Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 302
TXV – 302 สิ่งล้ำค่า !
จังหวะนี้ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากด้านหลัง พวกเขาหันกลับไปในทันที นั่นทำให้พบกับม้าสีขาวหนึ่งตัวโดยที่มีผู้หญิงผมบรอนด์กำลังขี่มันอยู่ ในมือของเธอไม่ได้ถือแส้ แต่มันเป็นปืน AK-47 เธอสูงอย่างมาก แม้ว่าใบหน้าของเธอจะสวยงามแค่ไหนก็ตาม แต่ร่างกายของเธอไม่ได้ดูอ่อนโยนเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปเลย
เธอคือหัวหน้าเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ทีน่า
ด้านหลังของทีน่านั้นเต็มไปด้วยกองทัพม้าอีกนับร้อย ในกองทัพนั้นมีทั้งวัยรุ่นและผู้ที่มีอายุแตกต่างกันไปหลายช่วง ในบรรดาพวกเธอนั้นบางคนก็ใช้ปืนAK-47 บางคนก็ใช้ปืนไรเฟิลตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง บางคนก็ยังใช้ดาบ บางคนก็ยังใช้หอก อาวุธของพวกเธอนั้นหลากหลายอย่างมากแม้ว่าพวกเธอจะเป็นผู้หญิงแต่ถ้าคิดจะดูถูกพวกเธอแล้วละก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะพวกเธอมีความสามารถพิเศษในแต่ละคนแถมยังต่อสู้โดยไม่กลัวความตายอีกด้วย
กองทัพม้าและผู้คนอีกรวมกันน่าจะได้ 300คนได้แผ่กระจายออกเป็นวงกว้างเพื่อล้อมรอบทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย ภาพในตอนนี้แสดงให้เห็นได้ถึงภาพนาทีความเป็นความตายของทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเลยก็ว่าได้
ถ่างหยู่เหยี่ยต้องการที่จะยกปืนขึ้นเพื่อที่เตรียมจะต่อสู้แต่ที่สุดแล้วเธอก็ไม่สามารถยกมั้นขึ้นมาได้แม้ว่าตอนนี้ปืนในมือของเธอมีกระสุนพร้อมที่จะยิงแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย
เซี่ยเหล่ยหยิบปืนไรเฟิลที่สะพายอยู่ที่หลังออกมา จากนั้นก็โยนมันไปที่พื้นด้านหน้าของตัวเองพร้อมกับยกมือขึ้นนี่คือท่าทางที่เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าเป็นท่าทางของการยอมจำนน
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ย จากนั้นก็ทิ้งปืนลงพื้นแล้วยกมือขึ้นพร้อมกระซิบไปที่เซี่ยเหล่ยว่า “หวังว่าพวกเธอจะให้โอกาสเราได้เริ่มพูดก่อนนะ “
หลังจากที่ถ่างหยู่เหยี่ยกระซิบเสร็จ ก็มีกระสุนหลายนัดถูกยิงออกไปตกตรงหน้าของถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ย
สถานการณ์ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่ได้รู้สีกตื่นเต้นเลยกลับกันในตอนนี้เขากำลังรู้สึกเครียดเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งเขาและถ่างหยู่เหยี่ยได้ฆ่ากองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ไปจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในพวกที่เขาฆ่าไป แน่นอนว่าจะต้องเป็นเพื่อนพี่น้องของคนในกองกำลังนี้อย่างแน่นอนหากพวกเขาจะเกลียดใครซักคนแล้วละก็ คงไม่พ้นเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยหรอกใช่มั้ย?
“ฉันรู้สึกเสียใจ …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้น
“คุณเสียใจเรื่องอะไรหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ฉันยังไม่ทันจะได้มีความรักกับใครซักคนเลยถ้าฉันตายแบบ……แบบนี้ ” การแสดงออกของถ่างหยู่เหยี่ยแปลกไปเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันก็จะรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยนะ”
ผู้หญิงที่ตายไปโดยยังไม่ได้มีความรักก็คงจะไม่ต่างกับผู้ชายที่ยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของผู้หญิงแล้วตายไปใช่หรือไม่นะ?
