Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 296
TXV – 296 กองกำลังเฮ็ปตาไลท์ !
ในตอนนี้ทุกคนยังคงเดินทางกันอยู่ มันเป็นระยะทางที่ไกลพอดูจนในที่สุดพวกเขาก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างมากเนื่องจากสถานการณ์ที่ต้องเจอมาทั้งสามวันนี้ พวกเขาไม่ได้พักผ่อนอย่างจริงจังเลย
จนในที่สุดก็ตัดสินใจหยุดพักก่อนโดยครั้งนี้พวกเขาต้องการที่จะนอนหลับพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายแต่แม้ส่วนใหญ่จะพักผ่อนกันแล้วแต่ก็มีบางส่วนที่คอยลาดตระเวนสำหรับเป็นเวรยาม
เซี่ยเหล่ยพักผ่อนโดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หลับได้ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นอาการเหนื่อยล้าสะสมตั้งแต่มาถึงอัฟกานิสถาน ด้วยบรรยากาศในตอนนี้มีทั้งเสียงของลมพัดและแมลงให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามาตั้งแคมป์กันในป่าหลังจากหลับไปไม่นานเขาก็ฝันเห็นพ่อของเขาโดยที่เขากำลังนั่งคุยอยู่ด้วยแต่ในความฝันนั้นเขาไม่ได้ยินเสียงของพ่อของเขาเลยหลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหล่ยก็ฝันถึงถ่างหยู่เหยี่ยต่อ เขาฝันถึงตอนที่เธอยืนหันหลังโดยที่ส่วนบนไม่ได้สวมใส่อะไรเลย นั่นทำให้เขากำลังคิดอะไรบางอย่าง….
“คุณใส่เสื้อผ้า” เซี่ยเหล่ยพูดพึมพำในขณะที่กำลังหลับ
“ลามก นั่นกำลังฝันว่าอะไรอยู่หน่ะ?” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพูดออกมา
“หยู่เหยี่ย คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดงั้นเหรอ? สวมเสื้อผ้าซะ ผมรู้ว่าของคุณมีขนาดใหญ่มากแต่ก็ไม่ควรที่จะโชว์มันนะ “เซี่ยเหล่ยพูด
“คนที่อยู่ในฝัน? นั่นคือฉันงั้นเหรอ! ……..! ” ถ่างหยู่เหยี่ยโกรธมากแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นคนเฝ้ายามอยู่แต่เธอก็เดินมานั่งยองๆอยู่ข้างเซี่ยเหล่ย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาพร้อมตบไปที่แก้มของเซี่ยเหล่ยทันที
ถึงแม้ว่าตบนี้จะไม่ได้รุนแรงอะไรมาก แต่มันก็ทำให้เซี่ยเหล่ยลืมตาขึ้นมาเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบว่าถ่างหยู่เหยี่ยกำลังนั่งยองๆอยู่ด้านข้างตัวเขา เธอมองมาที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่เขินอายพร้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“คุณ …… คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?” เซี่ยเหล่ยพูด
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไร?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นเพราะได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหล่ยพึมพำออกมาก่อนหน้านี้และในการพูดครั้งนื้ทำให้ใบหน้าของเธอแดงเพิ่มขึ้นอีก
“ผมพูดอะไรงั้นเหรอ ?” แน่นอนว่าเซี่ยเหล่ยจำที่เขาพึมพำถึงถ่างหยู่เหยี่ยได้แต่เขาจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน
“หึ! ผู้ชายก็เป็นกันแบบนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยบ่นเบาๆจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันเองก็ไปนอนพักผ่อนดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นนั่งพร้อมกำลังจะพับผ้าห่มเก็บแต่ถ่างหยู่เหยี่ยก็หยุดมือของเซี่ยเหล่ยไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องพับเก็บฉันจะใช้ผ้าห่มของคุณต่อ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผ้าห่มของผมตอนนี้เหม็นมากแล้ว คุณจะใช้ผ้าห่มของผมงั้นเหรอ มันอาจจะทำให้คุณนอนไม่หลับได้นะ อย่าใช้เลยจะดีกว่า“
