Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 299
TXV – 299 ความอบอุ่นในคืนฝนพรำ
เมื่อหลังคารั่วๆอย่างยอดไม้ต้องปะทะกับฝนกลางคืน คนดวงซวยทั้งสองก็ต้องพยายามหลบน้ำที่หยดลงมาอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งนั่นก็คือเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยที่เพิ่งหนีเหล่านักฆ่ามาได้หมาดๆ แต่กลับเจอฝนอีกครั้ง
อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่มีฝนตกต่อปีเพียง 240 มิลลิลิตรแต่ถ้ามองจากสถานการณ์ตอนนี้คงคิดว่าปริมาณที่ว่าคือปริมาณฝนต่อเดือนมากกว่าหยาดฝนตกลงมาจากเมฆครึ้มทะลุผ่านยอดไม้เบียดเสียดลงสู่พื้น จนพื้นดินกลายเป็นโคลนอย่างรวดเร็วตอนนี้แม้เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยจะเดินอย่างระมัดระวังที่สุดย่ำลงโคลนให้เบาที่สุดแล้วก็ยังทิ้งรอยเท้าไว้ชัดเจนอยู่ดีซึ่งถ้ามีใครเจอรอยเท้าพวกนั้นพรุ่งนี้ก็คงยังมีการตามล่ากันอยู่อีก
ฝนบางหยดไม่ได้ร่วงลงพื้นตรงๆ แต่เกาะค้างอยู่ตามยอดไม้และลำต้นผนวกกับมอสและอื่นๆ ตอนนี้บริเวณต้นไม้จึงลื่นเสียยิ่งกว่าอะไรถ้าจะเดินเข้าไปใกล้ก็คงใช้เวลาเป็น 10 นาที เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยจึงจำเป็นต้องเดินเกาะกลุ่มกันไว้
เซี่ยเหล่ยเดินไปพลางใช้กิ่งไม้ลบรอยเท้าบนพื้นไปด้วย แต่เดินไปได้ไม่ไกลนัก เขาก็ยอมแพ้ เซี่ยเหล่ยขว้างกิ่งไม้ทิ้งไปแล้วบ่นขึ้นมา “ช่างมันเถอะ ทำแบบนี้ก็เหนื่อยตายก่อนจะหนีไปได้ไกลแน่ๆ ฝนบ้านี่ เราจะได้หยุดพักเมื่อไหร่เนี่ย……”
ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะโซเดียมไฮโปซัลไฟต์ อุณหภูมิตอนกลางคืนของอัฟกานิสถานค่อนข้างต่ำมาก ยิ่งฝนตกแบบนี้ เซี่ยเหล่ยก็ยิ่งหนาวจนปากสั่น ฟันเขากระทบกันเวลาพูดอย่างควบคุมไม่ได้ความหนาวสามารถผลาญพลังงานในร่างกายคนให้หมดเร็วยิ่งขึ้นได้ถ้าไม่รีบทำให้ตัวอุ่นตอนนี้เซี่ยเหล่ยอาจป่วยได้เลย
ถ่างหยู่เหยี่ยหันไปมองเซี่ยเหล่ยแล้วถามขึ้น “อยากได้ชุดคุณคืนมั้ย?”
