซี่ยวหู่เดินออกไปตามที่พี่บอก จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็เดินตามจูเสี่ยวหงออกไปข้างนอกและพวกเขาเดินทอดยาวไปตามทางถนนชนบท
ตอนแรกเซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าฝั่งตะวันตกยังค่อนข้างล้าหลังอยู่แต่เมื่อมาถึงจริงๆแล้วก็ไม่ได้ล้าหลังมากนัก เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคตะวันตกเงียบหายไปนาน การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเห็นได้ชัดคือที่อยู่อาศัยที่นี่ยังคงสวยงามเช่นเดิม มีรถขนาดเล็กจำนวนมากอยู่บนท้องถนนนั่นแสดงให้เห็นถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นของคนในพื้นที่และแม้ว่าที่นี่จะเป็นชนบทแต่ถนนก็เป็นถนนปูนซีเมนต์ต่อให้เป็นวันฝนตก ก็ไม่มีปัญหาเรื่องโคลนอีกต่อไป
เมื่อเดินไปตามทาง เซี่ยเหล่ยก็สังเกตเห็นตึกเวิกค์ช็อปและออฟฟิศขนาดใหญ่ เขาจึงถามขึ้น “เสี่ยวหง นั่นบริษัทอะไรเหรอ? ทำไมมันใหญ่จัง?”
จูเสี่ยวหงตอบ “นั่นไม่ใช่บริษัทนะ ตรงนั้นเป็นเขตพัฒนาอุตสาหกรรมของที่นี่ค่ะ บริษัทนอกเมืองหลายแห่งมาที่นี่เพื่อสร้างโรงงานสาขาย่อย ฉันได้ยินมาว่ารัฐบาลให้สัมปทานเป็นจำนวนมากเหมือนกันที่ดินราคาถูกไม่พอ มีนโยบายส่วนลดต่างๆ ด้วยนะ”
เซี่ยเหล่ยคิดในใจ “ทำเลค่อนข้างดีเลยระยะทางก็แค่ขับรถจากเมืองชู่มาแค่ชั่วโมงเดียวการจราจรก็คล่องตัว มีวัตถุดิบดีๆ ผลิตภัณฑ์ก็ดีไปด้วยที่สำคัญก็คือที่ดินราคาถูกมีนโยบายส่วนลดอีกต่างหากที่นี่แหละที่เหมาะจะเปิดสาขาย่อย” เซี่ยเหล่ยคิดก่อนจะพูดต่อ “ถ้าผมอยากสร้างโรงงานที่นี่ ผมต้องไปทำเรื่องกับใครเหรอ?”
จูเสี่ยวหงตอบ “หน่วยงานรัฐบาล รัฐบาลท้องถิ่นจะช่วยทำให้ขั้นตอนง่ายขึ้น”
เซี่ยเหล่ยมองจูเสี่ยวหงแล้วยิ้มออกมา “คุณตั้งใจพาผมมาที่นี่เหรอ?”
จูเสี่ยวหงหัวเราะคิกคัก “ฉันว่าแล้วว่าปิดบังความจริงกับคุณไม่ได้ พี่เหล่ย อยากจะตั้งโรงงานที่นี่ใช่มั้ยล่ะ ฉันเองก็คิดว่าบ้านเกิดฉันเหมาะเหมือนกัน ฉันคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและผู้คนที่นี่ ฉันช่วยคุณได้นะ”
“ดีเลย พาผมไปดูที่เขตพัฒนาอุตสาหกรรมหน่อยสิ เราจะได้เลือกพื้นที่แล้วไปหาหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้กัน” เซี่ยเหล่ยแทบรอไม่ไหวแล้ว
“อื้ม” จูเสี่ยวหงตอบรับก่อนจะเดินนำไปตอนนี้เธอเหมือนกับเด็กสาวที่โตขึ้นเป็นหญิงสาวแล้ว
มีผู้คนมากมายบนท้องถนนสองข้างทางเป็นร้านค้าต่างๆ ผู้คนที่นี่ต่างก็รู้จักจูเสี่ยวหงบางคนก็ทักทายเธออย่างอบอุ่นแต่บางคนก็ไปซุบซิบกันเบาๆแทน
“นั่นใช่ลูกสาวบ้านจูรึเปล่า? ไปทำงานไม่ถึงปีมีเงินมากพอมาซ่อมแซมบ้านซื้อข้าวของเครื่องใช้ใหม่แล้ว เงินคงเป็นแสนๆแหน่ะ เก่งจริงๆ”
“เฮ้ ใครไม่รู้บอกมาว่าเธอไปทำงานแล้วเจ้านายเกิดติดใจน่ะสิ เธอแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำแค่รอที่เตียงอย่างเดียว”
“ผู้ชายที่เดินข้างๆนั่นใช่เจ้านายเธอรึเปล่าน่ะ? ไม่มั้ง เจ้านายที่ไหนจะเด็กขนาดนี้?”
“ไอ้หยา เสี่ยวหงนี่โชคดีจริงๆอาจจะได้แต่งงานด้วยล่ะมั้งนั่น”
“ตาแก่บ้านจูก็โชคดี ลูกสาวฉันก็ออกไปทำงานเหมือนกันแต่ต้องให้ฉันส่งเงินให้ทุกเดือนเลย……”
ทุกคำพูดเข้าหูจูเสี่ยวหงทั้งหมดใบหูเธอแดงก่ำ เซี่ยเหล่ยยังนิ่งอยู่เขาเฉยๆกับการซุบซิบไปแล้วแค่ฟังแล้วลืมมันไปก็พออีกอย่างคือเขาจะไปประมือกับคนเหล่านั้นไปทำไม? ไม่มีประโยชน์เลย
ทั้งสองคนเดินมาถึงเขตพัฒนาอุตสาหกรรมแล้วเสียงซุบซิบก็หายไป เซี่ยเหล่ยเดินตามจูเสี่ยวหงไปแล้วหันมองรอบๆเป็นที่ที่เป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆมีถนนเชื่อมต่อทุกทิศทางแต่ละเส้นเป็นถนนกว้างถึง 6 เลน สองฝั่งถนนเป็นตึกมากมายบางส่วนก็ยังสร้างไม่เสร็จ บ้างก็เป็นพื้นที่รกร้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช
ก่อนจะเดินถึงพื้นที่เปิดโล่งเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้น “เสี่ยวหง รอผมอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมเข้าไปดูเอง”
“ได้” ตอนนี้หน้าของเธอก็ยังคงแดงเช่นเดิมในหัวมีเสียงของชาวบ้านที่ซุบซิบกันดังอยู่เรื่อยๆ คำพูดพวกนั้นทำเธอลำบากใจ
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในพงหญ้าเปิดซิปออกสายตากวาดมองรอบๆพื้นที่
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเซี่ยเหล่ยช็อคไปแต่ยังไม่ทันได้รูปซิปก็ได้ยินเสียง “ว้าย!” มาจากจูเสี่ยวหงเธอรีบปิดหน้าแล้ววิ่งออกไป
เซี่ยเหล่ยกระอักกระอ่วนแต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเมื่อปัสสาวะเสร็จและออกมาจากพื้นที่นั้นแล้ว
“พี่เหล่ย ฉัน……” จูเสี่ยวหงกระวนกระวายเล็กน้อยกลัวจะทำเซี่ยเหล่ยไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “ที่ดินตรงนี้แหละ”
จูเสี่ยวหงพูดต่ออย่างประหลาดใจ “ทำไมพี่ไปฉี่ตรงนั้นล่ะ?”
ติดตามตอนต่อไป………..