เซี่ยเหล่ยที่ได้ยินถ่างหยู่เหยี่ยพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเขาไม่เคยได้ยินเธอพูดในลักษณะนี้มาก่อนเลยแถมเซี่ยเหล่ยก็ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดีแต่อย่างไรก็ตามลักษณะท่าทางหรืออัตลักษณ์ของถ่างหยู่เหยี่ยดูคล้ายกับหลงบิงอย่างมาก เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างที่จะเยือกเย็นนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยังไม่มีความรักในก่อนหน้านี้
“คุณ …… คิดซะว่าเมื่อคืนเป็นความรักของคุณก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยพูดปลอบ
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นั่นไม่ได้เรียกว่าความรัก มันคือความป่าเถื่อนของคุณ”
เซี่ยเหล่ย “…… “
ภายใต้สถานที่แห่งนี้และสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าหัวข้อที่กำลังพูดคุยกันอยู่นี้ไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่แต่มันก็สามารถผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับพวกเขาได้บ้าง
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยถูกล้อมไว้หมดแล้วด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝ่าวงล้อมและหนีออกไปจากตรงนี้ได้ ณ ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเป็นผู้ชายแค่คนเดียวถูกล้อมลอบไปด้วยกองทัพทหารหญิงที่มากมาย
“พวกเรายอมจำนน!” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยภาษาพาสโต
ในความเป็นจริงพวกฮันส์จะมีภาษาเป็นของตัวเองด้วย มันเป็นการผสมกันระหว่างภาษาจีนและภาษาทิเบตซึ่งภาษานี้คนภายนอกไม่รู้จักนั่นทำให้ชาวฮันส์น่าจะต้องรู้ภาษาพาสโตไว้บ้างไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางทำธุรกิจต่างๆกับโลกภายนอกได้ นี่คือสิ่งที่เซี่ยเหล่ยคิดจึงทำให้เขาพูดภาษาพาสโตออกไป
ทีน่าไม่ได้พูดอะไร เธอได้แต่จ้องไปที่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย
จังหวะนี้ก็มีกองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งได้กระโดดลงจากหลังม้า จากนั้นเธอก็เดินไปหาเซี่ยเหล่ยด้วยใบหน้าของเธอที่ดูเหมือนกับหญิงสาวราว 13 หรือ 14 ปี แต่ส่วนสูงของเธอนั้นเปรียบเทียบได้กับผู้หญิงที่อายุยี่23-24ปี เซี่ยเหล่ยไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแม่นปืนของชนเผ่าและเขาจะต้องตกเป็นทรัพย์สินของเธอแถมเป็นสามีของเธออีกด้วย
กองกำลังทหารหญิงที่เดินออกไปนั้นก็คือแคนลามี่ เธอเดินไปเตะปืนไรเฟิลของเซี่ยเหล่ยและปืนพกของถ่างหยู่เหยี่ยให้กระเด็นห่างออกไปไกลจากทั้งคู่ ก่อนที่เธอจะผลักให้ถ่างหยู่เหยี่ยออกห่างจากเซี่ยเหล่ย จากนั้นเธอก็ได้เดินวนรอบเซี่ยเหล่ยสองถึงสามรอบ ที่เธอทำเช่นนี้เพราะกำลังจะตรวจสอบว่าเซี่ยเหล่ยนั้นคุ้มค่าพอหรือป่าวที่จะมาเป็นทรัพย์สินของตัวเอง
“ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่” เซี่ยเหล่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปที่แคนลามี่ใหม่อีกครั้งจากนั้นเขาก็คิดในใจอีกว่าเธอช่างคล้ายกับน้องสาวของเขาจริงๆ
สิ่งที่แคนลามี่กำลังทำอยู่นี้ทำให้บรรดากองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ต่างพากันหัวเราะคิกคัก
“เฮ้เฮ้…แคนลามี่ รีบเข้าไปตรวจเช็คสินค้าเชียวนะ” กองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“ว่าไง ถ้าเธอไม่พอใจกับสินค้าชินนี้แล้วละก็แลกกับแกะของฉันเอามั้ย ฉันจะเอาตัวผู้ชายคนนี้ไปแทน” กองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“แคนลามี่ อย่าเหนียมอายไป ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่แล้วนะ!” กองกำลังทหารหญิงบางคนพูด
