Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 309
TV – 309 หัวใจหลางซื่อเหยา
ปัง! เสียงปืนอีกนัดดังขึ้น
พันเอกแฮ้งส์ยิงเข้าที่ท้องช่วงล่างของหลางชือเหยา เลือดแดงฉานซึมออกมาสองขา เธออ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น
แฮ้งส์ที่รับน้ำหนักร่างหลางชือเหยาไม่ไหวจึงปล่อยเธอล้มลงซึ่งนั่นเป็นการทําให้ไห ล่ซ้ายเขาเปิดโล่ง
ปัง! เซี่ยเหล่ยเหนี่ยวไกกระสุนปืนพุ่งผ่านระยะทางกว่าหลายร้อยเมตรและเจาะทะลุ ไหล่ซ้ายของแฮ้งส์อย่างจัง เลือดเข้มสาดกระเซ็นไปเปื้อนทั้งไหล่และแก้มหลางชือเหยาร่างของแฮ้งส์กระตุกตามแรงลูกปืนจนร่วงลงกับพื้นในที่สุด
นี่สิการยิงของจริง !!!
หลางชือเหยานั่งลงกับพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมาอีก เธอเริ่มหน้าซีดครั้งนี้เธอไม่รู้เลยว่าเซี่ย เหล่ยตั้งใจยิงเธอรึเปล่าถ้ามองเรื่องทักษะการยิงและความแม่นของเขาแล้วนั่นยิ่งทําให้หลางชือเหยารู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีของเขามากขึ้น มันเหมือนกับว่าเซี่ยเหล่ยไม่สนใจเธอแล้วเพราะการยิง เมื่อครู่ถ้ามันเบนมาอีกแค่ 1 เซนติเมตรก็จะคงจะโดนเธอแทนแฮ้งส์แล้ว!
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้ผม!” แฮ้งส์สั่งพลางหน้าซีดเขายังไม่ตายก็จริงแต่กระสุนของเซี่ยเห ล่ยเมื่อครู่ก็ฟังความมั่นใจของเขาไปหมดแล้ว
ในขณะเดียวกันที่เนินเขาก็มีเต็มไปด้วยเสียงปืนดังก้อง ห่ากระสุนสาดไปทางเซี่ยเหลี่ย เพราะเมื่อเขาเปิดฉากยิงแล้วนั่นหมายถึงเขาเผยตําแหน่งของตัวเองด้วย คนพวกนี้ไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นทหารผ่านศึกทั้งสิ้นยิ่งพวกที่มาจาก CIA ก็ยิ่งเป็นมือโปร
หลางชือเหยาคว้าปืนพกที่เอวออกมาแล้วตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “หยุดยิง! หยุดยิง! ถ้าใครฆ่าเขา ฉันยิงทิ้งแน่!”
พลันเสียงปืนก็หยุดลง
เซี่ยเหล่ยรีบคลานหลบแต่เพียงเขาขยับก็มีกระสุนพุ่งจากด้านบนมายังขอบหินที่เขา ซ่อนตัวอยู่ทันที่มือสไนเปอร์ล็อคเป้าเขาไว้แล้วกล้องมองกลางคืนที่ติดปืนนั้นสามารถมองเห็นเขาได้จากรังสีความร้อนแม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมมืดๆแต่ด้วยเครื่องมือนั่นถึงจะหลบไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
เซี่ยเหล่ยกดตัวลงไปกับพื้นสอดส่องหามือสไนเปอร์ผ่านขอบหินด้วยตาช้ายของเขา และเห็นมือปืนกําลังมองเขากลับมาผ่านหน้าจออุปกรณ์มองภาพกลางคืนอยู่เช่นกัน ริมฝีปากเขาขยับเหมือนพูดอะไรอยู่ เซี่ยเหล่ยเพ่งมองและใช้วิธีอ่านปากทําความเข้าใจ
วินาทีต่อมา เซี่ยเหล่ยก็พุ่งตัวออกมาจากหินอย่างรวดเร็ว
พอเขากระโจนออกมา ระเบิดลูกหนึ่งก็ระเบิดหินแตกกระจายทันที
ก่อนหน้านี้ตอนที่มือสไนเปอร์กําลังคุยกับคนตําแหน่ง CIA ของเขาโชคดีที่เซี่ยเหล่ ยอ่านปากทําความเข้าใจได้ก่อนไม่งั้นเขาคงตายหรือบาดเจ็บสาหัสเพราะระเบิดเมื่อครู่แน่ๆ
ปัง! เจ้าหน้าที่ CIA ที่ยิงระเบิดลูกแรกเริ่มยิงระเบิดตามมาอีกลูกก่อนที่มันจะระเบิด ห่างออกไปจากเซี่ยเหล่ยไม่กี่เมตร
