Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 271
TXV – 271 ค่ำคืนหฤโหด !
การหายตัวไปของซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยเป็นเรื่องแปลกสำหรับกู๋ดิงชานและกู๋เค่อหวู่แต่เพราะกู๋เค่อหวู่ไม่รู้ว่าซ่างชิงซินอยู่ที่ไหนนี่จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ทั้งสองคนสงสัยเซี่ยเหล่ยโดยอัตโนมัติ กู๋เค่อหวู่จึงรีบตรงไปยังโรงงานทางกองทัพของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าในทันที
ในป่าภูเขาหลังโรงงาน เซี่ยเหล่ยพยายามปีนขึ้นไปแต่เพราะทั้งแบกทั้งหิ้วซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยอยู่น้ำหนักที่มากกว่า 50 กิโลกรัมก็ยิ่งทำให้การปีนเขายากขึ้นไปอีกแม้แต่การเดินบนพื้นราบก็ยังยากอยู่ดี
“ให้ฉันช่วยอุ้มเด็กคนนั้นเถอะ” อเลน่าเดินเข้าไปขวางเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยส่งตัวซ่างเหยี่ยเหยี่ยให้อเลน่าต่อแต่เมื่อสายตาเขาไปหยุดอยู่ที่เธอ เซี่ยเหล่ยก็ต้องตกใจที่เห็นชั้นในลูกไม้สีดำซึ่งถูกพุ่มไม้เกี่ยวจนขาด มันเปิดเผยอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเปิดเสียแล้ว
เมื่ออเลน่ารู้สึกตัวแล้วว่าเซี่ยเหล่ยมองส่วนไหนของเธออยู่ เธอก็รีบพูดขึ้นด้วยความอายทันที “คุณบอกฉันเองนี่ ว่าไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามา” จบประโยคอเลน่าก็รีบปิดขาตัวเองทันที
ท่าทางเธอตอนนี้ดูอายมากๆ แต่เธอก็ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน
เซี่ยเหล่ยยกยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไรหรอก ไปกันต่อเถอะ”
อเลน่าปีนขึ้นเขาตามเซี่ยเหล่ยไปเท้าเธอใส่แค่สลิปเปอร์นั่นยิ่งทำให้การปีนเขายากลำบากกว่าเดิมในป่าเองก็มีพุ่มไม้เยอะ ชั้นในลูกไม้ของเธอก็ยิ่งโดนเกี่ยวมากขึ้น เผยให้เห็นผิวด้านในมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวนุ่มขาวมีเลือดไหลซึมออกมาตามรอยข่วนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เลือดที่ไหลออกมาทำให้อเลน่าดูเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยเหล่ยเองก็อาการไม่ดีเช่นกัน การแบกร่างผู้ใหญ่เดินขึ้นเขามันเหนื่อยยิ่งกว่าฝึกศิลปะการต่อสู้เสียอีก
หลังจากเดินขึ้นมาได้กว่าสิบเมตร เซี่ยเหล่ยก็หันหลังกลับไปมองโรงงานทางกองทัพก่อนจะหยุดลง “อเลน่า คุณอยู่ตรงนี้คอยดูแม่ลูกคู่นี้ก่อนนะ ผมจะลงไปดูข้างล่างหน่อย”
“คุณจะลงไปข้างล่างเหรอ? ไม่ ไม่ ฉันจะไปกับคุณด้วย” อเลน่าเริ่มกังวลตราบใดที่มีเซี่ยเหล่ยอยู่ข้างๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแต่ถ้าเซี่ยเหล่ยไปเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับป่าภูเขามืดๆคนเดียว เมื่อคิดได้แบบนั้นอเลน่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
เซี่ยเหล่ยวางตัวซ่างชิงซินลงบนพื้นจากนั้นก็ถอดเสื้อโค้ทของเขาใส่ให้อเลน่า “ไม่ต้องกังวลนะ ผมจะไปแค่ครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมมา”
“งั้นคุณ……รีบๆเลยนะ” อเลน่าพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
เซี่ยเหล่ยยื่นมือไปจัดเสื้อโค้ทบนตัวอเลน่า “เห็นก้นแล้วนะ”
อเลน่าทำเสียงฮึดฮัดด้วยความอาย ก้มหน้าลงพลางปิดสะโพกตัวเอง เธอรู้ว่าเซี่ยเหล่ยอยากให้เธอผ่อนคลาย แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้เขาเห็นมุมน่าอายของตัวเองแบบนี้เลยสักนิด
