Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 243
TXV – 243 แต่งงานแล้ว ?
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่เงียบสงบอีกวันหนึ่ง
หลังจากยกเลิกคำสั่งระงับการผลิตของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแล้ว เซี่ยเหล่ยเองก็ไม่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อของโรงงานเอาท์ซอร์ส พวกเขามีคำสั่งซื้อจำนวนมากแถมสเก็ตบอร์ดอัตโนมัตินั้นสามารถที่จะขายได้ดีในตลาดของประเทศแถบยุโรปและอเมริกาแต่ก็มีปัญหาเรื่องตัวแทนจำหน่ายอยู่ ดังนั้นโรงงานเอาท์ซอร์สจึงเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคืบหน้าของบริษัทสาขาย่อยที่อยู่ที่เมืองชู่เป็นไปอย่างราบรื่นผู้รับเหมาก่อสร้างได้เข้าร่วมประชุมจากนั้นเริ่มต้นการก่อสร้างอย่างรวดเร็วและด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่นสามารถหาคนงานใหม่และฝึกอบรมพวกเขาสำหรับการเข้าเป็นพนักงานเมื่อโรงงานสร้างเสร็จแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ทันที
ที่บริษัทแม่ในเมืองห่ายจูบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าตอนนี้ก็ได้มีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์นั่นก็คือโต๊ะอัจฉริยะ ผลิตภัณฑ์นี้ถูกสร้างโดยใช้ชิ้นส่วนอลูมิเนียมทำให้มีความแข็งแรงทนทานอย่างมาก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าวัสดุนั้นก็คือการเปลี่ยนโหมดได้ มันสามารถใช้งานทั้งในโหมดนั่งและโหมดยืน นี่ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพนักงานที่ทำงานนั่งโต๊ะอยู่ในออฟฟิศ เพราะโต๊ะอัจฉริยะนี้ใช้งานง่ายและอาจช่วยแก้ไขอาการเบื่อหน่ายในการนั่งทำงานให้หายไป แถมประโยชน์ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มันสามารถช่วยป้องกันโรคได้หลายโรคเช่น โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับมดลูกของผู้หญิง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากในทันทีที่มีการเปิดตัวได้เพียงไม่นาน
สำหรับเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ถือว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมากโดยในแต่ละวันเขาก็ได้จัดสรรกำหนดการกิจกรรมต่างๆที่จะต้องทำ เช่นช่วงเช้าก็เป็นเวลาในการเข้ามาทำงานจัดการกิจการของบริษัท พอถึงช่วงเวลาบ่ายก็เป็นเวลาศึกษาความรู้ด้านการแพทย์จีน วิชาแพทย์ตะวันตก ความรู้ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ภาษาแปลกใหม่ และอื่นๆอีกตามแต่ความสนใจในขณะนั้น พอถึงช่วงเย็นไปจนถึงค่ำถ้าเขาไม่ยุ่งอะไรก็จะหาเวลาเพื่อไปฝึกหวิงชุนพร้อมกับฝึกทักษะการขโมยที่เรียนรู้มาจากฉิงเสวียงด้วยเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิก็มาถึง
ในวันที่ 1 มกราคมเป็นวันแรกของปี ในวันนี้เซี่ยเหล่ยได้ลุกขึ้นจากเตียงตอนเช้าตรู่ เขาต้มเกี๊ยวซ่าอย่างรวดเร็วหนึ่งชุดจากนั้นก็เรียกเซี่ยเสวียให้ตื่นขึ้นเพื่อมากินเกี๊ยวซ่า เขาทำเช่นนี้ทุกๆปีและทำมาเป็นเวลาหกปีแล้ว…..
