Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 294
TXV – 294 สถานที่สุดอันตราย !
ในตอนนี้เวลากลางคืนได้เริ่มขึ้นด้วยถนนที่พวกเขาขับผ่านอยู่นั้นเต็มไปด้วยสองข้างทางที่มีแต่ภูเขาทำให้มันดูไม่ปลอดภัยและมันพร้อมที่จะถูกซุ่มโจมตีได้ตลอดเวลาแต่อย่างไรก็ตามทุกคนในตอนนี้หลังจากที่ผ่านการสู้รบมาแล้วก็ระมัดระวังตังเองเพิ่มขึ้นและตื่นตัวพร้อมที่จะสู้ตลอดเวลาเช่นกัน
และตอนนี้เมื่อเขาขับเข้าไปเรื่อยๆถนนก็ค่อยๆแคบจนในที่สุดแล้วก็ต้องหยุดรถเพราะไปต่อไม่ได้ถ่างหยู่เหยี่ยเดินลงจากรถ คาบูเองและคนของเขาก็ลงเช่นกัน
“คาบู คุณนำมาผิดทางหรือเปล่า? “ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
คาบูตอบกลับไปว่า “ผมคุ้นเคยกับพื้นที่ทุกตารางนิ้วของอัฟกานิสถานที่ที่คุณจะไปคือหุบเขาบาเมียนใช่มั้ยหล่ะ ? มันก็คือที่นี่และที่นี่ก็เป็นส่วนที่ลึกที่สุดตอนนี้งานของเราเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถจ่ายที่ส่วนเหลือเลยได้หรือไม่? “
คิ้วของถ่างหยู่เหยี่ยย่นทันทีพร้อมพูดว่า “หลังจากเรากลับไปได้อย่างปลอดภัยแล้วเราจะไปโอนที่เหลือที่เผ่าไบซี “
“คนของผมล้มตายไปมากแล้ว ผมไม่ควรที่จะได้รับเงินก่อนงั้นเหรอ?” คาบูพูด
กองกำลังของเผ่าไบซีหลายคนในขณะนี้ได้ยกปืนขึ้นมาเล็งพร้อมปลดเซฟตี้ของปืนเพื่อเตรียมยิงได้ตลอดเวลา
นั่นทำให้ทั้งเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ก็ได้ยกปืนขึ้นเช่นเดียวกัน
บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างที่จะตึงเครียดอย่างมาก
ในเวลานี้เซี่ยเหล่ยได้เปิดประตูรถออกและลงจากรถพร้อมถือปืนไรเฟิลไปด้วย เขาค่อยๆเดินไปยืนอยู่ข้างถ่างหยู่เหยี่ย…
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปที่วงสนทนานั้นบรรดาคนของเผ่าไบซีแม้แต่คาบูเองก็รู้สึกตึงเครียดในทันทีในความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้กลัวถ่างหยู่เหยี่ยและเจ้าหน้าที่เหล่านี้เลยแต่กับเซี่ยเหล่ยความรู้สึกมันต่างกันออกไป!
ใบหน้าของถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มเลย เธอพูดอย่างเย็นชาออกไปทันทีว่า “คาบู เราปฏิบัติกับคุณเหมือนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในดินแดนเห่งนี้ฉันพึ่งพาคุณโดยจ่ายให้คุณไปก่อนแล้วด้วยเงินห้าแสนเหรียญดอลล่าสหรัฐ แต่ทำไมคุณถึงทำกับเราแบบนี้? “
คาบูหันไปหาลูกน้องของเขาจากนั้นก็ตบหน้าไปหนึ่งครั้งแล้วพูดด้วยความโกรธไปว่า “ไอ้พวกโง่! ไม่มีสมองกันหรือยังไง? เก็บปืนเดี๋ยวนี้! “
นั่นทำให้กองกำลังของเผ่าไบซีเก็บปืนทันที
คาบูยิ้มอย่างขมขื่นก่อนพูดขึ้นว่า “ต้องขอโทษด้วย คุณหยาง คนของผมไม่มีสมองกันซักเท่าไหร่ เราไม่ได้เป็นศัตรูกันหรอกนะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน “
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยท่าทางที่เป็นมิตรมากขึ้นไปว่า “อืม…” หลังจากนั้นเธอก็กางแผนที่ออกแล้วกางให้คาบูได้เห็นพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณจะเก็บเงินล่วงหน้าก่อนก็ได้แต่ต้องพาเราไปยังที่ที่เราทำเครื่องหมายเอาไว้”.
