Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 290
TXV – 290 เผชิญหน้ากองกำลังติดอาวุธ !
เมื่อออกจากหมู่บ้านแล้ว ตอนนี้มีรถเพิ่มขึ้นมาสองคันจากรถฟอร์ดของเซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยและเจ้าหน้าที่โดยรถที่เพิ่มมานั้นเป็นรถกระบะที่มีปืนกลหนักติดตั้งอยู่โดยคันหนึ่งขับนำขบวนและอีกคันหนึ่งขับท้ายขบวนโดยมีรถของเซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยและเจ้าหน้าที่อยู่ตรงกลาง
โดยตลอดทางที่ขับผ่านมา พวกเขาเจอจุดตรวจของเผ่าไบซีหลายแห่งแต่ด้วยการนำขบวนทำให้สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วแต่ก็เป็นเฉพาะแค่ช่วงเช้าที่สามารถทำความเร็วแบบนี้เพราะเมื่อช่วงบ่ายความเร็วก็ต้องลดลงเพราะพวกเขาได้ออกจากเขตของเผ่าไบซีแล้ว
หลังจากขับไปไกลอีกกว่า 100 กิโลเมตรพวกเขาก็เจอกับหุบเขาที่ซับซ้อนและสูงชันนั่นจะทำให้การนำทางเป็นไปได้ยากและต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นด้วยเป็นเหตุให้พวกเขาจึงลดความเร็วลง
“เราไปตามทางจะดีที่สุดหลังผ่านไปได้คิดว่าเราน่าจะถึงภูเขาบาเมียนในตอนค่ำ” คาบูพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็ก
ถ่างหยู่เหยี่ยก็ถามผ่านเครื่องสื่อสารเหมือนกันว่า “เร็วกว่านี้อีกได้มั้ย?”
คาบูตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ ที่นี่เป็นเขตการดูแลของพวกเซ้นไอดร้าถ้าเราเร่งมากกว่านี้อาจจะทำให้ถูกเจอตัวได้ นั่นจะทำให้เราลำบากมากกว่าเดิม”
“เราขอผ่านทางจากพวกเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
คาบูได้ยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาว่า “คุณต้องเข้าใจพวกเขาก่อนว่า พวกเขาเห็นคนทั้งหมดบนโลกเป็นศัตรู”
ทั้งคู่ยังคงใช้ภาษาพาสโตในการพูดคุยแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะสามารถจำคำศัพท์ได้มากขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะฟังแล้วเข้าใจทั้งหมดได้ด้วยความสามารถของเขาทำให้เขาสามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ได้อย่างรวดเร็วกว่าคนทั่วไป
ในขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยและคาบูคุยกันนั้น เซี่ยเหล่ยเองก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เขาใช้สายตาของเขาสาดส่ายไปทั่วทั้งสองข้างทางโดยที่ทั้งสองข้างทางในตอนนี้เป็นยอดเขาที่มีความสูงถึงสองกิโลเมตร นั่นทำให้ที่นี่ดูอันตรายมากยิ่งขึ้น และเนื่องจากมันสูงมากขนาดนั้นจึงทำให้แสงส่องลงมายังพื้นถนนได้น้อยมาก ทำให้บรรยากาศรอบๆค่อนข้างมืดมัว…..
จากการระมัดระวังตัวของเซี่ยเหล่ย ทำให้เขาหันไปเห็นชายคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมหัวและปิดหน้าด้วยผ้าสีดำที่กำลังถือกล้องส่องทางไกลและกำลังมองมาที่เซี่ยเหล่ยอยู่เหมือนกัน เขาอยู่ตรงทิศสิบนาฬิกาจากเซี่ยเหล่ยพอดี ที่ไหล่ของชายคนนั้นมีปืน AK-47 สะพายอยู่ที่ไหล่ด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้เซี่ยเหล่ยก็ตะโกนผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กไปทันทีว่า “เซ้นไอดร้า! เซ้นไอดร้า! หยุดรถก่อน!”
