Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 278
TXV – 278 อีกมุมหนึ่ง !
ถ่างหยู่เหยี่ยจำใจต้องเดินไปเปิดประตูให้เซี่ยเหล่ย เธอออกจากห้องสังเกตการณ์และเดินไปที่ห้องทรงกลมจากนั้นก็กดรหัสตรงประตูทางเข้าประตูก็เปิดออกทันที เซี่ยเหล่ยค่อยๆเดินออกมา เขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าถ่างหยู่เหยี่ยยืนอยู่ตรงหน้าถึงแม้ว่าตอนนี้ชุดของถ่างหยู่เหยี่ยจะเซ็กซี่แค่ไหนก็ตามแต่เขาไม่ได้ตื่นเต้นหรือรู้สีกดีแม้แต่น้อย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซี่ยเหล่ยถามออกไปด้วยความโกรธ “พวกคุณต้องการที่จะทำอะไรหรือพวกคุณเห็นผมเป็นคนร้ายอย่างงั้นเหรอ? “
ถ่างหยู่เหยี่ยพยายามพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณเซี่ย ฉันขอโทษจริงๆนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด “
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมาและพูดต่อทันทีว่า “คุณคิดว่าผมเป็นเด็กสามขวบที่จะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยรีบอธิบายโผงผางไปทันทีว่า “นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เดิมทีห้องนี้เราตั้งใจจะให้เป็นห้องประชุมอเนกประสงค์ของเรา มันทันสมัยอย่างมากแต่ตอนนี้มันยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบและการที่ฉันต้องมาเปิดประตูให้คุณแทนที่จะเป็นหลงบิงนั้นเพราะหลงบิงมีงานด่วนเข้ามากระทันหัน เธอเลยวานให้ฉันมาเปิดให้ “
การโกหกนี้สามารถใช้ได้เฉพาะแค่กับเด็กสามขวบเท่านั้นแต่เธอไม่สามารถที่จะคิดหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ได้แล้วแต่ต่อให้พูดยังไงเซี่ยเหล่ยก็รู้ถึงเจตนาของหลงบิงและฉือโบเหยียนอยู่ก่อนแล้ว
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เชื่อ ถ้ายังไงลองถามจากหลงบิงหรือไม่ก็ฉือโบเหยิยนดูก็ได้” ถ่างหยู่เหยี่ยรีบพูดเสริมขึ้น
“ไม่จำเป็น” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและเดินตรงไปยังลิฟต์ทันทีเพราะเขาไม่อยากจะได้ยินคำแก้ตัวอีกแล้ว
“คุณจะไปไหน …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยเรียกเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ย เขาได้เดินผ่านเธอไปเลย
ในจังหวะที่เซี่ยเหล่ยกำลังจะเดินผ่านไปนั้น ถ่างหยู่หยี่ได้เอามือจับแขนของเซี่ยเหล่ยไว้
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณต้องการจะทำอะไร”
“อย่าโมโหไปเลย คุณไม่ใช่เด็กแล้วเพราะถ้าคุณเป็นเด็กฉันคงจะซื้ออมยิ้มเพื่อให้คุณหายโกรธ ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดหยอกเพื่อต้องการให้เซี่ยเหล่ยใจเย็นลง
ผู้หญิงมีวิธีจัดการกับความโกรธของผู้ชายได้หลากหลายวิธีมากดังนั้นการที่ให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นคนเจรจานั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
สีหน้าของเซี่ยเหล่ยดูผ่อนคลายลงถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยเลยก็ตามแต่ตอนนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้!
“ไม่โกรธแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนตอบไปว่า “ผมจะลืมเรื่องในวันนี้ไปและหลังจากนี้ผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก “
นี่คือสิ่งที่เซี่ยเหล่ยพูดกับถ่างหยู่เหยี่ยและเขาก็ต้องการที่จะให้หลงบิงและฉือโบเหยียนรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ถ่างหยู่เหยี่ยรีบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มทันทีว่า “นี่…เดี๋ยวก่อน ฉันบอกคุณไปแล้วหนิว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นทันทีเหมือนกันว่า “งั้นหลงบิงออกไปทำงานอะไรในตอนนี้หล่ะ?”
