Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 259
TXV – 259 ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เช้าวันรุ่งขึ้น
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานลับ 101 แต่เขาก็ยังไม่เคยมาที่สำนักงานใหญ่เลยแม้แต่ครั้งเดียวนี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขาที่นี่เป็นอาคารรูปทรงค่อนข้างเก่าและดูมีอายุราวๆ 50- 60 ปี แต่โครงสร้างและวัสดุที่ใช้กลับต่างออกไป มันดูแข็งแรงทนทานอย่างมาก ดูเหมือนกับว่ามันสามารถที่จะทนแรงระเบิดทั่วๆไปได้เลย
ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ที่บ้านเลขที่ของอาคารหลังนี้ก็คือ “101” และบริเวณด้านหน้าของตัวอาคารจะมีลานโล่งอยู่แต่ที่ลานโล่งนั้นไม่ได้มีเจ้าหน้าที่อยู่แต่อย่างใดกลับมีแต่กลุ่มผู้หญิงสูงอายุอยู่แทน
เมื่อมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกทันทีว่าที่นี่ไม่น่าจะใช่หน่วยงานลับ 101 แต่มันคงจะเป็นบ้านพักคนชรามากกว่า
“มีอะไรน่าแปลกอย่างนั้นเหรอ?” หลงบิงพูดขึ้นพร้อมกับพาเซี่ยเหล่ยเดินเข้าอาคารไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “ผมเข้าใจว่านี่อาจจะเป็นการปกปิดความจริงเกี่ยวกับที่ตั้งของหน่วยงานลับ 101 ”
“อืม พอมาถึงที่นี่แล้วฉันจะพาคุณเดินดูรอบๆเองและจะพาไปรู้จักกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานลับ 101 ทุกคน” หลงบิงพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “มันคือที่นี่อย่างนั้นเหรอ?”
“มากับฉัน” หลงบิงพูดขึ้นพร้อมนำเซี่ยเหล่ยเข้าไปในลิฟท์ภายในลิฟท์จะมีแป้นเพื่อให้กรอกตัวเลข 6 หลักหลังจากนั้นหลงบิงก็ป้อนเลข6หลักเข้าไปคือ “101005”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจเพราะไม่มีใครกดลิฟท์แบบนี้ เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้ถามลิฟท์ก็ขยับทันทีและมันก็น่าแปลกมากที่ลิฟท์ไม่ได้เลื่อนขึ้นข้างบนแต่มันกลับลงด้านล่างแทน
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ลิฟท์นี้จะทำการตรวจสอบโดยต้องป้อนรหัสเข้าไปถึงจะสามารถไปยังสถานที่ลับของที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นการกดลิฟท์ธรรมดาก็จะมีแค่ขึ้นกับลงเท่านั้น “
“รหัสผ่านคือ 101005 อย่างงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความแปลกใจ
หลงบิงตอบไปว่า “ไม่ใช่ นี่เป็นรหัสผ่านสำหรับฉันเท่านั้นเพราะหมายเลขของฉันคือ 005 และถ้าคุณได้เข้าร่วมทำงานที่หน่วยงานลับ 101 อย่างจริงจังแล้วละก็คุณเองก็จะมีรหัสผ่านและหมายเลขเป็นของตัวเองและเมื่อนั้นคุณถึงจะสามารถเข้าไปยัง หน่วยงานลับ 101 ตึกจริงๆได้ “
ซึ่งก็ตรงกับตามที่เธอบอกเพราะก่อนที่จะกดรหัสผ่านได้นั้นจะต้องได้รับการสแกนก่อน
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “ผมว่าผมไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมอย่างจริงจังหรอกแค่เป็นที่ปรึกษาตอนนี้ก็ดีอยู่แล้วสถานะที่มากกว่านี้มันไม่สำคัญสำหรับผมหรอก”
ขณะนี้ลิฟต์หยุดลงและประตูลิฟต์ก็เปิดออก เซี่ยเหล่ยรีบเดินออกมานอกลิฟท์ทันทีสายตาของเขามองไปทั่วที่นี่แบ่งแยกพื้นที่ออกเป็นโซนแต่ละโซนจะมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ที่นี่ยังมีห้องจำลองสถานการณ์ ห้องประชุม ห้องทดสอบ ห้องซิมมูเลเตอร์และอื่นๆอีกมากมาย
มองตรงไปข้างหน้าในตอนนี้ เซี่ยเหล่ยจะเห็นประตูจำนวนมากรวมอยู่เป็นบริเวณเดียวกัน ซึ่งตรงนั้นน่าจะเป็นเหมือนกับออฟฟิศของที่นี่
หลงบิงนำเซี่ยเหล่ยเดินผ่านเข้าไปจนถึงบริเวณหน้าประตูออฟฟิศ
หลงบิงยังไม่ทันจะได้เคาะประตู เซี่ยเหล่ยก็ใช้ตาซ้ายมองไปข้างในก็พบว่าฉือโบเหยิยนกำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศและยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เขาน่าจะอายุราวๆ40ปี ลักษณะของเขานั้นดูน่าเกรงขามอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยแอบคิดในใจว่า ‘ฉือโบเหยิยนรู้ว่าเราจะมาที่นี่วันนี้ เลยเชิญคนๆนี้มาด้วยหรือเปล่านะ?’
