Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 239
TXV – 239 จับตัว !
ร้านอิมพิเรียลมาร์เกนไม่ใช่ร้านอาหารชั้นนำธรรมดาๆแต่เป็นร้านอาหารที่โดดเด่นที่สุดของเมืองห่ายจู มีลักษณะหรูหราคล้ายพระราชวังภายในถูกตกแต่งรูปแบบย้อนยุคให้ความรู้สึกถึง “มื้ออาหารอันเลิศเลอที่ชีวิตนี้ต้องลิ้มลองให้ได้”
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินทางมาถึง หู่ฮั่วได้นำเขาไปห้องอาหารส่วนตัวในทันที
บนโต๊ะอาหารภายในห้องมีอาหารเรียกน้ำย่อยเตรียมไว้มากมาย รวมไปถึงไวน์แดงและไวน์ขาวยังมีอาหารจานหลักที่พร้อมเสิร์ฟเตรียมไว้อีกด้วย ดูจากอาหารบนโต๊ะแล้วราคาสูงมากเลยทีเดียว
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นายกเทศมนตรีหู่ อาหารนี้คืออะไรหรอครับ?” เขาเอ่ยทักทายด้วยคำสุภาพ
“คุณเซี่ย คุณน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไรที่ผมเชิญคุณมาที่นี่ก็เพื่อที่จะปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องทางกฎหมาย” หู่ฮั๋วยิ้มก่อนตอบ
“ท่านนายกเทศมนตรีหู่ ท่านเป็นคนที่อ่อนโยนและมีเมตตา ท่านต้องการอะไรบอกผมมาเถอะ ถ้าหากผมทำให้ท่านได้ผมจะทำเพื่อท่านอย่างแน่นอนครับ ” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ถ้าคุณพูดเช่นนี้หมายความว่าถ้าผมต้องการให้คุณไล่คนงานออก คุณจะทำให้ผมใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยได้ยินเช่นนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ท่านนายกเทศมนตรีหู่ ผมจะรินเครื่องดื่มให้คุณนะ ”
หลังจากพูดจบเซี่ยเหล่ยหยิบขวดไวน์ขึ้นมา
หู่ฮั๋วใช้มือของเขาปิดปากแก้วไวน์และมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่สบายใจก่อนจะพูดว่า “ดูคุณสิ คุณเพิ่งจะบอกว่าหากผมต้องการอะไรคุณก็จะทำเพื่อผมอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้คุณกลับเปลี่ยนคำพูดตัวเอง ”
เซี่ยเหล่ยได้ยินเช่นนั้นจึงวางไวน์อู่เหลียงลง “ท่านนายกเทศมนตรีหู่ คุณอาจจะวิพากวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นแต่คนงานหลายร้อยชีวิตที่นี่ยังต้องทำมาหากิน คุณทำให้บริษัทผมต้องปิดทำการเป็นเวลาครึ่งปี ชีวิตที่ต้องหยุดงานอย่างกะทันหันคนงานจึงรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก ผมพยายามอธิบายให้พวกเขาเข้าใจแต่ก็ไม่มีใครเข้าใจผมเลย คุณคิดว่าผมควรทำอย่างไรดีล่ะ ?”
หู่ฮั๋วหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดว่า “คุณไม่กลัวถูกจับหรอ?”
“นายกเทศมนตรีหู่ ถ้าหากผมโดนจับผมก็ไม่มีปัญหาอะไรนักหรอก คุณจะให้คนมาจับผมตอนนี้เลยก็ได้ ผมจะไม่ขัดขืนเลย ”
คนงานของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเดินไปตามท้องถนนด้วยความรู้สึกที่โกรธแค้นหากถามว่าทำไมเซี่ยเหล่ยถึงไม่ถูกจับ คำตอบคือการจับกุมเขาไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการทำทุกอย่างให้แย่ลง
“เซี่ยเหล่ย ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้อยากให้ความยุติธรรมกับคุณหรอกนะแต่การเมืองเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและวุ่นวาย คุณไม่ใช่นักการเมืองและคุณไม่สามารถเข้าใจถึงปัญหาของผมได้ ผมต้องการที่จะช่วยคุณแต่ถ้าผมยืนหยัดว่าจะอยู่ข้างคุณผมก็จะหมดอำนาจถ้าหากผมรักษาผลประโยชน์ของคุณ ผมจะต้องออกจากตำแหน่งเพราะฉะนั้นคุณต้องเข้าใจจุดที่ผมยืนด้วย ”
“ผมเข้าใจ ผมจึงมาที่นี่ไง ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
ฉือโบเหยิยนเองยังไม่สามารถช่วยได้ หู่ฮั๋วที่ตำแหน่งต่ำกว่าก็ไม่สามารถช่วยได้เช่นกัน….
