Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 262
TXV – 262 ไส้กรอกบิน !
เพียงวันแรกที่มาถึงชิงตู่ เซี่ยเหล่ยก็ทำอะไรไปมากมายหลายอย่างเซ็นสัญญาโรงงานกับกองทัพเลือกพื้นที่ก่อสร้างโรงงานหรือแม้แต่การเรียนทักษะใหม่อย่างวิชาตัวเบาและการใช้อาวุธลับของตระกูลถ่างแม้ถ่างหยู่เหยี่ยจะสอนเขาแค่วิชาตัวเบา ส่วนเรื่องอาวุธลับเธอเพียงแค่สาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างหลายต่อหลายครั้ง แต่การสาธิตทั้งหมดนั้นก็ถูกตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งและจดจำเอาไว้หมดแล้ว สำหรับคนสอนนี่คงเป็นแค่การสาธิตธรรมดาแต่สำหรับคนที่มีความสามารถในการมองอย่างล้ำลึกและการเรียนรู้ที่แตกต่างจากคนทั่วไป การสาธิตนั่นก็ไม่ต่างไปจากการสอนอย่างเป็นทางการเลย
การเก็บเกี่ยวทักษะต่างๆในวันนี้คงมากพอแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยให้เซี่ยเหล่ยพักในห้องนั่งเล่นบ้านเธอไปก่อนแต่เซี่ยเหล่ยเลือกกลับไปบ้านหลงบิงแทน
“เลือกที่ที่ดีที่สุดแล้วใช่มั้ยล่ะ?” เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าประตูมาก็พบกับหลงบิงที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว
เซี่ยเหล่ยตอบรับ “ก็แค่เลือกที่ที่ถูกที่สุดน่ะ”
“เธอตัวติดคุณหนึบเลยล่ะสิ?”
เซี่ยเหล่ยนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่ออย่างอึดอัดใจ “คุณพูดถึงถ่างหยู่เหยี่ยอยู่เหรอ?”
“คุณมีคนอื่นให้พูดถึงอีกรึไง?”
เซี่ยเหล่ยนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับหลงบิง “เธอขอให้ผมสอนหวิงชุนให้น่ะ”
“แล้วคุณสอนมั้ย?”
“อื้ม” เซี่ยเหล่ยตอบ “สอนแบบไม่คิดเงิน แต่ผมให้เธอสอนกังฟูของตระกูลถ่างแลกเปลี่ยนกันน่ะ”
“ฉันเคยขอให้เธอสอนแต่เธอไม่สอนครั้งนี้เธอดันสอนคุณซะงั้น เธอคงไม่ใช่เพื่อนที่ดีกับฉันสักเท่าไหร่แล้วล่ะ” หลงบิงกล่าวแต่มันน่าแปลกนิดหน่อยที่ประโยคนี้ออกมาจากปากเธอ
เซี่ยเหล่ยอึกอัก “เราแลกเปลี่ยนกันต่างหาก ผมสอนเธอ เธอก็เลยสอนผมไง”
หลงบิงพูดต่อ “คุณไม่รู้จักเธอหรอกไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลถ่างด้วย พวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่กว่าร้อยปีมีอะไรโบราณๆเยอะ กฎเก่าแก่ประจำตระกูลก็ด้วย คุณไม่ใช่คนของตระกูลถ่าง คุณเรียนกังฟูของตระกูลพวกเขาไม่ได้แต่เธอกลับสอนกังฟูแท้ๆให้คุณซะงั้น…… อ้อ อย่าบอกเธอนะว่าฉันพูดแบบนี้”
บางทีถ่างหยู่เหยี่ยอาจจะตั้งใจให้เป็นแบบนี้ก็ได้เพราะคนที่อยากจะหลอกเซี่ยเหล่ยก็ต้องตีสนิทและทำให้เขาพอใจก่อนเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว อันที่จริงถ่างหยู่เหยี่ย ยังไม่ได้สอนแก่นของกังฟูของตระกูลถ่างให้เซี่ยเหล่ยเลยด้วยซ้ำ ที่เขาได้ทักษะมาก็เพราะเขาแอบเรียนเองจากการให้เธอสาธิตให้ดูต่างหาก
“ขอบคุณนะ ผมจะไม่บอกเธอแล้วกัน” เซี่ยเหล่ยตอบในใจเขาคิดแผนอะไรออกแล้ว
“ฉันจะบอกอะไรให้อีกอย่างนะ”
“ว่า?”
