Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 297
TXV – 297 การสูญเสีย !
ตอนนี้ภายในป่าเต็มไปด้วยการปกคลุมของความมืด เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยวิ่งไปด้วยในกันป่าแห่งนี้ พวกเขาวิ่งไปพร้อมกับคอยหลบกระสุนปืน ลูกธนู และหอกไปด้วยกัน…
ในตอนนี้กองกำลังชนเผ่าไบซี สามคนได้เจอบังเกอร์ที่คิดว่าค่อนข้างหลบซ่อนตัวได้ดี หลังจากเข้าไปหลบแล้วพวกเขาก็มองออกไปรอบข้างเพื่อที่จะหาเป้าหมาย หลังจากเจอแล้วพวกเขาก็เตรียมที่จะยิงออกไปแต่ในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีลูกธนูพุ่งลอยผ่านหัวไปนิดเดียวเท่านั้น ทั้งสามคนที่คิดว่าตัวเองเจอเป้าหมายแล้วกลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาเองก็ตกเป็นเป้าหมายเหมือนกัน
เหล่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 เองเมื่อได้ยินเสียงปืนของเซี่ยเหล่ย พวกเขาก็ได้รีบลุกขึ้นและเข้าไปหลบอยู่ที่บังเกอร์ที่ใกล้ที่สุดด้วยความที่เคยชินกับสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะยิงตอบโต้การยิงของพวกเขาก็นับว่าไม่เลวแม้จะอยู่ในพื้นที่ปิดอย่างป่าแห่งนี้แต่ด้วยการยิงของพวกเขาทำให้กองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ตายไปสิบคน
แต่อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งนาทีแรกเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็โดนโหมกระหน่ำจากการโจมตีของกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ เนื่องจากพวกเขาโดนโจมตีแบบโอบล้อมนั่นทำให้สุดท้ายแล้วไม่มีใครเหลือรอดไปได้
ถ้าหากคิดถึงความเป็นไปได้ก็ไม่มีโอกาสที่ทั้งคาบู ลูกน้องของเขาพร้อมกับเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เหลือรอดจะมีทางชนะได้เลยเพราะแค่จำนวนก็รู้ผลแล้ว
การมาของพวกเขาครั้งนี้เป็นการมาเพื่อช่วยเหลือคนแต่พวกเขากลับต้องมาสังเวยชีวิตในต่างแดนนั่นเป็นเรื่องที่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่สำหรับพวกเขา?
ในตอนนี้ทีมงานที่มาที่อัฟกานิสถานทั้งหมดที่เหลือรอดอยู่ก็คือเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย
ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้แม้ว่าในป่าจะไม่มีเส้นทางที่ดีมากนักแต่พวกเขาก็สามารถวิ่งไปได้แม้จะอยู่ในความมืด พวกเขาวิ่งได้เร็วอย่างกับว่าคุ้นเคยกับเส้นทางพวกนี้มาแล้วทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซี่ยเหล่ย
เพราะด้วยความสามารถในตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการวิ่งในป่าพร้อมความมืดเลยถึงแม้ว่ากองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์จะคุ้นเคยกับสถานที่และสภาพแวดล้อมแห่งนี้มากแต่พวกเธอก็ไล่ตามทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยไม่ทัน
ในตอนนี้ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยไม่รู้เลยว่าวิ่งมาไกลแค่ไหน วิ่งมานานแค่ไหน หรือวิ่งไปทางไหนแล้ว จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่เห็นกองกำลังทหารหญิงตามมาแล้วบวกกับความเหนื่อยล้า ทำให้พวกเขาเลือกที่จะนั่งพักลงกับพื้นทันที
ในตอนนี้พวกเขาสลัดกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ได้แล้วรอบข้างของพวกเขาในตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีเสียงพูด ไม่มีเสียงฝีเท้า เสียงที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือสายลมที่พัดผ่านร่างกายของพวกเขาไปก็เท่านั้น
หลังจากหยุดนั่งพักไปหนึ่งนาที ถ่างหยู่เหยี่ยก็ลุกขึ้นจากพื้นและกำลังจะเดินกลับไปที่ค่ายพักก่อนหน้านี้
เซี่ยเหล่ยที่เห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปคว้ามือของถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “นั่นคุณจะทำอะไร คุณจะไปที่ไหน?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างขมขื่นว่า “ฉันต้องฆ่าพวกมันให้หมด! ฉันจะต้องแก้แค้นให้กับลูกน้องของฉัน! “
“คุณ…ใจเย็นก่อน” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเคร่งขรึมก่อนพูดต่อว่า “เรามีแค่สองคน ส่วนกองกำลังของพวกเธอมีเป็นร้อย ถ้าเรากลับไปแก้แค้นทั้งๆแบบนี้นั่นเท่ากับว่าเราเอาชีวิตไปทิ้งนะ!”