ภาษาที่เขาพูดในตอนนี้คือภาษาพาสโตเขาพูดออกมาเองโดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้ถ่างหยู่เหยี่ยหรือคาบูแปลให้
“อยู่ที่ไหนหล่ะ?” ถ่างอยู่เหยี่ยถามออกมาด้วยความตระหนกและเครียดในเวลาเดียวกัน
เซี่ยเหล่ยยังคงมองไปยังที่เดิมพร้อมพูดอีกครั้งว่า “ทิศ10นาฬิกา”
ในความเป็นจริงการที่เขามองผ่านกล้องส่องทางไกลนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการที่เขามองด้วยตาของเขาเองเพราะมันเห็นได้ชัดเจนมากกว่า
รถทุกคันหยุดอยู่กับที่ ด้านเจ้าหน้าที่เมื่อลงจากรถแล้วก็เตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อมเพื่อเตรียมที่จะเข้าสู่สภาพพร้อมรบ
ถ่างหยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ย และคาบูพร้อมกับคนของเขาก็ลงจากรถเช่นกัน เมื่อลงจากรถแล้วถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าไปด้านข้างคาบูในขณะนี้ คาบูเองก็กำลังส่องกล้องส่องทางไกลอยู่เหมือนกันจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ยังมีอีกที่ทิศสองนาฬิกา”
ในจังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยได้คว้ากล้องส่องทางไกลมาจากมือของเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยเองก็ไม่สนใจแต่เขากลับเดินไปที่รถฟอร์ดคันที่เขานั่งมาแทน
เมื่อไปถึงที่รถเขาก็เดินไปด้านหลังจากนั้นก็หยิบปืนไรเฟิลที่เขาใช้ขึ้นมาพร้อมกับกระสุนสำรองจำนวนหลายนัด ในขณะนี้เขาได้เตรียมแผนการทั้งหมดไว้แล้ว……
คาบูมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็รีบพูดทันทีว่า “ไม่…อย่าใช้มันทำร้ายพวกเขา บางทีเราอาจจะผ่านไปได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง ผมจะไปลองส่งคนเจรจากับพวกเขาดูก่อน “
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลคำพูดของคาบูให้เซี่ยเหล่ยฟัง
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “พวกเขาจะให้เราผ่านงั้นเหรอ?
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันให้คาบูจัดการก่อนก็แล้วกันส่วนตอนนี้คุณอย่าทำอะไรวู่วามจะดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแต่ความคิดของเขายังคงเหมือนเดิม เขาพยายามที่จะมองไปทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเพื่อที่จะหาจุดซุ่มยิงที่ดีและเหมาะสมที่สุดจากภูมิประเทศตรงนี้
หลังจากที่คาบูบอกเซี่ยเหล่ยหมดทุกอย่างแล้ว เขาก็ส่งลูกน้องของเขาออกไป
ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ตรงบริเวณถนนเส้นเดียวกันก็ได้มีชายผูกผ้าที่หัวและคลุมหน้าหลายคนกำลังขี่ม้าอยู่ พวกเขาติดอาวุธด้วยทุกคน
คาบู ส่งลูกน้องของเขาออกไปเพื่อให้เดินยังพวกกองกำลังเซ้นไอดร้าที่อยู่ข้างหน้าเมื่อเดินใกล้เข้าไปมากแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ได้ยกอาวุธขึ้นมาต่อสู้
เมื่อคาบูเห็นว่าลูกน้องของเขาเข้าไปใกล้ขนาดนั้นแล้วยังปลอดภัยอยู่ เขาก็พูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าพวกเขาคงต้องการเงินดังนั้นผมจึงส่งลูกน้องออกไปเพื่อต่อรอง ผมคิดว่าน่าจะต้องใช้เงินราวๆหมื่นเหรียญเพื่อเป็นการผ่านทาง คุณคิดว่ายังไงบ้าง? “
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “ไม่มีปัญหาอะไรเลย” เพราะด้วยเงินแค่นี้เธอสามารถจ่ายได้แต่ถ้าเป็นเงินล้านเหรียญดอลล่าแบบค่าจ้างก่อนหน้านี้ คงจะหาไม่ได้พวกเขาไม่ได้
“เยี่ยม” คาบูดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า “ที่นี่ในบางครั้งก็สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้”
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเดินขึ้นไปบนเนินเขาด้านขวาพร้อมกับปืนไรเฟิลและกระสุนที่เขาเตรียมไว้
ถ่างหยู่เหยี่ยที่เห็นเซี่ยเหล่ยเดินออกไปก็ถามไปว่า “คุณจะไปที่ไหน? คุณจะทำอะไรหน่ะ? “
เซี่ยเหล่ยพูดไปโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับ “ผมจะไปตรงนั้น คุณจะไปด้วยมั้ย?”