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” แคนลามี่พูดด้วยความโกรธพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ
ภาษาที่กองกำลังทหารหญิงใช้กันนี้เป็นภาษาพาสโตจริงๆในระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดกันนั้น เซี่ยเหล่ยได้ยินและเข้าใจที่พวกเธอพูดทุกคำในหัวของเซี่ยเหล่ยเอาแต่คิดว่าพวกเธอจะทำอะไรกับเขาบ้างก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยมีมูลค่าของทรัพย์สินถึงหนึ่งพันล้านแต่ตอนนี้ราคาของเขาเท่ากับแกะไม่กี่ตัวแถมถ้าต้องโดนลักพาตัวโดยผู้หญิงแล้วละก็ ดูจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยต้องการที่จะดึงภาพออกมาจากกระเป๋าแต่แคนลามี่ได้พูดขัดจังหวะไปว่า “อย่าขยับ! ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการคุณทันที! “
เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นอย่างกล้าได้กล้าเสียไปว่า “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมแค่ต้องการที่จะเจรจาและทำข้อตกลงกับพวกคุณก็เท่านั้น”
สิ้นเสียงของเซี่ยเหล่ย แคนลามี่ใช้มือหนึ่งของเธอล้วงเข้าไปที่ตัวของเซี่ยเหล่ย ด้วยการกระทำนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหนแม้แต่น้อย
ตอนนี้ที่เซี่ยเหล่ยไม่กล้าที่จะขยับไปไหนต่างกับแคนลามี่ที่มือของเธอในตอนนี้เคลื่อนไหวราวกับปลาหมึก เธอลูบไล้ไปตามตัวของเซี่ยเหล่ยโดยเริ่มตั้งแต่ใบหน้า จากนั้นก็ค่อยๆขยับลงมาเรื่อยๆไปตรงหน้าอก หน้าท้อง จนในที่สุดตอนนี้ก็ไปหยุดอยู่ที่ก้นของเซี่ยเหล่ย ในตอนนี้แคนลามี่ดูค่อนข้างที่จะพอใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเธอแดงก่ำพร้อมด้วยดวงตาที่ส่องเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น
“แคนลามี่ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เกมส์ของเธอแต่เป็นของพวกเรา!” กองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่! พูดถูก! “กองกำลังทหารหญิงบางคนพูดสนับสนุน
“ด่วน! ถ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับฉัน ฉันจะแลกเปลี่ยนแกะ20ตัวแลกกับตัวของผู้ชายคนนี้! ” กองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะแลกด้วยแกะ 21ตัว!” กองกำลังทหารหญิงบางคนพูด
นี่เห็นได้ชัดว่าคุณค่าของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้มีค่าเท่ากับแกะเท่านั้น
“หึ!! ” แคนลามี่ไม่ได้สนใจคำพูดพวกนี้เลย เธอหยิบปืน AK-47 ที่อยู่ที่ไหล่ของเธอขึ้นมาเล็งไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดออกไปว่า” ถอดเสื้อผ้าออกเดี๋ยวนี้! ทั้งหมด!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่เขารีบเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าพร้อมหยิบรูปขึ้นมา
แคนลามี่ที่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยชักช้า เธอจึงได้เอื้อมมือออกไปที่เข็มขัดของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พยายามจะถอดมันออก…..
ถ่างหยู่เหยี่ยที่เห็นเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “คุณรีบบอกหัวหน้าของพวกเธอไปสิเรื่องภาพถ่าย! คนโง่! หรือว่าคุณชอบที่สาวน้อยคนนี้ทำกับคุณในตอนนี้งั้นเหรอ “
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนที่จะชูภาพถ่ายขึ้นไปยังทิศทางที่ทีน่าอยู่ จังหวะนี้เองแคนลามี่ก็ถอดเข็มขัดของเซี่ยเหล่ยได้แล้วและกำลังจะถอดกางเกงของเขาออก
“เดี๋ยวก่อน!” ทีน่าพูดขึ้น
“นั่น …… ” กองกำลังทหารหญิงคนหนึ่งที่มีผมสีขาวพูดขึ้นว่า “นั่นใช่ดาบอาทิส์ล่าหรือไม่?”