“เรายืนยันตัวตนได้แล้วว่านักฆ่าคนนั้นเป็นคนของตระกูลกู๋ เขาชื่อแดลนี่ เป็นเด็กกำพร้าที่กู๋ดิงชานเก็บมาเลี้ยงเขาปลอมสถานะว่าตัวเขานั้นตายมา 16 ปีแล้ว แดลนี่ถูกส่งไปที่แถบเอเชียใต้เพื่อฝึกเป็นนักฆ่า เขาเป็นคนไม่มีตัวตน ไม่มีสถานะ ไม่ต่างอะไรจากเงาเลย อันตรายมากๆ”
เซี่ยเหล่ยกล่าว “งั้นในเมื่อคุณได้ข้อมูลว่าเขาเป็นใครมาแล้ว ทำไมไม่จับเขาเลยล่ะ?”
หลงบิงตอบ “คนของเราเริ่มเคลื่อนไหวแล้วก็จริงแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย”
“แล้วตระกูลกู๋ล่ะ? ถ้าเราจับแดลนี่ไม่ได้ เราจับคนของตระกูลกู๋แทนไม่ได้เหรอ?”
“คุณคิดเรื่องนี้ง่ายไป เราจะจับพวกเขาทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรได้มั้ยล่ะ? ฉันบอกคุณเรื่องนี้ก็เพื่อให้คุณระวังตัวที่นี่คือเมืองชิงตู่กู๋ดิงชานมีอำนาจในเขตนี้มากกว่าในห่ายจูอีกนะ”
เซี่ยเหล่ยแค่นยิ้ม “คุณคิดงั้นจริงเหรอ? คุณจะรอให้แดลนี่มาลอบฆ่าผมอีกรอบจริงๆเหรอ? จริงๆต่อให้ผมจับตัวแดลนี่มาได้ ผมว่าคุณคงไม่ได้เรื่องอะไรจากปากเขาหรอก สไตล์ตระกูลกู๋ก็แบบนี้ชัดเจนอยู่แล้ว พวกเขาไม่มีทางเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขากับแดลนี่แน่ๆ”
หลงบิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “คุณอยากให้กู๋ดิงชานตายใช่มั้ย?”
“แน่นอน ผมอยาก” เซี่ยเหล่ยถามต่อ “คุณกำลังจะพูดอะไร?”
หลงบิงตอบ “งั้นเปลี่ยนใจเถอะ คุณน่ะฉลาดนะ กู๋ดิงชานเล่นตุกติกและไล่ต้อนคุณให้จนมุมได้แต่คุณคงทำแบบนั้นกับเขาไม่ได้ คุณจะไม่ให้ใครปกป้องตัวคุณแล้วเริ่มการโจมตีเองเลยก็ได้นะ !”
เซี่ยเหล่ยมองหลงบิงคำพูดเธอดังวนซ้ำอยู่ในหัวเขา
“คิดดีๆล่ะ” หลงบิงยืนขึ้นจากโซฟา “ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เซี่ยเหล่ยเริ่มงง “เปลี่ยนเสื้อผ้าทำไม? จะออกไปข้างนอกเหรอ?”
หลงบิงพูดต่อ “จะเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียนหวิงชุนกับคุณไง ฉันว่าถ้าคุณสอนถ่างหยู่เหยี่ยได้ คุณก็สอนฉันได้ใช่มั้ย?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง…..
ถ้าเรื่องความสัมพันธ์ เซี่ยเหล่ยกับหลงบิงถือว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นหมายถึงทั้งสองคนสนิทกันไกลกว่าที่เซี่ยเหล่ยสนิทกับถ่างหยู่เหยี่ยมากๆและถ้าเซี่ยเหล่ยสอนหวิงชุนให้เธอได้ งั้นทำไมจะสอนหลงบิงบ้างไม่ได้ล่ะ?
