Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 305
TXV – 305 ความรักกับการแลกเปลี่ยน !
หลังจากการเจรจาครั้งสุดท้ายผ่านไปทั้งหนิงจิงและนักวิจัยอีกสี่คนตอนนี้ ได้ปลดแอกของความเป็นทาสจนหมดสิ้นแล้วทำให้ตอนนี้ทุกๆคนได้อาบน้ำอย่างเต็มที่แม้ว่าน้ำจะร้อนจัดแต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังมีความสุขดี พวกเขายังได้ใส่เสื้อผ้าใหม่และอาศัยอยู่ในบ้านที่สะอาดอีกด้วย
ด้วยข้อเสนอของเซี่ยเหล่ยนั้นทำให้ทีน่าค่อนข้างที่จะพอใจจึงทำให้การเจรจาในครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีแม้ว่าจะต้องออกเดินไปไปกับทีน่าเพื่อไปเอาดาบกลับมาก็ตาม
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะทาสเหมือนกัน พวกเขาได้พักในบ้านที่สบายแต่ว่าไม่ได้อยู่ในบ้านที่ติดกัน ห้องของพวกเขาห่างกันอย่างน้อยสองร้อยเมตรดูเหมือนว่าทีน่าจะไม่ต้องการให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้กันแถมยังส่งคนมาคอยเฝ้าหน้าห้องนั่นทำให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสที่จะพูดคุยกันได้เลย
ทีน่าได้จัดห้องของเธอไว้เป็นที่พักสำหรับเซี่ยเหล่ย จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องของตัวเองโดยที่เซี่ยเหล่ยอยู่ในห้องด้วย
“หัวหน้าเผ่าทีน่า นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? พรุ่งนี้เช้าเราก็จะเริ่มออกเดินทางกันแล้วแต่ทำไมคืนนี้คุณถึงจัดห้องแยกผมกับเพื่อนของผมกันหล่ะหรือว่าคุณกลัวว่าพวกเราจะวางแผนเพื่อหลบหนีกันงั้นเหรอ? ชาวจีนของเราถือความซื่อสัตย์เป็นอันดับหนึ่ง คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าพวกเราจะผิดคำสัญญา เราจะไม่หนีไปไหนจนกว่าจะทำตามข้อตกลงสำเร็จ “
“คุณและเพื่อนของคุณเป็นบุคคลที่อันตรายมาก ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณอยู่ด้วยกันพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า คุณอย่าคิดเล่นตุกติกกับฉันด้วย ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นรวมถึงนักวิจัยเหล่านี้จะตายกันหมด เข้าใจนะ ” ทีน่าพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “คุณยังมองผมในแง่ของศัตรู ทำไมคุณถึงไม่มองผมในแง่ของเพื่อนบ้างหล่ะ?”
“เพื่อนงั้นเหรอ?” ทีน่ายิ้มเยาะก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่เชื่อใจคนภายนอกชนเผ่า ยิ่งผู้ชายแล้วด้วยไม่มีทาง”
เซี่ยเหล่ยพูด “ผมตอบตกลงที่จะช่วยเหลือคุณแล้ว คุณไม่เห็นความจริงใจของผมเลยงั้นเหรอ “
“ความจริงใจมันก็แค่ลมปากที่พูดขึ้นมาไม่ใช่แค่ตกลงกันแค่นี้แล้วมันคือความจริงใจ!! มันต้องมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นจากนี้ คุณคิดว่าเราต้องการอะไร?” ทีน่าถาม
“ไฟฟ้าไม่ก็โรงเรียน” เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอีกว่า “เครื่องจักรสำหรับทำการเกษตรหรือไม่ก็เครื่องตัดไม้คิดว่าคุณเองคงไม่อยากให้ชนเผ่าของตัวเองล้าหลังไปมากกว่านี้หรอกใช่มั้ย? โลกภายนอกตอนนี้เป็นช่วงในการรวมกลุ่มเข้าอาศัยอยู่ด้วยกัน คุณไม่สามารถที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่นี่ได้หรอกนะ “
ทีน่ามองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณอย่าพูดเหมือนว่าเข้าใจทุกอย่างในชนเผ่าของเรา มันยังมีเรื่องที่คุณยังไม่เข้าใจอยู่ด้วยแต่สิ่งที่คุณพูดมาก็ถูก คุณสามารถช่วยเราได้หรือไม่?”
