Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 258
TXV – 258 รู้สึกแปลกๆ ?
ในช่วงเที่ยงคืน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักมันกระทบกับหน้าต่างและหลังคาทำให้เกิดเป็นเสียงซ่าๆ พร้อมกับอากาศที่กำลังเย็นสบาย
กู๋เค่อหวู่พูดว่า “ผมไม่คิดเลยจริงๆว่าในเวลาสั้นๆแค่นั้นเซี่ยเหล่ยจะสามารถเคลื่อนย้ายเงินได้ก่อนที่ซู่หลางจะหามันเจอได้ยังไง ? “
กู๋เค่อเหวินพูดว่า “พ่อกับน้องไม่ได้สังเกตเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ? เพราะว่ามีเฉินตูเทียนหยินอยู่จึงสามารถทำแบบนี้ได้ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากเธอแล้วละก็ เซี่ยเหล่ยก็ไม่รอดแล้วแต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังคงชอบเธออยู่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยชอบคุณเลยก็ตามเพราะในใจเธอมีแต่ผู้ชายเหลือขอคนนั้นเพียงคนเดียว คุณก็น่าจะเห็นแล้วในตอนที่พวกเขาเต้นอยู่ที่ลานเต้น! ว่าพวกเขากำลังมีความสุขมากแค่ไหน “
กู๋เค่อหวู่หัวเราะขึ้นจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “สิ่งที่ผมรักไม่ใช่เธอแต่บริษัทเหวี้ยนเทียนของเธอต่างหากและถ้าผมไม่ได้มาก็อย่าหวังว่าใครจะได้มันไป! “
“ตระกูลของเธอมีเงินมากกว่าตระกูลของเราแถมเธอก็ยังไม่มีคุณอยู่ในหัวใจของเธอแม้แต่นิดเดียวมันคงจะเป็นเรื่องยากมากๆเลยล่ะ” กู๋เค่อเหวินพูดด้วยอารมณ์ที่ไม่อยากให้น้องชายของเธอได้แต่งงานกับเฉินตูเทียนหยิน
“ไม่ต้องทำแล้ว!” กู๋ดิงชานพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธจากนั้นก็พูดต่อว่า “เรื่องของเฉินตูเทียนหยินพักไว้ก่อนที่สำคัญตอนนี้คือเราต้องมาแก้ปัญหาเรื่องเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ก่อน “
กู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินเงียบลงทันที
จากนั้นกู๋ดิงชานก็หัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไม่คิดเลยว่าคนที่ดูเหมือนกับคนงานในไซต์ก่อสร้างคนนี้จะทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้ “
กู๋เค่อหวู่พูดต่อทันทีว่า “พ่อ…ผมคิดว่าจริงๆแล้วเซี่ยเหล่ยเองไม่ได้จัดการยากเย็นอะไรเลยแต่เป็นผู้หญิงคนนั้นมากกว่า ที่เราต้องระมัดระวังตัวให้ดี “
“นั่นลูกกำลังหมายถึงผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอย่างนั้นใช่มั้ย” กู๋ดิงชานพูดขึ้น
“ใช่เธอคนนั้นแหละ “กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นพร้อมนึกถึงเรื่องที่เธอได้ขู่เขาก่อนหน้านี้ โดยการใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเกลียดชังเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
กู๋ดิงชานคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “หลังจากที่พ่อกลับไปที่เมืองชิงตู่แล้ว พ่อจะลองถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอดูนั่นคงจะทำให้เราทำข้อตกลงบางอย่างกับเธอได้โดยไม่ยาก “
“ใช่แล้ว …… ” กู๋เค่อเหวินโผล่งขึ้นมาเพราะนึกอะไรขึ้นได้จากนั้นก็พูดต่อว่า “แล้วเรื่องของแดลนี่หล่ะก่อนหน้านี้เขาก็อยู่ที่นั่นด้วยแต่ตอนนี้เขายังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหรือแจ้งอะไรเรากลับมาเลย มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ?”
กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นว่า “หลังจากที่เซี่ยเหล่ยและผู้หญิงคนนั้นออกไปได้แล้ว ผมก็ได้พยายามโทรไปหาเขาแต่ก็พบว่าโทรศัพท์ของเขาปิดเครื่องอยู่”
กู๋ดิงชานหัวเราะเยาะเย้ยก่อนพูดขึ้นว่า “บางทีเขาอยากจะทำเซอไพร์เราก็ได้”
ในขณะนี้ที่บริเวณหน้าต่างใกล้กับประตูทางเข้าก็มีแสงวูบวาบเกิดขึ้น
กู๋ดิงชาน กู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินได้หันไปมองที่ประตูทางเข้าทันที
มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อกันฝนกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับในมือที่กำลังถือกล่องสีดำ เขาคนนั้นก็คือแดลนี่
ตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วและถูกฝังไว้ที่สุสานที่พร้อมจะลุกขึ้นออกมาได้ทุกเมื่อ ร่างกายของเขาเหมือนกับว่ามีกลิ่นอายของความเย็นปกคลุมและดวงตาของเขานั้นดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
“ว่ายังไง?” กู๋ดิงชานพูดขึ้นและไม่ได้ตกใจกับลักษณะท่าทางของแดลนี่เพราะเขาคุ้นเคยกับลักษณะของแดลนี่เป็นอย่างดีแล้ว
แดลนี่วางกล่องสีดำลงซึ่งมันก็คือกล่องปืนไรเฟิลนั้นเอง เขาวางมันลงที่พื้นจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ล้มเหลว”
“หืม…แดลนี่พลาดในการซุ่มยิงอย่างนั้นเหรอ ?” กู๋เค่อเหวินพูดขึ้นพร้อมน้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกถึงความประหลาดใจ
กู๋เค่อหวู่ยังพูดต่อจากกู๋เค่อเหวินไปว่า “รีบเล่ามา มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
แดลนี่ถอดเสื้อกันฝนจากนั้นก็วางมันลงที่พื้นพร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะพาเขาออกจากประตูทางเข้า ผมได้รออยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามบนดาดฟ้า ผมได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วขอเพียงแค่พวกเขาเดินออกมา ผมก็สามารถที่จะยิงได้ทันทีและกระบวนการทั้งหมดนี้ผมจะใช้เวลาแค่3วิเท่านั้นนี่รวมเวลาที่กระสุนเดินทางไปตกที่บริเวณประตูทางเข้าแล้วด้วย แต่ในตอนที่ประตูเปิดนั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าผมไปอยู่ที่ดาดฟ้าของตึดฝั่งตรงข้ามได้ในทันที เมื่อเขาเห็นแค่นั้นเขาก็ได้ผลักผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับตัวเขาเองก็เบี่ยงตัวหลบด้วยเช่นกัน ถ้าเขาไม่ผลักให้ผู้หญิงคนนั้นล้มหนึ่งในสองคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน “
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแต่ดูเหมือนว่ากู๋ดิงชาน กู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินได้ยินเรื่องพวกนี้แล้วพวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
แดลนี่พูดขึ้นต่อว่า “ปืนไรเฟิลที่ผมใช้คือ M200 สไนเปอร์ไรเฟิล ซึ่งเป็นปืนชนิดเดียวกับที่กองกำลังพิเศษสหรัฐอเมริกาใช้อยู่ระยะหวังผลของมันอยู่ในขอบเขตราวๆ 2300 เมตรซึ่งระยะห่างในจุดที่ผมซุ่มยิงกับประตูทางเข้านั้นอยู่ห่างกันประมาน 2000 เมตร นั่นทำให้เวลาในการเดินทางของกระสุนปืนไรเฟิลกระบอกนี้จะกินเวลาแค่เพียง สามวินาทีเท่านั้นแต่สุดท้าย มันก็พลาดเป้า ! “
“เขาสังเกตเห็นได้อย่างไร?” คำอธิบายของแดลนี่นั้นฟังวิธีการแล้วดูเป็นมืออาชีพอย่างมากแต่กู่เค่อหวู่ไม่สามารถที่จะเชื่อได้ว่าระยะห่างขนาดนั้นเซี่ยเหล่ยจะมองเห็นแดลนี่ได้แถมยังหลบกระสุนได้ทันอีกต่างหาก
แดลนี่เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเองก็ประหลาดใจเพราะเขาสังเกตเห็นผมทันที่ที่ออกจากประตู”
กู๋ดิงชานยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “แดลนี่ นี่คุณกำลังพูดล้อเล่นอยู่งั้นเหรอ? ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนแถมยังซ่อนตัวอยู่ไกลเป็นระยะ 2 กิโลเมตร เขาจะเห็นคุณได้อย่างไรกัน? “
แดลนี่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ผมก็ไม่รู้แต่ที่ผมรู้คือเขาเห็นผม เขาเป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างมาก”
กู๋เค่อเหวินพูดอย่างไม่ค่อยพอใจไปว่า “แดลนี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นคนขี้กลัวไปได้? “
แดลนี่มองไปที่กู๋เค่อเหวินด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์ก่อนพูดขึ้นว่า “เค่อเหวิน คุณเองก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนที่กลัวตายแต่นี่คือสิ่งที่ผมคิดและจะต้องบอกให้พวกคุณได้รู้เพื่อที่จะได้ตัดสินใจให้ถูกต้องและคนนี้ผมไม่สามารถลงมือฆ่าเขาให้ตายในกระสุนนัดเดียว ถ้าเขาโกรธและคิดจะแก้แค้นขึ้นมา เขาจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่ไม่อาจจะจินตนาการได้เลย “
กู๋ดิงชานพูดอย่างเย็นชาไปว่า “นี่ต้องการที่จะบอกว่ามันไม่คุ้มค่าใช่มั้ยที่จะลงทุนและลงแรงในการฆ่าเซี่ยเหล่ย?”