ขณะนี้หลงบิงก็ได้ยื่นมือออกไปเคาะประตู
เสียงได้ออกมาจากภายในห้องทำงานว่าเข้ามา “เข้ามา” เสียงของฉือโบเหยิยนพูดขึ้น
หลงบิงเปิดประตูและเดินนำเซี่ยเหล่ยเข้าไป
เซี่ยเหล่ยกำลังจะพูดทักทายฉือโบเหยิยนแต่ก็ไม่ทันเพราะฉือโบเหยิยนได้ตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อนว่า “มานี่เร็วเซี่ยเหล่ยผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือคุณถ่างถ่างหลง “
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “คุณถ่าง สวัสดีครับ ” เมื่อพูดทักทายเสร็จเขาก็แอบคิดในใจไปว่า “นามสกุลถ่างงั้นเหรอ จะเกี่ยวข้องกับถ่างปั่วฉ่วนและถ่างหยู่เหยี่ยรึปล่าวนะ”
ถ่างถ่างหลงเองเมื่อเซี่ยเหล่ยพูดทักทายขึ้นแล้ว เขาก็ได้ลุกขึ้นจากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับพร้อมพูดอย่างสุภาพว่า “ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณเซี่ยมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้พบเลย แต่วันนี้มีโอกาสได้พบแล้วมันช่างโชคดีเหลือเกิน”
“คุณถ่างเอ่อ… ” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นว่า ” ไม่ทราบว่าคุณคือ….. “
ถ่างถ่างหลงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมทำงานให้กับรัฐบาลแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากนักหรอก “
เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ฉือโบเหยิยนพูดว่า “หลงบิง คุณกลับไปทำงานของคุณเถอะ หมดหน้าที่ของคุณแล้ว”
หลงบิงหันหลังกลับไปและเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
“เซี่ยเหล่ย นั่งลงก่อน” ฉือโยเหยิยนพูดทักทายเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็เดินไปกดน้ำร้อนมาให้เขา
เซี่ยเหล่ยรับแก้วน้ำร้อนจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผู้บริหารฉือ ผมมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะพูดกับคุณ “
“เชิญคุณพูดได้เลย” ฉือโบเหยิยนพูดขึ้นพร้อมนั่งลงตรงข้ามกับที่เซี่ยเหล่ยนั่งจากนั้นก็พูดต่อว่า “ผมคิดว่าหลงบิงได้อธิบายเรื่องคร่าวๆให้คุณได้ฟังแล้ว ตอนนี้ผมเองก็อยากรู้ว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับมัน?”
เมื่อฉือโบเหยิยนพูดเสร็จก็หันหน้าไปมองที่เซี่ยเหล่ยทันทีเหมือนกับว่ากำลังรอคำตอบอยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นสายตาของถ่างถ่างหลง เซี่ยเหล่ยได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าเขาคนนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับโครงการนี้อย่างแน่นอนดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงตอบไปว่า “ประเทศของเราตอนนี้อยู่ในช่วงพัฒนา แต่ประเทศของเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงค่อนข้างที่จะเสี่ยงถ้าจะใช้เงินของประเทศในการลงทุน ดังนั้นในกรณีนี้ผมคิดว่าผมควรจะใช้เงินของตัวเองในการลงทุนจะดีกว่าและผมก็มั่นใจอีกด้วยว่าถ้าสำเร็จแล้วคุณภาพของมันจะต้องออกมาดีที่สุด มันจะดีมากกว่าที่ประเทศไหนๆเคยผลิตออกมาในโลกใบนี้ “
ฉือโบเหยิยนและถ่างถ่างหลงได้หันไปมองหน้าซึ่งกันและกันจากนั้นก็แสดงสีหน้าเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซี่ยเหล่ยที่เห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสองเป็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผมพูดอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉือโบเหยิยนหัวเราะสามครั้งและพูดขึ้นว่า “นี่คือสิ่งที่คุณจะพูดแบบงั้นเหรอ?”