ถ่างหยู่เหยี่ย “…… “
บนถนนที่ไกลออกไป กลุ่มชายหลายคนที่ติดอาวุธอยู่บนหลังม้ามีคนหนึ่งได้ลงจากม้าและตรงไปปลดอาวุธของลูกน้องของคาบูที่ถูกส่งออกไปเพื่อเจรจา
นั่นทำให้คาบูพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กว่า “บอกกับพวกเขาว่าเราคือเผ่า ไบซี พร้อมแสดงหลักฐานด้วยหล่ะ แล้วบอกไปอีกว่าเราไม่ต้องการที่จะต่อสู้แล้วค่อยเสนอเงินให้พวกเขาไปหมื่นเหรียญเพื่อปล่อยให้พวกเราผ่านไป”
คนของเซ้นไอดร้าได้รับรู้ถึงสิ่งที่ลูกน้องของคาบูบอกไปแล้ว เขาหันไปคุยกับคนของเขาที่อยู่บนหลังม้าอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ได้มีชายอีกคนลงมาจากหลังม้าพร้อมอาวุธเดินมาด้านข้างจากนั้นก็จับลูกน้องของคาบูให้นอนลงกับพื้นพร้อมหยิบมีดออกมาแทงตรงบริเวณเอว
ฝ่ายเซ้นไอดร้าคนแรกที่มาปลดอาวุธก็ได้หยิบดาบขึ้นมาพร้อมกับฟันไปที่บริเวณคอของลูกน้องของคาบูด้วยเช่นกัน
นั่นทำให้หัวของลูกน้องของคาบูที่ถูกส่งออกไปเจรจาหลุดออกมาทันทีพร้อมกับเลือดที่สาดกระเด็นออกมาแบบไม่มีหยุด
“ไอเวนนี่!” คาบูตะโกนออกมาด้วยความโกรธพร้อมพูดต่อว่า “ทำบ้าอะไรหน่ะ?!”
คนของกลุ่มเซ้นไอดร้าได้หยิบเรื่องสื่อสารขนาดเล็กขึ้นมาพร้อมพูดออกไปว่า “คนเผ่าไบซีพวกคุณนั้นมีชาติกำเนิดแตกต่างจากพวกเรา คุณต้องถูกลงโทษจากเทพเจ้า พวกคุณพร้อมกับคนที่พามาด้วยจะต้องตายทั้งหมดที่นี่! “
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้!” ทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและคาบูสั่งออกมาเกือบจะพร้อมกันเพียงแต่คนละภาษาก็เท่านั้น
กองกำลังของเซ้นไอดร้าที่ได้ตัดหัวไปก่อนหน้านี้ได้ยกหัวแม่มือขึ้นพร้อมกับพลิกคว่ำลงนี่เป็นสัญญาณที่ส่งไปให้พวกเดียวกัน
ปัง !!! กระสุนปืนถูกยิงออกมา
ในตอนนี้ชายที่เพิ่งฟันคอลูกน้องของคาบูก็มีรูขนาดใหญ่ที่หน้าอก กระสุนได้ทะลุผ่านหัวใจของเขาไปเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะเป็นคนที่ฆ่าคนของเผ่าไบซีแต่ตอนนี้กลับถูกฆ่าเสียเอง
หลังจากกระสุนทะลุผ่านหัวใจไป เขาก็ล้มลงกับพื้นทันทีทำให้พวกนักรบของ เซ้นไอดร้ารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน พวกเขาตะโกนโห่ร้องออกมานั่นทำให้กำลังเสริมของพวกเขากำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ไกลราว 1500 เมตรทำให้ไม่สามารถที่จะยิงได้แต่ถ้าระยะ70-80พวกเขาจะสามารถยิงได้แน่นอนและด้วยพื้นที่ที่พวกเขาคุ้นเคยก็จะทำให้พวกเขาขยับเข้ามาใกล้ได้ภายในเวลาไม่นาน
กลุ่มเซ้นไอดร้าที่กำลังขี่ม้าเข้ามาหานั้นได้ใช้มือหนึ่งบังคับม้าและใช้อีกมือหนึ่งหยิบ AK-47 ขึ้นมายิง เขากราดออกไปทั่วโดยไม่กลัวความตาย