“แน่นอน ผมเป็นช่างซ่อมและก็เป็นวิศวกรไฟฟ้าอีกด้วยแถมที่นี่ยังมีแหล่งน้ำที่กว้างใหญ่ ผมสามารถที่จะช่วยคุณสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กได้ ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มจากนั้นพูดต่อว่า “มันก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก สำหรับผมแล้วมันง่ายมากหากผมคิดจะทำ”
“ทำไมคุณถึงต้องการช่วยเรา?” ทีน่าพูดต่อว่า “คุณต้องการอะไรจากที่นี่?”
“มิตรภาพและความเชื่อใจ” เซี่ยเหล่ยตอบ
“อย่ามาใช้คำพูดแบบนี้กับฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโง่ดังนั้นคุณบอกมาดีกว่าว่าคุณต้องการอะไรจากเรา?” ทีน่าพูดต่อทันทีว่า “หรือคุณกำลังมองหาสมบัติที่ถูกซ่อนไว้ใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดว่า “คุณฝังสมบัติไว้ที่นี่งั้นเหรอ?”
“ไม่” ทีน่าพูดต่อว่า “นักล่าขุมทรัพย์จำนวนมากได้เดินทางมาจนถึงซากปรักหักพัง สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือฉันมั่นใจเลยว่าที่ซากปรักหักพังนั้นตอนนี้ไม่เหลือสมบัติอะไรอีกแล้ว ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่เมืองโบราณที่มีอายุมากกว่าพันปีก็เท่านั้น สิ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงก้อนหินที่วางต่อทับกัน มันไม่มีมูลค่าหรอกนะ “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณบอกว่าผมมาสมบัติที่ถูกฝังไว้ใช่ไหม? ใช่….และด้วยการนี้ ผมจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำพร้อมติดตั้งระบบทางเดินน้ำให้กับคุณ รวมถึงจัดหาเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนมาให้ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นและเครื่องทำน้ำอุ่น ตราบใดที่คุณให้โอกาสผมได้ไปที่ซากปรักหักพังเพื่อค้นหา คุณคิดว่าอย่างไรบ้างหล่ะ?
“วันเดียว” ทีน่าพูดว่า
เซี่ยเหล่ยงงเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “คุณความหมายว่ายังไง?”
ทีน่าพูดว่า “ฉันจะให้เวลาแค่เพียงวันเดียวเท่านั้นให้การค้นหาที่ซากปรักหักพัง หลังจากครบกำหนดคุณต้องออกจากที่นั่นทันที”
“ตกลง” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมยิ้มและยื่นมือออกไป
ทีน่าไม่ได้ยื่นมือตอบแต่เธอเดินออกไปในทันที
เซี่ยเหล่ยรู้สึกหงุดหงิดและคิดในใจว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้ชาย เธอเกลียดผู้ชายเพราะอะไรกันนะ ? “
หลังจากที่ทีน่าเดินออกไป เซี่ยเหล่ยเองก็ออกไปเดินชมชนเผ่าเหมือนกัน ในขณะที่เขาเดินผ่านนั้นถ้าหากมีผู้หญิงในชนเผ่าเห็นเขา พวกเธอก็จะพากันผิวปากและพูดแซวตลอดทางที่เขาเดิน การกระทำแบบนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แม้ว่าตามทางที่เซี่ยเหล่ยเดินผ่านนั้นจะมีผู้ชายอยู่หลายคนแต่พวกเขาก็ไม่ได้ทักทายเซี่ยเหล่ยเลย พวกเขาเพียงแค่มองตอนที่เขาเดินผ่านก็เท่านั้น