ถ่างหยู่เหยี่ยเข้าไปใต้ผ้าห่มของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ที่นี่คือสนามรบ มันไม่มีทางเลือกมากนักหรอกอะไรที่ทำได้ก็ทำไปอะไรที่ทนได้ก็ทนไปแต่ก็นั่นแหละผ้าห่มนี่มันก็เหม็นจริงๆ “
เซี่ยเหล่ยยักไหล่พร้อมลุกขึ้นและหยิบปืนไรเฟิลเดินออกไป
แม้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะบ่นว่ามันเหม็นก็จริงแต่ตอนนี้เธอก็นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนี้
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ปิดตาลงจากนั้นเธอก็หลับในเวลาไม่นานเมื่อหลับแล้วเธอก็ฝันว่าตัวเองกำลังนั่งคุกเข่าอยู่โดยที่ตรงหน้ามีผู้ชายหันหลังให้และเธอก็มองลอดช่องผ่านหว่างขาของเขาไป…
จากที่เธอได้เจอมา มันทำให้เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้ได้นั่นทำให้เธอเก็บเอามาฝัน
เซี่ยเหล่ยเดินไปยืนอยู่ข้างกองกำลังของชนเผ่าไบซีคนหนึ่งเพื่อที่จะคอยเฝ้ายามชายชนเผ่าไบซีที่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยเดินมาก็ได้ยื่นบุหรี่ออกไปให้ เซี่ยเหล่ยเห็นดังนั้นก็ส่ายหัวแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเมื่อชายชนเผ่าไบซีเห็นว่าเซี่ยเหล่ยส่ายหน้า เขาก็เอามันขึ้นมาสูบเอง
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเริ่มที่จะเอ่ยปากคุยกับชายชนเผ่าไบซีด้วยภาษาพาสโตนั่นทำให้ชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากว่าในเวลาไม่นานเขาก็พอจะจับใจความและสามารถพูดภาษาพาสโตได้แม้ว่าไวยากรณ์จะยังไม่ถูกต้องก็ตามสิ่งที่เซี่ยเหล่ยพูดนั้นคือการถามเกี่ยวกับชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับชนเผ่านี้
ด้วยการพูดคุยต่อไปเรื่อยๆนี้เซี่ยเหล่ยเองก็ค่อยๆแก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้ไวยากรณ์ของเขาเรื่อยๆ ความเร็วในการเรียนรู้ของเขาตอนนี้สุดยอดมาก มันสามารถเทียบได้กับความเร็วของรถแลมโบกินี่ที่วิ่งทำความเร็วบนแทร็กเลยก็ว่าได้
การที่ชายคนนั้นจะรู้สึกแปลกใจกับเซี่ยเหล่ยก็ไม่แปลกเพราะตอนแรกที่เขาได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดนั้น เซี่ยเหล่ยทั้งพูดติดอ่างแค่คำง่ายๆก็ยังพลาดแต่ตอนนี้กลับแทบจะไม่เห็นความผิดพลาดนั้นออกมาจากตัวของเซี่ยเหล่ยอีกเลย
ชายชนเผ่าไบซีนี้มีชื่อว่า ‘อะดรอ’
“คุณหยาง คุณนี่อัจฉริยะจริงๆ คุณเคยเรียนภาษาพาสโตมาก่อนหน้านี้แล้วงั้นเหรอ” อะดรอถาม
“เรียน….ผมเคยเรียนมาก่อนหน้านี้หนึ่งปี” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มพร้อมพูดต่อว่า “อะดรอ…บางครั้งผมก็ลืมไปบ้างแล้ว คุณช่วยพูดกับผมเรื่อยๆสิ ผมจะได้รื้อฟื้นมันด้วย “
แม้ว่าความจริงเซี่ยเหล่ยจะเพิ่งเคยได้ยินภาษาพาสโตได้ไม่นานแต่เขาก็ต้องโกหกเอาไว้ก่อนเคยเรียนมาแล้วหนึ่งปี
อะดรอเป็นชื่อของชายคนนี้เขาพูดกับเซี่ยเหล่ยต่อว่า “คุณหยาง คุณเป็นมือปืนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมไม่เคยเห็นใครที่สามารถยิงได้แม่นเท่าคุณมาก่อนเลย ผมขอชื่นชมคุณจริงๆ ” จากนั้นเขาพูดต่อว่า ” เอ่อ…ผมขอตัวครู่หนึ่งได้มั้ย? ผมจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “ไม่มีปัญหา…ไปสิ”
อะดรอเดินหายเข้าไปในป่าลึกเพราะถึงแม้จะบอกว่าไปห้องน้ำแต่เขาก็เดินเข้าป่าไปเพราะที่นี่คือสนามรบและกำลังอยู่ในป่า มันจึงไม่มีห้องน้ำเป็นหลักแหล่งแต่เซี่ยเหล่ยก็เข้าใจความหมายที่อะดรอต้องการสื่อ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยหลังจากที่มองอะดรอตามหลังไปจนไม่เห็นเขาแล้วในตอนนี้เซี่ยเหล่ยมองหาต้นไม้ที่สูงใหญ่จากนั้นเขารีบปืนขึ้นไปในทันที