“พี่ สวัสดีปีใหม่ ขอให้โชคลาภอยู่กับตัวพี่ไปตลอดทั้งปี” เซี่ยเสวียพูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มและในทุกๆปีของวันนี้เธอก็จะพูดประโยคนี้เหมือนเดิมทุกครั้ง
เซี่ยเหล่ยดึงซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็ยื่นมันไปให้เธอพร้อมยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “เอาไปสิ”
เซี่ยเสวียไม่รอช้าเธอรีบหยิบมันมาจากมือของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก้รีบเปิดดูข้างในซองก็พบว่าเป็นบัตรเครดิต เธอรู้สึกประหลาดใจเลยถามเซี่ยเหล่ยไปว่า “พี่ สิ่งที่พี่ให้คือบัตรเครดิตงั้นเหรอ? มันมีวงเงินมากแค่ไหนกัน? “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “1 ล้าน”
“ห๊ะ?” เซี่ยเสวีย อุทานด้วยความตกใจ
เซี่ยเหล่ยได้เดินไปลูบหัวของเซี่ยเสวียจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “รหัสผ่านจะเป็นวันเกิดของน้องแต่อย่างไรก็ตามอย่าใช้สุรุ่ยสุร่ายหล่ะ “
เซี่ยเสวียรีบส่ายหัวก่อนพูดขึ้นว่า “พี่ นี่มันมากเกินไปสำหรับฉัน ฉันยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยนะ “
เมื่อได้ยินที่เซี่ยเสวียพูด เซี่ยเหล่ยก็เดินไปที่หน้าต่างจากนั้นก็มองออกไปภายนอกความคิดของเขาในตอนนี้ย้อนกลับไปในอดีต สักครู่หนึ่งเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “ในอดีต พี่ไม่เคยได้ให้เงินกับน้องเลย ดังนั้นมันจึงเป็นความตั้งใจเอาไว้นานแล้วว่าซักวันหนึ่งจะต้องให้ของขวัญชิ้นนี้กับน้อง และตอนนี้พี่ก็ได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ฉะนั้นรับไปมันซะเถอะ “
“แต่พี่ …… ” เซี่ยเสวียพูดขึ้นและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับบัตรเครดิตนี้ดี
เซี่ยเหล่ยได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้ายังไม่มีของที่อยากได้หรือจำเป็นก็ไม่ต้องใช้สิ ไว้มีของอะไรที่อยากได้ก็ค่อยใช้มัน ถ้ามีสิ่งนี้มันจะช่วยให้อะไรๆสะดวกสบายขึ้นถ้าน้องจะมีแฟนแล้วละก็มันจะได้ไม่ต้องอายใคร และเขาจะได้มองเราว่าเหมาะสมและคู่ควรกับเขา“
“เฮ้ๆ” เซี่ยเสวียพูดขึ้นแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มต่อว่า “นี่พี่ ถ้าฉันจะหาแฟนซักคน ผู้ชายคนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องร่ำรวยอะไรหรอกนะ แค่เขาเป็นคนดีก็พอแล้ว”
“งั้นตอนนี้มีแฟนแล้วหรือยัง?” เซี่ยเหล่ยถาม
เซี่ยเสวีย มองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดว่า “แฟนงั้นเหรอ? มันไม่จำเป็นสำหรับฉันในตอนนี้หรอก”
จากนั้นเซี่ยเหล่ยได้เปลี่ยนหัวข้อการคุยโดยพูดขึ้นว่า “รีบกินเกี๊ยวซ่าได้แล้ว เดี๋ยวมันเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
เซี่ยเสวียก็พูดขึ้นว่า “พี่ เราควรจะเรียกให้หยู่ยี่มากินด้วยกัน”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ก็ได้อยู่นะ แต่พี่คิดว่าแค่โทรไปบอกเธอก็แล้วกัน แต่พี่คิดว่าตอนนี้เธอคงยังไม่ตื่นหรอก “
“นี่พี่ พี่ก็แยกทางกันกับหลางซือเหยาแล้ว ทำไมไม่มองหาแฟนใหม่ซักทีหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยมองตาโตไปที่เซี่ยเสวียจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ต้องการจะพูดอะไรหน่ะ?”
“ฉันคิดว่าพี่หยู่ยี่เป็นตัวเลือกที่ดี เธอเป็นคนที่น่าสนใจแถมยังมมีเสน่ห์อีกด้วยโดยรวมแล้วเธอก็ไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรดูไปดูมาแล้วพี่ทั้งสองคนก็เหมาะสมกันอยู่นะ “
เซี่ยเหล่ยหัวเราะแล้วก็พูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ? พี่คิดว่าพี่น่าจะยังไม่รู้จักเธอดี…… แถมพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอด้วย “
“แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน ฉันจะไม่สนใจเรื่องของพี่แล้วอยากทำอะไรก็เชิญแต่ยังไงซะฉันจะเรียกหยู่ยี่มาเพื่อให้เธอกินเกี๊ยวซ่านี้” เซี่ยเสวียส่ายหัวจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วก็เดินออกไปข้างนอก
เซี่ยเหล่ยเองก็ถอนหายใจเหมือนกัน…….
