Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 289
TXV – 289 แกะหาย !
รุ่งอรุณยามเช้าได้เริ่มขึ้น ท้องฟ้าที่มืดมิดอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปพร้อมกับมีแสงสว่างเข้ามาแทนที่ ด้านหน้าของพวกเขาตอนนี้สามารถมองเห็นตัวหมู่บ้านได้จากระยะไกลในตอนนี้รถได้หยุดลงชั่วขณะเพราะมีชายชราคนหนึ่งกำลังต้อนแพะข้ามถนน ส่วนถ่างหยู่เหยี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างของเซี่ยเหล่ยนั้น ในมือก็ถือปืนเตรียมไว้ตลอดเวลาเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้รับมือได้ทัน
“ตรงนี้คือด่านหน้าของเผ่าไบซีและนี่มันก็เงียบผิดหูผิดตาจนเกินไป นี่ไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นอย่างตึงเครียด
ทันทีที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดจบ เซี่ยเหล่ยก็ได้กวาดสายตาของเขาไปทั้งซ้ายขวารอบๆ เขาก็ได้พบกับคนติดอาวุธที่ซ่อนตัวอยู่ตามหุบเขาด้านซ้ายขวา พวกเขาสวมผ้าปิดหน้าปิดตาพร้อมถือปืนครบมือไม่ว่าจะเป็น AK-47 หรือแม้แต่ RPG และเมื่อนับจำนวนพวกเขาได้มีราวๆ 20 คน
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะรู้ถึงตำแหน่ง ประเภทอาวุธและจำนวนคนก็ตาม แต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยจากนั้นก็หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาและแกล้งทำเป็นมองไปทางซ้ายขวาอีกรอบแล้วจึงค่อยพูดขึ้นมาว่า “มีคนหลายคนอยู่ตรงแนวหุบเขา พวกเขาน่าจะเป็นคนของเผ่าไบซีและพวกเขาติดอาวุธพร้อมทำการรบ !”
ถ่างหยู่เหยี่ยเองหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาแล้วส่องไปทั่วบริเวณ หลังจากนั้นคิ้วของเธอก็เหี่ยวย่นทันทีพร้อมพูดขึ้นมาว่า “คนของเผ่าไบซีงั้นเหรอ แล้วทำไมต้องไปซ่อนตัวแบบนั้นด้วย ว่าแต่ทำไมยังไม่เห็นไกด์คนใหม่ซักที? “
เซี่ยเหล่ยพบกับกลุ่มคนติดอาวุธกลุ่มนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เป็นกังวลซักเท่าไหร่เพราะเมื่อเขามองไปที่กลุ่มคนเหล่านี้แล้วก็สามารถประเมินความสามารถของพวกเขาได้ กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีความสามารถมากเหมือนกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเมื่อคืนนี้ ถ้ามีปืนสไนเปอร์ซักกระบอกเซี่ยเหล่ยมั่นใจว่าจะสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้อย่างแน่นอนแต่นั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นศัตรูกับเผ่าไบซีทันที
ชายชราที่กำลังต้อนแพะในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตระหนักอะไรขึ้นมาได้ เขาเหลือบมองไปที่ถนนก่อนหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะมองไปทางหุบเขาทางด้านขวา
จังหวะนี้ก็มีชายคนหนึ่งขี่ม้าตรงมาที่ถนน
ชายคนนั้นส่วมผ้าคลุมไหล่และสวมเสื้อสีดำของอัฟกานิสถานแบบโบราณ ม้าที่เขาขี่นั้นเป็นม้าสีขาวที่ดูสง่าและมันสามารถวิ่งได้เร็วมาก เซี่ยเหล่ยมองไปที่เขาทันทีที่เห็น เขามองไปที่หน้าของชายคนนั้น ก็พบว่าเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและผิวที่หยาบกร้าน นี่เป็นคงเป็นลักกษณะของคนที่ผ่านโลกมาเยอะอายุของชายคนนี้น่าจะราวๆ 50 ปี
“เขาคือไกด์คนใหม่เราใช่มั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “ก็น่าจะเป็นเขา เราลงไปกันเถอะ” จากนั้นก็พูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กไปว่า “ส่วนคนอื่นๆให้นั่งอยู่ในรถก่อน ถ้าหากพวกเขาไม่ได้มีท่าทางพิรุธหรืออะไรแล้วล่ะก็ ห้ามยิงก่อนเด็ดขาด”