ไม่กี่นาทีต่อมา หลงบิงก็เดินออกมาจากห้องของเธอในชุดสปอร์ตบิกีนีสีดำ อกอวบทั้งสองเหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ เรียวขายาวขาวสวยดูนุ่มนิ่ม ส่วนที่อยู่ใต้เนื้อผ้าก็มีเสน่ห์ เนื้อขาอวบนูนออกมาเล็กน้อย รอยสีผิวตัดกันปรากฏชัดเจน ทั้งความลึกลับและเสน่ห์ของผู้หญิงมาผสมรวมกันอยู่ในคนๆเดียว
ไหนจะสปอร์ตบิกีนีนั่นอีก ทั้งหมดนี่ไม่ดีกับใจเซี่ยเหล่ยเลยจริงๆ……
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงในที่สุดเซี่ยเหล่ยก็ได้กลับเข้าห้องตัวเอง เขาทิ้งตัวลงบนที่นอนพยายามสะบัดหน้าหลายครั้งเพื่อไล่ภาพหลงบิงในหัวออกไป ทั้งบั้นท้ายอวบเด่น เรียวขาสวย และร่องหว่างขาที่ติดตานั่นด้วย……
การสอนหวิงชุนให้หลงบิงมันไม่เหมือนกับตอนที่สอนให้ถ่างหยู่เหยี่ย หลงบิงสนิทกับเซี่ยเหล่ยมากกว่าและเธอเคยนอนพักเตียงเดียวกับเขามามากกว่า 1 ครั้งแล้ว หลงบิงไม่ค่อยคิดมากเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวกันกับเขาเท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยเองก็สบายๆด้วยดังนั้นทุกครั้งที่ฝึกหวิงชุน หลงบิงก็จะใกล้ชิดเซี่ยเหล่ยมากขึ้นเมื่อซ้อมกันเป็นคู่ก็ต้องมีถึงเนื้อถึงตัวกันอยู่แล้ว หลงบิงเป็นคนแข็งแรงเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอตกอยู่ด้านล่าง เธอมักจะไม่ใช้วิธีของหวิงชุนแต่ใช้วิธีการต่อสู้ของเธอเอง นั่นคือการทุ่มเซี่ยเหล่ยลงพื้น ล็อคคอเขาด้วยขายาวรวมถึงตอนที่เซี่ยเหล่ยโจมตีจากด้านหลังก็ด้วย เธอจะทิ้งตัวลงใส่เขาจนล้มลงกับพื้นแล้วใช้แขนล็อคคอเขามาวางบนหน้าอกเธอเอง……
จนตอนนี้เซี่ยเหล่ยน้อยก็ยังตั้งตรงจนรู้สึกอึดอัดไปหมด…….