“ชื่อของมันคือดาบอาทิส์ล่า” ทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดบรรยากาศรอบข้างเขาในตอนนี้ก็เงียบลงมันเงียบราวกับว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย
มือของแคนลามี่ปล่อยจากเอวของเซี่ยเหล่ยจากนั้นเธอก็หันไปมองภาพถ่าย ดาบอาทิส์ล่า
ทีน่ากระโดดลงมาจากหลังม้าจากนั้นก็พูดกับเซี่ยเหล่ยไปว่า ” บอกฉันมาว่าคุณรู้จักดาบเล่มนี้หรือไม่? ถ้าหากคุณโกหกหรือปกปิดฉัน ฉันจะฆ่าคุณและเพื่อนของคุณทันที “
เซี่ยเหล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปล่อยออกมาพร้อมพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่าดาบเล่มนี้มีความสำคัญกับพวกคุณอย่างมากและผมก็รู้ว่ามันอยู่ที่ใคร ผมต้องการเจรจากับพวกคุณ”
“บอกฉันมา…ว่ามันอยู่ที่ไหน?” ทีน่าพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
แคนลามี่ในตอนนี้ไม่ดูค่อยสนใจดาบซักเท่าไหร่ สายตาของเธอมองต่ำลงไปที่เอวของเซี่ยเหล่ย ดวงตาของเธอเปิดกว้างนั่นแสดงให้เห็นว่าเธอมีความพึงพอใจอย่างมากแถมตอนนี้ในหัวของเธอยังจินตนาการไปต่างๆนาๆเรียบร้อยแล้ว
“ผมต้องการเจรจากับคุณก่อน” เซี่ยเหล่ยพูด
“คุณต้องการอะไร?” ทีน่าถาม
“ผมต้องการให้ผมและเพื่อนของผมออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นแล้วมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยจากนั้นก็หันกลับไปพูดต่อว่า “นอกจากนี้ยังมีนักวิจัยที่พวกคุณกักขังไว้ด้วย”
ทีน่ายิ้มเยาะก่อนที่จะพูดว่า “คุณเป็นคนที่โลภมากเสียจริง คุณต้องการแลกรูปถ่ายกับคนมากมายขนาดนี้ คุณคิดว่าฉันจะโง่ตอบตกลงไปมั้ยหล่ะ?”
หลังจากการพูดของทีน่าจบลงทำให้บรรดากองกำลังทหารหญิงต่างพากันยกปืนขึ้นเล็งไปที่เซี่ยเหล่ย
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมพูดต่อว่า “ผมรู้ว่าตอนนี้ดาบเล่มนี้มันอยู่ในมือของใคร”
“ในมือของใคร?” ทีน่ารีบถามเซี่ยเหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้เป็นคนโง่ ถ้าผมบอกคุณตอนนี้ผมมั่นใจได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างดังนั้นผมจะแสดงความจริงใจกับคุณหากคุณตอบตกลงข้อเสนอของผม ผมยินดีที่จะจ่ายเงินให้คุณเพิ่มอีกหนึ่งล้านดอลล่าห์ นั่นเป็นจำนวนเงินมากพอที่จะให้คุณซื้อหาอาวุธสมัยใหม่มาใช้ได้อย่างมากมาย “
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสริมไปว่า “พวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกับคุณ เราแค่ต้องการจะพาคนของเรากลับไปก็เท่านั้นและด้วยเงินจำนวนนี้ถ้าพวกคุณได้ไป มันมากพอที่จะให้คุณใช้ได้อีกเป็นสิบๆปี แถมคุณยังจะได้ของสำคัญกลับมาด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่เหมาะสมและคุ้มค่านะ”
ทีน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดไปว่า “ก่อนอื่นพาพวกเขากลับไปกับเราก่อน”
แคนลามี่จับมือของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ลากเขาไปที่ม้าของเธอ
“ขึ้นไป!” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “ผมขอขี่ม้าไปกับเพื่อนของผมได้หรือไม่?”
แคนลามี่จ้องตาโตไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดออกไปว่า “รีบขึ้นไป! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ได้มีค่าสำหรับเรา แต่คุณมี! “
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างกังวลไปว่า “รีบขึ้นไปเร็วๆ!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนที่จะขึ้นหลังม้าไป
แคนลามี่เองก็ขึ้นไปบนม้าเช่นกัน เธอโอบตัวของเซี่ยเหล่ยเอาไว้ นั่นทำให้หน้าอกของเธอโดนหลังของเซี่ยเหล่ยเต็มๆ จากนั้นเธอก็คว้าบังเหียนพร้อมสั่งให้ม้าออกวิ่ง
ด้วยการสั่งของแคนลามี่ทำให้ม้าออกวิ่งทันที ……
“คุณสั่งให้ม้าออกวิ่งได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความสงสัย
ติดตามตอนต่อไป…………