เศษหิน ดินและทรายพุ่งกระจายไปรอบสารทิศเพราะแรงระเบิดแม้ความเร็วในการหนีของเซี่ยเหล่ยแทบจะถึงขีดสุดแล้ว เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากเศษหินอยู่ดี ดินและทรายที่สาดมาตามแรงระเบิดทําให้แผลเขาสกปรกทําให้สถานการ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมอีก
กองกําลังที่พวกเขาเลือกมา(ฝั่งศัตรู)คือพวกมือโปรจริงๆ ไม่มีมือใหม่ปนอยู่เลย
ปัง! ระหว่างที่วิ่งหนี จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็หยุดกะทันหัน ด้านหลังเขาตอนนี้คือมือปืนระเบิด
เจ้าหน้าที่ CIA ที่เกือบจะเหนี่ยวไกอยู่แล้วแต่ถูกกระสุนนัดหนึ่งพุ่งเจาะทะลุคอไปเสี ยก่อนร่างทั้งร่างเอนล้มไปด้านหลังตามแรงยิ่ง ส่งผลให้ปากกระบอกปืนเปลี่ยนทิศทางเป็นด้านบนแต่เพราะสมองสั่งการให้เขาเหนี่ยวไกก่อนตายเพียงเสี้ยววินาที นิ้วมือเขาจึงกระตุกยิงระเบิดไปด้วย
ปืนยิงระเบิดสั่นสะเทือน ก่อนที่ระเบิดลูกหนึ่งจะถูกยิงพุ่งขึ้นฟ้าไป
“เวรเอ๊ย!” มือสไนเปอร์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วเริ่ มออกตัววิ่ง
ปัง! ปืนสไนเปอร์ในมือเซี่ยเหลี่ยสั่นสะเทือน ลูกกระสุนยิงตรงผ่านระยะทางกว่าหลาย ร้อยเมตรและเจาะเข้าที่หลังมือสไนเปอร์ผู้กําลังวิ่งหนีเต็มๆ
ตู้ม! ระเบิดลูกเดิมร่วงลงมาระเบิดที่เนินเขาแม้จะไม่มีใครตายแต่มันก็ทําให้พื้นที่บริเวณเนินเขาโกลาหลได้มากทีเดียว
ส่วนฝ่ายเซี่ยเหล่ยอาศัยช่วงชุลมุนนั้นวิ่งหนีลงเขาไป….
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเหลืออยู่ถึงสิบคนแต่พวกเขาก็เสียมือสไนเปอร์และ CIA มือระเบิดไป แล้วแถมตอนนี้ผู้บังคับบัญชาของพวกเขาก็เริ่มเสียความมั่นใจแล้วด้วยดูเหมือนว่าพวกเขาจะขู่เซี่ยเหล่ยได้ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าพวกเขาไล่ตามเซี่ยเหล่ยทันเซี่ยเหล่ยก็คงฆ่าทุกคนได้หมดแน่ๆ!
ส่วนหลางชือเหยาในใจเซี่ยเหล่ยจู่ๆก็นึกภาพเธอถูกผู้บังคับบัญชาจับตัวไว้แม้กระสุนจะเป็นกระสุนไร้หัวแต่ร่างกายเธอตอบสนองเป็นสองเท่าและแต่ละครั้งก็รุนแรงมาก
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “คุณกําลังช่วยผมอยู่งั้นเหรอ? จงใจหักหลังให้ผมมีโอกาสฆ่าผู้ บังคับบัญญาของกองกําลังพิเศษใช่มั้ย? ทําไมคุณทําแบบนี้ล่ะ? เราจบกันไปแล้วนะ คุณกําลังจะทําให้ตัวเองมีปัญหา…”
ความวุ่นวายบนเนินเขาจบลง ความมืดของกลางคืนก็เคลื่อนเข้าปกคลุม ลมเย็นพัดผ่านในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและควันผสมกัน หลางชือเหยาหยิบอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่เป็นของมือสไนเปอร์ขึ้นมามองแต่ก็ไม่เจอร่องรอยใดๆของเซี่ยเหล่ยเลยก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาและพูดในใจ “ดูแลตัวเองด้วยนะ!”
ที่ตีนเขา เซี่ยเหล่ยก็พบที่หลบภัยของทีน่าและแคนลามี่ได้อย่างง่ายดาย
ฝ่ายทีน่าและแคนลามี่ยังไม่รู้ตัวว่าเซี่ยเหล่ยอยู่ใกล้ๆ พวกเธอได้ยินเพียงแค่เสียงจึงรีบหยิบ AK-47 ขึ้นมาเล็งไปทางเขา
เซี่ยเหล่ยพูดเสียงเบา ” ผมเอง!”
