Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 293
TXV – 293 หมากฝรั่งปริศนา ?
หลังจากที่จัดการเก็บกวาดและจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยศพของกองกำลังเซ้นไอดร้าก็ได้ถูกนำมากองรวมกันไว้เพื่อให้เป็นอาหารของอีแร้งหรือไม่ก็แบคทีเรีย ในการต่อสู้ครั้งนี้ด้านเผ่าไบซีก็สูญเสียคนไปไม่น้อยเลย เจ้าหน้าที่เองก็เช่นกันครั้งนี้พวกเขาเสียสหายร่วมรบไปถึงสองคน การเสียชีวิตเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยเพราะว่านี่คือสงครามอะไรมันก็เกิดขึ้นได้
ในตอนนี้คาบูเตรียมขบวนใหม่อีกครั้งโดยขนาบรถไว้หน้าหลังเหมือนเดิมนี่เป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องรับผิดชอบถึงแม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียคนไปมากและอีกหลายก็คนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขามีความรับผิดชอบในหน้าที่อย่างจริงจังหรอก แต่เป็นเพราะพวกเขายังไม่ได้รับเงินอีกห้าแสนเหรียญดอลล่าที่เหลือ
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ได้รีบไปขึ้นรถเซี่ยเหล่ยก็เช่นกันครั้งนี้ถ่างหยู่เหยี่ยจะเป็นคนขับรถ เธอมองไปที่ถนนหนึ่งครั้งก่อนที่จะมองไปที่เซี่ยเหล่ยและไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่มองไปยังเซี่ยเหล่ย ภาพของก้นที่เปลือยเปล่าของเขาก็จะลอยขึ้นมาทันที
เซี่ยเหล่ยเมื่อขึ้นรถมาแล้ว เขาก็ไม่ได้หันไปสนใจถ่างหยู่เหยี่ย เขารีบหยิบแผนที่ขึ้นมากางออกจากนั้นก็ดูไปที่หุบเขาบาเมียนเพื่อดูระยะทางจากที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ว่าไกลแค่ไหน นั่นทำให้เขาคาดการณ์แบบคร่าวๆไว้ว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะสามารถไปถึงเป้าหมายได้ในช่วงค่ำของวันนี้
“ตอนนี้คนของเราน้อยลงไปเรื่อยๆแล้ว ถ้าเราไม่สามารถไปเส้นทางเดิมได้แล้ว เราจะทำอย่างไรกันดี” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมกับทำลายบรรยากาศที่เงียบก่อนหน้านี้
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “คุณไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรายังมีแผนสำรอง “
เซี่ยเหล่ยคิดในใจไปว่า ‘พ่อของเราอาจจะรู้ว่าเรามาอัฟกานิถานก็เป็นได้ หลังจากการภารกิจเสร็จสิ้นเขาจะมาหาเราหรือไม่นะแล้วถ้าเขาไม่มาหล่ะแสดงว่าเขาไม่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ ? เขาอยู่ที่ไหนกันล่ะ ?’
ความคิดเหล่านี้ก่อความยุ่งเหยิงในหัวของเซี่ยเหล่ยตลอดเวลา
“ดูเหมือนคุณกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ คิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไร ผมกำลังคิดถึงเรื่องเงินที่ต้องจ่ายคาบู อีกห้าแสนเหรียญ”
ถ่างหยู่เหยี่ยส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “แม้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นมาบ้างแต่ยังไงเราก็ต้องจ่ายเงินที่เหลืออยู่ดี “จากนั้นก็มองเซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นว่า” คุณยังเป็นคนขี้เหนียวจริงๆนักธุรกิจเป็นแบบนี้ทุกคนงั้นเหรอ? “
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยเพราะเขาภูมิใจที่สามารถหันเหความสนของของถ่างหยู่เหยี่ยได้สำเร็จ
ในตอนนี้ชายที่คอยควบคุมปืนกลหนักของรถกระบะคันหน้าที่นำขบวนได้ตะโกนอะไรบางอย่างออกมาแต่เซี่ยเหล่ยไม่เข้าใจที่เขาพูดแต่ไม่นานถ่างหยู่เหยี่ยก็พูดออกมาว่า “กองทัพสหรัฐ !”
