Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 267
TXV – 267 การจู่โจมทางจิตวิทยา !
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในห้องโถงของโรงพยาบาลทหารก็พบว่าภายในนั้นมีหลงบิงรออยู่ก่อนแล้ว
“ฉันเห็นคุณขับรถคันใหม่ คุณเพิ่งซื้ออย่างนั้นเหรอ?” หลงบิงถามขึ้น
“ใช่ ผมซื้อเพราะผมไม่มีรถที่นี่ ผมเลยซื้อใหม่คันนึง” เซี่ยเหล่ยตอบไปจากนั้นพูดต่อว่า “รถคันนี้เป็นรถคนใหม่จึงยังไม่มีป้ายทะเบียนของเมืองนี้และมันอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานได้ ผมคงต้องให้คุณช่วยเหลือหน่อยแล้ว “
หลงบิงยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณสอนหมัดหวิงชุนให้ฉัน ฉันก็จะช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้เลย แล้ว….ตอนนี้แดลนี่อยู่ที่ไหน?”
“มากับฉัน” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหล่ยเดินตามหลงบิงไปยังแผนกพิเศษชั้นบนสุดของโรงพยาบาลโดยตลอดทางก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาของหลงบิงคอยเฝ้าไว้ตลอดและหากหมอหรือพยาบาลต้องการที่จะเข้าไปหาแดลนี่แล้วละก็จะต้องผ่านการตรวจสอบจากพวกเขาเสียก่อน
“หมอได้ทำการตัดไตและนำกระสุนที่ต้นขาของเขาออก ทำให้เขาเดินได้ด้วยขาข้างเดียวเท่านั้น” หลงบิงพูดขึ้นให้เซี่ยเหล่ยฟัง
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกผิดในช่วงแรกที่ได้ฟังหลงบิงพูด เพราะว่าแดลนี่จะต้องเสียไตและขาข้างหนึ่งที่จะใช้สำหรับเดินในชีวิตข้างหน้า
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเหล่ยคิดไปถึงลู่เชิงที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเซี่ยเสวียที่ถูกลักพาตัวก็ทำให้ความรู้สึกผิดของเซี่ยเหล่ยหายไปทันที
บางคนในโลกนี้ไม่สมควรได้รับความเห็นใจยกตัวอย่างเช่นแดลนี่และคนของตระกูลกู๋
หลงบิงดูเหมือนว่าจะเข้าใจว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยคิดอะไรอยู่ เธอจึงได้เอามือแตะไหล่ของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ” อย่าคิดมากไปเลย ฉันก็เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนตอนที่เพิ่งจะฆ่าคนร้ายเป็นครั้งแรกแต่ไม่นานฉันก็ชินกับความรู้สึกนี้”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ก็นี่มันเป็นงานของคุณแต่สำหรับผมมันแตกต่างกัน”
หลงบิงตอบกลับไปว่า “มันก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะคุณเองก็เป็นที่ปรึกษาให้กับเรา และอีกอย่างตอนนี้ผู้บริหารฉือก็กำลังจับตาดูคุณอยู่ ! “
“เขาจับตาดูผม?” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เขาบอกว่าคุณเป็นนักฆ่าโดยสัญชาตญาณ เขายังบอกอีกว่าคุณควรจะได้เป็นหัวหน้าของทีมซุ่มยิงของหน่วยงานลับ 101 ของเรา” หลงบิงพูดขึ้นจากนั้นพูดต่อว่า “และเขายังขอให้ฉันถามคุณว่าสนใจ…… “
เซี่ยเหล่ยรีบตอบขัดจังหวะการพูดของหลงบิงทันทีไปว่า “เราไปดูแดลนี่กันเถอะ”
เมื่อหลงบิงถูกเซี่ยเหล่ยขัดในตอนที่กำลังจะชักชวนให้ทำงานกับพวกเขาและทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดจบเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อและทั้งคู่ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเซี่ยเหล่ยและหลงบิงเดินไปจนถึงหน้าประตูห้องและเปิดเข้าไปนั้นก็พบว่าแดลนี่ได้มองมายังที่พวกเขาในตอนนี้ร่างกายของแดลนี่ถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลจำนวนมากและที่ตัวของเขาก็มีสายของเครื่องวัดต่างๆทางการแพทย์มากมายเมื่อมองไปที่เขาตอนนี้ไม่ได้มีออร่าของนักฆ่าเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาช่างเหมือนกับหนอนที่กำลังเป็นดักแด้ !