ถ่างถ่างหลงพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย ประเทศของเราไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้น ประเทศของเรามีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีเงินทุนหลายพันล้านเหรียญ ผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับการลงทุนเลย แล้วทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น? “
“คุณถ่าง คุณเป็นคนที่จะมาพูดเจรจาอย่างนั้นใช่มั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ถูกต้องแล้ว ผมรับหน้าที่อย่างเป็นทางการในการพูดคุยและเจรจากับคุณ” ถ่างถ่างหลงพูดขึ้นและยอมรับอย่างง่ายดาย
ฉือโบเหยิยนพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ผมไม่อยากฟังคำพูดที่สวยหรูของคุณหรอกนะ”
“เอาล่ะ ผมจะพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ความคิดของผมก็ไม่ได้ยากอะไรคือผมไม่อยากให้ใครมาเป็นหุ้นส่วนในบริษัทของผม ผมไม่ต้องการให้ใครมาคอยบงการว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้และที่สำคัญคือความรับผิดชอบในการทำงาน ซึ่งถ้าผมเป็นคนจัดการเองผมมั่นใจว่าปืนไรเฟิลนี้จะต้องออกมาดีที่สุดกว่าที่เคยมีการผลิตมาอย่างแน่นอน “
ถ่างถ่างหลงขมวดคิ้วจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นี่คุณเซี่ย สิ่งที่คุณกำลังจะผลิตนี้มันคืออาวุธไม่ใช่ของเล่นดังนั้นมันจะไม่มีการควบคุมและดูแลจากเราเลยได้อย่างไรกัน?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “แน่นอนว่าเรื่องพวกนั้นพวกคุณสามารถจัดการดูแลและควบคุมได้ คุณสามารถส่งทหารมาคอยเฝ้าและตรวจดูการผลิตได้แต่ก็ต้องได้รับอนุญาตจากโรงงานของผมก่อน ส่วนเรื่องจัดการบริษัทหรือแผนการต่างๆผมจะเป็นคนดูแลเอง นี่เป็นเงื่อนไขเดียวของผม “
“คุณนี่จริงๆเลยนะ….คุณมีเงินมากแค่ไหนกัน? มันต้องใช้เงินราวๆ 1 พันล้านเลยนะ คุณมีพออย่างนั้นเหรอ” ฉือโบเหยิยนพูดขึ้น
“พอ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ผมยืมเงินจากเฉินตูเทียนหยินมา 1 พันล้าน มันน่าจะเพียงพอแล้ว”
ถ่างถ่างหลงและฉือโบเหยิยนได้มองหน้ากันจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย คุณคิดว่าคุณจะสามารถ…. “
เซี่ยเหล่ยได้ขัดจังหวะการพูดขึ้นทันทีว่า “ถ้าคุณไม่พอใจกับข้อตกลงของผม ผมก็ขอยอมแพ้ ผมจะขอไม่มีส่วนร่วมในโครงการนี้”
“คุณ …… ” ถ่างถ่างหลงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
ฉือโบเหยินเองก็จ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างหงุดหงิดเหตุผลก็ง่ายๆเลยคือว่าปืนไรเฟิลในประเทศจีนตอนนี้ด้อยประสิทธิภาพและล้าหลังเป็นอย่างมากจนขนาดที่จะต้องซื้อหรือยืมปืนไรเฟิลจากต่างประเทศอย่างไรก็ตามในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยได้ดัดแปลงและพัฒนาปืนไรเฟิลของหลงบิงให้มีประสิทธิภาพให้ดีที่สุดในโลกได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉือโบเหยิยนไม่พอใจและหงุดหงิด