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยสามารถที่จะแก้ปัญหาทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่ซับซ้อนได้ แต่เขายังไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาทางด้านอารมณ์เพราะตั้งแต่เรื่องการทรยศของหลางซือเหยาก็ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก ทำให้ตอนนี้เซี่ยเหล่ยหลายเป็นคนที่กลัวความรัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก……เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยรีบเดินไปเปิดประตูแต่เมื่อเปิดไปแล้วเขาก็ต้องตกใจอย่างมาก
เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่ทั้งเซี่ยเสวียและเจียงหยู่ยี่แต่เธอคือผู้หญิงต่างชาติดวงตาสีฟ้าผมสีทองที่ชื่อว่า ‘อเลน่า’
เธอใส่เสื้อสีขาวและสวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินรัดรูปรวมไปถึงรองเท้าผ้าใบยืนที่ทางเข้าหน้าประตูในตอนนี้ เธอช่างดูเหมาะกับแสงแดดยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิซะจริงๆ เซี่ยเหล่ยเองก็กระพริบตาทันทีที่เห็นเธอเพราะตะลึงในความสวยและเซ็กซี่….
แต่สิ่งที่ตลกมากก็คือในมือของอเลน่าตอนนี้ยังคงถือกระเช้าผลไม้ที่เต็มไปด้วยผลส้มจำนวนมากมาด้วย
“สวัสดีวันปีใหม่ !” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจากนั้นเธอก็ยื่นตะกล้าผลไม้ไปให้กับเซี่ยเหล่ยแล้วก็พูดต่อว่า “ขอให้มีความสุขที่เพิ่งแต่งงาน!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกไปแต่ก็ได้หยิบตะกร้าผลไม้ของเธอและเชิญเธอเข้าไปข้างในก่อนพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยไปว่า “คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?
“นั่งเครื่องบินมา” อเลน่าพูด
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มไปว่า “ผมรู้ว่าคุณมาด้วยเครื่องบินแต่ที่ผมหมายถึงคือคุณมาที่บ้านผมได้ยังไงแล้วหลงบิงรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
“คุณพูดอะไร?” ความรวดเร็วในการพูดของเซี่ยเหล่ยนั้นเร็วมากจนอเลน่าฟังไม่ทัน
เซี่ยเหล่ยจึงพูดภาษาเยอรมันซ้ำให้ช้าลง
อเลน่าพูดด้วยภาษาเยอรมันไปว่า “ฉันเข้าใจดีว่าเธอไม่เต็มใจที่จะให้ฉันกลับมาแต่ฉันบอกว่าถ้าไม่ให้ฉันมาฉันจะลาออกพวกเขาขาดฉันไม่ได้ดังนั้นพวกเขาจึงให้ฉันมา”
เซี่ยเหล่ยถามไปว่า “มีคนตามคุณมาด้วยหรือป่าว?”
อเลน่าตอบว่า “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ฉันใช้ชื่อว่าเซี่ยเหม่ยไม่ใช่อเลน่าแล้ว อเลน่าคนนั้นได้ตายไปแล้ว “
เซี่ยเหล่ยยักไหล่แล้วก็พูดขึ้นว่า “ยินดีต้อนรับคุณเซี่ยเหม่ย ผมต้องขอขอบคุณสำหรับส้มในตะกร้านี้ด้วย”
“ขอให้มีความสุขในชีวิตแต่งงาน!” อเลน่าพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ย “…… “
จากนั้นอเลน่าจึงได้กางแขนทั้งสองออกเพื่อให้เซี่ยเหล่ยกอดจากนั้นก็หอมไปที่แก้มซ้ายและแก้มขวา
ในขณะนี้เองเจียงหยู่ยี่และเซี่ยเสวียก็ได้โผล่เข้ามาพอดีจึงทำให้เห็นภาพที่อเลน่าและเซี่ยเหล่ยกำลังกอดกันอยู่เมื่อเห็นภาพดังนั้นพวกเธอก็ตกตะลึงและชะงักไปชั่วขณะ
หลังจากที่อเลน่าหอมไปที่แก้มของเซี่ยเหล่ย เธอก็หันไปเห็นทั้งเจียงหยู่ยี่และ เซี่ยเสวีย อเลน่าเองก็ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งว่าจะทำอย่างไรต่อดีแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงกอดเซี่ยเหล่ยไว้อยู่
เซี่ยเหล่ยรีบผละตัวออกจากอเลน่าจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยภาษาเยอรมันไปว่า “น้องสาวของผม กลับมาแล้ว”
อเลน่าที่แยกออกจากเซี่ยเหล่ยแล้วก็หันไปมองที่เซี่ยเสวียและเจียงหยู่ยี่ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มไปว่า “สวัสดี ขอให้คุณมีความสุขนะ”
“คิก คิก” เซี่ยเสวียไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็หัวเราะออกมา
แต่ด้านเจียงหยู่ยี่ไม่ได้หัวเราะเหมือนกับเซี่ยเสวีย
หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยจึงได้พูดแนะนำว่า “นี่คือคุณเซี่ยเหม่ย เธอมาจาก…. ต่างประเทศ เธอเป็นเพื่อนของผม”
เจียงหยู่ยี่พูดขึ้นว่าว่า “ชื่อภาษาจีนของเธอคือ เซี่ยเหม่ย อย่างนั้นเหรอ?”