ปัง!! กระสุนปืนตรงไปที่หัวของเขาและทะลุผ่านไปนั่นทำให้เขาล้มลงจากหลังม้าทันที
หลังจากล้มลงจากม้าแล้ว ม้าก็ได้วิ่งพล่านไปทั่วเนื่องจากไม่มีคนบังคับและศพที่ตกลงมามีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งวินาทีนักรบเซ้นไอดร้าก็ตกจากหลังม้าเพิ่มอีกคน
นักรบเซ้นไอดร้าที่อยู่บนหลังม้าที่เหลือเมื่อเห็นว่าเพื่อนของพวกเขาโดนยิงจนตกม้าไปหลายคนแล้วก็หยุดม้าลงด้วยความตกใจ
แม้ว่าจะเป็นนักรบของเซ้นไอดร้าที่เลื่องลือแต่การที่พวกเขาหยุดม้าไว้แบบนี้ก็เพราะพวกเขาเองก็กลัวความตายเช่นกัน
ปัง! ปัง! กระสุนอีกสองนัดถูกยิงออกมาพร้อมกันนั่นทำให้นักรบของเซ้นไอดร้า อีกสองคนถูกยิงจนตกหลังม้าทันที
“เพื่อนของคุณน่าทึ่งจริงๆ!” คาบูพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นและถามต่อว่า “เขาทำงานเป็นนักฆ่ามืออาชีพงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “ไม่เลย…เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นสามีของฉัน”
“หืมม?” คาบูส่งเสียงในลำคออย่างประหลาดใจ
ปังปังปังปังปัง!! เสียงปืนได้ดังขัดจังหวะการพูดคุยระหว่างทั้งคู่ พลทหารปืนกลได้ยิงปืนกลหนักที่ติดตั้งอยู่ที่รถกระบะด้วย เขากลาดยิงออกไปจนทั่ว
เสียงปลอกกระสุนที่ถูกยิงจนหล่นลงพื้นจนดังกริ๊งๆๆตลอดเวลา
แต่ไม่นานหลังจากที่เขาไปยืนกราดยิงปืนกลหนักที่ติดตั้งไว้กับรถกระบะ เขาก็ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลเหมือนกัน กระสุนตรงเข้าที่หัวของเขาและทะลุผ่านไปนั่นเป็นสาเหตุทำให้เขาล้มลงทันที
ด้วยระยะการยิงของปืนไรเฟิลที่มีระยะหวังผลมากกว่าระยะยิงของปืนกลหนักและเขาเองก็อยู่กับที่ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ง่าย นั่นจึงทำให้เขาเป็นเป้าสายตาจากศัตรู
“มีสไนเปอร์ซ่อนตัวอยู่!” ถ่างหยู่เหยี่ยรีบตะโกนเตือนให้ทุกคนรับรู้และตัวเธอเองก็รีบวิ่งไปหลบซ่อนอยู่ที่หลังหินก้อนหนึ่ง
เหล่าเจ้าหน้าที่เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน พวกเขาก็ได้รีบหากำบังของตัวเองด้วยเหมือนกันด้านลูกน้องของคาบูบางคนที่เชื่องช้าก็หากำบังไม่ทันก็มีถูกยิงล้มไปบางส่วน
เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 แล้วนักรบของเผ่าไบซีมีศักยภาพน้อยกว่าอยู่หลายขุม
“เหล่ย หาว่าสไนเปอร์อยู่ที่ไหนแล้วฆ่าเขาทิ้งซะ!” ถ่างหยู่เหยี่ยรีบพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็ก
เซี่ยเหล่ยตอบกลับผ่านเครื่องสื่อสารไปว่า “ขอเวลาผมหนึ่งนาที”
‘หนึ่งนาทีงั้นเหรอ? จะใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีในการค้นหาสไนเปอร์ของศัตรูและจัดการฆ่าเขางั้นเหรอ?’ ถ่างหยู่เหยี่ยพูดกับตัวเองอย่างประหลาดใจ
ติดตามตอนต่อไป……..