แดลนี่ไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
กู๋ดิงชานยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรขึ้น กู๋เค่อเหวินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “จะให้ปล่อยเขาไปอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง! เจ้าคนเหลือขอนั่นไม่เพียงแต่ขโมยสิทธิบัตรของฉันแต่มันยังได้สิทธิในตลาดต่างประเทศจากบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์อีกถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านี่แล้วละก็ น้องชายของฉันก็คงจะเตรียมตัวแต่งงานกับเฉินตูเทียนหยินไปแล้วภายในเวลาไม่กี่ปีบริษัทเหวี้ยนเทียนก็คงจะตกเป็นของตระกูลเราและนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องในคืนนี้ที่ต้องเสียเงินให้กับมันอีก! “
กู๋ดิงชานเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ยังไงเจ้าเหลือขอนั่นก็คงจะคิดว่าเป็นฝีมือของเราอยู่แล้วดังนั้นเราจะต้องรีบลงมือก่อน ก่อนที่มันจะทันได้ลงมือ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วปัญหามันอาจจะใหญ่ขึ้นจนไม่อาจแก้ไขได้ “
กู๋เค่อหวู่ยังพูดเสริมขึ้นอีกว่า “แดลนี่ คุณเคยพยายามจะลักพาตัวน้องสาวของเขาและพยายามที่จะฆ่าบอดี้การ์ดของเขาอีก ในความเป็นจริงเมื่อทำถึงขนาดนี้แล้วมันมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้วสิ”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะยังลอบฆ่าเขาต่อไปแต่อย่างไรก็ตามผมคนเดียวอาจจะทำได้ไม่ดีพอดังนั้นผมจะขอเงินอีก 10 ล้านดอลล่าเพื่อที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ที่จะมาร่วมงานกับผม “แดนนี่กล่าว
“ไม่มีปัญหา แต่คุณก็รู้กฏใช่มั้ย?” กู๋ดิงชานพูดขึ้น
แดลนี่ตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า “รู้ ผมรู้ว่าหากผมถูกจับได้ ผมจะไม่ซัดทอดถึงตระกูลกู๋เลย “
ในตอนนี้ที่นอกหน้าต่างยังคงมีฝนตกอยู่ตลอดเวลาและไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
ในเวลาเดียวกันที่สุสานท่ายหยางชาน
หลุมศพหลุมหนึ่งได้ถูกขุดขึ้นมา……
เมื่อขุดลึกลงไปก็จะพบกับโลงศพหินอ่อนสีขาวและการที่ฝนตกในตอนนี้ทำให้มันไปชะล้างคราบดินที่ติดอยู่ที่โลงศพออกไปจนหมด
เค่อเจียกระโดดลงไปในหลุมศพที่ขุดขึ้นจากนั้นก็พยายามเปิดฝาโลงออก
ภายในโลงศพไม่มีเศษขี้เถ้าหรือโครงกระดูกแม้แต่น้อยแต่ภายในกลับมีของเล่นพลาสติกอยู่มากมาย
“บ้าเอ๊ยย” เค่อเจียได้ขึ้นจากหลุมศพจากนั้นก็สั่งลูกน้องของเขาไปว่า “จัดการทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิม”
ลูกน้องทั้งสองคนของเขาเมื่อได้ยินคำสั่งแล้วก็รีบใช้พลั่วตักดินฝังมันกลับไปที่เดิม
ในขณะนี้เค่อเจียเดินออกมาจากหลุมศพและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรออก
เค่อเจียโทรไปหาหลงบิงเมื่อเธอรับสายจึงพูดขึ้นว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“หัวหน้าหลงคาดการได้ถูกต้องแล้ว ภายในโลงศพมีแต่พวกของเล่นพลาสติกเท่านั้นนั่นแสดงว่าเด็กกำพร้าที่กู๋ดิงชานรับมาเลี้ยงยังไม่ตาย” เสียงของเค่อเจียออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
หลงบิงพูดตอบกลับไปว่า “ออกคำสั่งให้คนของเรารีบหาตัวเขาให้พบโดยด่วน”
“รับทราบ” เค่อเจียพูดขึ้นและวางสายโทรศัพท์มือถือ