” ใช่ เธอมีชื่อภาษาอังกฤษด้วยนะชื่อของเธอคือ ‘จูเลีย’ ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นจากนั้นก็หันไปพูดกับอเลน่าว่า ” เซี่ยเหม่ยนี่คือเจียงหยู่ยี่
“สวัสดีคุณเจียง” อเลน่าพูดกับเจียงหยู่ยี่ด้วยภาษาจีนที่ค่อนข้างจะดีมากจนแทบไม่มีข้อผิดพลาดเลย
ทันทีที่อเลน่าพูดทักทายเจียงหยู่ยี่ เธอก็เชิดหน้าหนีทันที
เอลน่าที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกงงอย่างมาก
“พี่หยู่ยี่ คุณยังไม่ได้กินเกี๊ยวซ่านี่” เซี่ยเสวียพูดขึ้น
เจียงหยู่ยี่ตอบไปว่าว่า “คุณกินเลย ฉันยังไม่หิว”
เซี่ยเสวียหันไปทางเซี่ยเหล่ยแล้วก็พูดพึมพำบ่นเขาในทันที
ตอนแรกเซี่ยเหล่ยเองก็กังวลอย่างมากว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้มันชัดเจนกับเจียงหยู่ยี่ดีแต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าดีมากเพราะไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไรให้เจียงหยู่ยี่ฟังอีกต่อไปแล้ว
“เหล่ย นี่คือน้องของคุณงั้นเหรอ?” อเลน่าพูดด้วยภาษาเยอรมันแล้วก็ยังพูดต่อว่า “เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ?”
“เซี่ยเสวียเรียกว่า ‘น้องเสวีย’ ก็ได้” เซี่ยเหล่ยพูด
อเลน่าเดินไปข้างหน้าเซี่ยเสวียจากนั้นก็พูดว่า “น้องเสวีย คุณนี่สวยจริงๆ”
เซี่ยเสวียค่อยๆหัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณเซี่ยเหม่ย คุณเองก็สวยเหมือนกันแต่ว่าทำไมคุณถึงนามสกุลเซี่ยด้วยหล่ะ? “
อเลน่าชี้ไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เพราะพี่ชายของคุณ”
“หืม?” เซี่ยเสวียอุทานขึ้นอย่างประหลาดใจมากทางเดียวที่จะทำให้มีนามสกุลเหมือนกันได้ก็คือการแต่งงานนั่นแสดงว่าพวกเขาแอบไปแต่งงานลับๆกันแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“อืมมม ตอนนี้ฉันค่อนข้างที่จะหิวขอกินหน่อยก็แล้วกัน “อเลน่าเดินไปที่โต๊ะอาหาร
เซี่ยเสวียเดินมาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็กระซิบว่า “เดี๋ยวนะ…นี่มันอะไรกัน? ผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของฉันงั้นเหรอ นี่พี่จะทำเซอไพรซ์ฉันใช่มั้ย?”
เซี่ยเหล่ยมองตาโตไปที่เซี่ยเสวียจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อย่ามาพูดมั่วๆหน่อยเลย พวกเราเป็นเพื่อนกัน” เซี่ยเหล่ยหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า “เธอไม่มีเพื่อนอยู่ในประเทศจีนเลย เธอเหงามาก พี่สงสารก็เลยช่วยดูแลเธอก็เท่านั้น”
ริมฝีปากของเซี่ยเสวียเผยรอยยิ้มออกมาก่อนพูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อต่อว่า “ไหนๆก็แต่งงานกันแล้ว พี่ไปอยู่ที่บ้านของพี่สะใภ้ไม่ดีกว่าเหรอ? ฉันจะได้เรียนภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นด้วยไง”
ติดตามตอนต่อไป……..