เซี่ยเหล่ยเดินกลับไปทางเดิม และค่อยๆเข้าใกล้ไซต์ก่อสร้างช้าๆ……
ซึ่งที่ไซต์ก่อสร้างตอนนี้เต็มไปด้วยคนของกู๋เค่อหวู่ ข้าวของล้มระเนระนาดกระจัดกระจาย แต่คนที่พวกเขาต้องการเจอกลับไม่อยู่ที่นี่ เซี่ยเหล่ยมักจะนำหน้าเขา 1 ก้าวเสมอ ซึ่งนั่นทำให้กู๋เค่อหวู่รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าให้ได้
“เซี่ยเหล่ย! ออกมาเดี๋ยวนี้!” ด้านหน้าตึกกู๋เค่อหวู่ตะโกนออกมาเสียงดังดังจนแม้แต่คนที่อยู่ไกลออกไปก็อาจจะได้ยิน
เซี่ยเหล่ยนิ่งไม่ขยับแต่ค่อยๆยื่นโทรศัพท์ออกไปริมต้นไม้ที่เขาหลบอยู่ถ่ายรูปกู๋เค่อหวู่และคนของเขาใกล้ๆเขตโรงงานยังพอมีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ เซี่ยเหล่ยจึงส่งรูปที่ถ่ายให้หลงบิง
บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินมายืนข้างๆกู๋เค่อหวู่ก่อนจะเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นายน้อย เราค้นหาทั้งไซต์ก่อสร้างแล้วแต่ไม่เจอเด็กคนนั้นครับไม่เจอสองแม่ลูกคู่นั้นด้วย ให้เราทำยังไงต่อครับ?”
“ไร้ประโยชน์! พวกแกมันไร้ประโยชน์!” กู๋เค่อหวู่ตบหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นทันที สถานการณ์ที่แย่กว่าเดิมทำเขาแทบคุมสติไว้ไม่อยู่
บอดี้การ์ดคนนั้นได้แต่เหลือบมองกู๋เค่อหวู่ ไม่กล้าส่งเสียงร้อง ไม่กล้าแม้แต่จะให้เขาเห็นแววตาไม่พอใจของตัวเอง
“จะยืนนิ่งอยู่ทำไม? ไปหาที่ภูเขาสิ!” กู๋เค่อหวู่ขึ้นเสียง
“หาที่ภูเขา? แต่ที่ภูเขามันไม่ใช่แคบๆเลยนะครับ……” บอดี้การ์ดคนเดิมกล่าวอย่างกังวล “นายน้อยครับ เรา……”
“หุบปาก! ไปหาตัวมันมาให้ผม!” กู๋เค่อหวู่เดินนำหน้าคนอื่นๆไปยังภูเขา
แม้ว่าเขาจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แต่กู๋เค่อหวู่ก็ไม่ได้โง่ รถของเซี่ยเหล่ยยังคงอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างผ้านวมในตึกก็ยังมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงอยู่ถ้าเขาไม่ได้ไปซ่อนในภูเขางั้นเขาก็คงบินได้แล้วล่ะ
บอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่เดินตามกู๋เค่อหวู่ไปยังภูเขา ไม่มีใครอยากทำตามคำสั่งนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านกู๋เค่อหวู่เช่นกัน อารมณ์เขาเหมือนภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นและพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เซี่ยเหล่ยมองโทรศัพท์ตัวเอง ตอนนี้มีข้อความเข้ามาแล้ว
ข้อความสั้นๆนั้นมาจากหลงบิงเนื้อหามีแค่คำสองคำเท่านั้นนั่นคือ ‘ซ่อนตัว’
เป็นข้อความสั้นๆที่บอกเซี่ยเหล่ยได้ดีว่าคืนนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขา เรื่องนี้อาจจะรับได้ยากสักหน่อยแต่เซี่ยเหล่ยก็เข้าใจได้หลังจากนั้นไม่นาน ตอนนี้หลงบิงกำลังวุ่นอยู่กับการส่งตัวแดลนี่ไปที่อื่น เธอเลยไม่มีเวลามาช่วยเขาฝ่ายพันธมิตรของกู๋ดิงชานก็มีไม่น้อยและพวกเขาคงต้องจับตามองหน่วยงานลับ 101 อยู่แน่ๆ ถ้าสำนักงานลับ 101 ส่งคนมาช่วยนั่นอาจจะส่งผลถึงหลงบิงได้
“ช่างเถอะ ถึงหน่วยงานลับ 101 จะส่งคนมายังไงก็คงไม่มีการปะทะกันอยู่แล้ว อาจจะมาแค่พูดตบหน้ากันนิดหน่อยแต่การแหวกหญ้าให้งูตื่นคงไม่ดีแน่ คืนนี้เราจะเล่นกับกู๋เค่อหวู่ในภูเขาเอง” สุดท้ายเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจได้จากนั้นเขาก็ออกจากที่ซ่อน รีบตรงกลับไปหาอเลน่าทันที
อเลน่าที่นั่งหลบอยู่หลังต้นไม้ได้ยินเสียงฝีเท้าแต่มองไม่เห็นใครจึงรีบพูดขึ้นอย่างวิตก “ใครน่ะ?”
