Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 274
TXV – 274 อยากให้เป็นแค่ความฝัน !
ชีวิตคนเราก็เป็นเหมือนกับความฝัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นชีวิตนี้ไม่ใช่ความฝันมันคือความจริง
กว่า 30 ปีที่ผ่านมากู๋ดิงชานยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลโดยที่เริ่มต้นจากทีละเล็กทีละน้อยค่อยๆสะสมอิทธิพลจนในที่สุดก็สามารถที่จะจัดตั้งกลุ่มบริษัทนอส์ซขึ้นมาได้ มันเป็นอาณาจักรทางธุรกิจของเขาซึ่งมันเป็นประวัติศาสตร์ของตระกูลที่ทำธุรกิจมืดมาโดยตลอด ผิดกับประวัติศาสตร์ของตระกูลเฉินตูที่ทำธุรกิจอย่างขาวสะอาด
“หนังสือพิมพ์ของวันนี้ค่ะ” เลขานุการหญิงพูดขึ้น
กู๋ดิงชานที่กำลังถือแก้วไวน์อยู่ในมือตอบอย่างไม่แยแสไปว่า “วางไว้บนโต๊ะ”
“คุณกู๋คุณไม่ควรที่จะกินแอลกอฮอล์ในตอนเช้านะ” เลขานุการหญิงพูดเตือน
กู๋ดิงชานยิ้มแล้วตอบไปว่า “ผมรู้ คุณออกไปได้แล้ว”
เลขานุการหญิงในตอนนี้ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจพูดออกไปว่า “คุณกู๋หนังสือพิมพ์ของวันนี้….เอ่อ…… “
หน้าผากของกู๋ดิงชานย่นลงเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “หนังสือพิมพ์วันนี้มันทำไม?”
หญิงเลขานุการตอบไปว่า “คุณกู๋ต้องดูด้วยตัวเอง”
กู๋ดิงชานหยิบหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อว่า “National Daily” ขึ้นมาอ่านเขาดูไปที่พาดหัวข่าวมีทั้งข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง จนกระทั่งข่าวหนึ่งที่ทำให้เขาต้องสนใจเป็นอย่างมากนั่นคือเรื่องการพิพาทกันระหว่างชาวบ้านกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงสนใจเพราะมันคือบริษัทของเขานั่นเอง เนื้อหาของข่าวเล่าว่าบริษัทของกู๋ดิงชานได้ทำการซื้อเหมืองแร่จากรัฐบาลในราคาสิบล้านหยวนนั่นทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้นเพราะชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรื้อถอนที่เหมาะสม ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงเกิดการประท้วงชุมนุมขึ้นที่นั่นและจากเหตุการณ์นั้นทำให้ผู้นำประท้วงคนหนึ่งได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตโดย….
“บ้าเอ๊ยยย! ใครคือฮั่วยิ้งที่เป็นคนเขียนพาดหัวข่าวนี้? “กู่ดิงชานทนอ่านจนจบไม่ไหวก็ปาแก้วไวน์ในมือลงที่พื้นอย่างแรงด้วยความโกรธจากนั้นก็พูดต่อว่า “มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใครหรือว่ามึงไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว”
เลขานุการหญิงทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูด
เมื่อเห็นพาดหัวในฉบับนี้แล้ว เขาก็เลื่อนไปดูหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นจากนั้นเขาก็สะดุดตากับหนังสือพิมพ์รายหนึ่งที่ชื่อว่า “Finance Daily” เพราะพาดหัวของหนังสือพิมพ์รายนี้พาดว่า ‘ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกู่ดิงชาน’ มีความว่าเขาได้ละเมิดกฏหมายหลายอย่างแต่รอดพ้นไปได้ด้วยการติดสินบนด้วยจำนวนเงินมากถึงสามพันล้าน…..
กู๋ดิงชานได้ดูในฉบับอื่นๆ ก็มีพาดหัวข่าวทำนองที่ว่ากู่ดิงชานและบริษัทนอส์ซ มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดกฏหมายและติดสินบน
“เกิดอะไรขึ้น?” กู๋ดิงชานพูดขึ้นราวกับคนบ้าคลั่งและพูดซ้ำอีกครั้งว่า “มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…มันเกิดอะไรขึ้น!”