เมื่อเขาอยู่เงียบๆสงบจิตสงบใจได้แล้ว คำพูดของหลงบิงก็ย้อนกลับมาในหัว ที่ว่า “กู๋ดิงชานคงเล่นตุกติกและไล่ต้อนคุณให้จนมุมได้ แต่คุณคงทำแบบนั้นกับเขาไม่ได้ คุณจะไม่ให้ใครปกป้องตัวคุณแล้วเริ่มการโจมตีเองเลยก็ได้นะ”
‘จริงๆ เราไม่เคยคิดจะหาเรื่องตระกูลกู๋ก่อนเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าคนตระกูลนี้เลยแต่พอหลงบิงพูดแบบนี้ มันสื่อเป็นนัยว่าเราควรทำอะไรสักอย่างแต่เรายังไม่เคยฆ่าใคร ถ้าเราฆ่ากู๋ดิงชานหรือกู๋เค่อหวู่ ตัวการใหญ่ของตระกูลกู๋เลย พวกเขาจะไม่ตอบโต้ไม่ล้างแค้นอะไรเราเหรอ? จริงๆการฆ่าสองคนนี้คงไม่ยากอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าเราลงมือทำจริง เราจะรับมือการตอบโต้ของตระกูลกู๋ไหวมั้ยนะ?’ ความคิดในหัวเซี่ยเหล่ยเริ่มตีกันยุ่งไปหมด
การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากคือการรับมือกับผลและสิ่งที่ตามมาหลังจากการฆ่าต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นคือเซี่ยเหล่ยไม่เคยฆ่าคนและไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลยสักนิด
หลังจากนอนทิ้งตัวอยู่สักพัก เซี่ยเหล่ยก็ลุกออกจากเตียงและเดินมายืนในที่โล่งๆหน้าเตียงในหัวดึงภาพของถ่างหยู่เหยี่ยตอนที่เธอสาธิตวิชาตัวเบาออกมา ตาซ้ายของเขาส่งแต่ละภาพเข้าไปในห้วงความคิด โครงร่างกระดูกของถ่างหยู่เหยี่ย กล้ามเนื้อของเธอ เส้นเลือด สิ่งที่เธอทำทั้งหมดตอนนั้นปรากฏชัดอยู่ในหัวเขา
เซี่ยเหล่ยศึกษาการเคลื่อนไหวของถ่างหยู่เหยี่ย ขาทั้งสองข้างของเขางอลง 45 องศา กระดูกในร่างกายท่อนบนและกล้ามเนื้อของเขาถูกปรับและจัดท่าให้เหมือนกับที่ถ่างหยู่เหยี่ยแสดงให้ดูจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับรวบรวมพลังภายในไว้ที่ขา
“พุ๊บ !” ราวกับอากาศที่พวยพุ่งในโคล่าเซี่ยเหล่ยเด้งตัวขึ้นทันทีจังหวะนั้นเขารู้สึกราวกับมีสปริงติดอยู่ใต้เท้าช่วยเขาพุ่งตัวขึ้นมา
เมื่อพื้นหายไปจากสายตาอีกนิดเดียวหัวของเซี่ยเหล่ยก็ชนกับฝ้าเพดานแล้ว แต่เพียง 0.5 วินาทีต่อมาเซี่ยเหล่ยก็ร่วงลงกับพื้น
บ้านของหลงบิงเป็นบ้านเก่า ฝ้าเพดานไม่ได้สูงนักแค่ประมาณ 3 เมตรเท่านั้น แต่บ้านของถ่างหยู่เหยี่ยเป็นบ้านหลังใหม่ในชุมชนหรูหรา ฝ้าเพดานจึงสูงจากพื้นอย่างน้อย 4 เมตรแม้เซี่ยเหล่ยจะลองจำเทคนิคลับของตระกูลถ่างมาแต่ที่เขาเก็บมาก็ไม่ครอบคลุมทั้งหมดเขาจึงยังเอื้อมไม่ถึงระดับของถ่างหยู่เหยี่ย
อย่างไรก็ตามถ่างหยู่เหยี่ยเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเด็กซึ่งนั่นก็กว่า 20 ปีมาแล้วแต่สำหรับเซี่ยเหล่ยนี่เพิ่งจะวันแรกของเขา จากจุดนี้จึงเห็นได้ไม่ยากเลยว่าทักษะการเรียนรู้ของเซี่ยเหล่ยน่ากลัวขนาดไหน! ตราบใดที่เขายังคงฝึกต่อ สะสมประสบการณ์ และเก็บเทคนิคลับไปเรื่อยๆ เขาไม่เพียงแต่จะเข้าถึงวิชาตัวเบาของตระกูลถ่างได้อย่างสมบูรณ์แต่เขาอาจจะก้าวหน้าไปมากกว่านั้นได้เลย!