ถ่างหยู่เหยี่ยสลัดมือของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณเป็นคนขี้ขลาด! คุณมันขี้ขลาด!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ยเพราะเขาเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้เพราะเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ตายไปทั้งหมดนี้เป็นลูกน้องของเธอที่ผ่านอะไรต่ออะไรมาด้วยกันมากมาย พวกเขาแม้จะเป็นลูกน้องของเธอความสัมพันธ์ที่มีก็ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องเลย
การสูญเสียครั้งนี้เซี่ยเหล่ยเองก็เศร้าใจเหมือนกัน
“คุณไม่ไปใช่มั้ย? แต่ฉันจะไป! “ถ่างหยู่เหยี่ยเดินไปด้วยอารมณ์โกรธ
เซี่ยเหล่ยเดินไปคว้าตัวเธอ แต่เขาเองก็เสียจังหวะไปทำให้ล้มลงไปทื่พื้น ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เช่นกัน เธอก็ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับเซี่ยเหล่ยจังหวะล้มนี้ถ่างหยู่เหยี่ยล้มลงไปถึงพื้นก่อน เซี่ยเหล่ยล้มไปหลังจึงล้มลงไปทับตัวของถ่างหยู่เหยี่ย……
เซี่ยเหล่ยที่เห็นโอกาสจึงได้ใช้ตัวของเขาเองกดถ่างหยู่เหยี่ยเอาไว้กับพื้น เพื่อไม่ให้เธอเคลื่อนไหวไปไหน
โดยปกติแล้วถ่างหยู่เหยี่ยไม่ใช่คนที่บุ่มบ่ามแต่เนื่องจากเธอเพิ่งสูญเสียลูกน้องทั้งหมดไปซึ่งพวกเขาเปรียบเสมือนเป็นพี่เป็นน้องกับเธอไปเลยทำให้เธอกลายเป็นเช่นนี้
นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกันเนื่องจากลูกน้องของเธอตอนนี้ตายหมด แล้วจะไปช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างไรล่ะ ?
“คุณจะทำอะไรฉัน ?” ถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้อารมณ์เย็นขึ้นนั่นทำให้ตอนนี้เธอไม่โกรธเซี่ยเหล่ยเพราะเมื่อมาคิดดูให้ดีเธอเองก็เข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเหล่ยทำลงไป
นี่ถือเป็นโชคดีของเธอด้วยเพราะถ้าไม่มีเซี่ยเหล่ยเธอคงจะกลับไปแก้แค้นกองกำลังทหารหญิงและสุดท้ายผลที่ออกมาก็คงจะเดาได้ไม่ยาก
“ฉันเข้าใจแล้ว ปล่อยฉันได้แล้ว !” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้น
“สัญญากับผมมาก่อนว่าคุณจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฉันสัญญา คุณรีบลุกขึ้นได้แล้ว!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นออกจากตัวเธอแต่เขาก็ยังคงเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลาเผื่อว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะบุ่มบ่ามกลับไปแก้แค้นซึ่งถ้าเธอทำแบบนั้นอีกครั้ง เซี่ยเหล่ยก็จะคว้าตัวเธอไว้เหมือนเดิม
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้เธอไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลับไปแก้แค้นแล้วเมื่อเธอลุกขึ้นมา เธอได้หันหน้าไปกลับไปยังจุดตั้งค่ายจากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาในทันที เธอร้องไห้โดยไม่มีเสียงร้องออกมาเลยนั่นทำให้สัมผัสได้เลยว่าเธอรู้สึกเศร้าใจมากแค่ไหน
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเบาๆก่อนพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าเราสามารถหาโอกาสที่จะแก้แค้นให้กับพวกเขาได้ อย่าเศร้าไปเลย พวกเขาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว “
เมื่อเซี่ยเหล่ยพูดจบ ถ่างหยู่เหยี่ยก็หันมาทางเซี่ยเหล่ยแล้วก็ซบไปที่ไหล่ของเขาจากนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา โดยที่เธอไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยินเสียงสะอื้นของเธออีกแล้ว…..
เซี่ยเหล่ยลูบหัวของถ่างหยู่เหยี่ยเบาๆพร้อมพูดปลอบว่า “อยากร้องไห้เท่าไหร่ก็ร้องออกมาให้หมดเลย สุดท้ายแล้วมันจะช่วยให้คุณดีขึ้น”
แม้ว่าตอนนี้หน้าอกของถ่างหยู่เหยี่ยจะไปโดนแขนของเซี่ยเหล่ยแถมเซี่ยเหล่ยก็โอบเอวของเธอไว้แม้ว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับถ่างหยู่เหยี่ย…..