เซี่ยเหล่ยไม่ได้เดินไปไกลมาก หลังจากเดินไปซักพักหน้าของแคนลามี่ก็ลอยเข้ามาในหัวทำให้เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะเดินไปยังบ้านของเธอ
ขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังเดินไปนั้นจู่ๆ แคนลามี่ก็เดินออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นก็เห็นเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “คุณกำลังจะไปที่ไหนงั้นเหรอ? “
“แน่นอน ฉันจะกลับไปที่บ้านของฉันและคุณก็ต้องไปกับฉันด้วย!” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมไม่ได้เป็นทาสของคุณ คุณจะมาบังคับและทำกับผมแบบนี้ไม่ได้”
“ใครบอกคุณ?” แคนลามี่พูดอย่างไม่พอใจ “หัวหน้าได้ให้คำมั่นสัญญากับฉันไว้แล้วว่าจะยกคุณให้กับฉันนั่นคือคุณเป็นของทาสของฉันและเมื่อคุณเป็นของฉันแล้วคุณก็จะไม่ต้องทำงานเหมือนทาสผู้ชายคนอื่นๆ!”
ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีของเซี่ยเหล่ยที่เธอต้องการให้ไปที่บ้านของเธอพอดี เซี่ยเหล่ยก็เลยตามน้ำไป
ขณะนี้ทั้งคู่เดินไปตามทางตลอดเส้นทางที่เดินก็จะเดินผ่านกับผู้หญิงมากมาย พวกเธอต่างพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเซี่ยเหล่ยและ แคนลามี่ เดินผ่านไปด้วยกัน
“แคนลามี่ ดูเหมือนว่าคืนนี้เธอจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว? ต้องการให้ฉันช่วยหรือแนะนำอะไรไหม? ” ผู้หญิงคนหนึ่งในชนเผ่าพูดเมื่อเธอกำลังเดินผ่าน
“แคนลามี่ ฉันจะให้แกะสามตัวเพื่อแลกกับผู้ชายคนนี้ เธอสนใจไหม?” หนึ่งในชนเผ่าพูดขึ้น
“แคนลามี่ ……” ใครบางคนเรียกเธอแต่เธอไม่ได้หันไปตอบ
เซี่ยเหล่ยที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกไปว่าผู้หญิงที่นี่ช่างมีความกล้าซะเหลือเกิน นั่นทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอายแทนพวกเธอ
ตอนนี้แคนลามี่ไม่ได้มีท่าทางตอบโต้เหมือนครั้งก่อนๆ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะยิ้มอย่างมีความสุขในเวลาที่มีคนแซวแถมบางครั้งเธอยังล้อเล่นกลับไปยังผู้ที่แซวเธออีกด้วยการเดินของทั้งคู่ในตอนนี้อาจจะทำให้หลายๆคนที่ไม่รู้เรื่องราวอาจจะคิดไปได้ว่าทั้งคู่เป็นคู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันไม่นาน……..
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยและแคนลามี่เดินมาถึงบ้านของเธอแล้ว
เซี่ยเหล่ยถูกดันให้ขึ้นบันไดบ้านของแคนลามี่ ทันทีที่ขึ้นไปตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเข็มทิศแขวนอยู่บนฝาผนังยังถือว่าโชคดีที่เธอแขวนมันไว้กับเชือกอยู่ในตอนนี้ ที่ยังไม่ได้ตอกตะปูเพื่อแขวนมันอย่างถาวร เซี่ยเหล่ยหันไปมองมันอย่างชัดๆทำให้เขารู้สึกว่ามันยังคงเหมือนเดิม สภาพมันสมบูรณ์เหมือนกับครั้งล่าสุดที่เขาเห็นมัน…….
