Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 303
TXV – 303 ทางเลือกระหว่างความเป็นความตาย !
แคนลามี่ไม่ได้ตอบกลับเซี่ยเหล่ย
ทันทีที่เริ่มออกเดินทางเสียงกีบเท้าของม้าก็ดังสนั่น เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นผู้หญิงบนหลังม้า เธอใช้ทั้งธนูทั้งหอกทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปในช่วงพันปีที่แล้วที่ยังใช้อาวุธโบราณในการต่อสู้ ด้านถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ถูกจับใส่กุญแจมือชะตากรรมของเธอนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
ตอนนี้แคนลามี่ที่มีใบหน้าเหมือนกับเด็กน้อยแต่ร่างกายเป็นของปีศาจนั้น มือของเธอจับไปที่มือของเซี่ยเหล่ยหลายต่อหลายครั้งในตอนนี้เซี่ยเหล่ยเองก็คิดที่จะใช้ศอก ดันไปที่เธอเพื่อต้องการที่จะหนีไปแต่เมื่อเขาหันไปดูรอบข้างเพื่อความแน่ใจ เขาก็หยุดความคิดนั้นไปเนื่องด้วยจำนวนของกองกำลังทหารหญิงชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ในตอนนี้มีมากจนเกินไปถึงแม้ว่าจะเดินเป็นขบวนเส้นตรงอยู่ก็ตาม
หลายๆครั้งมือของแคนลามี่ก็ได้เลื่อนไปจับที่ตัวของเซี่ยเหล่ยไม่ว่าจะเป็นหน้าท้องหน้าอกหรือแม้แต่เอวก็ตาม บางครั้งเธอก็ขยับเข้ามาให้ชิดกว่าเดิมนั่นทำให้ทุกครั้งที่ขยับหน้าอกของเธอก็ชนเข้ากับหลังของเซี่ยเหล่ยอย่างจัง
เซี่ยเหล่ยค่อนข้างที่จะอึดอัดใจกับการกระทำของแคนลามี่แต่เขาก็ไม่สามารถขัดขืนได้
ทั้งกองทัพตอนนี้เดินทางผ่านป่ามาจนถึงแม่น้ำสายใหญ่ แม่น้ำสายนี้ไม่ได้ไหลเชี่ยวเลย มันไหลไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ โดยแม่น้ำสายนี้มีหุบเขาขนาบข้างทั้งสองด้าน
ชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์อาศัยอยู่ในหุบเขานี้
ทั้งสองด้านของแม่น้ำมีเต็นท์บ้านหรือบ้านไม้อยู่เต็มไปหมด มันทอดยาวไปตามทางของแม่น้ำไกลเป็นกิโลเมตร พื้นที่รอบข้างก็ยังมีทุ่งโล่งกว้างไว้สำหรับทำการเกษตรซึ่งตรงบริเวณนั้นมีผู้ชายจำนวนมากกำลังทำงานอยู่และผู้ชายบางคนถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน
ผู้ชายที่ใส่โซ่ตรวนคนหนึ่ง เขาหันมามองตรงบริเวณทางเข้าอยู่ครู่หนึ่งไม่นานหลังจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเอาแส้มาฟาดใส่เข้า ทำให้เขาล้มลงไปที่พื้นทันที
เซี่ยเหล่ยที่เห็นการกระทำแบบนี้ทำให้เขาหน้าผากย่นและขมวดคิ้วทันที
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่าสิ่งที่คาบูพูดก่อนหน้านี้นั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมดที่ชนเผ่าแห่งนี้ ชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ที่นี่ผู้ชายส่วนใหญ่จะต้องทำงานหนัก สภาพไม่ต่างกับทาสซักเท่าไหร่เลยไม่ว่าจะเป็นทั้งทำเกษตรหรือแม้แต่ก่อสร้าง ส่วนผู้หญิงของชนเผ่านี้ก็จะมีหน้าที่จัดการให้พวกผู้ชายทำงานและทำหน้าที่ในการต่อสู้
“คุณเห็นมันไหม?” แคนลามี่พูดข้างหูของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดต่อว่า “พวกคนเหล่านั้นเป็นกองกำลังของเซ้นไอดร้าที่พยายามจะเข้ามายุ่มย่ามในเขตของพวกเราพวกมันจึงถูกจับมาเป็นทาสพร้อมใส่โซ่ตรวน ทีนี้คุณฟังฉันให้ดีถ้าคุณเชื่อฟังฉัน คุณก็จะไม่ถูกล่ามโซ่ตรวนและจะอยู่อย่างสบายกว่าคนพวกนั้น “
“คุณยังเป็นเด็ก คุณควรที่จะไปโรงเรียนเหมือนกับคนทั่วๆที่โลกภายนอก…… เอามือของคุณออกไป!” เซี่ยเหล่ยพูดออกไปพร้อมกับจับมือของแคนลามี่ที่อยู่ที่ท้องของเขาออกไป
“คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก ยังไงสุดท้ายแล้วคุณก็ต้องตกเป็นของฉัน” แคนลามี่ยิ้มแล้วพูดอย่างมีความสุขพร้อมพูดต่อว่า “คืนนี้คุณเป็นคนของฉัน คุณสบายใจได้ฉันจะอ่อนโยนกับคุณให้มากที่สุด “
เซี่ยเหล่ยหน้าผากย่นทันทีที่ได้ยิน……
ที่แห่งนี้มีสิ่งต่างๆที่แตกต่างจากโลกภายนอกอย่างมาก
บรรดากองทัพม้าได้ทยอยกันเดินเข้าไปในชนเผ่ารอบข้างที่พวกเธอเดินนั้นต่างมีเสียงโห่ร้องเสียงดัง ราวกับว่ากองทัพทหารหญิงที่ออกเดินทางไปนั้นรบชนะครั้งใหญ่แล้วกลับมาได้
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยถูกพาลงจากม้านั่นทำให้บรรดาคนในชนเผ่าได้เดินมายืนมุงรอบๆตัวพวกเขาแล้วก็พากันทุบไปที่ก้นของเซี่ยเหล่ยเพื่อดูความแข็งแรง จากนั้นก็ตั้งราคาแกะเพื่อใช้ประมูลเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยังคงรู้สึกอยู่ว่าเขาที่มีทรัพย์สินที่โลกภายนอกมีค่าถึงหนึ่งพันล้านแต่กับที่สถานที่แห่งนี้เขามีค่าเพียงแค่แกะเท่านั้นนี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างมากและสิ่งที่ทำให้เขาไม่ชอบใจมากที่สุดก็คือการที่ถ่างหยู่เหยี่ยในบางครั้งก็หัวเราะเยาะกับสิ่งที่กองกำลังทหารหญิงทำกับเขา
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้ถูกพาไปที่บ้านหลังหนึ่งแต่ไม่นานกองกำลังทหารหญิงทั้งหมดก็ถูกเรียกไปรวมตัวกันอยู่ที่อื่นโดยที่ตอนนี้เหลือแค่ ทีน่า เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเท่านั้น
ด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยมีความสามารถมากพอที่จะจับทีน่าไว้เป็นตัวประกันได้เพราะทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็ไม่ได้ถูกมัดมือหรือมัดเท้าไว้ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า เนื่องจากการที่เธอกล้าเผชิญหน้าด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้ เธอคงแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เสี่ยงทำแบบนี้แน่ๆ
“บอกมา” ทีน่าพูดต่อว่า “ดาบอาทิส์ล่าอยู่ที่ไหน? แล้วตอนนี้อยู่ในมือของใคร? “
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “เราต้องการเห็นนักวิจัยของเราก่อน”
ทีน่ามองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดอย่างเย็นชาไปว่า “ฉันไม่ได้ถามคุณ ถ้าคุณมีไหวพริบหน่อยคุณก็คงจะรู้ว่าการที่คุณยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะเขา ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าเธอไปนานแล้ว เธอไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับที่นี่เลย “
ในสายตาของถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแต่มันก็แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นเธอก็แสร้งก้มหน้าลงพร้อมปิดปากไม่พูดอะไรต่อ
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “ผมก็คิดเหมือนเพื่อนของผม ผมต้องการเห็นนักวิจัยของพวกเราก่อน “
“แคนลามี่!” ทีน่าเรียกเธอให้เข้ามา
ประตูถูกเปิดออกแคนลามี่ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจากนั้นก็พูดออกไปว่า “หัวหน้า ฉันสามารถนำเขากลับไปที่บ้านได้แล้วใช่มั้ย?”
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นแคนลามี่และได้ยินคำพูดของเธอ เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกปวดหัวอย่างมากกับการกระทำของเธอ เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าในหัวของเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากเรื่องนี้เลยงั้นเหรอ?