ต้นไม้ที่เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะปืนขึ้นไปนี้มีอายุอย่างน้อยพันปีด้วยอายุที่เยอะมากของมันทำให้มันมีความสูงที่วัดจากพื้นแล้วอยู่ที่ราวๆ 80-90 เมตรถ้าเทียบกับต้นไม้ใกล้เคียงกันมันก็เปรียบเสมือนกับเป็นร่มเงาให้กับต้นไม้อื่นๆ เซี่ยเหล่ยปืนขึ้นไปจนสุด จากนั้นเขาก็มองออกไปโดยรอบพร้อมใช้ความสามารถตาซ้ายของเขาด้วย
การที่เขามองออกไปโดยรอบโดยที่อยู่บนจุดที่สูงสุดของต้นไม้ต้นนี้ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับภาพที่เห็นเพราะสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันสวยงามเหลือเกิน ภูเขาตรงหน้าที่มีขนาดใหญ่พร้อมมีต้นไม้ปกคลุมอยู่บ้างตรงเนินเขาจุดสูงสุดของภูเขาไม่มีต้นไม้อยู่เลยเพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวยิ่งแสงจากดวงจันทร์และดวงดาวส่องลงมาตกกระทบกับหิมะบนยอดเขาแล้ว ช่วยเพิ่มความระยิบระยับให้กับมัน ด้วยทิวทัศน์ในตอนนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกราวกับว่าเขากำลังนอนหลับและฝันไป
“ไม่เห็นชนเผ่า ไม่เห็นโบราณสถาน ไม่เห็นแม้แต่กระทั่งกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ มันเพราะอะไรกัน? แม้ว่าการที่ตอนนี้ยังไม่เจอกับพวกเธอก็ถือว่ายังโชคดีอยู่แต่ถ้าเจอแล้วหล่ะจะทำยังไงดี “เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
“อ๊ากกก…… ” อะดรอส่งเสียงกรีดร้องออกมา
มันเป็นเสียงที่แผ่วเบาอย่างมากแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังได้ยินเสียงนี้ เขาพยายามมองตามเสียงไปหลังจากนั้นแค่เพียงเวลาสองวินาที เซี่ยเหล่ยก็หาอะดรอเจอแต่เป็นสภาพที่น่าตกใจจนทำให้เขาเกือบที่จะตกต้นไม้!
อะดรอถูกแทงด้วยหอกยาว เขาถูกแทงจนทะลุหน้าอกปลายหอกที่ทะลุหน้าอกเขาไปนั้นมันไปจมลึกเข้ากับต้นไม้นั่นทำให้สภาพของอะดรอตอนนี้คือตายโดยที่ยังยืนอยู่ได้เพราะหอกที่ทะลุไปนั้นไปฝังอยู่กับต้นไม้ทำให้มันพยุงตัวของอะดรอไว้ไม่ให้ล้มลง!
สภาพศพของอะดรอในตอนนี้เซี่ยเหล่ยคุ้นตาอย่างมากแน่นอนว่ามันเป็นศพของทหารโซเวียตที่เขาเจอกับถ่างหยู่เหยี่ยก่อนหน้านี้….
เซี่ยเหล่ยขยับตาเล็กน้อยก่อนที่จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ไม่ไกลจากศพของอะดรอทิศทางที่เธอวิ่งไปก็คือจุดที่ตั้งค่ายพักของคาบู เหล่าเจ้าหน้าที่และถ่างหยู่เหยี่ย
ผู้หญิงคนนั้นแปลกมาก ผมของเธอมีสีม่วงเป็นลอนแบบธรรมชาติ เธอมีใบหน้ารูปกรวยดวงตาของเธอมีสีฟ้าเหมือนกับตาของแมวรูปร่างของเธอสูงใหญ่คล้ายกับหญิงชาวตะวันตกแต่สีผิวของเธอไม่ได้ขาวเหมือนชาวตะวันตก สีผิวของเธอค่อนข้างที่จะเหลืองซึ่งดูไม่แตกต่างจากคนเอเชีย
คนของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์เป็นลูกครึ่งที่ผสมระหว่างคนเอเชียและคนยุโรปเรียกว่ายูเรเชี่ยนด้วยรูปร่างและลักษณะแบบนี้สอดคล้องกับคำอธิบายของคาบูก่อนหน้านี้
“เธอน่าเป็นทหารของกองกำลังชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ซึ่งเธอแข็งแกร่งมาก! ” เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ในใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจยกปืนขึ้นมาเล็งหลังจากเริ่มเล็งเท่านั้นเซี่ยเหล่ยก็พบกับปัญหาเพราะกองกำลังทหารหญิงคนนั้นกำลังวิ่งอยู่ในป่าทึบซึ่งปืนไรเฟิลไม่สามารถยิงทะลุลำต้นของต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ได้!