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเพื่อเจรจาว่า “พวกคุณทั้งสองจะกังวลกันไปทำไม พวกคุณไม่ได้ต้องการที่จะผลิตปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดอย่างนั้นเหรอยังไงก็ตามพวกคุณสามารถเข้ามาดูแลและตรวจสอบความเรียบร้อยได้เท่าที่พวกคุณต้องการแล้วทำไมยังต้องการที่จะมีหุ้นส่วนในบริษัทอีกด้วยหล่ะ? และผมคิดว่าข้อเสนอของผมจะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันมากกว่าที่จะใช้เงินของประเทศในการลงทุนครั้งนี้ด้วย ผมพูดถูกหรือไม่? “
ถ่างถ่างหลงและฉือโบเหยิยนมองหน้ากันหลังจากได้ฟังเซี่ยเหล่ยพูด
“อืมมม…คุณเองก็เป็นคนหัวดื้อเหมือนกันนะ ผมคิดว่าจะสามารถหว่านล้อมคุณได้แต่เปล่าเลยคุณก็หัวดื้อเหมือนกับผู้หญิงชาวเยอรมันคนนั้น” ถ่างถ่างหลงพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจจากนั้นก็พูดต่อว่า “ผมจะขอพูดอะไรบางอย่างก่อนให้คุณได้รับรู้ จริงๆแล้วในประเทศของเราก็มีโรงงานผลิตอาวุธอยู่หลายแห่งอยู่แล้วที่อยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมของเราแต่ประสิทธิภาพของปืนไรเฟิลที่ผลิตในโรงงานเหล่านั้นคุณเองก็คงจะรู้อยู่แล้ว ดังนั้นผมจะยอมตกลงกับคุณและให้คุณเป็นโรงงานผลิตปืนไรเฟิลแห่งแรกที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนแต่ในอนาคตพวกเราจะทำการส่งออกเพื่อทำการค้า คุณมั่นใจว่าจะทำได้ใช่หรือไม่? “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอน คุณถ่างไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ผมจะลงทุนและยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดเองดังนั้นผมจะต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…… ” ถ่างถ่างหลงหัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เราจะเซ็นสัญญากันหลังจากนี้ จากนั้นเราก็จะไปดูที่ดินที่จะใช้สร้างอาคารกันว่าจะเป็นที่ไหน”
“ตกลง” เซี่ยเหล่ยตอบตกลงไปพร้อมกับคิดในใจว่าอยากที่จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของถ่างถ่างหลงเป็นอย่างมากเพราะดูจากที่พูดคุยกันมาทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีตำแหน่งที่สูงกว่าฉือโบเหยิยนด้วย!
ไม่นานหลังจากนั้นสัญญาก็เสร็จ สัญญาของโครงการนี้มีทั้งหมดราวๆ30หน้าและมีข้อความหลายร้อยประโยคอย่างไรก็ตามความเร็วในการอ่านของเซี่ยเหล่ยนั้นเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสามารถอ่านสัญญาทั้งหมดนี้ได้ภายในเวลา10นาทีเท่านั้นและจากนั้นเขาก็เซ็นสัญญาลงไป
ถ่างถ่างหลงเองก็เซ็นสัญญาด้วยเหมือนกันจากนั้นก็แลกเปลี่ยนกันเอาไว้สำหรับเก็บไว้ที่ตัวเอง
ตอนนี้ฉือโบเหยิยนก็คอลเมกเกอร์ที่อยู่บนโต๊ะ
หลังจากนั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาภายในห้องโดยไม่ได้เคาะประตู
สายตาของเธอก็ได้มองมาที่เซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยเองก็มองไปที่เธอเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยตกใจอย่างมากเพราะเธอก็คือถ่างหยู่เหยี่ย……..
เสื้อผ้าที่ถ่างหยู่เหยี่ยใส่ขณะนี้เป็นชุดแบบหลวมๆ ที่ไม่ได้เน้นโชว์สัดส่วนเส้นโค้งรูปร่างของเธอเหมือนกับที่เธอเคยใส่ก่อนหน้านี้ที่เคยเจอกัน
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มให้เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ต้องการให้ฉันทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
“พาเซี่ยเหล่ยไปดูที่ดินที่เขาต้องการ…” ถ่างถ่างหลงพูดขึ้น
ติดตามตอนต่อไป…………..