“เธอ…เอ่อ…เราได้รับแจ้งว่ามีผู้ก่อการร้ายสองคนกำลังหลบหนีกลับมาที่จีน เธอจึงออกไปจัดการกับพวกเขา”
“งั้นผู้บริหารฉือหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยยังคงถามต่อ
“อ้อ ผู้บริหารฉือของเราได้เดินทางไปที่รัสเซียเพื่อทำธุรกิจ พวกเราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเป็นปกติอยู่แล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดโดยไม่ได้กระพริบตาแม้แต่น้อย
“ดังนั้นผมไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่แล้ว คุณพาผมออกไปเดี๋ยวนี้ ผมไม่มีรหัสผ่านในการใช้ลิฟต์” เซี่ยเหล่ยพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยมาดื่มกับฉันซักแก้วก่อนสิ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นอย่างสนิทสนมและพูดต่อว่า “คุณได้พัฒนาปืนสไนเปอร์ให้กับฉัน ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย และวันนี้ฉันก็ว่างพอดี ดังนั้นวันนี้เรามาดื่นกัน”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ก็ดี แต่ตอนนี้ผมต้องไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์ก่อน คุณจะไปด้วยกันมั้ย?”
“ได้เลย ฉันจะไปกับคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ในสำนักงานตอนนี้ฉือโบเหยิยนและหลงบิงที่แกล้งออกนอกห้องเมื่อครู่นี้ได้กลับมาแล้วและกำลังมองไปที่จอมอนิเตอร์ในขณะที่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยกำลังเดินไปที่ลิฟต์
ฉือโบเหยียนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “เราโกหกเขาไปแบบนี้แล้วเขาจะเชื่อมั้ย?”
หลงบิงยิ้มแห้งๆก่อนพูดขึ้นว่า “เขาเป็นคนฉลาด คุณคิดว่าเขาจะเชื่อมั้ยหล่ะ?”
“งั้นทำไมเขาถึงตามน้ำแล้วไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยหล่ะ?” ฉือโบเหยียนยังคงสงสัย
“ผู้บริหารฉือ คุณไม่ได้ฟังที่เขาพูดในตอนท้ายอย่างนั้นเหรอ เขาบอกว่าถ้ายังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้วนั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกเราทางอ้อม “หลงบิงพูดขยายความ
“เขาคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” ฉือโบเหยียนพูดขึ้น
หลงบิงไม่ได้ตอบฉือโบเหยียน เธอถอนหายใจก่อนพูดขึ้นว่า “เห้อ…ครั้งนี้ฉันรู้สึกแย่มาก เขามีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาประเทศของเราแต่ในทางกลับกันเราไม่ได้ให้อะไรที่เท่าเทียมกับเขาเลยแถมตอนนี้ยังมาสอบสวนเขาอีกถ้าฉันเป็นเขา ก็คงจะรู้สึกแย่มากๆเหมือนกัน “
“แต่นี่คือภารกิจของเรา” ฉือโบเหยียนพูดขึ้น
“ภารกิจ…ภารกิจ” หลงบิงย้ำคำพูดของฉือโบเหยียนก่อนที่เธอจะเงียบลง
ฉือโบเหยียนถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถอย่างมากถ้าเขาอยู่ข้างเดียวกับเรานั่นถือเป็นสิ่งที่ดีแต่กลับกันถ้าวันใดเขาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเราแล้ว เขาจะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวอย่างมากเช่นกันดังนั้นไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันเป็นปัญหาในอนาคต”
“แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” หลงบิงพูด
ฉือโบเหยียนพูดขึ้นว่า “คุณต้องจำใส่ใจไว้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจของมนุษย์ ดังนั้นคุณควรจะมองสถานการณ์ทั้งในแง่ดีและแง่ร้ายเพื่อที่จะได้รับมือได้เมื่อปัญหาเกิดขึ้นมา ดูอย่างก่อนหน้านี้สิ เขาไม่ได้มีอะไรเป็นของตัวเองเลยแต่ตอนนี้เขามีโรงงานสำหรับผลิตอาวุธเป็นของตัวเองและเมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วคุณควรจะจับตามองเขาอย่างใกล้ชิดด้วย “
หลงบิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “งั้นก็ให้เขาหมดหน้าที่ไปเลยมั้ย เขาแค่ต้องการเงินแต่ตอนนี้เขามีมันแล้ว เขาจะมาเสี่ยงกับเราอีกทำไม ?”
ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่หลงบิงแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเป็นผู้หญิงนี่ ใช้เสน่ห์ของคุณยั่วยวนให้เขาทำงานต่อสิ “
หลงบิง “…… “
ฉือโบเหยิยนพูดขึ้นต่อทันทีว่า “คุณลองทำดูนะ”
“ฉัน … ฉันขอตัวไปห้องก่อน” หลงบิงพูดขึ้นแล้วเดินไปทันที
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถเชฟโรเลตก็ไปจอดอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินลงจากรถและทันทีที่เซี่ยเหล่ยมองไปที่ประตูด้านหน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าภาพของซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ยก็ลอยเข้ามาในหัวทันที
ทั้งคู่เดินเข้าไปภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เมื่อเดินไปเรื่อยๆจนถึงตัวอาคารหลัก เซี่ยเหล่ยเดินไปตามทางเดินจากนั้นก็พบว่าซ่างชิงซินอยู่ภายในห้องที่สภาพไม่ค่อยดีนักขณะนี้เธอกำลังสอนเด็กๆอีกหลายๆคนในเรื่องของตัวอักษรจีนซึ่งภายในห้องนี้ก็ยังมีซ่างเหยี่ยเหยี่ยที่กำลังเล่นคนเดียวอยู่ที่มุมห้อง
ด้วยเสื้อผ้าของเหล่าเด็กที่กำลังเรียนอยู่ในตอนนี้มันทั้งเล็กและใหญ่ไม่เหมาะกับร่างกายของเด็กแต่ละคนเลยเมื่อมองไปแล้วเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกหดหู่ใจ
ไม่นานหลังจากเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยไปยืนอยู่พวกเด็กๆที่กำลังเรียนอยู่ก็หันมาทางพวกเขาจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ลุงและป้า สวัสดี”
เซี่ยเหล่ยพูดตอบกลับไปว่า “สวัสดี ทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณเซี่ยและคุณผู้หญิงสวัสดี “ซ่างชิงซินพูดทักทาย
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างสุภาพไปว่า “ไม่ได้รบกวนคุณใช่มั้ย?”
“แน่นอน…” ซ่างชิงซินพูดขึ้นและหันไปพูดกับเด็กๆต่อว่า “เอาหล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน ทุกคนพักได้” เมื่อพูดจบซ่างชิงซินก็เดินออกจากห้องทันที
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินตามเธอไปพร้อมกันด้วย
“เราจะไปคุยกันที่ออฟฟิศของฉัน” ซ่างชิงซินพูดขณะที่กำลังเดินนำอยู่
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “เอ่อ…พาเราไปเดินให้ทั่วสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนจากนั้นค่อยมาคุยกัน “
“ได้เลย ตามฉันมา” ซ่างชิงซินพูดขึ้นพร้อมนำทั้งสองคนเดินชมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ไม่ได้รับเงินส่งเสริมจากกองทุนหรือรัฐบาลเลย พวกเขาอยู่กันได้ด้วยเงินบริจาคเท่านั้นซึ่งมันไม่ค่อยเพียงพอจึงทำให้ที่นี่แทบจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลย
“คุณเซี่ย สามีของฉันจะหายเร็วๆนี้ใช่มั้ย? “ซ่างชิงซินเลือกที่จะถามคำถามนี้เป็นคำถามแรก
ทันทีที่ถามจบถ่างหยู่เหยี่ยก็กำลังจะตอบคำถามแทนเซี่ยเหล่ยแต่โดนเซี่ยเหล่ยหยุดไว้ก่อนและก็พูดขึ้นเองว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ทางเราได้เชิญหมอที่ดีที่สุดในประเทศมาเพื่อรักษาเขา นั่นจะทำให้เขาดีขึ้นในเร็วๆนี้ “
“ให้ฉันเจอเขาได้มั้ย?” ซ่างชิงซินพูดอย่างผ่อนคลายเมื่อรู้ถึงสถานการณ์ของสามีตัวเองว่ากำลังดีขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันคิดถึงเขามากและซ่างเหยี่ยเหยี่ยก็อยากที่จะเจอพ่อเขาเหมือนกัน”
“เอ่อ…. ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและหยุดไปชั่วขณะเพราะกำลังคิดหาข้ออ้างอยู่และเมื่อคิดได้แล้วจึงพูดต่อว่า “เขายังอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักตอนนี้ยังไม่อาจให้เข้าเยี่ยมได้”
ซ่างชิงซินพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่ฉันจะได้เจอเขา?”