เซี่ยเหล่ยตกใจอย่างมาก เขาเปิดกระจกและมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเครื่องบินบินอยู่เหนือหัวสูงกว่าสามกิโลเมตรแม้ว่าจะไกลมากแต่เซี่ยเหล่ยก็เห็นมันได้อย่างชัดเจน เขาพบว่ามันคือเครื่องบินยิงขีปนาวุธของสหรัฐอเมริกา
การที่สหรัฐอเมริกาไม่หยุดการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ คงเป็นผลมาจากความล้มเหลวและพ่ายแพ้จากเมื่อคืน
“จัดการสอยมันให้ได้!” ถ่างหยู่เหยี่ยสั่งการอย่างเด็ดขาดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็ก
หลังจากคำสั่งของถ่างหยู่เหยี่ยที่ถูกส่งออกไป ตอนนี้รถฟอร์ดด้านหลังของเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็มีเจ้าหน้าที่อยู่คนหนึ่งที่ถือปืนยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานอยู่บนไหล่ของเขาและกำลังเล็ง……..
ทันใดนั้นตัวเครื่องบินบนท้องฟ้าก็ยกตัวสูงขึ้นและหักเลี้ยวออกไปด้านข้าง
“มันหายไปแล้ว” เจ้าหน้าที่พูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กพร้อมพูดต่อว่า “ผมไม่มีเวลาพอที่จะล็อคเป้าหมาย”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กไปว่า “ระวังตัวไว้ให้ดี มันอาจจะวนกลับมาที่เราอีกครั้ง”
ด้วยความเร็วของเครื่องบินมันเร็วมากจึงทำให้เป็นเรื่องยากที่จะล็อคเป้าหมาย แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเพราะอีกส่วนหนึ่งมาจากการเตรียมตัวที่ช้าของเจ้าหน้าที่ เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอเครื่องบิน ณ ตรงนี้
คิ้วของเซี่ยเหล่ยขมวดทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มาเพื่อโจมตีเราทั้งที่มันมีโอกาสแล้ว แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่สามารถด่วนสรุปได้ “
“เมือคืนนี้พวกมันโจมตีเราอย่างบ้าคลั่งแถมยังทำให้คนของเราตายไปอีก ถ้ามันกลับมาอีกครั้งละก็ ฉันจะเป็นคนยิงพวกมันเองกับมือ “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างฉุนเฉียว
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่ได้หันไปตอบถ่างหยู่เหยี่ย เขายังคงมองไปที่ท้องฟ้าอย่างวิตกกังวล
สงครามในครั้งนี้เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นไปอีกขั้นอย่างชัดเจน ตอนนี้เซี่ยเหล่ยถูกจับตามองจากสหรัฐอเมริกาอย่างเห็นได้ชัดเพราะเมื่อคืนนี้ก็ต้องเจอกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่รู้แน่นอนว่าอยู่สังกัดของสหรัฐอมเริกาและยิ่งมาตอนนี้ก็เจอกับเครื่องบินที่สามารถยิงขีปนาวุธแต่ก็ไม่ลงมือยิงอีกจากเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ทำให้คิดได้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ต้องการชีวิตแต่ต้องการที่จะให้จับตัวเป็นๆ
เมื่อคิดแบบนี้ใบหน้าที่คุ้นเคยของเขาก็ลอยขึ้นมาทันที เซี่ยเหล่ยถอนหายใจก่อนที่จะพูดกับตัวเองเบาๆไปว่า “CIA จะต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ พวกเขาอาจจะต้องการจับเราตัวเป็นๆและไม่รู้ว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือปล่าว ?”