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเวลาที่เห็นเข็มทิศอันนี้แต่ตอนนี้มันต่างกันออกไปเมื่อเขาเห็นมันอีกครั้ง ทำให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อยนั่นก็เพราะความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวของเข็มทิศอันนั้น
“ฉันจะไปเตรียมน้ำให้คุณอาบ จากนั้นเราค่อยมาเริ่มสนุกกัน” แคนลามี่พูดออกไปพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
เซี่ยเหล่ยถามไปอย่างสงสัยว่า “เริ่มต้นสนุกอะไรของคุณ?”
“หลับนอน” แคนลามี่พูดพร้อมรอยยิ้มแล้วก็พูดต่อว่า “คุณสบายใจได้ ฉันแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันจะอ่อนโยนกับคุณให้ได้มากที่สุด”
เซี่ยเหล่ย “…… “
แคนลามี่กำลังจะเดินไปเตรียมน้ำให้เซี่ยเหล่ยแต่จู่ๆเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่สิ ฉันเป็นผู้หญิงนี่ ฉันจะไปบริการคุณได้อย่างไร? มันควรจะเป็นคุณสิที่ต้องเตรียมน้ำให้ฉันอาบ “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมไม่ได้เป็นทาสของคุณแถมผมยังไม่ใช่สามีของคุณอีกด้วย แล้วทำไมผมจะต้องไปทำอะไรแบบนี้ให้กับคุณ สิ่งที่ผมจะทำให้ที่นี่ก็คือการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำเพื่อให้พวกคุณมีไฟฟ้าได้ใช้กัน ตอนนี้ถือว่าผมเป็นแขกVIP ของที่นี่แล้วคุณจะให้ผมไปเตรียมน้ำร้อนได้อย่างไร? “
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนที่จะพูดต่อว่า “แต่เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักและดูสดใสคล้ายๆกับน้องผม เหตุผลนั่นแหละที่จะทำให้เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ “
“ฉันไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ!” แคนลามี่พูดด้วยความโกรธพร้อมพูดต่อว่า “ในชนเผ่าแห่งนี้ผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกับฉันในตอนนี้มีสามี มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว “
“คุณน่าจะลองเปิดใจดูหน่อยนะ ในชนเผ่าแห่งนี้ก็มีผู้ชายอยู่หลายคน ผมเห็นผู้ชายที่นี่มีอยู่มากมายเลย” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฉันไม่ได้สนใจพวกเขา พวกเขาทำอะไรไม่เป็นนอกเสียจากทำไรทำนา ฉันชอบคุณมากกว่า คุณดูน่าสนใจอย่างมาก! “แคนลามี่พูดอย่างตื่นเต้นจากนั้นพูดต่อว่า “เมื่อคุณแต่งงานกับฉัน คุณก็ไม่ต้องทำอะไรนอกจากเชื่อฟังสิ่งที่ฉันพูด เอาเป็นว่าฉันจะให้เวลาคุณคิดอีกหน่อยก็แล้วกัน แล้วฉันค่อยมาเอาคำตอบ “
เซี่ยเหล่ย “…… “
“หรือว่ายังไงดี ตอนนี้จะให้ฉันเตรียมน้ำพร้อมกับอาบให้คุณเลยไหมหล่ะ?” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยที่ได้ยินแคนลามี่พูด เขาก็รู้สึกปวดหัวในทันทีแต่เขาก็ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หรือว่าเราควรจะค่อยๆเริ่มสานสัมพันธ์กันดีเพราะถ้าเรารู้สึกสบายใจซึ่งกันและกันและค่อยๆเป็นค่อยๆไป เราก็อาจจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ “
“ค่อยๆเริ่มสานสัมพันธ์คือเล้าโลมงั้นเหรอ?” แคนลามี่พูดด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณหมายถึงการเล้าโลมงั้นใช่ไหม? ไม่มีปัญหาเรามาลองทำกันตอนนี้เลย! “
เซี่ยเหล่ยยอมแพ้ให้กับการทำความเข้าใจในคำพูดของเธอจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ที่ผมหมายถึงมันคือความรัก ยกตัวอย่างเช่นการมอบของขวัญให้กันและกัน”