เซี่ยเหล่ยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปมองคอระหงของเธอแทน ตำแหน่งของซิปอยู่ต่ำมาก เผยให้เห็นร่องอกขาวอยู่ระหว่างซิปทั้งดูนุ่มนิ่มและมีเสน่ห์ แต่ปัญหาที่เซี่ยเหล่ยมองจริงๆอยู่ตอนนี้คือถ่างหยู่เหยี่ยก็มีเสื้อตัวเดียวเช่นกันถ้าเธอคืนเสื้อให้เขา เธอเองก็ต้องหนีออกจากป่าไปด้วยความหนาวไม่แพ้กัน
ในที่สุดถ่างหยู่เหยี่ยก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าเซี่ยเหล่ยกำลังมองตรงไหนอยู่ เธอส่งมือรูดซิปขึ้นปิดจนสุดแล้วเหลือบตามองเขากลับ “มองอะไร? อย่าแม้แต่จะคิดเชียว ฉันไม่คืนเสื้อให้คุณหรอกเว้นแต่ว่าคุณจะหาเสื้อขนแกะอุ่นๆให้ฉันได้สักตัวน่ะนะ”
เซี่ยเหล่ยแค่นยิ้ม “คุณคิดว่าเรามาสำรวจพื้นที่รึไง? อยากได้เสื้อขนแกะ ทำไมไม่อยากได้โรงแรมพักเลยล่ะ? หรือไม่ก็คิดว่าต้องทำอะไรต่อ ฝนนี่ดูจะไม่หยุดตกง่ายๆด้วย เราต้องหาที่หลบฝนก่อน ไม่งั้นได้ป่วยกันแน่ๆ”
“ตรงไปทางภูเขากันเถอะ เราอาจจะเจอที่หลบฝนตรงตีนเขาก็ได้ ถ้าโชคดีก็คงเจอถ้ำหรืออะไรสักอย่างแหละ” ถ่างหยู่เหยี่ยกล่าว
เซี่ยเหล่ยมองไปทางภูเขาที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วเดินนำหน้าถ่างหยู่เหยี่ยไป บนพื้นโคลนเฉอะแฉะมีรอยเท้าที่คนทั้งคู่ทิ้งไว้แต่เซี่ยเหล่ยก็ขี้เกียจจะลบมันเต็มทีแล้วถ้ามีไข้ป่าหรือโรคในป่าที่ไม่เคยมีใครเข้ามาแบบนี้ มันอาจอันตรายยิ่งกว่าชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ก็เป็นได้
“คุณรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมั้ยที่ตามฉันมาทำงานนี้ด้วย?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามขึ้น
เซี่ยเหล่ยตอบ “ไม่เลย ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผมยังไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“แล้วถ้าคุณตายล่ะ?”
“ตายก็ตายสิ สุดท้ายทุกคนก็ต้องมีวันนั้นกันอยู่แล้ว” เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ผมว่าการสละชีวิตเพื่อชาติมันก็ไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้นะ แต่เอาเถอะ คุณอยู่ใกล้ๆผมไว้ล่ะ”
“ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไม่อยากตายที่นี่” ถ่างหยู่เหยี่ยตบหลังเซี่ยเหล่ยเบาๆ “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันจะดูแลคุณและพาคุณออกจากที่นี่เอง”
เซี่ยเหล่ยพ่นลมออกจากจมูก “ใครดูแลใครก็ไม่สำคัญหรอกแต่ตอนนี้คุณใส่เสื้อผมอยู่ นี่คือความห่วงใยที่ผมมีให้คุณนะ”
“ฉันรู้แล้วล่ะ คุณคงรักเสื้อคุณมากเลยสิ ฉันคืนให้ก็ได้!” พูดจบถ่างหยู่เหยี่ยก็รูดซิปลงทันที
เซี่ยเหล่ยรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็วแม้จะอยากหยุดเธอก็ตามโดยไม่รู้เลยว่าถ่างหยู่เหยี่ยรูดซิปลงไม่สุด เธอแค่รูดลงแล้วก็รูดขึ้นสุดเหมือนเดิมทันทีเมื่อเซี่ยเหล่ยหันกลับมา เขาก็เห็นถ่างหยู่เหยี่ยในสภาพปกปิดมิดชิดดี
“ฮ่าฮ่า!” ถ่างหยู่เหยี่ยหัวเราะเธอยกมือขึ้นชี้ไปที่จมูกเซี่ยเหล่ย “โรคจิต คุณมันโรคจิต”
เซี่ยเหล่ย “……”
เมื่อเห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ของเธอ เซี่ยเหล่ยก็อดเทียบเธอกับหลงบิงไม่ได้ ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 ล้วนเป็นผู้หญิงสวยแต่ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงเป็นผู้หญิงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลงบิงเย็นชาราวกับน้ำแข็งให้ความรู้สึกเข้าถึงยาก เธอไม่เคยเล่นมุกหรือพูดอะไรตลกๆ แต่เธอพูดคำไหนคำนั้นส่วนถ่างหยู่เหยี่ยเป็นคนร่าเริง มีชีวิตชีวา ชอบมุกตลก เวลาอยู่กับเธอก็คงไม่มีครั้งไหนไม่หัวเราะ เธอให้ความสุขกับคนที่อยู่ด้วยได้เป็นอย่างดี