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินลงจากรถพร้อมกับ ขณะเดียวกันนั้นชายที่กำลังขี่ม้าก็ลงจากม้าด้วยเช่นกัน
“คุณมาทำอะไรแถวนี้” ชายชาวอัฟกานิสถานถามด้วยภาษาพาสโต
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปเป็นภาษาพาสโตซึ่งเป็นภาษาถิ่นของที่นี่ไปว่า “เราสูญเสียแกะไปหลายตัว…….เรากำลังรอความช่วยเหลือและเรากำลังรอไกด์ของเราอยู่ที่นี่”
ชายชาวอัฟกานิสถานเดินเข้าหาถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยอย่างช้าๆจนสุดท้ายเขาหยุดลงตรงหน้าพวกเขาจากนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมพูดขึ้นด้วยภาษาพาสโตไปว่า “ผมเป็นไกด์ให้กับพวกคุณ ผมชื่อมูฮัมมัด คาบูจะเรียกสั้นๆว่าคาบูก็ได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยยื่นมือออกไปจับกับคาบูจากนั้นก็พูดว่า “โชคดีจริงๆที่คุณมาในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นฉันคิดว่าเราจะต้องแย่ๆแน่ๆ “
“คุณหมายถึงอะไรหรือว่าคุณกำลังหมายถึงคนของผมที่ซ่อนตัวอยู่งั้นเหรอ? พวกเขาเป็นคนเห็นพวกคุณและเป็นคนแจ้งให้ผมรู้เอง “คาบู พูดขึ้นพร้อมมองไปทางซ้ายมือ
กลุ่มคนติดอาวุธที่แอบอยู่ตรงหุบเขาเมื่อกี้นี้ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมสะพายปืนไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เดินออกมา
คาบูพูดขึ้นว่า “ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกคุณเมื่อคืนนี้แล้ว พวกคุณโชคร้ายจริงๆที่ต้องเจอกับการซุ่มโจมตีของพวกอเมริกันแต่การต่อสู้ของพวกคุณยอดเยี่ยมมาก ผมชื่นชมพวกคุณจริงๆ “
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มรับเบาๆ
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ผ่อนคลายลงอย่างมาก เขาได้ยื่นมือออกไปจับเพื่อเป็นการทักทายกับคาบูด้วยเช่นกัน
คาบูพูดขึ้นว่า “ผมและคนของผมจะไปส่งคุณให้ผ่านเขตแดนต่างๆและจะนำคุณไปยังหุบเขาบาเมียนว่าแต่ …… ผมจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “คุณเสนอราคามา การทำงานของเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย “
คาบูยิ้มแล้วตอบไปว่า “ผมคิดว่ามันควรจะอยู่ที่ราวๆ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”
ถ่างหยู่เหยี่ยตะลึกกับราคาที่ได้ยินพร้อมพูดทวนไปว่า “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐงั้นเหรอ …… “
คาบูยังพูดอีกว่า “ถ้าไม่มีเงินสดสามารถโอนเงินเข้าบัญชีก็ได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “อืม…คุณรอซักครู่ ฉันขอคุยกับคนของฉันก่อน”
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะยืนฟังทั้งคาบูและถ่างหยู่เหยี่ยพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่ได้เข้าใจที่ทั้งคู่พูดคุยกันเลยเนื่องจากเขาเพิ่งจะเคยได้ยินภาษาพาสโตเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่ครู่หนึ่งไม่นานถ่างหยู่เหยี่ยก็จูงมือพาเซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากวงสนทนา
“มีอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นและพูดต่อว่า “เขาต้องการ 1 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐเป็นค่าตอบแทนและฉันเองก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ส่วนถ้าจะติดต่อขอเงินจากสำนักงานใหญ่ก็จะต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติหลายขั้นซึ่งมันคงจะกินเวลานานเกินไป ดังนั้นคุณพอจะมีเงินให้ยืมก่อนมั้ย?”