“ภายในเร็วๆนี้แหละ อย่าห่วงไปเลย” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นจากนั้นก็พูดเปลี่ยนหัวข้อไปว่า “วันนี้ผมมาในฐานะของกรรมการของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเพื่อที่จะพูดคุยถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใหม่ “
เมื่อซ่างชิงซินได้ยินก็รู้สึกตกใจทันที
เซี่ยเหล่ยพูดต่อไปว่า “ผมต้องการที่จะสร้างมูลนิธิสำหรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เพื่อที่จะให้คุณและเด็กๆที่อยู่ที่นี่ได้มีห้องสมุดที่มีหนังสือมากมาย มีห้องพักที่กว้างขวางและยังมีห้องคอมพิวเตอร์…”
“คุณเซี่ย คุณ…” ซ่างชิงซินพูดขัดจังหวะเซี่ยเหล่ยแต่เธอก็เงียบลงหลังจากนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดต่อว่า “คุณเป็นคนดี คุณควรจะได้รับสิ่งดีๆ นี่จึงเป็นสิ่งที่ผมจะให้คุณและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้นอกจากนี้ผมจะให้เงินคุณอีก 50 ล้านหยวนสำหรับจัดตั้งกองทุนด้วยเงินนี้ คุณสามารถที่จะใช้ยังไงก็ได้ตามที่คุณต้องการ “
“เรื่องนี้มัน….” ซ่างชิงซินพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “หลังจากวันนี้ไปอีกไม่กี่วันต่อมาคุณเตรียมรับโทรศัพท์ไว้เลย ผมจะให้คนติดต่อกับคุณเพื่อพูดคุยรายละเอียดในการสร้างมูลนิธิและกองทุน”
“คุณเซี่ย นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? ” ซ่างชิงซินพูดขึ้นพร้อมตบแก้มเบาๆเพื่อเช็คว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
“แน่นอน คุณไม่ได้ฝันไป “เมื่อเซี่ยเหล่ยพูดจบก็ยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับมือ
ซ่างชิงซินยื่นมือออกไปและจับกับเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย ฉันขอบคุณคุณมาก ขอบคุณจริงๆ”
เมื่อคุยกันเสร็จเซี่ยเหล่ยก็ขอตัวกลับก่อน เมื่อเขาออกมาด้านนอกของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน้ำตาของเซี่ยเหล่ยก็คลอที่เบ้าทันที
แน่นอนว่าน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่นี้ไม่ใช่เพราะแดลนี่แต่เป็นเพราะซ่างชิงซิน ซ่างเหยี่ยเหยี่ยและเด็กกำพร้ายากจนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย สำหรับการให้เงิน50ล้านหยวนนั้นเป็นข้อตกลงของเขาและแดลนี่แต่สำหรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เป็นสิ่งที่เซี่ยเหล่ยอยากจะมอบให้เอง
“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ด้วย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยมองกลับไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มไปว่า “ผมเป็นคนแบบไหนหล่ะ?”
“เป็นผู้ชายที่ดี” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยรอยยิ้มและพูดต่อทันทีว่า “คุณเป็นคนดีจริงๆ”
“คุณอย่ามาอวยผมเลย ผมไม่ใช่คนดีอะไร” เซี่ยเหล่ยพูดถ่อมตัว
“ทำไมจะไม่ใช่หล่ะ ในโลกนี้มีคนที่มีเงินเหลือใช้มากมายหลายคน หลายๆคนนั้นมีเงินมากกว่าคุณด้วยซ้ำแต่ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้เต็มใจที่จะทำแบบคุณเลยดังนั้นคุณจะไม่ใช่คนดีได้อย่างไร? “ถ่างหยู่เหยี่ยจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยในขณะที่พูดและในใจเธอก็คิดไปว่าได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเซี่ยเหล่ยเหมือนกัน
เซี่ยเหล่ยยิ้มจากนั้นก็พูดตอบไปว่า “ไม่ต้องชมผมมากหรอก ว่าแต่…นี่คุณชวนผมไปดื่มไม่ใช่เหรอ? เราไปกันเลยมั้ย?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมยิ้มไปว่า “ฉันได้ยินมาจากหลงบิงว่าคุณทำอาหารได้อร่อยมาก ฉันคิดว่าวันนี้จะไปลิ้มลองรสชาติอาหารที่บ้านของคุณซักหน่อย จากนั้นค่อยไปเตรียมเอกสารกัน “
ติดตามตอนต่อไป…….