เมื่อแดลนี่เห็นเซี่ยเหล่ยนัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเขาก็พยายามที่จะยกมือขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถที่จะยกมือของตัวเองขึ้นมาได้เลย
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปที่เตียงของแดลนี่ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรและพูดขึ้นว่า “แดลนี่ คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไปให้พ้น” เสียงแดลนี่ที่พูดออกมาจากลำคอในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังที่มีต่อเซี่ยเหล่ย
หลงบิงเดินเข้าไปใกล้ที่แดลนี่จากนั้นก็เคาะไปที่ขาของเขาอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า “คุณควรจะทำตัวให้ฉลาดกว่านี้นะหรือคุณต้องการที่จะเจ็บไปมากกว่านี้อีก?”
“อยากทำอะไรก็เชิญ” แดลนี่พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว
หลงบิงยกมือขึ้นอีกครั้งและกำลังจะเคาะลงไปอีกครั้งแต่เซี่ยเหล่ยก็ได้จับมือของเธอเอาไว้ก่อนจากนั้นก็พูดกับหลงบิงไปว่า “ผมขอคุยกับเขา”
หลงบิงทำเสียงในลำคอจากนั้นก็เอามือลง
“แดลนี่ เรามาคุยกันดีกว่า” เซี่ยเหล่ยพูดและยกเก้าอี้เข้ามาและตั้งพร้อมนั่งลงที่ข้างเตียง
แดลนี่พูดขึ้นด้วยความเคียดแค้นขึ้นว่า “เสียเวลาเปล่า ผมไม่อยากคุยกับคุณ คุณจะปล่อยให้ศาลตัดสินผมยังไงก็เชิญหรือคุณจะเป็นคนฆ่าผมเอง ผมก็ไม่สนใจ คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญ “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่าคุณเป็นเด็กกำพร้าและกู๋ดิงชานก็เป็นคนที่รับเลี้ยงคุณและสอนให้คุณกลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็นและผมก็เชื่อว่ากู๋ดิงชานไม่ได้คิดกับคุณว่าเป็นลูกบุญธรรมของเขาแน่ๆ ซึ่งความจริงแล้วเขาก็คงคิดกับคุณเป็นแค่สุนัขรับใช้สำหรับเขาแต่ทำไมคุณถึงยังจงรักภักดีกับเขาหล่ะ? “
แดลนี่ไม่สามารถที่จะห้ามเซี่ยเหล่ยให้พูดกับเขาได้สิ่งที่เขาทำได้ก็คิดปิดตาเพราะไม่อยากที่จะเห็นเซี่ยเหล่ยซึ่งเป็นคนที่เขาเกลียด…..
เซี่ยเหล่ยยังพูดต่อว่า “แดลนี่ คุณทำตามที่กู๋ดิงชานสั่งใช่มั้ย?”
“ผมไม่รู้จักกู๋ดิงชาน ” แดลนี่พูดในขณะที่ยังปิดตาอยู่
“เฮ้ๆ…จริงๆมันก็ชัดเจนอยู่แล้วถึงคุณจะพูดยังไงก็เถอะแต่สิ่งที่ผมต้องการจะบอกจริงๆก็คือถ้าหากว่ากู๋ดิงชานรู้ว่าคุณตกอยู่ในมือของเราแล้ว เขาจะทำอย่างไรกับคุณต่อ ? “
แดลนี่ได้ยินที่เซี่ยเหล่ยพูดทุกคำแต่เขาก็ไม่ตอบกลับไปแม้แต่น้อย
“เขาจะฆ่าคุณ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ดังนั้นมาเป็นพยานให้เราจะดีกว่า”
“ฮ่าๆๆๆๆ…… ” แดลนี่หัวเราะออกมาพร้อมเปิดตาและมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่ดูถูกจากนั้นก็พูดขึ้น “คุณคิดว่าจะโน้มน้าวผมได้อย่างนั้นเหรอ? ผมก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้วนี่ว่าเสียเวลาเปล่า! “
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย เขายังคงพยายามพูดหว่านล้อมต่อว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะจงรักภักดีต่อกู๋ดิงชานมากแต่อย่างไรก็ตามผมได้ให้ข้อมูลกับสื่อต่างๆเกี่ยวกับการกระทำของคุณซึ่งมีผู้บงการคือกู๋ดิงชานและแน่นอนว่าพรุ่งนี้ข่าวนี้จะกระจายออกไปทั่ว เราจะมาดูกันว่าหลังจากนั้นกู๋ดิงชานจะลงมืออย่างไรต่อ?”