ถ้าเปรียบผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่สำนักงานลับ 101 ทั้งสองคนนี้เป็นปลา เซี่ยเหล่ยคิดว่าหลงบิงคงเป็นฉลาม ในขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยเป็นโลมาแต่แน่นอนว่าถึงจะเป็นโลมา ก็เป็นโลมาที่ฆ่าคนได้อยู่ดี ที่เธออันตรายเพราะเธอนามสกุล ‘ถ่าง’ ยังไงล่ะ
หลังจากโชคร้ายรัวมาเป็นชุดแล้วในที่สุดก็มีโชคดีโผล่มาให้เห็นบ้างเมื่อเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินขึ้นเขา ทั้งสองคนก็เจอถ้ำและที่หลบฝนที่ตีนเขาพอดิบพอดี มีกระท่อมกลางป่าที่สร้างจากไม้และหญ้าแห้ง ถึงจะหลังเล็กหน่อย แต่ก็พอช่วยทั้งสองคนต้านความหนาวจากฝนได้
ภายในกระท่อมมีเตียงทำจากไม้และปูด้วยชั้นหญ้าแห้งหนาๆ การเจอกระท่อมนี่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ รวมทั้งเตียงปูหญ้าเตียงนั้น เปรียบได้กับการเจอสระว่ายน้ำหรูๆท่ามกลางทะเลทรายแห้งแล้งเลย
ไม่รอให้เซี่ยเหล่ยพูดอะไร ถ่างหยู่เหยี่ยก็รีบตรงไปที่เตียงทันที
เซี่ยเหล่ยคลานลงกับพื้นพลางมองสิ่งที่เขาเจอ มันคือเชือก ลูกธนู กระดูกสัตว์เล็กน้อย ข้าวถุงเล็กๆ และเนื้อแห้งหลายชิ้นเห็นได้ชัดนี่คือที่เก็บเสบียงของนายพราน
สิ่งที่เซี่ยเหล่ยเจอทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย “เห็นของพวกนี้มั้ย? ที่นี่คือที่เก็บเสบียงของนายพราน รู้มั้ยว่ามันหมายความว่าไง?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าตัวเองออกแล้วถามโดยไม่ได้คิดอะไร “หมายความว่าไงเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “หมายความว่าชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์อยู่ไกลจากที่นี่มากไงล่ะ เพราะถ้าอยู่ใกล้ๆ พวกเขาคงไม่ต้องสร้างที่เก็บเสบียงแบบนี้หรอกและยิ่งพวกเขาอยู่ไกลจากเราเท่าไหร่ เรายิ่งปลอดภัยเท่านั้น”
“หลงบิงบอกว่าคุณคือคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ ตอนแรกฉันคิดว่าเธอคงแค่พูดลอยๆ แต่ตอนนี้ฉันว่าเธอพูดจริงๆแล้วล่ะ คุณนี่ฉลาดจริงๆ แถมยังรอบคอบดีด้วย” ถ่างหยู่เหยี่ยกล่าวก่อนที่สายตาเธอจะไปหยุดอยู่ที่ก้นเขาแล้วหูเธอก็แดงขึ้นมาทันที
“คุณเชื่อเธอด้วยเหรอ? สักวันหนึ่งคุณคงกล้าฆ่าแม้แต่แมวแน่ๆ” เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนประเด็นด้วยอารมณ์ขัน เขาไม่อยากคุยกับเธอเรื่องความฉลาดของเขาสักเท่าไหร่ อันที่จริงเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่า IQ ของเขาสูงแค่ไหน
ระหว่างที่พูดเซี่ยเหล่ยก็ถอดเสื้อออกด้วยก่อนจะใช้สองมือบิดเสื้อให้หมาด เพราะการใส่เสื้อเปียกๆในคืนหนาวๆคงเป็นเรื่องที่โง่มาก
เมื่อบิดเสื้อเสร็จแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ถอดรองเท้าและกางเกงออกมาบิดด้วยเช่นกัน ยกเว้นกางเกงในที่ที่มีรอยจากเศษหินอยู่
ตลอดขั้นตอนการบิดผ้า เซี่ยเหล่ยแทบไม่ได้สนใจถ่างหยู่เหยี่ยเลย เขาบิดเสื้อผ้าไล่น้ำแต่ไม่ได้เอามาใส่ต่อ เซี่ยเหล่ยพาดเสื้อผ้าเอาไว้บนไม้แทนตั้งใจจะรอจนแห้ง
ถ่างหยู่เหยี่ยขมวดคิ้ว “นี่คุณเห็นฉันเป็นธาตุอากาศเหรอ? ล่อนจ้อนแบบนี้ได้ไง? คุณเป็นพวกโรคจิตจริงๆใช่มั้ยเนี่ย?”