ในความเป็นจริงไม่มีใครที่จะพกเงินจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐแต่โชคดีที่เซี่ยเหล่ยก่อนหน้านี้ได้เงินจากการพนันจากกู๋ดิงชานและเฮ่อจายหยิงซึ่งถือเป็นเรื่องที่โชคดีเหมือนกันที่เฉินตูเทียนหยินนั้นได้โอนเงินที่ได้มาทั้งหมดนั้นไปบัญชีต่างประเทศซึ่งเป็นบัญชีของธนาคารสวิส ดังนั้นทำให้เขาสามารถที่จะโอนเงินได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศก็ตาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมมี แต่ผมจะต้องยืนยันอะไรบางอย่างกับคุณก่อน?”
“อะไรงั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “อ่อ…เรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนยืนเงินคุณเองหรอกนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสำนักงานดังนั้นเมื่อสิ้นสุดภารกิจ คุณก็ไปเอามันได้จากผู้บริหารฉือได้เลย เรื่องเงินมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉันมาก “
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยที่พูดว่าเรื่องคืนเงินหนึ่งล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐเป็นเรื่องเล็กโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยตกลงกับสำนักงานใหญ่….
ถ่างหยู่เหยี่ยเดินกลับไปพร้อมกับคาบูว่า “ตกลงเราจะจ่ายครึ่งแรกก่อน ส่วนอีกครึ่งเราจะจ่ายให้เมื่อเสร็จงาน”
“ได้เลย…ไม่มีปัญหา” คาบูพูดต่อว่า “คุณจะไปที่หมู่บ้านของผมก่อน ที่นั่นคุณสามารถจะโอนเงินให้ผมได้แถมคุณจะได้พักผ่อนด้วย ส่วนเราก็จะได้เตรียมเสบียงให้พร้อม “
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยก็กลับไปขึ้นรถส่วนคาบูก็กลับไปขี่ม้าสีขาวของเขา จากนั้นก็ใช้ส้นเท้าแตะเพื่อที่จะบังคับให้ม้าออกตัว…..
“หยู่เหยี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมยังต้องจ่ายเงินให้เขาอีก? “เซี่ยเหล่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “เขาไม่ได้เป็นคนของเราโดยตรงแต่เขาก็ถือว่าเป็นมิตรสำหรับเรา เขาทำงานให้กับเราแต่เราก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เขาด้วย ถึงแม้ว่าราคาที่เขาเสนอมาค่อนข้างที่จะแพง แต่เมื่อคิดดูให้ดีแล้วมันคุ้มค่าสำหรับงานที่เสี่ยงแบบนี้ “
“นี่ไม่ใช่วิธีการหลอกเพื่อโก่งราคาเอาเงินเพิ่มหรืออะไรทำนองนั้นใช่มั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก นั่นเป็นวิธีการของเขาอยู่แล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่อว่า “แต่พวกเขาก็เป็นเผ่าที่ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งปลูกฝิ่นเพื่อแลกเงิน อาวุธรวมไปถึงกระสุนเพื่อให้ตัวเองและชนเผ่าอยู่รอด “
“อืม…ผมว่าผมเห็นทุ่งฝิ่นของพวกเขาแล้วด้วย” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นในขณะที่สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง เขากำลังเห็นทุ่งฝิ่นขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
บรรดาเกษตรกรที่กำลังทำงานอยู่ที่ในทุ่งฝิ่นก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรถของพวกเขากำลังขับผ่าน แต่ไม่นานพวกเขาก็กลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
หลังจากที่รถของพวกเขาขับเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว บรรดาเด็กในหมู่บ้านก็วิ่งตามรถของพวกเขา พร้อมตะโกนใส่ไปด้วยว่า “ beautiful Ruika! beautiful Ruika! ”
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาตะโกนใส่พวกเด็กเหล่านั้นไปว่า “ออกไป”
สิ้นเสียงตะโกนพวกเด็กเหล่านั้นก็วิ่งกระจัดกระจายหายไป