เลขาธิการหญิงไม่กล้ามองไปที่กู๋ดิงชานเลย เธอได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะเธอรู้สึกกลัวมากเวลาที่กู๋ดิงชานโกรธ
กู๋ดิงชานได้กวาดหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะทั้งหมดไปที่พื้นจากนั้นก็พูดเยาะเย้ยเหมือนกับคนขาดสติว่า “หึ…แค่นี้งั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ย มึงนี่มันไรเดียงสาเกินไปหรือป่าว? มึงคิดว่าข่าวพวกนี้มันจะสามารถทำลายชีวิตกูได้งั้นเหรอ? ฝันไปเหอะ! “
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด …… ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ทำงานบนโต๊ะดังขึ้น
กู๋ดิงชานกดรับโทรศัพท์จากนั้นก็พูดตะโกนขึ้นว่า “ใครวะ? มีอะไรก็พูดมา!”
เสียงจากโทรศัพท์ตอบกลับมาว่า “คุณกู๋ นี่ผมเอง”
กู๋ดิงชานชะงักไปชั่วขณะทันที ก่อนพูดอย่างสุภาพว่า “คุณชิว ผมต้องขออภัยที่ขึ้นเสียงด้วยพอดีเมื่อสักครู่นี้มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย”
“อืม…ผมเข้าใจที่ผมโทรมาก็เพื่อจะบอกว่าตอนนี้ลูกของคุณถูกจับแล้วดังนั้นคุณก็ควรที่จะซ่อนตัวก่อนในช่วงนี้”
กู๋ดิงชานไม่ได้พูดตอบอะไรออกไปตอนนี้ใบหน้าของเขาถอดสีทันทีพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนไม่ยอมรับความจริง
“ผมขอโทษครั้งนี้ผมไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ครั้งนี้คุณพลาดจริงๆ คุณไม่น่าส่งนักฆ่าไปฆ่าเซี่ยเหล่ยในตอนนั้นเลยเพราะตอนนี้แดลนี่ได้กลายเป็นพยานแล้ว “
“เป็นไปไม่ได้! แดลนี่ไม่มีทางทรยศผม! “กู๋ดิงชานพูดอย่างตื่นตระหนกและพูดต่อว่า “คุณชิว เรื่องนี้คุณต้องช่วยผมเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว! “
“หึ!” เสียงในลำคอออกมาพร้อมพูดขึ้นต่อว่า”กู๋ดิงชาน นี่คุณกำลังขู่ผมอยู่ใช่มั้ย?”
“ผม… ” กู๋ดิงชานพูดขึ้นแต่ก็หยุดชะงักไว้ก่อนเพราะความเป็นจริงเขาก็ต้องการที่จะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่มีความกล้ามากพอเพราะเขารู้ว่าถ้าพูดตรงๆออกไปจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“กู๋ดิงชาน ถ้าผมไม่เต็มใจที่จะช่วยคุณ ผมจะโทรมาบอกคุณมั้ย คุณเป็นคนที่ฉลาดคุณคงจะคิดได้ถึงเจตนาของผม ผมคิดว่าคุณควรที่จะออกนอกประเทศก่อนในเวลานี้ คุณควรหลบไปซ่อนก่อนซักพัก” เสียงของชิวพูดขึ้นผ่านโทรศัพท์
“แต่เค่อหวู่อยู่ในมือของพวกเขาถ้าผมไปแล้ว พวกเขาจะทำอะไรกับผม ?”กู๋ดิงชานพูดขึ้น
“สบายใจได้ ผมจะจัดการดูแลเขาเอง ” ชิวพูดขึ้น
“โอเค งั้นผมจะไปทันที” กู๋ดิงชานรีบตัดสินใจทันทีและรีบพูดขึ้นโดยทันที
“จำไว้ว่าอย่าบอกอะไรกับใครทั้งนั้น เดี๋ยวผมจะช่วยจัดการให้คุณเอง ” ชิวพูดขึ้น
“โอเค งั้นผมจะไปเตรียมตัวเลย” กู๋ดิงชานพูดเสร็จก็วางสาย
เลขานุการหญิงถาม “คุณกู๋จะออกไปข้างนอกงั้นเหรอ งั้นฉันจะไปเตรียมรถให้ “
กู๋ดิงชานว่า “ไม่จำเป็น…ตอนนี้คุณไปเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเข้ามาพบผมเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ ฉันจะไปทันที” เลขาฯหญิงพูดขึ้นและหันหน้าเดินออกไปจากห้อง
หลังจากที่เลขานุการหญิงเดินออกจากห้องไป กู๋ดิงชานก็ขาอ่อนแรงและเดินไปล้มตัวลงนั่งที่โซฟา เขาก่อตั้งที่นี่ขึ้นมาด้วยหยาดเหงื่อและค่อยๆสั่งสมอิทธิพลพร้อมกับชื่อเสียงให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้มันกลับป่นปี้เพราะข่าวจากหนังสือพิมพ์พวกนั้น!
