Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 273
TXV – 273 ใครเหนือกว่า !
เซี่ยเหล่ยเปิดห้องห้องหนึ่งของโรงแรม เขาคิดจะใช้ที่นี่เป็นที่ซ่อนตัวชั่วคราวจากนั้นเขาก็นำอเลน่า ซ่างชิงซิน พร้อมกับลูกสาวของเธอเข้าไปข้างในห้อง
อเลน่า ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยได้เข้ามาในห้องแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ได้พาสองแม่ลูกคู่นี้ไปนอนที่เตียงด้านอเลน่าเลือกที่จะไปนั่งอยู่ที่โซฟาส่วนเซี่ยเหล่ยก็เดินไปที่หน้าต่างเพื่อที่จะคอยสังเกตการณ์เหตุการณ์ภายนอกโรงแรมและมันก็เห็นผลทันที เพราะตอนนี้เขาเห็นบอดี้การ์ดของกู๋เค่อหวู่เดินมาตามทางและพยายามที่จะพูดถามกับคนที่อยู่ใกล้ๆทุกคน เซี่ยเหล่ยได้อ่านปากของสองบอดี้การ์ดนั้นพวกเขาพูดในทำนองที่ถามถึงลักษณะของซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ย
บอดี้การ์ดสองคนนั้นถามผู้คนที่เดินผ่านไปไม่กี่คนหลังจากนั้นพวกเขาก็หันหน้ามาที่โรงแรมแห่งนี้ทันที
เซี่ยเหล่ยรู้สึกกังวลใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนนั้นเดินเข้ามาทางโรงแรม ถ้าทั้งสองเข้ามาถึงที่โรงและมาถามเจ้าของโรงแรมเกี่ยวกับหน้าตาหรือลักษณะรูปร่างของซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ย กู๋เค่อหวู่จะต้องรู้แน่นอนว่าสองแม่ลูกนั้นอยู่ที่นี่
“คุณอยู่ที่นี่ แล้วอย่าเปิดประตูให้ใครที่ไม่ใช่ผมเข้ามาได้” จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นกับอเลน่า
“คุณจะไปไหน?” อเลน่าพูดขึ้นอย่างกังวล
“ผมจะไปจัดการกับบอดี้การ์ดสองคนที่ตามเรามาส่วนคุณก็ดูแลสองแม่ลูกอยู่ที่นี่ ” เซี่ยเหล่ยไม่ได้อธิบายรายละเอียดมากจากนั้นเขาก็รีบปีนหน้าต่างออกไปข้างนอก
เซี่ยเหล่ยกระโดดจากชั้นสองลงถึงพื้นจากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าซอยเล็กๆที่อยู่ด้านข้างของโรงแรมในเวลานี้บอดี้การ์ดของกู๋เค่อหวู่ได้เดินมาถึงทางเข้าของหน้าโรงแรมแล้วแต่ยังอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนในตอนแรกเซี่ยเหล่ยไม่ได้เลือกที่จะเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนนั้นแล้วจัดการพวกเขาซะ แต่เขาได้เดินเข้าซอยก่อนเพื่อคิดหาวิธี และเมื่อได้วิธีแล้วเขาก็เดินทำตัวปกติออกมาจากซอยและเดินตรงไปยังร้านอาหารใกล้ๆกับโรงแรม
ไม่นานบอดี้การ์ดสองคนนั้นก็หันมาเห็นเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินจะไปร้านอาหาร ทั้งสองคนประหลาดใจอย่างมากที่มาพบกับเขาในสถานที่นี้และในเวลานี้
“นายน้อยหวู่!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นผ่านเครื่องมือสื่อสารและพูดต่อว่า “ที่ เมืองป๋ายลู่ เราพบเซี่ยเหล่ยอยู่ที่นี่! “
ด้วยความตื่นเต้นทำให้น้ำเสียงของบอดี้การ์ดในตอนพูดนั้นสั่นมากนั่นรวมไปถึงมือของเขาด้วย
กุ๋เค่อหวู่ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “อย่าให้เขารู้ตัว ผมจะรีบไปทันที!”