คาบูมองแผนที่อย่างจริงจังก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหน้านี้ว่าจะไปที่นี่?”
“ตรงนั้น ฉันรู้มาว่าที่แห่งนี้มีชนเผ่าเก่าแก่อยู่ชนเผ่าหนึ่ง พวกคุณนำเราไปที่นั่น แล้วฉันจะจ่ายเงินล่วงหน้าให้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมชี้ไปที่แผนที่
“ไม่ได้” คาบูรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมพูดต่อว่า “นั่นคือเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ผมจะไม่ไปที่นั่นและผมก็อยากที่จะแนะนำพวกคุณเช่นกันว่าอย่าไปที่นั่นเลยจะดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ทั้งคู่ที่กำลังพูดกันอยู่ในภาษาพาสโต ช่วงเวลาสองวันมานี้เซี่ยเหล่ยเข้าใจภาษามากขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันแต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยสามารถเดาได้จากการกระทำของทั้งคู่ว่าถ่างหยู่เหยี่ยต้องการที่จะให้คาบูพาพวกเราไปตรงที่ที่ทำเครื่องหมายบนแผนที่
เซี่ยเหล่ยคิดในใจไปว่า “สถานที่ที่ถูกมาร์คไว้ในแผนที่คือชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แต่เมื่อดูปฏิกิริยาคาบูแล้วดูเหมือนว่าเขาจะกลัวสถานที่แห่งนี้มากๆ “
ในตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยเพิ่มข้อเสนอไปว่า “ถ้าพาเราไปได้นอกจากห้าแสนเหรียญที่เราจะให้แล้ว เราจะให้เพิ่มอีกห้าแสนเหรียญ “
ทันทีที่คาบูได้ยินข้อเสนอเขาก็ลังเลใจอยู่เหมือนกันเพราะว่าเงินหนึ่งล้านเหรียญนี้ก็เยอะแล้วแต่ถ้ายอมตกลงก็จะได้เพิ่มห้าแสนเหรียญ มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย มันสามารถที่จะนำไปจุนเจือเผ่าไบซีได้อย่างเหลือเฝือและที่สำคัญถ้าได้เงินจำนวนนี้มาสถานะทางสังคมในชนเผ่าไบซีของเขาเองก็จะดีมากขึ้นด้วย!
ถึงแม้ว่าเงินจะเยอะมากแต่เมื่อคิดไปถึงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แล้ว… คาบูยังมีท่าทีหวาดกลัวและไม่ได้ตอบตกลงรับข้อเสนอในทันที
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “มีสามีของฉันอยู่นี่แล้วคุณยังจะกลัวอะไรอีกหล่ะ? คุณก็เห็นฝีมือของสามีฉันแล้วและคุณเห็นอาวุธที่พวกเรานำมาด้วยมั้ย? ถ้ายังไงฉันจะให้มันกับคุณด้วยถือว่าเป็นของขวัญเพิ่มเติมก็แล้วกัน “
มุมปากของคาบูขยับเล็กน้อย “นั่นรวมถึง เครื่องยิงต่อต้านอากาศยานด้วยมั้ย?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้าพร้อมพูดต่อว่า “ไม่เพียงแค่นั้น เรายังจะให้มิสไซน์นำวิธีกับคุณด้วย”
“อืม…ตกลง” คาบูที่พึงพอใจอย่างมากกับข้อเสนอจึงได้ตอบตกลงไปทันทีโดยไม่สนใจอันตรายแล้ว
แม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายอย่างมากก็ตามแต่ด้วยผลประโยชน์ที่มากมายขนาดนี้ทำให้เขายอมที่จะเสี่ยงดูซักครั้ง
หลังจากตกลงกันได้แล้วทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยคาบูเริ่มนำทางไปตามทางที่คดเคี้ยวแคบๆของเนินเขาด้วยตนเอง เขาให้ลูกน้องของเขาสองคนอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ารถเอาไว้
เส้นทางค่อยๆแคบลงมากเรื่อยๆเมื่อเดินไปได้ไกลซักระยะก็สิ้นสุดทางคดเคี้ยว แต่มันได้กลายเป็นทางไหล่เขาที่มีทางเดินเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
คาบูที่เดินอยู่หัวแถวตามมาด้วยถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยตามลำดับหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่และลูกน้องของคาบูเดินตามมาติดๆ การเดินในเส้นทางที่ยากลำบากขนาดนี้หากพลาดแม้เพียงนิดเดียวนั่นจะถือว่าอยู่ในช่วงนาทีชีวิตเลยก็ว่าได้……
เซี่ยเหล่ยเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อที่จะคอยตรวจสอบว่ามีอะไรแอบคอยสังเกตการพวกเขาอยู่หรือไม่แต่ก็พบว่าไม่มีอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยก็ยังกังวลอยู่ว่าดาวเทียมซักดวงในตอนนี้จะจับการเคลื่อนไหวเขาอยู่รึปล่าว ?