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกันก็ลงมาจากรถ พวกเขาลงมาด้วยท่าทางที่ระมัดระวังในมือของพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะหยิบปืนออกมาต่อสู้หากมีสถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“อย่ากระวนกระวายไปเลย เราไม่ได้เป็นศัตรู” คาบูพูดต่อว่า “คุณมากับผมดีกว่า ผมจะพาคุณไปโอนเงินห้าแสนดอลล่าห์สหรัฐ”
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินตามคาบูเข้าไปในห้อง เขาเอาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการโอนเงิน มันค่อนข้างที่จะเก่าแต่ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะไม่สามารถโอนเงินได้เพราะโดยปกติแล้วพวกเขาก็ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการโอนเงินสำหรับการซื้อขายฝิ่น
เซี่ยเหล่ยโอนเงินเข้าบัญชีของคาบู เมื่อคาบูตรวจสอบว่ามีเงินเข้าแล้ว เขาโผเข้ามากอดเซี่ยเหล่ยพร้อมกับรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฮ่าฮ่า!! นี่…เพื่อนคุณต้องการผู้หญิงหรือป่าว ผมสามารถหาให้คุณได้ซักสองสามคนนะ”
เซี่ยเหล่ยไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาได้หันไปถามถ่างหยู่เหยี่ยทันทีว่า “เขาพูดอะไรงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “เขาต้องการที่จะตอบแทนคุณ เขาต้องการจะให้แพะกับคุณสองสามตัว”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “แพะงั้นเหรอ? ผมไม่ต้องการหรอก”
ถ่างหยู่เหยี่ยยักไหล่ก่อนที่จะหันไปพูดกับคาบู ว่า “เขาไม่ใช่ผู้ชาย เขาไม่ต้องการผู้หญิงหรอก”
คาบูตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นพูดขึ้นว่า “ผมจะพาคุณไปพักผ่อน พวกคุณมีเวลาสองถึงสามชั่วโมง คุณจะนอนหลับก็ได้นะ หรือจะกินอาหารให้เต็มที่หลังจากนั้นเราค่อยออกเดินทางต่อ”
“คุณให้คนเตรียมอาหารสำหรับเราได้มั้ย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมหันไปมองเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็หันกลับมาพูดต่อว่า “พวกเราหิวมากๆ “
คาบูได้ยิ้มแล้วตอบไปว่า “ไม่มีปัญหา ผมจะให้คนเตรียมเนื้อแกะย่างให้พวกคุณเอง “
“ดี” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยได้ยินที่ทั้งคู่คุยกันทุกอย่างแต่เขาไม่เข้าใจที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ดีแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปว่าพูดอะไรกันบ้างเพราะเขามีเรื่องกังวลใจอยู่ตอนนี้คือเรื่องของกองกำลังพิเศษไม่ทราบฝ่ายที่เพิ่งสู้กันมาเมื่อไม่นานนี้เพราะขนาดที่นี่เป็นอัฟกานิสถานแต่ก็เต็มไปด้วยคนในกองทัพของสหรัฐและเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพ่อของเขาด้วยว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินออกจากห้องของคาบูและตรงไปยังโต๊ะอาหาร ไม่นานก็มีบรรดาผู้หญิงเดินเข้ามาเสริฟอาหารอย่างไม่ขาดสาย ด้านถ่างหยู่เหยี่ยเลือกที่จะเอื้อมมือออกไปเพื่อหยิบขนมปังขึ้นมาในมือและพร้อมที่จะหยิบเข้าปาก แต่เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะหยิบขนมปังที่อยู่ในมือของถ่างหยู่เหยี่ย…..
“ทำไม?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ย เขามองไปที่ขนมปังอย่างละเอียด หลังจากยืนยันได้แล้วเขาก็ส่งมันกลับไปให้กับถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเอาไป ผมจะรอกินเนื้อแกะย่าง”
ที่เซี่ยเหล่ยต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่มาที่อัฟกานิสถานทำให้เขากลายเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากขึ้นเรื่อยๆ
ติดตามตอนต่อไป……….