“เข้าใจแล้ว” บอดี้การ์ดพูดขึ้นผ่านเครื่องมือสื่อสารแล้วพยายามแอบตามหลังของเซี่ยเหล่ยไปโดยที่หารู้ไม่ว่าเซี่ยเหล่ยรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าร้านอาหารไป จากนั้นก็สั่งชานมถั่วเหลืองและเกี๊ยวซ่าสองจาน และเมื่อพนักงานเดินนำมาเสริฟ เซี่ยเหล่ยก็รับอาหารมาและกินอาหารทั้งหมดเนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการหลบหนีก่อนหน้านี้
บอดี้การ์ดทั้งสองคนของกู๋เค่อหวู่ในตอนนี้ พวกเขาได้เดินไปซื้อบุหรี่ที่ร้านเล็กๆซึ่งร้านมันอยู่ตรงกันข้ามกับร้านอาหารที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปกิน
เซี่ยเหล่ยแกล้งทำเป็นไม่เห็นพวกเขาและยังคงกินอาหารของเขาต่อไป
ไม่นานกู๋เค่อหวู่และบรรดาบอดี้การ์ดของเขาก็มาถึง พวกเขาได้เดินเข้าไปในร้านและล้อมรอบโต๊ะของเซี่ยเหล่ยในทันที
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็หันไปหากู๋เค่อหวู่ จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ยืนขึ้นและยิ้มให้ก่อนพูดขึ้นว่า “โอ้…ลมอะไรหอบคนระดับคุณมาในสถานที่ที่ห่างไกลแห่งนี้ได้ ว่าแต่ไหนๆคุณก็มาถึงที่นี่แล้วงั้นก็มากินด้วยกันเลยดีกว่า!” จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็เรียกเจ้าของร้านมาเพื่อที่จะสั่งอาหารเพิ่ม
เจ้าของร้านอาหารได้เดินมาเพื่อรอที่จะรับออเดอร์อาหาร
“เฮ้…แล้วคนอื่นๆหล่ะจะกินอะไรกัน?” เซี่ยเหล่ยมองไปรอบๆและพูดขึ้น
“อย่ามาเฉไฉ! เซี่ยเหล่ย…สองแม่ลูกคู่นั้นหล่ะ? “กู๋เค่อพูดพูดอย่างเย็นชาพร้อมจ้องไปที่เซี่ยเหล่ย
“คุณหมายถึงใครกัน?” เซี่ยเหล่ยเองก็จ้องกลับไปที่กู๋เค่อหวู่พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบง่ายว่า “พวกเขาเป็นใครกันหล่ะ?”
จู่ๆกู๋เค่อหวู่ก็ได้เอาฝ่ามือตบไปที่โต๊ะนั่นทำให้ชามเกี๊ยวของเซี่ยเหล่ยหล่นลงพื้นจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “อย่ามาเล่นลิ้น! ซ่างชิงซินและลูกของเธออยู่ที่ไหน! “
“ซ่างชิงซิน? ลูกของเธอ? “เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับยิ้มจากนั้นก็พูดต่อว่า” ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงใครกัน ผมมาที่นี่เพื่อที่จะกินอาหารแต่คุณได้ทำมันตกพื้นไปแล้วในตอนนี้ คุณต้องชดใช้ค่าอาหารให้ผม “
กู๋เค่อหวู่ได้ยกมือขึ้นเพื่อที่จะตบหน้าของเซี่ยเหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นจับมือของกู๋เค่อหวู่เพื่อหยุดเขาไว้ จากนั้นก็กดมือเขาลงไปไว้บนโต๊ะ
จากการกระทำนี้ทำให้บรรดาลูกน้องของกู๋เค่อหวู่ยกปืนขึ้นมาอัตโนมัติโดยมีเป้าหมายไปที่เซี่ยเหล่ยนั่นทำให้ตอนนี้บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างที่จะตึงเครียด
เมื่อมีปืนหลายกระบอกเล็งมาที่ตัวของเซี่ยเหล่ย เขาเองก็ได้ปล่อยมือของกู๋เค่อหวู่และค่อยๆยกมือขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่มันอะไรกัน? ผมเป็นคนร้ายอย่างนั้นเหรอ? ทำไมพวกคุณถึงชี้ปืนมาที่ผมกันหล่ะ?”
เมื่อสิ้นเสียงของเซี่ยเหล่ย กู๋เค่อหวู่ก็ยกมือขึ้นและตบไปที่หน้าของเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
เสียงตบนั้นดังชัดเจนมากและการตบครั้งนี้ก็รุนแรงเช่นกัน มันแรงจนทำให้หน้าของเซี่ยเหล่ยมีรอยแดงเป็นรอยนิ้วมือ
เมื่อตบหน้าเซี่ยเหล่ยเสร็จกู๋เค่อหวู่ก็ได้คว้าคอเสื้อของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ผมคิดว่าตอนนี้คุณคงจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้นดังนั้นบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าสองแม่ลูกนั้นอยู่ที่ไหน! “
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างใจเย็นและเรียบง่ายว่า “ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณกำลังหมายถึงใคร เพราะผมเพิ่งจะเคยได้ยินคนชื่อซ่างชิงซินเป็นครั้งแรกว่าแต่ซ่างชิงซินนี้เป็นใครกันหล่ะ?”