“คุณหยาง คุณบอกผมได้ไหมว่าทำไมพวกคุณถึงต้องไปที่เผ่าเฮ็ปตาไลท์ ” จู่ๆ คาบูก็ถามขึ้นมา
“เรามีนักวิจัยหลายคนที่จะติดอยู่ที่ประเทศนี้ เราแค่ต้องการพาพวกเขากลับไปยังประเทศของเราก็เท่านั้น” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบพร้อมพูดต่อว่า “นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
“แล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นบ้าง?” คาบูถาม
“ฉันไม่รู้เลย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมพูดต่อว่า “ฉันเป็นทหารได้รับคำสั่งมานี่จึงเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องปฏิบัติ”
คาบูยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “คุณควรที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้นมาบ้างนะ เพราะถ้าคุณรู้ว่าที่ที่เรากำลังจะไปมีอะไรรออยู่ คุณจะเข้าใจว่าทำไมพวกเราไม่อยากที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์“
ประโยคที่คาบูพูดขึ้นเมื่อครู่นี้เซี่ยเหล่ยพอที่จะเข้าใจอยู่บ้าง จากนั้นเขาก็สกิดที่เอวของถ่างหยู่เหยี่ยเบาๆก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปและกระซิบข้างหูเธอว่า “ถามพวกเขาสิ ถ้าเรารู้เกี่ยวกับชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นการดีต่อเรามากขึ้นเท่านั้น“
“คุณไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอกหน่า ฉันรู้อยู่แล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยตาโต
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ขึ้นหนึ่งครั้งแล้วก็ไม่ได้พูดตอบอะไรออกไปในความเป็นจริงการพูดคุยระหว่างคาบูและถ่างหยู่เหยี่ยนั้นยิ่งพวกเขาพูดกันมากเท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยก็ยิ่งสามารถเรียนรู้ภาษาได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น…….
ด้วยยาวิเศษทำให้เขาพัฒนาความสามารถมองทะลุและมองไกลเพิ่มมากขึ้น เขากำลังคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ดวงตาข้างซ้ายเท่านั้นที่พิเศษมากขึ้นแต่เมื่อดูๆแล้วมันคงจะรวมไปถึงสมองของเขาด้วยที่ทำให้เขาฉลาดเรียนรู้เร็วและพิเศษมากกว่าคนทั่วไป
เพราะก่อนที่ความสามารถของตาซ้ายของเขาจะตื่นขึ้น ทั้งร่างกายและสมองของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคนปกติทั่วไป……..
ในขณะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยถามออกไปว่า “คาบู คุณเคยบอกว่าคุณคุ้นเคยกับทุกตารางนิ้วของอัฟกานิสถาน คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเผ่าเฮ็ปตาไลท์อย่างนั้นเหรอ บอกฉันหน่อยเถอะ”
คาบูพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า ” เผ่าเฮ็ปตาไลท์เป็นชนเผ่าเร่ร่อนในสมัยโบราณพวกเขาทั้งเคยรุกรานเปอร์เซียและอินเดียมาจนสามารถตั้งอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาได้และพวกเขาเชื่อในการบูชาไฟ ชนเผ่าของพวกเขามีประวัติศาสตร์มากกว่าพันปี แถมยังมีอะไรหลายๆอย่างยังเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน….. “
ถ่างหยู่เหยี่ยได้หันมาเพื่ออธิบายคำแปลให้กับเซี่ยเหล่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาโดยพยายามอธิบายไม่ให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด
คาบูพูดต่อว่า “ชนเผ่าของพวกเขาแยกออกไปอยู่เป็นเอกเทศน์โดยไม่สนใจชนเผ่าอื่นๆและคนบนโลกเลย พวกเขามีขนมธรรมเนียมและประเพณีที่ดำเนินการมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเขามีความเชื่อว่าผู้หญิงสามารถครอบครองและปกครองได้ทุกอย่าง ผู้ชายจะไม่มีสถานะที่นั่นแม้แต่ทหารเฝ้ายามก็ยังเป็นผู้หญิงด้วย “
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลคำพูดของคาบูให้เซี่ยเหล่ยฟังเมื่อเซี่ยเหล่ยฟังจนจบเขาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ผู้หญิงเป็นใหญ่ในชนเผ่างั้นเหรอเหมือนกับนวนิยายเรื่องหนึ่งที่ผมเคยอ่านเลย “
คาบูที่ได้ยินเผยรอยยิ้มออกมาจากนั้นก็พูดออกไปว่า ” นวนิยายงั้นเหรอ ? ผมเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้อ่านเลย “
“ห๊ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ
“นี่ๆ ผมไม่ได้ต้องการที่จะพูดเกี่ยวกับนวนิยายนะ ” คาบูพูดขึ้นพร้อมพูดต่อว่า “สิ่งที่ผมอยากจะบอกพวกคุณก็คือไม่ควรประมาทผู้หญิงของชนเผ่านี้ พวกเธอไม่เคยกลัวความตายและพวกเธอยังมีความสามารถและเก่งกาจไม่แพ้ผู้ชายเลย”
ถ่างหยู่เหยี่ยหน้าผากย่นเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อว่า “พวกเธอใช้อาวุธอะไรงั้นเหรอ? แล้วมีกันทั้งหมดกี่คนหล่ะ?”
“บางทีพวกเธอก็ใช้ปืน บางทีก็ใช้ธนู บางทีก็ใช้มีด แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ” คาบูพูดต่อว่า” ส่วนเรื่องจำนวนคนนั้นผมไม่รู้”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูด “ถ้าพวกเธอมีแต่ทหารหญิง มีอะไรที่น่ากลัวกันหล่ะ?”
คาบูยิ้มอย่างขมขื่นแล้วตอบไปว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงกลัวเผ่าเฮ็ปตาไลท์? เพราะก่อนหน้านี้มีการรุนรานของทหารโซเวียต กองทัพทหารเหล่านั้นได้เดินทัพไปจนถึงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แต่ก็ต้องพบกับหายนะ ทหารเหล่านั้นตายกันจนหมดเหลือรอดกลับมาเพียงแค่คนเดียวคือพี่ชายของผมแต่ก็หลบหนีได้ไม่นานสุดท้ายก็โดนตามจนเจอและโดนฆ่าตายในที่สุด “
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลคำพูดของคาบูให้เซี่ยเหล่ยฟังเมื่อเขาฟังจบก็พูดออกมาว่า ” คาบู พี่ชายของคุณได้บอกว่าทหารโซเวียตไปที่ชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์เพื่ออะไรรึปล่าว ?
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลคำพูดของเซี่ยเหล่ยให้คาบูฟังเมื่อคาบูฟังแล้วก็ส่ายหน้าก่อนพูดว่า “พวกเขาบังคับพี่ชายของผมนำทางให้ คุณคิดว่าพวกเขาที่ทำแบบนั้นจะบอกอะไรกับพี่ชายของผมหรือเปล่าหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลคำพูดของคาบูให้เซี่ยเหล่ยฟัง
บางทีสิ่งที่ดึงดูดให้ทหารโซเวียตให้ไปที่นั่นอาจจะเป็นเพราะหนิงจิงและนักวิจัยชาวจีนก็เป็นได้……
ติดตามตอนต่อไป………..