เป็นเสียงเซี่ยเหล่ยตอบกลับมา “ผมเอง”
อเลน่าถอนหายใจด้วยความโล่งทันที เธอค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อน
เซี่ยเหล่ยนั่งลงเพื่อแบกร่างซ่างชิงซินขึ้นขี่หลังพลางพูดกับอเลน่า “อุ้มเด็กมา เราต้องออกไปจากที่นี่แล้ว”
“ต้องขึ้นเขาอีกมั้ย?” อเลน่าถามเพราะเธอเหนื่อยจนขาล้าไปหมด
เซี่ยเหล่ยตอบ “พวกเขาเริ่มหาที่ภูเขากันแล้ว เราคงต้องซ่อนตัวบนเขานี่จนกว่าจะเช้า”
“ดีเลย ถ้ามีคุณอยู่ด้วยฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” อเลน่าอุ้มซ่างเหยี่ยเหยี่ยที่หลับอยู่ขึ้นมาแล้วตามหลังเซี่ยเหล่ยเดินไต่เขาขึ้นไปต่อ
ที่ตีนเขามีแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่องสว่างวูบวาบไปมา กู๋เค่อหวู่นำกำลังคนกว่า 50 คนค้นหาที่ภูเขา
ไม่นานนักบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็พบอะไรบางอย่าง เขาหยิบเศษผ้าลูกไม้สีดำที่ติดอยู่ตรงพุ่มไม้ขึ้นมา “นายน้อยครับ คุณพูดถูก เด็กนั่นกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ! นี่เป็นเศษผ้าจากชั้นในผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ!”
กู๋เค่อหวู่รีบเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วคว้าเศษผ้าไปดม “กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงชัดๆ หาตัวมันมาให้ได้ เราต้องเจอเด็กนั่นให้ได้!”
คนกลุ่มใหญ่เริ่มค้นหากันต่อ
ไม่นานนัก พวกเขาก็พบร่องรอยอีกเป็นเศษผ้ารอยเท้าที่เห็นได้ชัดกิ่งไม้หัก และอื่นๆ เซี่ยเหล่ยเลี่ยงการสร้างร่องรอยเหล่านี้ไม่ได้เลยเพราะเขาต้องปีนเขาไปพร้อมกับการแบกซ่างชิงซินไปด้วย น้ำหนักของคนสองคนรวมกันย่อมทิ้งรอยเท้าเอาไว้อยู่แล้ว
และการพบรอยเหล่านี้ยิ่งทำให้กู๋เค่อหวู่ตื่นเต้นดูเหมือนว่าเขาเริ่มมีหวังในการไล่ตามเซี่ยเหล่ยมากขึ้นแล้ว
“ถ้าจับเขาได้เมื่อไหร่ ผมจะฆ่าเขาทันที!” นี่เป็นโอกาสดีสำหรับกู๋เค่อหวู่ เขาไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาที่จะตามมาหลังจากฆ่าเซี่ยเหล่ยเลย เขาบอกคนอื่นได้ว่าเซี่ยเหล่ยหัวใจวาายหรือตกหน้าผาตายก็ได้เพราะตอนนี้เขามีคนกลุ่มใหญ่พร้อมเป็นพยานให้ แล้วใครจะจับเขาได้ล่ะ?