แดลนี่รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเซี่ยเหล่ยอย่างมาก คำพูดของเซี่ยเหล่ยกระตุ้นความโกรธให้กับแดลนี่เพิ่มเข้าไปอีก
“ผมรู้ว่ากู๋ดิงชานจะต้องสอนคุณในหลายๆเรื่องและเรื่องความจงรักภักดีก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยแต่ก็เอาเถอะยังไงผมก็ไม่ได้สนใจว่าจะโน้มน้าวคุณได้หรือไม่ ทั้งหมดเป็นแค่การหลอกล่อที่ผมต้องการจริงๆก็คือเสียงของคุณก็เท่านั้นเอง” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
หลงบิงได้หยิบเอาเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาและพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “เราได้บันทึกเสียงของคุณไว้แล้วหลังจากนั้นเราจะทำการสร้างเสียงของคุณออกมาและสร้างใหม่เป็นไฟล์เสียงที่คุณยอมรับสารภาพออกมาทั้งหมด ถ้ากู๋ดิงชานได้ยินไฟล์เสียงนี้จะเป็นยังไงกันนะ? “
“ไอ้….!” แดลนี่ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธแต่ยังไม่ทันจะพูดได้จนจบก็ต้องหยุดไปซะก่อนด้วยความเจ็บจากบาดแผล
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “นี่…ผมรู้ว่าคุณไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไปหรือไม่ ผมรู้ว่ามันไม่สำคัญกับคุณแต่ผมคิดว่ามันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญกับชีวิตคุณบ้างใช่มั้ย? คุณมีลูกหรือป่าว? “
การแสดงออกของแดลนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่ได้พูดตอบอะไรออกมา
การเปลี่ยนแปลงนี้เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นได้เพียงคนเดียว ตาซ้ายของเขากระตุกเล็กน้อยแล้วก็มองไปที่การเต้นของหัวใจของแดลนี่จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็พูดอย่างเรียบง่ายขึ้นว่า “คุณมีผู้หญิงที่คุณรักอยู่แล้วใช่มั้ย? และพวกคุณก็มีลูกที่น่ารักด้วยกัน”
“ไม่” แดลนี่ตอบอย่างเรียบง่าย
เซี่ยเหล่ยยิ้มจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อืม…ถ้าอย่างนั้นก็ดีเพราะถ้าเขารู้ว่าคุณทรยศกับเขาแล้วล่ะก็ด้วยนิสัยของกู๋ดิงชานจะต้องไม่อยู่เฉยแน่ เขาจะต้องทำอะไรซักอย่างกับครอบครัวคุณ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วตอนนี้คุณพักผ่อนเถอะ “
แดลนี่ไม่ได้สนใจคำพูดของเซี่ยเหล่ยซักเท่าไหร่จากนั้นเขาก็หลับตาลง
เซี่ยเหล่ยที่เห็นดังนั้นก็หันไปมองหลงบิงจากนั้นทั้งคู่ก็พากันออกไป
เมื่อเดินออกมาไกลพอสมควรเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “เขาจะต้องมีภรรยาแล้ว และอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วด้วย”
หลงบิงทำท่าแปลกใจและพูดขึ้นว่า “คุณรู้ได้อย่างไร?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ตอนที่ผมถามคำถามกับเขาท่าทางเขาดูสงบนิ่งอย่างมาก แต่ดวงตาของเขาก็ได้แสดงพิรุธออกมานั่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกหกอยู่“
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่ได้สังเกตไปที่ดวงตาของแดลนี่แต่อย่างใด แต่เขามองเข้าไปที่การเต้นของหัวใจของแดลนี่เพราะการแสดงออกภายนอกสามารถที่จะแกล้งแสดงออกมาได้ แต่การเต้นของหัวใจของคนโดยปกติไม่สามารถบังคับได้ หากว่าตอนนี้กำลังรู้สึกกังวลใจอยู่นั้นจังหวะการเต้นของหัวใจจะเริ่มถี่ขึ้นและผิดปกติในที่สุด ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงรู้ได้ว่าเขาจะต้องโกหก
อย่างไรก็ตามเรื่องที่จริงๆแล้วเซี่ยเหล่ยจับพิรุธได้จากการเต้นของหัวใจนั้น เขาไม่มีทางที่จะบอกหลงบิงอย่างแน่นอน
หลงบิงขมวดคิ้วจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เราแทบจะไม่มีข้อมูลของเขาที่แน่ชัดดังนั้นนี่จะเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะค้นหาผู้หญิงคนนั้นและลูกของเขา “
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “หากเราไม่สามารถหาได้ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะหาไม่ได้ ถ้าเราทำให้เขารู้สึกกลัวได้ล่ะก็ต่อไปในอนาคตเขาก็อาจจะมาเป็นพยานให้กับเรา “
หลงบิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหมายถึงตระกูลกู๋งั้นเหรอที่จะทำให้เขากลัว?”