เมื่อวางสายไป หลงบิงได้หลับตาลงภายในหัวของเธอก็นึกย้อนกลับไปในฉากที่ทั้งเธอและเซี่ยเหล่ยกำลังจะโดนยิง เธอสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามร่างกายของเซี่ยเหล่ยทั้งหมดตอนนี้เป็นปริศนาที่เธอไม่อาจจะเข้าใจได้
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ……
โทรศัพท์มือถือของเซี่ยเหล่ยก็ดังขึ้นในตอนที่เขากำลังทำอะไรบางอย่างกับอเลน่า….
“ใครโทรมา? ช่างเลือกเวลาได้ดีจริงๆ” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ……
เซี่ยเหล่ยยกมือถือขึ้นมาจากนั้นก็ดูไปที่หน้าจอก่อนรู้สึกตึงเครียดทันทีเพราะคนที่โทรมานั้นคือเฉินตูเทียนหยิน
“อย่ารับนะ” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยดวงตาสีฟ้าที่กำลังอ้อนวอน อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาในตอนนี้
เซี่ยเหล่ยยังคงลังเลว่าจะรับสายของเฉินตูเทียนหยินดีหรือไม่
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ……
ในที่สุดเซี่ยเหล่ยก็หันหน้าไปหาอเลน่าจากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาที่ปากของตัวเองพร้อมทำเสียง “ชู่ว !!!!” เพื่อเป็นการบ่งบอกให้เธอเงียบจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็รับสายโทรศัพท์ของเฉินตูเทียนหยินแล้วพูดขึ้นว่า “เทียนหยิน มีอะไรงั้นเหรอ ? “
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นน้ำเสียงของเธอนั้นแสดงออกถึงความห่วงใยเป็นอย่างมาก
“ผมสบายดี….และผมก็กลับบ้านมาแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดตอบไป
“อืมม…ฉันอยากจะบอกคุณว่าตอนนี้เงินยังปลอดภัยดีและฉันก็วางแผนว่าจะใส่มันลงในบัญชีของธนาคารสวิสแล้วค่อยโอนไปให้คุณหลังจากนี้ถ้าหากใครมาตรวจสอบคุณก็จะสามารถบอกพวกเขาไปได้ว่ามันเป็นเงินของฉันที่มอบมันให้คุณ” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“เอ่อ…ขอบคุณมาก” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมหัวใจของเซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยและเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้
“ตอนนี้คุณรีบพักผ่อนเถอะ เงินจะถูกโอนในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง คุณไม่ต้องกังวลไป” เฉินตูเทียนหยินพูด
“คุณเองก็รีบพักผ่อนได้แล้วฝากทักทายพ่อของคุณด้วย ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น
“ได้เลย” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์
ในขณะที่สายจากโทรศัพท์ของเฉินตูเทียนหยินได้วางสายไปแล้วแต่เซี่ยเหล่ยเองยังไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือออกจากหูเลย ภายในใจของเขายังคงคิดถึงเรื่องที่อยู่ในใจของเขา ซึ่งเขารู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดหัวใจตอนที่คุยกับเฉินตูเทียนหยิน
จังหวะนี้อเลน่าไม่รอช้าเพราะรู้ว่าเฉินตูเทียนหยินนั้นได้วางสายไปแล้ว เธอได้ใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่คอของเซี่ยเหล่ย จากนั้นก็กดเขาลงไปด้านล่าง
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย โอเคมั้ย?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมเสียงที่สั่นเทา
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็………
ติดตามตอนต่อไป………………