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้คิดไปถึงว่าสถานการณ์ว่าเหลือกันแค่สองคนแล้ว พวกเขาจะไปช่วยเหลือตัวประกันอย่างไรดี ?
จากนั้นเขาก็คิดไปถึงพ่อของเขาเซี่ยฉางห่าย
ข้อสังเกตประการที่สองที่พ่อของเซี่ยเหล่ย เซี่ยฉางห่ายทิ้งไว้ให้ก็คือว่าเมื่อมาถึงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แล้วหลังจากนั้นก็จะเจอกับคนที่ชื่อว่าเยลเลน่า
‘ตอนนี้เราจะบอกสิ่งนี้กับถ่างหยู่เหยี่ยอย่างไรดีเพราะอารมณ์ของเธอในตอนนี้ไม่มั่นคงยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้บริเวณโดยรอบมีชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์อยู่เต็มไปหมดนั่นคงทำให้พ่อของเรายังไม่ส่งเยลเลน่ามาพบกับเราใช่มั้ย’ เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งถ่างหยู่เหยี่ยก็ยกหัวขึ้นจากไหล่ของเซี่ยเหล่ย เธอเช็ดคราบน้ำตาของตัวเองจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว เราไปกันเถอะ พวกเธอจะไม่ล้มเลิกการตามหาเราแน่ๆ เราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกได้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยคนเดิมกลับมาแล้ว
เซี่ยเหล่ยพูด “ตอนนี้เรายังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารเพราะผมมีทั้งอาหารแห้งและน้ำ แล้วคุณหล่ะ? “
สิ่งที่เหลืออยู่ในกระเป๋าสะพายของเซี่ยเหล่ยถือว่าช่วยเหลือพวกเขาได้แน่ในอนาคตอันใกล้นี้
ถ่างหยู่เหยี่ยรีบตรวจสอบอุปกรณ์สัมพาระของตัวเอง เธอหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋าของเธอพร้อมเปิดใช้งาน มันยังคงแสดงตำแหน่งของนักวิจัยคนสำคัญอยู่โดยกระพริบเป็นสีแดงอ่อนๆ
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นอุปกรณ์นี้แล้ว เขาก็สบายใจขึ้นพร้อมพูดออกไปว่า “ยังดีที่เจ้าเครื่องนี้ไม่ได้เสียหายหรือหล่นหายไปที่ไหนซะก่อน ไม่งั้นเราคงไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับกลุ่มนักวิจัยเหล่านั้นแน่ๆ”
“ตอนนี้คุณเหลือกระสุนเท่าไหร่?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยและปืนไรเฟิลของเขา
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณสบายใจได้ ผมจะเติมกระสุนทุกครั้งที่จบการต่อสู้ดังนั้นตอนนี้ผมยังเหลืออีกเยอะ ส่วนกระสุนปืนสั้นของผมก็เหลือมากพอที่จะยิงและเปลี่ยนแม็กได้ราวๆ30รอบ”
“งั้นคุณแบ่งกระสุนปืนสั้นมาให้ฉันส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคุณก็เอาออกมาไว้นอกกระเป๋าด้วยนั่นจะทำให้คุณไม่เสียเวลาที่ต้องการจะเปลี่ยนกระสุน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นนี่ก็ถือเป็นหนึ่งในการสอนของเธอ
เซี่ยเหล่ยหยิบขึ้นมาเหน็บที่เอวส่วนหนึ่งจากนั้นก็ส่งให้กับถ่างหยู่เหยี่ยส่วนหนึ่งในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ที่จะเก็บกระสุนปืนพกเอาไว้ เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้ในระยะใกล้ในครั้งต่อไปเซี่ยเหล่ยจะสู้กับกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ในระยะที่ห่างไกลกันเป็นหลักกิโลเมตร!
ถ่างหยู่เหยี่ยรับกระสุนมาจากเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็มองกลับไปยังทิศของที่ตั้งค่ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินนำเซี่ยเหล่ยไปยังทิศทางที่จะช่วยเหลือนักวิจัย
“เราต้องเดินทางอย่างระมัดระวังมากที่สุด เราไม่ควรที่จะทิ้งร่องรอยไว้ให้ใครสามารถตามได้” เซี่ยเหล่ยพูดแนะนำถ่างหยู่เหยี่ยที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้าเขา
“คุณยังคงระมัดระวังอยู่จริงๆนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีแต่คุณไม่จำเป็นต้องเตือนฉันในเรื่องนี้หรอก ฉันรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองกลับไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มเจื่อนๆ “อืม ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกันแต่ถ้ากองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ตามรอยเท้าเรามาได้ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน “
ถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้พูดตอบอะไร พวกเขายังคงเดินต่อไป…
“เหล่ย คุณคิดว่าเราจะตายกันที่นี่หรือไม่?” จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“ไม่เลย” เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “ผมยังไม่คิดที่จะตายที่นี่ ตอนนี้”
ถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้มองไปที่เซี่ยเหล่ยตรงๆในตอนนี้ เธอคิดว่าเซี่ยเหล่ยมีความคิดในแง่บวกมากแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเลวร้ายแค่ไหนแต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาเลยการที่เขามั่นใจในตัวเองแบบนี้ถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของตัวเขา
แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆตอนนี้เธอก็คิดไปถึงเรื่องก้นของเซี่ยเหล่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ………..