“เหล่ย!” แคนลามี่พูดอย่างตื่นเต้น “คุณยังไม่ตาย! คุณฆ่าพวกอเมริกันนั่นไปบ้า
งรึยัง?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “ส่วนหนึ่ง แต่จํานวนยังมีเป็นสิบเหมือนเดิมไปกันเถอะ ไปทางอื่นกันดี กว่า พวกมันกําลังจะเรียกกําลังเสริมถ้ามีคนมามากกว่านี้ล่ะก็พวกเราจะอันตรายยิ่งกว่าเดิมอีก”
“ฉันรู้เส้นทาง ตามฉันมา” ที่น่าหันไปและเริ่มนําทางทันที
ส่วนแคนลามี่รีบขึ้นบนหลังม้าแล้วยื่นมือมาหาเซี่ยเหล่ย “ขึ้นมา!”
ม้าของเซี่ยเหลียถูกฆ่าไปแล้ว เขาเลยต้องอาศัยม้าแคนลามไปด้วย เชี่ยเหลียจับมือ แคนลามแล้วปืนขึ้นหลังม้าเบียดกันนั่งบนอานซึ่งเบียดชิดกันจนเบียดมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ไป!” แคนลามี่สั่งพลางกระทุ่งเท้าที่ท้องผ้าเบาๆก่อนที่กีบเท้าทั้งสี่ของม้าสีขาวจะเริ่มตามที่น่าไป
กีบเท้าม้าวิ่งไปตามทางภูเขาขรุขระมีกระแทกบ้างเป็นบางครั้ง หญิงชายบนหลังม้า สั่นขึ้นลงตามแรงกระแทก พวกเขาเลี่ยงการสัมผัสตัวที่แนบชิดมากไม่ได้เลย มันเป็นการสัมผัสที่อ่อนไหวมาก ด้านหน้าเซี่ยเหล่ยคือหลังของแคนลามที่นุ่มหยุ่นเมื่อถูแล้วรู้สึกราวกับมีไฟฟ้าช็อตและนั่นทําให้เซี่ยเหล่ยต้องกังวลหนัก
แต่ในใจเขากลับมีภาพของอีกใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นนั่นคือหลางชือเหยา
มีเสียงปืนดังขึ้นครั้งหนึ่งด้านหลังพวกเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการยิงสุ่มๆไม่มีเป้า หมายมากกว่า บางคนคงต้องการให้เซี่ยเหลี่ยตอบโต้เสียงปืนนั้นแต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีประโยชน์
ม้าขาวออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว แคนลามี่หันกลับมาถามเซี่ยเหล่ย “เหล่ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของคุณรึเปล่า?”
เมื่อฟังคําถามจบ เซี่ยเหล่ยก็ละสายตาจากด้านหลังกลับมาถามต่อโดยไม่ได้คิดอะไร “ผู้หญิงไหน?”
“อย่ามาเฉไฉน่า ฉันเห็นนะ ผู้หญิงที่ถูกผู้บังคับบัญชาจับไว้น่ะ” แคนลามี่สอบสวน “เธอเป็นผู้หญิงของคุณรึเปล่า?”
เซี่ยเหล่ยเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากพูดเรื่องหลางชือเหยากับใคร มันเป็นเหมือนแผลเป็นในใจที่ลบยังไงก็ไม่ออกแต่แคนลามี่ก็ยังยืนกรานจะรู้ถึงที่มาของผู้หญิงคนนั้นให้ได้ เธอบอกเซี่ยเหล่ยว่าถ้าเขาบอกเธอ เธอจะไม่บอกใครเพื่อทําให้เซี่ยเหล่ยตายใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยอมตอบออกมา “อืม ก็เคยเป็นน่ะ”
“เคยเป็น?” แคนลามี่หัวเราะน้อยๆ “คนของกองทัพขู่คุณด้วยผู้หญิงที่คุณเคยรัก นี่ สมองเขายังดีอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
เซี่ยเหล่ยรู้ดีว่าสมองผู้บังคับบัญชามันผิดเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เขาใช้หหลางชือเหยามาขู่ แต่เกรงว่าเขาอาจจะมีจุดประสงค์อื่นอีกก็ได้ จุดประสงค์ที่ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าหลางชือเหยาเป็นใครสําหรับเซี่ยเหล่ยแต่อาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตําแหน่งในองค์กร CIA ของเธอเองและแน่นอนว่ามันจะต้องมีผลต่อ CIA ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เซี่ยเหล่ยคงพูดเรื่องนี้กับแคนลามี่ไม่ได้อยู่ดี
“เหล่ย ฉันกับเธอใครสวยกว่ากัน?” ดูเหมือนในหัวแคนลามี่ตอนนี้จะเต็มไปด้วยคํา
ถาม
“ทําไมถามแบบนี้ล่ะ? ตอนนี้เราต้องรีบหนีนะ” เซี่ยเหล่ยแค่นยิ้ม
“ก็ม้ากําลังวิ่งอยู่นี่ไง เราไม่ต้องวิ่งสักหน่อยถึงเราจะคุยกันมันก็ไม่ส่งผลอะไรกับม้าห รอกนะ” แคนลามี่ถามต่อ “ฉันกับเธอใครสวยกว่ากัน? ตอบมาสิ ฉันอยากรู้คําตอบแล้ว
“นี่…” เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณอายุน้อยกว่าเธอ”
“คําตอบอะไรเนี่ย? งั้นฉันถามใหม่ ฉันกับเธอใครหน้าอกใหญ่กว่ากัน?”