หลางซือเหยา ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เซี่ยเหล่ยต้องการที่จะลืม
ถ้าเกิดทั้งคู่เจอกันต้องมาเจอกันในสนามรบ หลางซือเหยาจะกล้ายิงเซี่ยเหล่ยหรือไม่? หรือเซี่ยเหล่ยจะกล้ายิงหลางซือเหยาหรือเปล่า?
เมื่อเวลาผ่านไปซักพักแล้วแต่เครื่องบินลำนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะบินวนกลับมา เหตุผลหนึ่งที่คิดว่าไม่วนกลับมาก็เพราะว่ากลัวที่จะโดนยิงกลายเป็นเศษเหล็กไปเสียก่อน เพราะถ้ามาในครั้งนี้มันจะมีเวลามากพอให้ล็อคเป้าอย่างแน่นอน นักบินก็คงจะคิดแบบนี้เช่นกันอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยเชื่อว่าถึงแม้เครื่องบินลำดังกล่าวจะไม่ได้มาเพื่อสอดแนมแต่ตอนนี้คิดว่า CIA จะต้องรู้ตำแหน่งของเขาอย่างแน่นอนด้วยภาพถ่ายทางดาวเทียมของกองทัพสหรัฐอเมริกา
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้การเดินทางยังคงราบรื่นไม่มีสถานการ์ที่ผิดปกติใดๆเกิดขึ้นเลย
“ด้านหน้าเป็นซากปรักหักพังของอารยธรรมโบราณบริเวณหุบเขาบาเมียน” คาบูพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กไปว่า “เราจะไปหยุดพักกันที่นั่นก่อนเพื่อเติมน้ำมัน และเราจะกินอาหารกันที่นั่นด้วย”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กกลับไปว่า “ตกลง เราจะหยุดพักข้างหน้าเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง “
ในตอนนี้รถทุกคันได้หยุดลงจากนั้นทุกคนก็ลงจากรถ เซี่ยเหล่ยเองก็เช่นกันเขาลงมาจากรถพร้อมหยิบปืนไรเฟิลลงมาพร้อมกระสุนด้วยในสถานที่แห่งนี้มันเป็นเพื่อนคู่ใจที่จะสามารถทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้น…..
ในตอนนี้กองกำลังของเผ่าไบซีก็เริ่มวุ่นวายโดยที่บางกลุ่มก็เริ่มแยกไปเติมน้ำมันส่วนอีกกลุ่มก็ได้แยกไปแจกจ่ายอาหาร ด้านเจ้าหน้าที่เองก็เหมือนกันพวกเขาก็แบ่งกลุ่มกันบางกลุ่มก็แยกไปตรวจสอบรถ บางกลุ่มแยกไปตรวจสอบจำนวนอาวุธ บางกลุ่มก็แยกกันไปแจกจ่ายอาหารเหมือนกัน
ภายในห่ออาหารนั้นมีเนื้อสัตว์ไขมันสูงและน้ำแร่ เมื่อเซี่ยเหล่ยได้รับห่ออาหารมาแล้วเขาได้เดินไปที่รูปปั้นบริเวณนั้นแต่ท่าเดินของเขาตอนนี้ค่อนข้างที่จะแปลกหน่อยเนื่องจากบาดแผลและความเจ็บปวดที่สะโพกของเขา
“คุณทำอะไร ? จะไปไหนหน่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมถามขึ้นอย่างแปลกใจ
เซี่ยเหล่ยหันไปมองที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนจะตอบไปว่า “ป่าวนี่ มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรหรอก แต่คุณควรที่จะระมัดระวังตัวงู หรือสัตว์มีพิษหน่อยก็แล้วกัน”
เซี่ยเหล่ย “…… “
ตอนนี้ทั้งคู่มีความสนิทกันมากขึ้นดังนั้นการหยอกล้อกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปพร้อมเดินเข้าไปใกล้กับรูปปั้นมากขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้จักรูปปั้นเหล่านี้แต่โบราณสถานและซากปรักหักพังแห่งนี้ก็ไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ไม่น้อยเพราะที่นี่เป็นปาฏิหาริย์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1500 ปี