เขาหวังให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงความฝันแต่มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันคือเรื่องจริง
“เซี่ยเหล่ยยยยยย!” กู๋ดิงชานได้โห่ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความเกลียดชัง
ในขณะเดียวกันที่เมืองเมืองป๋ายลู่
ตอนนี้ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยรู้สึกตัวแล้ว อเลน่าได้พาซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยออกจากโรงแรมเพื่อไปพบกับหลงบิง
แม้ว่าหลงบิงจะเห็นซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยเป็นครั้งแรกแต่เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่เป็นคนที่เธอกำลังตามหาหลังจากที่หลงบิงได้เห็นแม่ลูกคู่นั้นแล้ว เธอก็ได้หันไปหาอเลน่าก่อนที่หน้าผากจะย่นแล้วพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับกางเกงยีนส์ของเธอ?”
ที่หลงบิงถามขึ้นแบบนั้นก็เพราะว่ากางเกงยีนส์ที่อเลน่าใส่ในตอนนี้เป็นทรงกางเกงยีนส์ของผู้ชายทำให้รูปทรงไม่เข้ากันกับสรีระของผู้หญิงซึ่งดูแล้วมันตลกมากจริงๆ
เซี่ยเหล่ยพูดไปอย่างเขินอายว่า “ในช่วงเวลานั้นเราต้องรีบหนีออกมาจึงทำให้เธอไม่มีเวลามากพอที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ในตอนนี้ซ่างชิงซินที่กำลังอุ้มซ่างเหยี่ยเหยี่ยอยู่ก็เดินไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย เมื่อไหร่ฉันจะได้พบสามีของฉันหล่ะ? “
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ภายในเร็วๆนี้แหละ แต่ตอนนี้ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับหลงบิง เธอจะเป็นคนจัดการธุระให้คุณได้พบกับสามี”
“ฉันจะเป็นคนพาคุณไปพบกับสามีของคุณเอง” หลงบิงกล่าวจากนั้นทุกคนได้ขึ้นรถบิวริคที่จอดรออยู่ข้างทางอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปหลายนาทีรถบิวริคก็มาถึงสำนักงานตำรวจจากนั้นหลงบิงก็ลงมาจากรถพร้อมกับเซี่ยเหล่ยแต่เธอให้ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยรออยู่ในรถก่อน
เมื่อทั้งหลงบิงและเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปยังสำนักงานตำรวจก็เจอเข้ากับนายตำรวจสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เมื่อตำรวจทั้งสองคนนั้นเห็นหลงบิงและเซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้ามา พวกเขาทั้งคู่ก็ทักทายหลงบิงและเซี่ยเหล่ยด้วยรอยยิ้มจากนั้นทั้งหลงบิงและเซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าไปด้านในสำนักงานตำรวจ….