“นั่นคุณทำอะไรน่ะ?” เสียงหลงบิงดังมาจากอีกฝากหนึ่งของประตูห้อง
บางทีเขาอาจจะตกใจเกินไปหน่อยหรืออาจจะเป็นเพราะเขาหลอนไปเอง แต่เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรออกมากลับกันเขารีบหยิบเอาไส้กรอกที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาเตรียมขว้างใส่ประตู
นี่ไม่ใช่การขว้างปาทั่วๆไปแต่เพราะในใจเซี่ยเหล่ยกำลังนึกภาพของถ่างหยู่เหยี่ยตอนใช้อาวุธลับยืนอยู่หลังประตูแถมการเลียนแบบถ่างหยู่เหยี่ยของเซี่ยเหล่ยก็กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแม้จะยังไม่คงเส้นคงวาเท่าไหร่แต่ทั้งสามอย่างก็ประจวบเหมาะลงตัวกันพอดิบพอดี
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยขว้างไส้กรอกไปประตูก็เปิดออกพอดีเป็นหลงบิงที่ปรากฏตัวขึ้น
“คุณ……” ยังไม่ทันให้หลงบิงพูดจบประโยคไส้กรอกแสนอร่อยก็ปลิวไปปิดปากเธอเสียก่อน
เซี่ยเหล่ยนิ่งไปด้วยความช็อค
หลงบิงเองก็ช็อคไม่ต่างกัน ภาพหลงบิงที่มีไส้กรอกค้างอยู่ในปากดูเป็นอะไรที่แปลกดี
จู่ๆบรรยากาศในห้องก็ดูกดดันขึ้นมาเฉยๆ
10 วินาทีผ่านไปหลงบิงก็เอาไส้กรอกในปากออกมา เธอจ้องเซี่ยเหล่ยเขม็งแต่สายตาเธอมันไม่เหมือนสายตามนุษย์ทั่วไป มันเหมือนกับสายตาของแมวมากกว่า
เซี่ยเหล่ยกระแอม “น่าอายจริงๆ ผม……ผมไม่คิดว่าคุณจะเข้ามาแบบไม่เคาะประตูน่ะ”
“คุณก็เลยปาเจ้านี่ใส่ฉันน่ะเหรอ?” หลงบิงชูไส้กรอกในมือให้ดู
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งท่าทางใสซื่อ คิดในใจว่าโชคดีที่เป็นไส้กรอกชิ้นเล็กถ้าเป็นชิ้นใหญ่คงแย่กว่านี้หลายเท่า
“คุณมันบ้า!” พูดจบหลงบิงก็ขว้างไส้กรอกใส่เซี่ยเหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยกระโดดหลบพลางร้องออกมา “อย่ารุนแรงสิ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”
“งั้นฉันก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน!” หลงบิงถอดรองเท้าทั้งซ้ายและขวาออกมาขว้างใส่เซี่ยเหล่ยบ้าง
เซี่ยเหล่ยหลบข้างซ้ายได้แต่หลบข้างขวาไม่พ้น ไม่รอให้เขาได้กระพริบตา หลงบิงก็พุ่งเข้ามา กระโดดขึ้นแยกขาเป็นกรรไกรแล้วล็อคคอเซี่ยเหล่ยไว้ทันที เธอบิดเอว ก่อนที่ทั้งสองคนจะล้มลงกับพื้น
ต้นขาเธอหนีบรอบคอเซี่ยเหล่ยอยู่ ด้านหลังศีรษะเขาก็อยู่ใกล้จุดสำคัญของเธอเสียด้วยทำเอาความรู้สึกแปลกๆผุดขึ้นมา จมูกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมมีเสน่ห์นุ่มนวล จากที่ไม่รู้สึกทรมาน ตอนนี้เขาเริ่มทรมานแล้ว…….
“พี่ครับพี่ ผมแค่ปาไส้กรอกใส่พี่ พี่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้มั้ยครับ?”
“ปาไส้กรอกใส่แต่ปาใส่ปากนะ นี่ตั้งใจจะสื่ออะไรบางอย่างกับฉันใช่มั้ย ?”
เซี่ยเหล่ย “……”
บุคลิกดุเดือดแบบนี้ ถ้าเขาแต่งงานกับเธอในอนาคตสงสัยเฟอร์นิเจอร์ในบ้านคงต้องเป็นเหล็กหมดแล้วล่ะมั้ง?
ติดตามตอนต่อไป…………..