ตอนนี้กู๋เค่อหวู่คลายมือที่จับคอเสื้อของเซี่ยเหล่ยอยู่จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาไปว่า “นี่คงเป็นอาหารมือสุดท้ายที่คุณจะได้กิน ผมคงเสียใจเป็นอย่างมากที่ทำให้คุณไม่ได้กินมันจนหมด”
‘นี่เป็นคำเตือน’ เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
บอดี้การ์ดของกู๋เค่อหวู่ในตอนนี้ได้เตรียมกุญแจมือขึ้นมาและพร้อมที่จะนำไปใส่ให้กับเซี่ยเหล่ยในทันทีที่มีคำสั่ง
คำเตือนของกู๋เค่อหวู่นั้นเห็นได้ชัดว่ามันรุนแรงมากเพราะมันหมายถึงชีวิตอย่างไม่มีข้อสงสัยแต่แน่นอนว่าเขาจะไม่ฆ่าใครต่อหน้าสาธารณะชนวิธีการที่เขาจะทำก็คือการจับตัวเซี่ยเหล่ยแล้วค่อยนำไปฆ่าที่อื่น
ในขณะนี้เองจู่ๆก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดบริเวณหน้าร้านอาหารและเมื่อประตูรถเปิดออกคนที่ลงมาจากรถคันนั้นก็คือหลงบิง เมื่อลงมาจากรถเสร็จเธอก็เดินเข้าร้านอาหารที่เซี่ยเหล่ยอยู่และได้ชูปืนขึ้นฟ้าก่อนที่จะยิงขึ้นหนึ่งนัด
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนใส่สูทราวๆ 10 คนลงจากรถและเดินเข้ามาที่ร้านอาหารเช่นเดียวกันไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นใครพวกเขาคือหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติที่เคยผ่านการรบในสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน
“วางปืนลงเดี๋ยวนี้!” หลงบิงตะโกนออกไปเสียงของเธอดังไปทั่วร้านอาหาร
เมื่อลูกน้องของกู๋เค่อหวู่เห็นหลงบิงและผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอเข้ามา ก็ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวในทันที เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เป็นทหารและไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาก่อน
ด้านหัวหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติได้คอยสังเกตปฏิกิริยาของกู๋เค่อหวู่อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เขาเข้ามาในร้านอาหาร
เมื่อเห็นว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติได้เข้ามาในร้านหน้าของกู๋เค่อหวู่ถอดสีในทันที
“ปัง” เสียงปืนของหลงบิงดังขึ้นอีกหนึ่งนัดจากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่ได้ยินที่พูดอย่างนั้นเหรอ? วางปืนลงเดี๋ยวนี้! “
เสียงปืนนัดที่สองนั้นทำให้ลูกน้องของกู๋เค่อหวู่นั้นเพิ่มความกลัวมากขึ้นแต่พวกเขาก็ยังวางปืนลงไม่ได้เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากกู๋เค่อหวู่
“จะไปกลัวอะไร?” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นและยังพูดต่อว่า “คนของเรามีมากกว่า!”
หลงบิงหัวเราะเยาะก่อนพูดขึ้นว่า “กู๋เค่อหวู่ ต่อให้คนของคุณมีปืนกันก็จริงแต่พวกเขากล้ายิงจริงๆงั้นเหรอ”
การพูดของหลงบิงทำให้กู๋เค่อหวู่ชะงักไปในทันที
หลงบิงเดินไปอยู่หน้ากู๋เค่อหวู่ก่อนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “กู๋เค่อหวู่…เอางี้มั้ย ลองให้คนของคุณสู้กับคนของฉันดู? “
การพูดของหลงบิงนั่นทำให้บนหน้าผากของกู๋เค่อหวู่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อออก แม้ว่าเขาจะมีคนมากกว่าแต่ก็เป็นแค่คนที่พอจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้ไม่ได้มีประสบการณ์ในการสู้รบจริงแบบคนของหลงบิง!
หลงบิงหันกลับไปพูดกับหัวหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติว่า “ทำไมคุณยังยืนอยู่ตรงนี้หล่ะ? ฉันจะให้โอกาสคุณไปจัดการพวกเขาให้เสร็จภายในหนึ่งนาที”
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะออกคำสั่งทันทีไปว่า “เชิญ พวกคุณออกไปข้างนอก!”