เซี่ยเหล่ยเหลือบมองเธอบ้าง “ที่นี่สนามรบเลยนะ คุณควรจะสนใจอะไรมากกว่ากันล่ะ?” เขาพูดแล้วยิ้ม “คุณก็พูดตลอดเลยนี่นาว่าผมโรคจิต โอเค ผมยอมรับแล้วนี่ไงว่าผมโรคจิตแต่ถึงผมจะโรคจิต ผมก็รู้นะว่าคุณมองร่างกายผมอยู่ใช่มั้ยล่ะ? อีกอย่าง คุณจะบอกว่าผมล่อนจ้อนไม่ได้นะ เพราะผมยังใส่ชั้นในอยู่”
“เลิกคิดไปได้เลย” ถ่างหยู่เหยี่ยมองค้อนเซี่ยเหล่ยแล้วจึงหันกลับไปอีกทาง
เซี่ยเหล่ยเดินไปที่เตียงจัดแจงหญ้าแห้งเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงหันหลังให้ถ่างหยู่เหยี่ยแล้วบิดน้ำออกจากกางเกงในเงียบๆ
บรรยากาศในกระท่อมเริ่มกระอักกระอ่วนและอึมครึมมากขึ้น
“ฮัดชิ่ว!” ผ่านไปไม่กี่นาทีถ่างหยู่เหยี่ยก็ทนความชื้นของผ้าฝ้ายบนตัวไม่ไหว เธอจามออกมาพลางตัวสั่นน้อยๆ
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น “ผมแนะนำให้คุณทำแบบผมนะ ถอดเสื้อผ้าเปียกๆนั่นออกเถอะ เดี๋ยวก็เป็นไข้เอาหรอก”
“อย่าหวังเลย คนโรคจิต!” ใบหน้าของถ่างหยู่เหยี่ยแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “งั้นก็แล้วแต่คุณนะ”
“ฮัดชิ่ว! ฮัด…… ชิ่ว!” ถ่างหยู่เหยี่ยจามออกมาอีก 2 ครั้ง
เซี่ยเหล่ยหันไปหาอีกคนแล้วส่งมือแตะหน้าผากเธอก่อนจะต้องขมวดคิ้ว “คุณมีไข้นี่!”
ร่างกายของถ่างหยู่เหยี่ยยังคงสั่นเทาแต่ก็ยังปากแข็งอยู่ “ไข้ก็ไข้สิ ไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย”
เซี่ยเหล่ยนิ่งไป ก่อนจะเอื้อมมือรูดซิปเสื้อเธอลง จนเนินอกขาวราวหิมะสัมผัสกับอากาศอย่างฉับพลัน เนื้ออวบอิ่มกระเพื่อมเล็กน้อยจากการเคลื่อนไหวอย่างกระทันหันเหมือนภูเขาหิมะที่ถล่มลงมาก็ไม่ปาน
“คุณ…….” ถ่างหยู่เหยี่ยตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซี่ยเหล่ยจะทำแบบนี้ แต่เขากลับกล้าทำจริงๆ
เพียงวินาทีต่อมา ฝ่ามือเธอก็ตบเข้าหน้าเซี่ยเหล่ยฉาดใหญ่เป็นการตบที่รุนแรงพอสมควร มันรุนแรงจนมุมปากเขาเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา
แต่เซี่ยเหล่ยไม่ได้ใส่ใจมันนัก เขายังคงพยายามเอาเสื้อโค้ทเปียกๆออกมาจากร่างถ่างหยู่เหยี่ยต่ออยู่ดี
“คุณ…… จะทำอะไรน่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยเริ่มกลัวพยายามขืนตัวไม่ให้เขาเอาเสื้อโค้ทไปได้
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งในกระท่อมกลางป่า ผู้ชายใส่แค่ชั้นในตัวเดียวกำลังพยายามถอดเสื้อผ้าผู้หญิงออกจากสถานการณ์และสิ่งที่เห็น เซี่ยเหล่ยในสายตาถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ไม่ใช่แค่โรคจิตแล้วแต่เขาเป็นสัตว์ร้ายดีๆนี่เอง!