ทีน่าพูดว่า “ไปพาตัวทั้งห้าคนนั้นมาเดี๋ยวนี้”
“…” แคนลามี่รับรู้และเดินออกไปอย่างผิดหวัง
หลังจากเดินออกไปแคนลามี่ก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับนักวิจัยจากประเทศจีนหลายคนหนึ่งในนั้นก็มีหนิงจิงอยู่ด้วย ผมของเธอยังคงเป็นระเบียบแต่เสื้อผ้าของเธอตอนนี้สกปรกมาก รองเท้าของเธอเป็นร้องเท้าหนังสัตว์ที่ตอนนี้เหม็นอับส่งกลิ่นออกไปทั่ว
เมื่อเห็นเซี่ยเหล่ย หนิงจิงก็ร้องไห้และจะไปซบที่อกของเซี่ยเหล่ย
แต่ยังไม่ทันที่หนิงจิงจะไปซบที่อกของเซี่ยเหล่ยนั้น แคนลามี่ก็จับปลอกคอของเธอไม่ให้ขยับไปไหนได้จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นั่นเธอคิดจะทำอะไร? เธอต้องการผู้ชายของฉันงั้นเหรอ? ดี…งั้นฉันจะให้โอกาสเธอก็แล้วกัน มาสู้กับฉัน! “
หนิงจิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็มองไปที่แคนลามี่อย่างสงสัยเพราะเธอไม่เข้าในสถานการณ์ในตอนนี้
นักวิจัยอีกสี่คนที่เหลือในตอนนี้สภาพของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากหนิงจิงเลย เนื้อตัวและเสื้อผ้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกแถมพวกเขาไม่ได้ใส่รองเท้า เท้าของพวกเขาเต็มไปด้วยมูลสุกรที่ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ที่ประเทศจีนนักวิจัยเหล่านี้เป็นบุคลากรชั้นนำระดับประเทศ ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกันไปแต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ที่นี่คือทำสวนทำนาทำไร่ นอกเหนือจากนี้สิ่งที่เซี่ยเหล่ยเห็นอีกคือร่างกายของพวกเขานั้นดูอ่อนแรงอย่างมากแถมในตาของพวกเขาตอนนี้ก็ดูไร้ชีวิตชีวา นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่อยู่ที่นี่พวกเขาคงจะถูกกดขี่จากผู้หญิงและถูกใช้งานอย่างหนัก!
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้เพราะพวกเขาไม่เคยที่จะโดนกดขี่หรือทำงานหนักขนาดนี้มาก่อนในตอนที่พวกเขาเป็นบุคลาการชั้นนำที่ประเทศซึ่งไม่เคยมีใครทำกับพวกเขาแบบนี้
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยมองไปที่เหล่านักวิจัยแล้วเขาก็มองกลับไปที่หนิงจิง เซี่ยเหล่ยมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกเศร้าจากนั้นก็พูดออกไปว่า “น้องหนิง อย่ากลัวไปเลย ผมอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณแล้ว ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่เอง”
“อือ…” หนิงจิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ทีน่าจากนั้นก็พูดไปว่า “ผมได้บอกเงี่อนไขของผมไปแล้ว ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอที่จะปล่อยพวกเราออกไป ผมจะบอกตำแหน่งของดาบและให้เงินคุณอีกหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ “
ทีน่าถามว่า “แล้วเงินอยู่ที่ไหนหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “คุณมีคอมพิวเตอร์หรีอป่าว ผมสามารถโอนให้คุณได้ในทันที”
ทีน่าได้หัวเราะเยาะก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณก็เห็นที่นี่ยังไม่มีแม้แต่โคมไฟเลยแล้วมันจะไปมีคอมพิวเตอร์ได้อย่างไรกันหล่ะแต่ว่าถ้าเป็นเงินสดฉันจะพิจารณาข้อเสนอของคุณอีกครั้งก็แล้วกัน “
หน้าผากของเซี่ยเหล่ยเหี่ยวย่นทันทีหนึ่งล้านดอลล่าสหรัฐเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก การที่จะหาเงินสดในอัฟกานิสถานตอนนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ทีน่าพูดต่อว่า “แล้วอีกอย่างที่คุณบอกว่าคุณรู้ตำแหน่งของดาบอาทิส์ล่า ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าที่คุณพูดมามันเป็นความจริง?”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องโกหกคุณเลย สำหรับเรื่องเงิน คุณสามารถให้คุณของคุณตามเราไปที่ปากีสถานกับเราได้ที่นั่นผมสามารถจ่ายเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลล่าให้กับคุณได้ทันทีเช่นกัน “
“ฮ่าฮ่า …… ” หัวเราะเสียงดังออกมา
แคนลามี่เองตอนนี้ก็ได้หัวเราะออกมาการหัวเราะของเธอนั้นทำให้หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอเด้งขึ้นเด้งลงตามจังหวะ การที่เธอหัวเราะจนตัวสั่นในตอนนี้ทำให้เธอดูเหมือนกับกระต่ายอย่างมาก
“คุณหัวเราะอะไร?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกโกรธไม่น้อยที่เห็นทีน่าหัวเราะในสิ่งที่ของพูดออกมา
ทีน่าหยุดเสียงหัวเราะจากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันต้องไป ปากีสถานกับคุณ คุณถึงจะจ่ายเงินให้กับฉันหนึ่งล้านดอลล่าสหรัฐได้แล้วความปลอดภัยของเราหล่ะ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่หักหลังเรา?”