ขณะนั้นพนักงานเสิร์ฟได้ผลักประตูเข้ามาพร้อมนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
ในจานมีอาหารปริมาณที่ไม่มากแต่ดูสวยงาม………
พนักงานเสิร์ฟนำขวดไวน์แดงมาเปิด โทรศัพท์ของหู่ฮั๋วก็ดังขึ้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนนอกพร้อมทั้งกล่าวว่า “ขอโทษนะ ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อน ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและมองหู่ฮั๋วเดินออกจากห้องไป เขาเกิดความสงสัยว่าใครโทรหู่ฮั๋วในเวลานี้ ทันใดนั้นตาซ้ายของเขาก็กระตุกขึ้นมาเบาๆ ภายในห้องอาหารส่วนตัวมีช่องระหว่างกำแพงที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ ด้วยความสงสัยเซี่ยเหล่ยจึงแอบมองหู่ฮั่วคุยโทรศัพท์ผ่านช่องกำแพงนั้น
หู่ฮั๋วยืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณทางเดินด้านนอก สีหน้าของเขาดูนิ่งเฉยมาก
เซี่ยเหล่ยสังเกตไปที่ปากของหู่ฮั๋วและพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาคุยจากการขยับปากของหู่ฮั๋ว
“ครับคุณกู๋ ผมพาเขามาแล้ว คุณจะมาถึงเมื่อไหร่ครับ ผมหมายความว่าเราควรคุยกันต่อหน้าจะดีกว่า ใช่ ทุกปัญหามีทางแก้คุณต้องมาที่นี่เพื่อเจรจา ผมจะเป็นคนกลางให้……เราอาจทำให้เขาใจอ่อน…….คุณมีทางออกที่ดีกว่านี้หรอครับ ครับ ผมจะรอ ” เมื่อพูดจบหู่ฮั๋วจึงวางสายโทรศัพท์
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ‘เดิมทีเขาเพียงต้องการเจรจาเรื่องงานแต่เมื่อดูจากสีหน้าของหู่ฮั๋วแล้วเขาต้องการให้กู๋เค่อหวู่มาที่นี่เพื่อเจรจากับเราซะมากกว่า กู๋เค่อหวู่จะเจรจาต่อรองกับเรางั้นหรอ เดี๋ยวนะ หู่ฮั๋วพูดว่าผมพาเขามาแล้ว เขาคนนั้นไม่ได้หมายถึงเราใช่ไหม? หรือเขากำลังหมายถึงใครกันแน่ !’
ขณะที่หู่ฮั๋วเดินกลับเข้ามาในห้อง พนักงานเสิร์ฟที่รินไวน์แดงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาเข็นรถเสิร์ฟอาหารออกจากห้องทันที……..
“ขอโทษนะ ” หู่ฮั๋วเดินกลับเข้ามานั่ง เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยแสดงท่าทางราวกับว่าต้องการจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรออกมา
เซี่ยเหล่ยก้มลงมองไปยังขวดไวน์ที่ถูกรินไวน์ออกจนหมด ตาขวาของเขาค่อยๆปิดลง และใช้ตาซ้ายมองลึกลงไปที่ก้นขวด เขาพบกับผงสีขาวตกตะกอนอยู่ที่ก้นขวด ผงสีขาวเหล่านั้นเริ่มละลายลงไปพร้อมกับไวน์อย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยหันไปมองที่จานอาหารของพวกเขา ในจานอาหารมีผงสีขาวติดอยู่เช่นกัน ผงสีขาวเหล่านั้นเริ่มละลายผสมรวมกับอาหารแต่ผงสีขาวในไวน์แดงละลายได้รวดเร็วกว่า
นี่คือกับดัก!