“ให้ของขวัญงั้นเหรอ?” แคนลามี่พูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดต่อว่า “งั้นคุณต้องการของขวัญอะไรหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยถอดนาฬิกาข้อมือของตัวเองออกจากนั้นก็นำไปใส่ให้กับแคนลามี่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นนาฬิกาชนิดพิเศษ มันไม่ได้แค่บอกเวลาเพียงแค่นั้นแต่มันยังสามารถวัดความดันบรรยากาศและความเร็วลมได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้เหมาะสมสำหรับมือปืนอย่างคุณเป็นอย่างมากแถมราคาของมันยังสูงถึงหนึ่งหมื่นดอลล่าสหรัฐเลยนะ”
“หมื่นดอลล่าสหรัฐ…ฉันต้องขายแกะกี่ตัวละเนี่ยกว่าจะได้เงินขนาดนี้?” แคนลามี่พูดด้วยความตกใจพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
“อืม…ผมยินดีจะมอบมันเป็นของขวัญที่มีค่าชิ้นนี้ให้กับคุณว่าแต่คุณต้องการจะให้อะไรเป็นของขวัญกับผมหล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูดในขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองไปที่เข็มทิศที่ติดอยู่ที่ฝาผนัง
“คุณต้องการอะไร? แล้วฉันจะต้องให้อย่างไร? “แคนลามี่พูด
“คุณจะให้ของขวัญอะไรกับผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดจากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณเอาสิ่งนั้นมาให้ผม ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมชี้ไปที่เข็มทิศจากนั้นก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “ผมชอบมัน”
“ถ้าคุณชอบก็เอาไปเลย ” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างมากแต่เขาก็ต้องเก็บอาการเอาไว้จากนั้นก็เดินไปหยิบพร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อน เราค่อยเจอกันพรุ่งนี้”
“เดี๋ยวก่อน!” แคนลามี่ขวางทางเซี่ยเหล่ยเพื่อยังไม่ให้เขาเดินกลับออกไป
เซี่ยเหล่ยรู้สึกใจหายเล็กน้อยจากนั้นก็พูดไปอย่างงุ่มง่ามว่า “มีอะไรอีกงั้นเหรอ? ผมคิดว่าการที่เราแลกเปลี่ยนของขวัญกันแล้วนั้นถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของพวกเรานะ “
“ไม่ …… “แก้มของแคนลามี่จู่ๆก็แดงขึ้นจากนั้นเธอก็พูดตอ่ว่า ” ถ้าคุณกลับไปตอนนี้จะทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆในชนเผ่าหัวเราะเยาะฉันได้ ฉันไม่อยากเสียศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้คุณจะกลับไปไม่ได้ คุณต้องอยู่ที่นี่ “
เซี่ยเหลี่ยที่ได้ยินแคนลามี่พูดแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและโล่งอกอย่างมากเพราะเขาคิดว่าเธอจะยกเลิกการแลกเปลี่ยนของขวัญและเอาเข็มทิศคืน นี่ถือว่ายังโชคดีมาก นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่รู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในเข็มทิศอันนี้เธอเลยไม่ได้สนใจมันเพราะถ้าก่อนหน้านี้เธอรู้ความลับแล้วละก็ เธอคงจะไม่เอามันมาแขวนอยู่แบบนี้แน่นอน
แต่แม้จะโล่งใจที่เธอไม่ได้รู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเซี่ยเหล่ยแต่การที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อก็ทำให้เขาอึดอัดเหมือนกัน
ในขณะนี้ด้านนอกประตูก็มีเสียงพูดเข้ามาในบ้านอย่างกระทันหันว่า “แคนลามี่ทำอะไรอยู่ ? ทำไมถึงเงียบจัง? “
แคนลามี่พูดออกไปด้วยความโกรธว่าและสับสนว่า “พวกคุณนี่มัน……. “
ติดตามตอนต่อไป……….