ความคิดเรื่องการฆ่าเซี่ยเหล่ยเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้กู๋เค่อหวู่เดินขึ้นเขาเร็วขึ้นอีก……
ภายในป่า เซี่ยเหล่ยกำลังเหนื่อยล้าเต็มทีเมื่อเขาเดินไต่เขามาได้ครึ่งทาง เซี่ยเหล่ยก็เหนื่อยจนไปต่อไม่ไหวหลังจากวางตัวซ่างชิงซินลง เซี่ยเหล่ยก็นั่งลงบนพื้นบ้าง ฝ่ายอเลน่าก็ไม่ดีนัก เธอนั่งลงพักด้วย ผ้าลูกไม้ก็โดนข่วนจนดูไม่ได้ทั้งมีรูแหว่งจนแทบจะดูไม่เป็นชั้นในอย่างที่มันควรเป็นถึงเซี่ยเหล่ยจะยกเสื้อโค้ทให้เธอปกปิดร่างกายแล้วแต่เมื่อเธอนั่งลง จุดใต้ร่มผ้าที่ควรปิดก็ปรากฏแก่สายตาเซี่ยเหล่ยอยู่ดี
ในสถานการณ์น่ากลัวแบบนี้ เซี่ยเหล่ยยังต้องมาอดทนกับอะไรแบบนี้อีก เขารู้สึกแย่จริงๆ
แสงจากไฟฉายที่ตีนเขายังคงส่องวูบวาบไปมาระยะห่างเองก็ลดลงมากแล้วด้วย
“เวรเอ๊ย ! ผมไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะตามรอยเรามา” เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วแน่น “เราแบกคนมาด้วยตั้ง 2 คน คงจะสลัดพวกเขาให้หลุดยากแล้วล่ะ”
อเลน่าถอนหายใจ “ฉันเห็นพวกมันมาหลายคน พวกเขาคงไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกมั้ง? บางทีเราคงไม่จำเป็นต้องหนีขนาดนี้ก็ได้ เราคงพอคุยก็พวกเขาได้อยู่นะ”
เซี่ยเหล่ยแค่นยิ้ม “คุณไร้เดียงสาเกินไป ลืมแล้วเหรอว่าคุณเป็นอะไรสำหรับคนเยอรมัน? พวกเขาก็คงทำงานในรัฐบาลเยอรมันนีด้วยเหมือนกัน”
อเลน่าเงียบลงพลางนึกถึงเอเจนต์เยอรมันสองคนเพื่อนร่วมชาติของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเหล่ย ตอนนี้เธอคงไม่ได้มาสูดอากาศอยู่ที่นี่หรอกแต่คงจะถูกสอบปากคำและถูกทรมานในค่ายกักกันไปแล้ว
จะประเทศใดก็ล้วนแล้วแต่ถูกคนสร้างขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะความเชื่อต่างๆ หรือต่อให้เป็นประเทศที่เจริญขนาดไหน การมีคนเลวอยู่ร่วมประเทศด้วยก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กลุ่มคนหลายสิบคนไล่ตามอเลน่าและเซี่ยเหล่ยตอนนี้ พวกเขาล้วนเป็นคนดี เป็นลูกที่ดีของครอบครัวทั้งนั้นแต่คนที่ออกคำสั่งพวกเขาต่างหากที่ไม่ใช่คนดี
“ไปกันเถอะ เราพักต่อไม่ได้แล้ว” เซี่ยเหล่ยพยายามเดินต่อแม้ว่าจะเหนื่อยมากก็ตามเขายังคงแบกซ่างชิงซินไปต่อจัดท่าเธอให้ขี่หลังเขาอย่างเดิม
อเลน่ากล่าว “ทำไมคุณไม่ปลุกเธอล่ะ? คุณจะได้เหนื่อยน้อยลงด้วย”
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้า “ปลุกเธอไม่ได้หรอกถ้าเธอเห็นคนเหล่านั้น เธอคงคิดว่าเราเป็นคนไม่ดีแน่ๆ ส่วนคนพวกนั้นก็จะกลายเป็นคนที่มาช่วยเธอทันที เธอคงขอความช่วยเหลือจากพวกเขาแทน ถ้าเป็นแบบนั้นเราต้องแย่กว่าเดิมแน่ๆ”
“แต่……” อเลน่าจะพูดต่อแต่ก็ลังเลสีหน้าเธอดูเต็มไปด้วยความกังวล
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “เราจะไม่ถูกจับเชื่อผมสิตามผมมา เราจะเดินบนดินแข็งๆ จะได้ไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ พวกนั้นจะได้ใช้เวลาเลือกเส้นทางนานขึ้นอีก”
อเลน่าพยักหน้าก่อนจะอุ้มซ่างเหยี่ยเหยี่ยขึ้นมา
การที่เด็กหลับแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีและจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
เซี่ยเหล่ยเดินนำอเลน่าไปยังป่าส่วนที่มีต้นไม้ประปรายบนทางเดินมีหินปนอยู่มากมาย คืนนี้ช่างเป็นคืนที่ยาวนานและยากลำบากเหลือเกินแต่ตราบใดที่มีเซี่ยเหล่ยอยู่ด้วย เขาจะต้องนำทางไปสู่แสงสว่างได้อย่างแน่นอน
ติดตามตอนต่อไป……….