“พวกเราควรจะดื่มไวน์แดงก่อนใช่ไหม?” หู่ฮั๋วถามเซี่ยเหล่ย
“ใช่ครับ ” เซี่ยเหล่ยตอบและมองไปยังช่องของกำแพงอีกครั้ง
ห้องทานอาหารส่วนตัวทางซ้ายไม่มีคนอยู่เลย………
สายตาของเซี่ยเหล่ยมองต่อไปยังห้องทางขวา ภายในห้องมีคนนั่งอยู่สองคนคือด่งหวู่และฉิงฉี๋ บนโต๊ะของพวกเขาไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม มีเพียงดาบที่เอาไว้สังหารตั้งอยู่เท่านั้น
สายตาของด่งหวู่และฉิงฉี๋มองเข้ามาผ่านช่องของกำแพงโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น พวกเขาคอยสังเกตและฟังอยู่อย่างเงียบๆ
เซี่ยเหล่ยมองกลับมายังหู่ฮั๋ว เขามองไปยังแก้วไวน์แดงของหู่ฮั๋วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญท่านดื่มก่อนเลยครับ ”
“ได้ ” หู่ฮั๋วหยิบแก้วของเขาขึ้นมาและชนแก้วกับเซี่ยเหล่ย
หู่ฮั๋วดื่มไวน์จนหมดแก้วและวางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ
เซี่ยเหล่ยหยิบขวดไวน์ขึ้นมาและยืนขึ้นเพื่อรินไวน์ให้หู่ฮั๋ว “นายกหู่ ผมรินไวน์ให้นะครับ ”
หู่ฮั๋วยิ้มและตอบว่า “คุณต้องการมอมให้ผมเมาหรอ ผมจะบอกคุณให้นะ ผมสามารถดื่มไวน์แดงได้ถึงสองขวด 2 – 3 แก้วสบายๆสำหรับผม ”
“ดื่มอีกแก้วเถอะ ” เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนตอบ
หู่ฮั๋วจึงดื่มไวน์แก้วที่สองจนหมด
“ไวน์ยี่ห้อนี้ทำไมถึงแรงขนาดนี้?” หู่ฮั๋วพูดพร้อมส่ายหน้าด้วยความรู้สึกมึน
“ผมก็คิดเช่นนั้น ตอนนี้ผมรู้สึกมึนมาก” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ผมจะถามว่า….. ” หู่ฮั๋วพยายามที่จะยืนขึ้นแต่เขาพูดไม่จบประโยคก็ล้มลงไปกับพื้น
เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของเขาและเปิดโปรแกรมบันทึกเสียงหลังจากนั้นเขาก็สลบไป…….
หลังจากเซี่ยเหล่ยสลบไปสองนาทีด่งหวู่และฉิงฉี๋เปิดประตูและเดินเข้ามาภายในห้อง
ด่งหวู่ใช้เท้าของเขาเตะไปที่ช่องท้องของเซี่ยเหล่ยและพูดว่า “ไอ้สารเลว”
เซี่ยเหล่ยถูกเตะไปที่ช่องท้องอย่างรุนแรงในขณะที่เขาไม่มีเรี่ยวแรงพูดอะไรออกมาได้
ฉิงฉี๋หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ผู้ชายคนนี้อยู่ในมือของพวกเราแล้วแต่ผมต้องยอมรับว่าการจัดการกับผู้ชายคนนี้เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะถ้าหากครั้งนี้หัวหน้าหวู่ไม่ใช้หู่ฮั๋วเป็นเครื่องมือ พวกเราคงจับตัวของเซี่ยเหล่ยไม่ได้ ”
“ผู้ชายคนนี้มีความสามารถมากแถมเขายังเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกจะจัดการกับเขาคงยากแต่สำหรับเกมส์นี้เขาตามเล่ห์เหลี่ยมพวกเราไม่ทัน เขาแพ้แล้ว ฮาฮ่าฮ่า ” ด่งหวู่แสดงท่าทางมีความสุขมากและเขาใช้เท้าเตะไปที่เซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยยังคงสลบอยู่ที่พื้น