แม้ว่าเธอจะพยายามขัดขืนสุดแรงแล้วแต่เพราะพิษไข้ทำแรงเธอลดลงจนสู้เซี่ยเหล่ยไม่ไหว จนตอนนี้เธอถูกเซี่ยเหล่ยกดลงกับเตียงหญ้าพร้อมๆกับเสื้อโค้ทเปียกชื้นบนตัว
แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังไม่หยุดเขาถอดเข็มขัดเธอต่อด้วยการถอดกางเกงเธอออก เหลือเพียงกางเกงในลูกไม้สีม่วงที่แนบชิดไปกับผิว ความเซ็กซี่แบบผู้ใหญ่ถูกผ้าลูกไม้ปกปิดเอาไว้เป็นอะไรที่กระตุ้นอารมณ์ได้ดี
หลังจากถอดเสื้อโค้ท กางเกง รองเท้า และถุงเท้าเธอออกได้แล้ว เซี่ยเหล่ยก็ปล่อยตัวถ่างหยู่เหยี่ยให้เป็นอิสระ ฝ่ายถ่างหยู่เหยี่ยเมื่อขยับตัวได้แล้วก็รีบหยิบปืนพกข้างเตียงหญ้าขึ้นมา หันปากกระบอกตรงไปที่หัวเซี่ยเหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยที่ไม่รู้ว่าโดนปืนเล็งใส่อยู่ก็หยิบเสื้อผ้าที่เขาโยนลงพื้นเมื่อครู่ขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตาบิดน้ำฝนออก
“คุณไม่กลัวฉัน…… แค่ก แค่ก…….” ระหว่างพูดไปถ่างหยู่เหยี่ยก็ไอปนไปด้วยหลายครั้ง “คุณไม่กลัวฉันจะยิงคุณจริงๆงั้นเหรอ?”
“ถ้าคุณอยากยิงก็ยิงเลย และถ้าผมตายด้วยน้ำมือคุณไม่ใช่ผู้หญิงเผ่าเฮ็ปตาไลท์พวกนั้น คุณก็จะรู้สึกผิด พอเทศกาลเชงเม้งปีหน้า คุณก็จะต้องมานั่งจุดธูปบอกผม ขอให้ผมอโหสิให้คุณแบบนี้มันดีตรงไหนกัน?” เซี่ยเหล่ยพูดพลางบิดเสื้อผ้าต่อไป
“คุณ……” ถ่างหยู่เหยี่ยถอนหายใจออกมาเพราะพูดอะไรไม่ออกแต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเซี่ยเหล่ยไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอแค่อยากให้เธอถอดเสื้อผ้าเปียกๆออกเท่านั้น ถ้าเขาไม่ใช้กำลัง เธอก็คงหนาวตายและไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกนั่นแหละ
ถ่างหยู่เหยี่ยวางปืนลง กอดอก นั่งลงกับพื้นแล้ววางคางไว้บนเข่าตัวเองตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่าเซี่ยเหล่ยจะทำอะไร ในหัวเธอขาวโพลนไปหมดความคิดก็ตีกันยุ่งเหยิงจนจับประเด็นไม่ได้
เซี่ยเหล่ยที่จัดการเสื้อผ้าให้หมาดจนหมดแล้วก็เดินเข้าไปหาถ่างหยู่เหยี่ย วาดแขนออกไปกอดเธอจากนั้นให้ความอบอุ่นเธอด้วยร่างกาย
ถ่างหยู่เหยี่ยตัวแข็งทื่อแต่ไม่นานนักก็ผ่อนลง เซี่ยเหล่ยเห็นกว่า 90% ของร่างกายเธอ เสื้อผ้าและกางเกงก็ถูกถอดออกหมดนี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
“ถ้าคุณทำอะไรแบบเมื่อกี้อีก ฉันฆ่าคุณแน่” เมื่อถ่างหยู่เหยี่ยรู้สึกได้ว่าเซี่ยเหล่ยขยับตัวเธอก็พูดขึ้นทันที ด้วยความกังวลที่ก่อตัวกะทันหันทำให้เธอพูดออกไปโดยอัตโนมัติ
แต่เสียงเซี่ยเหล่ยที่ตอบกลับมาอธิบายได้เป็นอย่างดี “คร่อก…… คร่อก……”
“นี่! คุณเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้เรียนเรื่องมารยาทรึไง? ฉันพูดกับคุณอยู่นะ!”
“คร่อก…… คร่อก……”
ด้านนอกกระท่อมหยดฝนเย็นยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ลมแรงยังคงพัดหวีดหวิว แต่เซี่ยเหล่ยกลับเหงื่อออกกอดคนที่มีแต่ชั้นในลูกไม้สีม่วงเอาไว้ แบบเนื้อแนบเนื้อ เซี่ยเหล่ยจะขยับแบบไม่ระวังไม่ได้เลย จะทำตัวน่ากลัวเหมือนเมื่อครู่ก็ไม่ได้อีก ถ้าสวรรค์สงสารกันสักนิด โปรดรับรู้ด้วยว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยจริงๆ มันคือการทรมานกันชัดๆ……
ติดตามตอนต่อไป………..