เจ้าหน้าที่หลายสิบคนได้ออกจากร้านไปในทันที
“เรากลับกันเถอะ!” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นอย่างยอมแพ้และต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่ายังไงก็ไม่มีทางจัดการกับหลงบิงได้
อย่างไรก็ตามในขณะนี้กู๋เค่อหวู่และบรรดาบอดี้การ์ดของเขายังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูทางออก ก็มีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกที่เพิ่งออกไปก่อนหน้านี้เล็งปืนไปที่พวกเขานี่เป็นแผนการของหลงบิงที่ได้เตรียมไว้โดยแกล้งทำทีว่าให้คนของเธอออกไปด้านนอกร้านเพื่อป้องกันการหลบหนีของกู๋เค่อหวู่
กู๋เค่อหวู่ก็หัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ” จะจับผมงั้นเหรอ? คุณจับผมไม่ได้หรอก! “
“เฮ้เฮ้ …… ” หลงบิงได้หัวเราะสองครั้งก่อนพูดขึ้นว่า “กู๋เค่อหวู่ ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณคิดว่าคุณเป็นเจ้าชายงั้นเหรอหรือคิดว่าตัวเองสามารถอยู่เหนือกฏหมายได้? “
“ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาคุยไร้สาระกับคุณ รีบบอกให้คนของคุณเปิดทางเดี๋ยวนี้!” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นอย่างหยิ่งยโส
นั่นทำให้หลงบิงตอบกลับอย่างเย็นชาไปว่า “อย่าคิดแม้แต่ที่จะหนี วางปืนลงเดี๋ยวนี้!”
คำพูดนั่นทำให้ลูกน้องของกู๋เค่อหวู่มองกลับมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียงและเริ่มแสดงท่าทางที่หวาดกลัวออกมา
“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใคร?! ” กู๋เค่อหวู่ในตอนนี้รู้สึกกลัวอย่างมากแต่เขาจำเป็นที่จะต้องพูดแบบนี้เพราะเขาไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ของเขาออกมาดูเหมือนคนที่กำลังสิ้นหวังหรือหวาดกลัว
“ปัง” เสียงปืนดังขึ้นเพราะหลงบิงได้ยิงออกไปยังที่บอดี้การ์ดของกู๋เค่อหวู่
บอดี้การ์ดที่ถูกยิงล้มลงไปที่พื้นในทันที…..
“คนของคุณมีปืนพร้อมแต่พวกเขาก็ไม่กล้ายิง ผิดกับฉันที่มีปืนและฉันกล้าที่จะยิงพวกคุณทุกเมื่อ” หลงบิงพูดอย่างยโส
บอดี้การ์ดของกู๋เค่อหวู่ไม่ลังเลที่จะวางปืนลงบนพื้นทันทีแม้จะยังไม่มีคำสั่งมาจากกู๋เค่อหวู่ก็ตามจากนั้นพวกเขาก็เอามือไปประสานกันและวางไว้บนหัว….
การนั่งคุกเข่าลงกับพื้นสำหรับพวกเขาแล้วคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้ว่าเงินที่ตระกูลกู๋ให้จะมากแค่ไหนก็ตามแต่มันก็ไม่คุ้มหากว่ามันจะต้องแลกมาด้วยชีวิต
ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่กู๋เค่อหวู่คนเดียวที่ยังไม่ได้ปลดอาวุธนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปด้านหลังของเขาและเตะไปที่ข้อเข่าจากด้านหลังนั่นทำให้กู๋เค่อหวู่เสียสมดุลและนั่งคุกเข่าลงทันที
จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ค้นหาปืนจากตัวเขาเมื่อพบปืนที่เหน็บอยู่ เขาก็โยนมันทิ้งไปที่พื้นทันที…..
กู๋เค่อหวู่มองกลับไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความโกรธแค้นเพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้เขายังเป็นคนที่ตบหน้าเซี่ยเหล่ยอยู่เลยแต่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป
“พ่อของผมจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!” กู๋เค่อหวู่พูดขู่ในทันที
“พ่อของคุณงั้นเหรอ?” หลงบิงหัวเราะเยาะเย้ยและพูดต่อว่า “สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรคุณไม่รู้งั้นเหรอแม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะปกป้องได้เลยมั้ย แล้วเขาจะมาปกป้องคุณได้ยังไง” เมื่อพูดจบเธอก็หยุดชั่วขณะและพูดต่อว่า “เอาตัวไป!
จนถึงตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมากจากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจกับหลงบิงไปว่า “คุณควรจะมาผมให้เร็วกว่านี้ คุณไม่ควรปล่อยให้ผมต้องเผชิญหน้ากับพวกมันด้วยตัวคนเดียว !”
หลงบิงไม่ได้สนใจคำพูดของเซี่ยเหล่ยเลย เธอตอบกลับอย่างไม่แยแสไปว่า “ฉันขอกินข้าวหน่อยก็แล้วกัน ฉันยังไม่ได้กินอะไรแต่เช้า”