รูปปั้นมีขนาดใหญ่มาก มันถูกสร้างขึ้นทั้งทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก หนึ่งในนั้นมีรูปปั้นก้มหน้าลงและทางทิศตะวันออกอีกรูปหนึ่งเงยหน้าขึ้น รูปปั้นทั้งสองนี้ตั้งอยู่ห่างกันประมาน 400 เมตร
เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะเดินไปทางรูปปั้นที่อยู่ทางทิศตะวันตกเมื่อมองไปยังรูปปั้นในระยะใกล้ๆแล้วก็พบว่าตามลำตัวมีร่องรอยของการถูกทุบทำลายด้วยของเข็งหลายแห่ง ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของใครเพราะสถานที่แห่งนี้ถูกคุมโดยกลุ่มเซ้นไอดร้า
เซี่ยเหล่ยยืมดูอยู่อย่างสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ แต่จังหวะที่เขาจะเดินกลับไปนั้นจู่ๆก็หันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างสีขาวติดอยู่ที่เท้าของรูปปั้นด้วยหางตาเข้าพอดี
มันคือหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้ว…..
“ใครที่เป็นคนทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้?” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
แต่จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ตระหนักขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ได้รับโน้ตจากพ่อของเขาซึ่งมาจากผู้หญิงชาวรัสเซียในหมากฝรั่งเหมือนกัน นั่นทำให้เขาคิดว่าที่แห่งนี้ซึ่งไม่มีใครอาศัยอยู่ การที่มีหมากฝรั่งมาติดอยู่แถวนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็เป็นได้ ต้องมีความหมายอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ!
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้กับรูปปั้นทันทีพร้อมกับดึงหมากฝรั่งออกมาจากเท้าของรูปปั้นนั้น เขาบีบหมากฝรั่งออกเพื่อจะให้สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในโผล่ออกมานั่นทำให้เขาพบกับกระดาษเล็กๆที่ถูกพับอยู่
เซี่ยเหล่ยคลี่กระดาษนั้นออก จากนั้นเขาก็พบข้อความที่เขียนด้วยลายมือที่คุ้นเคยว่า “ทำไมลูกถึงไม่ฟังคำแนะนำจากพ่อ ลูกไปอัฟกานิสถานทำไม? ตอนนี้ลูกถูกจับตาดูจากคนของ CIA พวกเขาจะไม่ปล่อยลูกไว้แน่ ส่วนตอนนี้ปลายทางของลูกคือชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์และไบเซ็นไทน์ ในตอนนี้พ่อรู้ว่าไม่มีทางที่จะหยุดลูกไม่ให้ไปได้ ดังนั้นเมื่อลูกจะไปพ่อก็อยากให้ลูกได้เจอเพื่อนของพ่อ เธอชื่อ ‘เยลเลน่า’ ”
ลายมือที่คุ้นตานี้เป็นลายมือพ่อของเขาเซี่ยฉางห่าย
ด้วยความสามารถรถของตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยแม้ว่าจะอยู่ในความมืดก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาเลย สำหรับเขาในตอนนี้แม้จะอยู่ในที่มืดแค่ไหนก็ตามเขาก็ยังสามารถมองเห็นได้ แม้แต่แมงป่องที่กำลังไต่ก้อนกรวดที่อยู่ห่างออกไปภายในหนึ่งกิโลเมตรก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเขาแต่ตอนนี้เขาไม่เห็นพ่อของเขาเซี่ยฉางห่ายหรือผู้หญิงชาวรัสเซียเยลเลน่าในระยกใกล้ๆนี้เลย
“นี่…คุณทำอะไรอยู่หน่ะ? “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่อว่า” เราควรจะไปกันได้แล้ว! “
“อืม เดี๋ยวผมจะรีบตามไป” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับกำลังจะเดินกลับไป
ติดตามตอนต่อไป……..