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เรามีทางเลือกอย่างไรบ้าง” เซี่ยเหล่ยถาม
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมพูดว่า “แผนของเราตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม คือบุกเข้าช่วยตัวประกันแล้วค่อยถอนกำลังออกมา “
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…… ” จู่ๆในตอนนี้ก็มีเสียงสุนัขเห่าขึ้นทันทีที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดจบ
ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยที่ได้ยินเสียงหมาเห่าตัวแข็งทื่อในทันที
กองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์จะไม่ปล่อยให้เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยมีชีวิตรอดไปได้นั่นเพราะว่าพวกเขาได้ฆ่ากองกำลังทหารหญิงไปหลายคน
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง …… ” เสียงสุนัขเห่าอีกครั้งพวกมันกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เสียงของพวกมันใกล้เข้ามาอีกจากตอนที่เห่าครั้งแรก
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างหงุดหงิดไปว่า “เราไม่มีทางวิ่งหนีสุนัขล่าเนื้อพวกนี้ได้ แถมพวกมันก็รู้ตำแหน่งของพวกเราแล้ว กองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ไม่ปล่อยเราไว้แน่ เราไม่มีโอกาสเอาชนะพวกเธอได้เลยด้วยจำนวนคนแค่สองคน “
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนั้นเขาก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “เราต้องขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ สุนัขล่าเนื้อจะไม่สามารถรู้ตำแหน่งของเราได้ พวกมันสัมผัสกลิ่นได้เฉพาะภาคพื้นดินเท่านั้นแถมมันยังปีนต้นไม้ไม่ได้อีกด้วย “
ทันทีที่พูดจบเซี่ยเหล่ยก็ก้มตัวลง ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เหยียบตัวของเซี่ยเหล่ยทันที เธอพร้อมที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงหลายเมตรแล้ว
เซี่ยเหล่ยพยายามจับขาของเธอเอาไว้ในขณะที่ตัวเองกำลังค่อยๆยืนขึ้น
ด้วยพื้นดินที่ไม่เรียบและมีผิวขรุขระ บวกกับการที่ต้องทรงตัวโดยมีอีกคนกำลังเหยียบตัวเองอยู่นั้น ทำให้เซี่ยเหล่ยทรงตัวได้ไม่มั่นคงและกำลังจะล้มลง
“คุณ …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยที่รู้สึกได้ว่ากำลังจะตกก็ได้พูดออกมาพร้อมเอื้อมมือไปแตะกิ่งไม้ได้ทันก่อนที่จะตกลงมา
เซี่ยเหล่ยที่เสียหลักล้มลงไปก็ได้รีบลุกขึ้นมาพร้อมรีบปีนต้นไม้ตามถ่างหยู่เหยี่ยไป
ด้วยขนาดต้นไม้ที่ค่อนข้างจะใหญ่เซี่ยเหล่ยจึงได้ปีนขึ้นไปถึงกิ่งไม้ถัดไปก่อนถ่างหยู่เหยี่ย เมื่อไปถึงก่อนแล้วเซี่ยเหล่ยก็มองกลับลงมาพร้อมส่งมือไปให้ถ่างหยู่เหยี่ยเป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะช่วยดึงเธอขึ้นมาแต่เมื่อถ่างหยู่เหยี่ยเห็น เธอกลับพูดกับเซี่ยเหล่ยอย่างงุ่มง่ามไปว่า “ไม่ต้อง ฉันช่วยเหลือตัวเองได้!
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนที่จะปืนขึ้นไปยังกิ่งไม้ที่สูงกว่ากิ่งที่อยู่ตอนนี้ หลังจากขึ้นไปที่ความสูงมากพอ เขาก็กระโดดจากกิ่งไม้ต้นเดิมไปกิ่งไม้ของต้นใหม่ ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เช่นกันเมื่อขึ้นไปสูงมากพอ เธอก็กระโดดไปยังกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นใหม่
การกระทำของพวกเขาเมื้อครู่นี้ก็ไม่ต่างจากลิงที่กระโดดข้ามต้นไม้เล่นเลย
ในเวลานี้สุนัขล่าเนื้อได้ตามพวกเขามาจนทันและเดินวนไปวนมารอบๆต้นไม้ต้นแรกที่พวกเขาปีนขึ้นมา….
ติดตามตอนต่อไป……..