ไม่นานหลังจากที่เซี่ยเหล่ยพบกองกำลังทหารหญิงคนนี้ เขาก็พบว่าด้านหลังของเธอห่างออกไปไม่ไกลมีกองกำลังทหารหญิงอีกหลายคน ใบหน้าของพวกเธอทาด้วยน้ำมันเพื่อสำหรับพลางตัว พวกเธอสวมเสื้อที่เรียบง่ายพร้อมใส่กระโปรงที่ทำมาจากหนังสัตว์ ตามตัวของพวกเธอมีรอยสักเต็มไปหมดมันมีทั้งรูปของเปลวไฟและรูปของสัตว์ร้ายนานาชนิดทำให้เมื่อดูไปที่พวกเธอแล้วจะรู้สึกได้ว่าพวกเธอน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
กองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ที่กำลังบุกเข้ามาตอนนี้ในมือของพวกเธอบางคนก็ถือหอก บางคนถือมีดหรือดาบ บางคนถือคันธนูและบางคนก็ถือปืน AK-47
กองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ที่กำลังบุกเข้ามาเรื่อยๆนั้นเมื่อเซี่ยเหล่ยมองดูจำนวนให้ดีแล้ว พบว่าพวกเธอมีกันมากกว่า100คน!
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ไม่ได้มีเวลาให้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเขาใช้สัญชาตญาณ เขาหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่เป้าหมายอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเล็งคนที่ไม่มีสิ่งกีดขวางกั้นจากนั้นเขาก็เหนี่ยวไก……
เมื่ออีกฝ่ายได้ฆ่าอะดรอโดยไม่มีเหตุผลและไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบายใดๆ นั่นแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แล้วซึ่งก็คือการฆ่าทุกคนที่นี่ พวกเธอคิดที่จะสังหารทุกคน!
แม้ว่าเมื่อกี้นี้เขาจะใช้สัญชาตญาณในการยิงออกไปแต่เขาก็กลับมาคิดอยู่ดีว่าควรจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์เช่นนี้!
ปัง!! เสียงของกระสุนปืนไรเฟิลที่เซี่ยเหล่ยได้ยิงไปดังขึ้นพร้อมกับกระสุนที่ออกไปจากปากกระบอกปืนของเขาได้ตรงไปเข้าหน้าอกของกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์กระสุนทะลวงผ่านร่างของเธอในทันทีโดยระหว่างที่กระสุนกำลังจะทะลุนั้น ด้วยแรงหมุนของมันได้ปั่นอวัยวะภายในของกองกำลังทหารหญิงคนดังกล่าวทำให้เลือดและเศษชิ้นเนื้อได้กระเด็นไปติดกับต้นไม้
“มีศัตรูบุกรุก! เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้! ” ถ่างหยู่เหยี่ยที่กำลังนอนอยู่ก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงปืนขึ้น เธอรู้ได้ทันทีด้วยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีศัตรูบุกเข้ามาแน่ เธอจึงตะโกนออกไป
ทุกคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อนได้ลุกขึ้นมาจับปืนจากนั้นก็หาบังเกอร์ไม่ว่าจะเป็นทั้งกองกำลังของชนเผ่าไบซีหรือเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เหลือรอดอยู่ก็ตาม พวกเขาในตอนนี้ได้สุ่มยิงออกไปเหมือนกับคนตาบอดเพราะพวกเขาไม่เห็นว่าเป้าหมายอยู่ตรงไหนกันแน่ในตอนนี้
ปังปังปัง ปังปังปัง ปัง……
ปัง ปัง ปัง ปัง ……
ด้วยการยิ่งสุ่มออกไปทำให้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างมากพร้อมกับเศษกิ่งไม้และต้นไม้กระเด็นกระจายออกมาเนื่องจากความแรงของกระสุน
“มันต้องเป็นกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แน่ๆ! มันต้องเป็นพวกเธอ! ” คาบูตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนก
ทันทีที่คาบูตะโกนจบมีลูกธนูพุ่งไปเข้าไปเสียบที่คอของคาบูทันทีด้วยเพราะว่ามันเป็นลูกธนูความแรงของมันจึงมีไม่มากทำให้เมื่อพุ่งเสียบคอของคาบูแล้วมันไม่ทะลุไป มันยังคงเสียงคาอยู่ที่คอของเขา คาบูพยายามจับไปที่คอของตัวเองจากนั้นเขาก็ค่อยๆล้มลงแม้ว่าจะไม่ตายในทันทีแต่ที่สุดแล้วเขาก็ไม่รอด….