“ถ้าคุณไม่เชื่อผมแล้วเราจะทำข้อตกลงกันได้อย่างไรหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยพูด
“ในมือของฉันมีสิ่งที่คุณต้องการแต่ในมือของคุณไม่ได้มีในสิ่งที่ฉันต้องการเลย หลักการการทำข้อตกลงของฉันนั้นง่ายมาก เพียงแค่คุณเอาเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลล่าสหรัฐพร้อมกับดาบอาทิส์ล่ามาตรงหน้า ฉันก็จะปล่อยคุณและคนของคุณไปก็เท่านั้น “
“คุณ …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรในทันที เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไปว่า “ความจริงเงื่อนไขของคุณมันก็สามารถยืดหยุ่นได้ จะว่าอย่างไรดี….คุณไม่ต้องการเงินหรือดาบงั้นเหรอ?”
“ต้องการ !! เอางี้…ฉันและแคนลามี่จะไปเอาดาบพร้อมกับคุณรวมทั้งเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลล่านั้นด้วย ” ทีน่าพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เรื่องเงินนั้นผมสามารถให้คุณได้ แต่สำหรับเรื่องดาบนั้น มันไม่ใช่ของของผม ดังนั้นผมจะบอกคุณว่ามันอยู่ในมือของใคร จากนั้นนั่นเป็นเรื่องที่คุณจะต้องไปนำมันกลับมาเอง “
ทีน่าพูดว่า “โลกภายนอกเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากสำหรับเรามันเป็นเรื่องยากที่เราจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมันยังอยู่ในมือของคนอื่นอีกดังนั้นคุณต้องช่วยเรา”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าข้อเสนอของคุณมันมากจนเกินไป ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผม “
“คุณคิดว่าไม่ยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? งั้นฉันคงต้องฆ่าใครซักคนก่อนถึงจะยุติธรรมสินะ “ทีน่าพูดพร้อมมองไปที่แคนลามี่เหมือนกับกำลังส่งสัญญาณให้แคนลามี่
แคนลามี่ที่เห็นสัญญาณก็ได้ยกปืน AK-47 จากนั้นก็เล็งไปที่หน้าอกของหนิงจิง
การกระทำของแคนลามี่ในตอนนี้ทำให้หนิงจิงหน้าซีดไปในทันที
“เดี๋ยว !” เซี่ยเหล่ยตะโกนออกมา
ทีน่าไม่ได้สนใจคำพูดของเซี่ยเหล่ยตอนนี้เธอเองก็ยกปืนขึ้นมาจากนั้นก็นำไปจ่อที่หัวของถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดออกมาว่า “หรือต้องให้ฆ่าหนึ่งในสองคนนี้ดูก่อน คุณถึงจะยอมรับข้อตกลงนี้”
บนหน้าของถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเลย เธอดูสงบอย่างมากแต่บนหน้าผากของเธอมีเหงื่อออกอยู่ไม่น้อย
เซี่ยเหล่ยไม่สามารถเลือกได้เลยไม่ว่าจะเป็นหนิงจิงหรือถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ตาม เพราะเขาไม่อยากให้ใครซักคนต้องตายไป
“ฉันให้โอกาสตัดสินใจ ฉันจะนับแค่หนึ่งถึงสาม!” ทีน่าพูดอย่างเคร่งขรึม จากนั้นก็เริ่มนับว่า “หนึ่ง!”
“บ้าเอ๊ยย…..โอเคผมตกลงกับคุณ!” เซี่ยเหล่ยไม่ได้เลือกใครทั้งนั้นแต่เขาเลือกที่จะยอมรับข้อเสนอของทีน่า
ทีน่าเก็บปืนจากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะพูดไปว่า “โอเค…เป็นอันว่าตกลง” จากนั้นทีน่าเก็บปืนของตัวเอง
แคนลามี่ในตอนนี้ก็เก็บปืนของตัวเองเหมือนกัน
หนิงจิงดูผ่อนคลายลงแต่เธอก็เข่าอ่อนและล้มลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณต้องบอกให้คนของคุณไม่ทำร้ายคนเหล่านี้ส่วนผมจะไปช่วยคุณเอาดาบมาและเมื่อเสร็จงานแล้วคุณต้องปล่อยคนที่นี่ทันทีแต่ในระหว่างนี้ผมจะเอาโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมไว้ที่นี่และจะคอยโทรกลับมาเช็คสถานการณ์ทุกวันเพื่อยืนยันความปลอดภัย “
“ไม่มีปัญหา” ทีน่าพูดจากนั้นก็ส่งโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมให้กับถ่างหยู่เหยี่ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ฉันจะให้เวลาเตรียมตัว พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันทันที”
“หัวหน้า….. เขา …… ” แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างหิวกระหาย
ทีน่ามองไปที่แคนลามี่อย่างเย็นชานั่นทำให้เธอหยุดพูดต่อในทันที
ติดตามตอนต่อไป……….