“อืม…และด้วยไฟล์เสียงที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนี้เมื่อกู๋ดิงชานรู้เข้าก็จะต้องสงสัยว่าแดลนี่ทรยศเขาหรือไม่ ด้วยนิสัยของกู๋ดิงชานแล้วล่ะก็เขาจะต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้แน่ แน่นอนว่าถ้าเขาเชื่อไฟล์เสียงนี้เขาจะต้องไม่ปล่อยแดลนี่เอาไว้ นั่นอาจจะทำให้กู๋ดิงชานใช้ครอบครัวของแดลนี่เป็นตัวประกัน !” เซี่ยเหล่ยพูด
“อืม…แต่ถ้าแดลนี่ไม่มีภรรยาหรือลูกหล่ะ?” หลงบิงพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันกำลังทำการใหญ่และถ้าฉันต้องเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของตระกูลกู๋ต่อไปละก็……ถึงแม้ว่าผู้บริหารฉือจะไม่ถามฉันถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นแต่คนอื่นๆจะต้องเป็นปัญหากับฉันแน่ๆ คุณเข้าใจมั้ยว่าฉันหมายความว่ายังไง?”
เซี่ยเหล่ยเข้าใจในสิ่งที่หลงบิงพูดทันที
จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “อืม…งั้นผมจะไปด้วยตัวเอง”
หลงบิงตอบกลับไปว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นรีบติดต่อฉันทันทีอย่างไรก็ตามคุณจะต้องจำไว้ว่าจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเพราะเมื่อถึงพรุ่งนี้ตระกูลกู๋จะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนและฉันก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากเพราะถ้าความสำคัญของแดลนี่มีไม่มากพอ แผนของเราก็จะไม่มีประสิทธิภาพ “
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยว่าแต่นอกจากบริษัทนอส์ซแล้ว กู๋ดิงชานอยู่ที่ไหนอีกบ้าง?”
หลงบิงตอบกลับไปว่า “เขามีที่อยู่มากมายภายใต้ชื่อของเขาและมีอาคารอยู่หลายแห่งในย่านใจกลางเมืองแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ชอบที่จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองอืม…เขาก็มีคฤหาสอยู่ในย่านชานเมืองฉี๋หู่ ฉันคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่นั่นนะ”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นจากนั้นก็เดินไป
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินออกไปไม่นานหลงบิงก็พูดขึ้นจากด้านหลังไปว่า “จำไว้ว่าอย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด “
เซี่ยเหล่ยหันมายิ้มแล้วก็พูดว่า “คุณกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมงั้นเหรอ?”
หลงบิงพูดอย่างไม่แยแสไปว่า “สามนักฆ่าได้ถูกจัดการด้วยมือของคุณแล้ว ดังนั้นฉันต้องเป็นห่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณอีกงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นและหันกลับไปพร้อมเดินต่อ
หลงบิงมองด้านหลังของเซี่ยเหล่ยจนเซี่ยเหล่ยเดินหายไป เธอก็พูดขึ้นในใจว่า ‘หลังจากจบเรื่องแล้วฉันก็ต้องคุยกับเขาเป็นการใหญ่จากผู้ชายคนหนึ่งที่มาจากไซต์ก่อสร้างธรรมดาๆแต่ตอนนี้กลับสามารถจัดการกับสามนักฆ่าได้อย่างง่ายดายนี่เป็นเรื่องปกติงั้นเหรอ?’
ติดตามตอนต่อไป………….