“แดลนี่อยากเจอซ่างชิงซินมั้ย?” เซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินอยู่หันหน้าไปถามหลงบิง
หลงบิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าเขาคงอยากจะเจอแต่เมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาดูจะไม่เชื่อ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เขาคงจะรู้สึกไม่คุ้นเคยและมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ เขาคิดว่าเราอาจจะกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ก็ได้และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้เขาระแวงแต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยอยู่กับเราแล้วที่นี่ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงอะไร”
หลงบิงพูดว่า “แต่ฉันก็ยังรู้สึกกังวลอยู่เพราะถ้าเราไม่สามารถที่จะโน้มน้าวให้แดลนี่มาเป็นพยานได้ การที่เราลงทุนลงแรงไปมันก็อาจจะเสียเปล่า”
“ให้ผมได้ลองโน้มน้าวเขาดูก่อน” เซี่ยเหล่ยพูด
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปถึงห้องๆหนึ่งซึ่งมันคือห้องสอบปากคำหลงบิงเปิดประตูห้องสอบปากคำทันทีและเดินเข้าไป
ภายในห้องปากคำตอนนี้มีแดลนี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างเงียบๆ เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยและหลงบิงในตอนที่กำลังเข้ามาหลังจากเห็นทั้งสองคนเข้ามาเขาก็ปิดตาลงอย่างไรก็ตามเขาแกล้งทำเป็นว่าตัวเองสงบสติอารมณ์อยู่เพื่อที่จะซ่อนความรู้สึกจริงๆที่กำลังวิตกกังวลไว้
เซี่ยเหล่ยเริ่มพูดก่อนด้วยรอยยิ้มว่า “แดลนี่ เราเจอกันอีกแล้ว”
“หึ” แดลนี่ทำเสียงในลำคอเพราะเขาไม่อยากจะเจอเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “ผมเข้าใจว่าคุณเกลียดผมแต่ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณหรอกนะ ผมยินดีที่จะช่วยเหลือคุณ “
“อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง” แดลนี่พูดอย่างเย็นชา
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยรออยู่ด้านนอกในตอนนี้ คุณอยากเจอพวกเธอมั้ย”
ริมฝีปากของแดลนี่ขยับแต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณอาจจะคิดว่าผมกำลังเสแสร้างแต่คุณรู้มั้ยว่าคืนที่ผ่านมามันโชคดีแค่ไหนที่ผมไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นทั้งภรรยาและลูกสาวของคุณคงจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกู๋เค่อหวู่แล้ว คุณคิดว่าทำไมพวกเขาถึงได้ส่งคนไปจับตัวทั้งสองคนกันหล่ะ คุณคิดว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และสุดท้ายถ้าทั้งสองคนตกไปอยู่ในมือของกู๋ดิงชานคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น? “
“เขาก็จะคอยดูแลให้” แดลนี่พูด
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะเย้ยก่อนพูดขึ้นว่า “เขาพาคนไปด้วยหลายสิบคนแถมพกปืนไปด้วย คุณคิดจริงๆหรือว่าเขาจะดูแลภรรยาและลูกสาวของคุณให้ คุณทำงานกับเขามานานแล้ว ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
แดลนี่เงียบอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าแดลนี่เงียบเซี่ยเหล่ยก็รุกคำถามต่อทันทีว่า “เมื่อเป็นแบบนี้แล้วคุณจะเป็นพยานให้เราได้หรือไม่?”
“สำหรับเรื่องของซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ย ผมอยากที่จะเจอและขอโทษพวกเธอ” แดลนี่พูดต่อว่า “แต่สำหรับเรื่องเป็นพยาน มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
“คุณ … ” เซี่ยเหล่ยพูดแบบขัดใจ
หลงบิงที่นิ่งเงียบมาเป็นเวลานานในเวลานี้เธอเริ่มพูดว่า “แดลนี่ คุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องที่ฉันได้จับกุมตัวของกู๋เค่อหวู่ได้แล้ว”
เมื่อแดลนี่ได้ยินก็ตะลึงในทันที….
“ถ้าคุณไม่เป็นพยานในครั้งนี้ การที่เราจับเขามาได้นั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีความหมาย” หลงบิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่…คุณแน่ใจหรือว่าพวกคุณไม่ได้ร่วมมือกันและถ้าคุณแน่ใจฉันก็จะปล่อยตัวเขาไปและแน่นอนว่าถ้าเขามีอิสระแล้ว เขาคงไม่อยากที่จะเห็นภรรยาและลูกสาวของคุณมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเป็นระเบิดเวลาสำหรับพวกเขา คุณคิดว่าจริงมั้ย? ”
ปากของแดลนี่ก็เริ่มขยับอีกครั้งแต่ครั้งเหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่าง…….