“พวกเราจะพาพวกเขาออกไป ถ้าหากไปทางด้านหน้าจะต้องมีคนเห็นแน่ๆ ” ฉิงฉี๋พูด
“ผมจะพาตัวหู่ฮั๋วออกไปส่วนคุณพาตัวผู้ชายคนนี้ออกไป ” ด่งหวู่กล่าวหลังจากนั้นเขาก็ยกตัวของหู่ฮั๋วขึ้นจากพื้นและวางบนหลังของเขา
ฉิงฉี๋ยกเซี่ยเหล่ยขึ้นมาบนหลังของเขาและพาทั้งสองออกจากห้อง พวกเขาทั้ง 2 คนเดินไปตามทางจนออกประตูด้านหลังไป
ระหว่างทางเดินไปไม่พบใครอยู่เลยเป็นทางเดินที่เงียบมากถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติเหมือนทุกอย่างถูกเตรียมการณ์เอาไว้แล้ว
พนักเสิร์ฟคนที่รินไวน์และเสิร์ฟอาหารให้หู่ฮั๋วและเซี่ยเหล่ยได้รอพวกเขาอยู่ที่ประตูด้านหลัง และเมื่อพวกพาทั้งสองคนมาถึง พนักเสิร์ฟจึงเปิดประตูด้านหลังให้และพบกับรถเก๋งสีดำที่จอดรออยู่
พนักงานเสิร์ฟเปิดประตูรถให้พวกเขาและวิ่งขึ้นรถไปนั่งเบาะคนขับ
เซี่ยเหล่ยมีสองทางเลือกในตอนนี้ทางเลือกแรกคือทำตามที่ด่งหวู่และฉิงฉี๋สั่งเพื่อช่วยชีวิตของหู่ฮั๋วแต่นั่นจะเป็นการยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของทั้งสองคนทางเลือกนี้คงมีความเสี่ยงน้อย ส่วนทางเลือกที่สองคือปล่อยทุกอย่างไปซึ่งทางเลือกนี้เสี่ยงมาก มันอันตรายถึงชีวิตของเขาเลยทีเดียว
เซี่ยเหล่ยคิดสักครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเลือกได้ไม่มีทางเลือกไหนไม่เสี่ยง เขาเป็นคนเก่ง เขาต้องเลือกทางที่เสี่ยงน้อยที่สุดอย่างแน่นอน!
ด่งหวู่กับฉิงฉี๋วางเซี่ยเหล่ยและหู่ฮั๋วบนโซฟาด้านหลังของรถส่วนพวกเขาทั้งสองคนนั่งโซฟาถัดมาด้านหน้า หลังจากนั้นพนักงานเสิร์ฟจึงขับรถออกไปและขับตรงไปยังชายฝั่ง
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังสะลึมสะลือเขาพลางคิดในใจว่า “พวกเขาจะพาเราไปสำนักงานเกตเตอร์ลิ่งหรอ?”
ด่งหวู่หันหน้าของเขากลับมามองยังเซี่ยเหล่ยและยิ้มออกมามุมปากพร้อมทั้งพูดว่า “นี่คือการเดินทางครั้งสุดท้ายของคุณ เพลิดเพลินไปกับมันเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่นรกเอง ”
“เขาไม่ได้ยินคุณพูดหรอก พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ” ฉิงฉี๋พูดพร้อมหัวเราะ
“มันเป็นความสุขของผม ฮ่าฮ่า” ด่งหวู่ตอบ
“ผมกำลังคิดว่าหลังจากที่เราเสร็จงานแล้ว เราคงต้องไปต่างประเทศสักพัก คุณคิดว่าเราควรไปประเทศไหนดี สหรัฐอเมริกาหรือฝรั่งเศส?”
“ผมอยากไปญี่ปุ่น ” ด่งหวู่ตอบ
“ทำไมละ?”
“ผมรู้มาว่าญี่ปุ่นมีผู้หญิงสวยๆเยอะมาก ผมอยากลองเจอสักครั้ง ”
“ก็ดี สรุปว่าไปญี่ปุ่นกัน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างผมกับคุณใครจะอึดกว่ากัน ฮ่าฮ่า”
ติดตามตอนต่อไป………..