มีกองกำลังทหารหญิงหลายคนได้วิ่งไปยังต้นไม้ที่เซี่ยเหล่ยถือปืนอยู่ พวกเธอคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงรู้ว่าตำแหน่งไหนควรที่จะเป็นจุดซุ่มยิง จึงไม่ใช่เรื่องยากในการหาตำแหน่งของเซี่ยเหล่ยที่กำลังหลบซ่อนอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเหล่ย พวกเธอคงจะลอบเข้ามาฆ่าทุกคนได้อย่างเงียบเชียบและง่ายดายไปแล้ว พวกเธอหลายคนจึงเกลียดเซี่ยเหล่ยมากนั่นทำให้คนเหล่านั้นเลือกที่จะพุ่งมาด้านที่เซี่ยเหล่ยอยู่แทนที่จะพุ่งไปโจมตีจุดตั้งค่าย !
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารหญิงเหล่านี้จะรวดเร็วแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเธอไม่สามารถหาเซี่ยเหล่ยเจอเนื่องจากเซี่ยเหล่ยในตอนนี้อยู่สูงมากเกินกว่าที่พวกเธอจะคิด จากนั้นพวกเธอก็วิ่งผ่านไปเพื่อจะค้นหาต่อเซี่ยเหล่ยที่เห็นดังนั้นก็รีบค่อยๆปีนกลับลงมากจากนั้นก็สไลด์ตัวลงจากต้นไม้
เซี่ยเหล่ยเก็บปืนและเอามันมาสะพายหลังจากนั้นก็ออกตัววิ่งไปยังทิศทางที่ถ่างหยู่เหยี่ยอยู่!
“เขาอยู่ที่นั่น!” จู่ๆกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์คนหนึ่งก็หันมาเห็นเซี่ยเหล่ยเข้าพอดีจึงได้ตะโกนขึ้นมาและปาหอกไปยังทิศทางที่เซี่ยเหล่ยอยู่
เซี่ยเหล่ยหมอบลงทันทีในเวลาเดียวกันนี้หอกก็พุ่งผ่านหัวของเซี่ยเหล่ยไป ระยะห่างจากหอกและศีรษะของเซี่ยเหล่ยเมื่อครู่นี้ไม่ถึง 1 เซนติเมตรนี่ถือเป็นนาทีชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
จังหวะที่เขาหมอบลงไปนั้น เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหลบคมหอกที่ถูกปาออกมาเพียงอย่างเดียว เขาได้เอี้ยวตัวกลับมาพร้อมเล็งยิงในท่าทางนอนราบไปด้วยอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาในการหลบหมอบและหันกลับมาเล็งนี้เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ปัง ปัง ปัง !
กระสุนสามนัดที่ถูกยิงออกไปโดนหน้าอกของกองกำลังทหารหญิงสามคน มันทะลุผ่านหน้าอกพวกเธอทันที
ทันทีที่กระสุนผ่านร่างของพวกเธอไป พวกเธอก็ล้มลง….
ในขณะที่กำลังกองกำลังทหารหญิงทั้งสามคนล้มลงไปนั้น เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้หลบอยู่ที่เดิม เขาใช้ความเร็วพุ่งตัวออกไปและไปหลบอยู่หลังต้นไม้ที่ใกล้มากที่สุด
ทันทีที่ไปอยู่หลังต้นไม้แล้วก็มีกระสุนปืน AK-47 พุ่งมาตกใกล้ๆกับเท้าของเขาพอดีซึ่งถ้าเขาช้ากว่านี้เพียงแค่ก้าวเดียวก็คงจะโดนยิงไปแล้ว
จังหวะนี้จู่ๆก็มีแสงกระพริบเล็กน้อยจากหางตาของเซี่ยเหล่ยจากนั้นไม่นานกองกำลังทหารหญิงที่กำลังยิงปืน AK-47 มาทางเซี่ยเหล่ยนั้นก็ล้มลงพร้อมมีมีดไม่มีด้ามปักอยู่ที่กลางหน้าอกของเธอ!
“มากับฉัน !” เซี่ยเหล่ยได้ยินเสียงของถ่างหยู่เหยี่ยพูดไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่มากนัก
ติดตามตอนต่อไป………..