“คุณ” ตอนนี้เซี่ยเหล่ยหัวหมุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าฮ่า คุณนี่ซื่อสัตย์จริงๆ ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่ทั้งนั้นแหละ คุณก็ด้วยใช่มั้ยล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
“คุณไม่ต้องตอบหรอก ฉันรู้ว่าคุณชอบ”
“คุณพยายามอ่านใจผมเหรอ? อย่าโม้เลยน่า” เซี่ยเหล่ยสบประมาท
“เฮ้ คุณแข็งแล้วนะ”
“อะไรนะ?”
“คุณแข็งแล้วชัดเจนขนาดนี้ คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้สึกรึไง? นี่ชัดเจนเลยนะว่าคุณชอบผู้ หญิงหน้าอกใหญ่แบบฉัน คุณเป็นคนซื่อสัตย์นี่แม้แต่ร่างกายคุณเองก็ซื่อสัตย์เหมือนกัน”
”เซี่ยเหล่ย”
ตอนแรกมันมีแค่การสังหารกับความตายจากกระสุนปืนเท่านั้นแต่ลึกๆแล้วก็มีความรู้ สึก “แบบแคนลามี่” อยู่ด้วยเหมือนกัน เธอหน้าเด็กแถมยังน่ารักแม้แต่ศีรษะเองก็คงได้รูปราวกับศีรษะตุ๊กตาซึ่งนั่นดูไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นสาวแล้วเลยนั่นอาจพูดได้ว่าเธอยังไม่โตนักแต่ถ้ามองในแง่ของหญิงสาวก็ถือว่าเธอมีเสน่ห์มากไม่แพ้สาวๆวัยยี่สิบเลยหรืออาจจะมีมากกว่าพวกเธอด้วยซ้ำ แคนลามี่เธอสวยมีเสน่ห์มีรอยยิ้มที่ดูราวกับจิ้งจอก ทุกส่วนของเธอสามารถกระตุ้นอารมณ์คนได้ทั้งสิ้นพูดสั้นๆก็คือ เธอเป็นคนน่าซึ่งความรู้สึกตอนอยู่ใกล้เธอมันพรรณนาเป็นคําพูดไม่ได้เลย
จนถึงตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็ยังนึกถึงหลางชือเหยาอยู่แต่อาจเพราะแคนลามี่เสียงดังไปหน่อย ภาพหลางชือเหยาจึงมาไม่ค่อยเต็มตัวส่วนที่เหลือในความคิดเซี่ยเหล่ยคือสะโพกกับหน้าเซี่ยเหล่ยเมื่อครู่ก็ฟังความมั่นใจของเขาไปหมดแล้ว
ในขณะเดียวกันที่เนินเขาก็มีเต็มไปด้วยเสียงปืนดังก้อง ห่ากระสุนสาดไปทางเซี่ยเหล่ย เพราะเมื่อเขาเปิดฉากยิงแล้วนั่นหมายถึงเขาเผยตําแหน่งของตัวเองด้วย คนพวกนี้ไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นทหารผ่านศึกทั้งสิ้นยิ่งพวกที่มาจาก CIA ก็ยิ่งเป็นมือโปร
หลางชือเหยาคว้าปืนพกที่เอวออกมาแล้วตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “หยุดยิง! หยุดยิง! ถ้าใครฆ่าเขาฉันยิงทิ้งแน่!”
พลันเสียงปืนก็หยุดลง
เซี่ยเหล่ยรีบคลานหลบแต่เพียงเขาขยับก็มีกระสุนพุ่งจากด้านบนมายังขอบหินที่เขา ซ่อนตัวอยู่ทันที่มือสไนเปอร์ล็อคเป้าเขาไว้แล้วกล้องมองกลางคืนที่ติดปืนนั้นสามารถมองเห็นเขาได้จากรังสีความร้อนแม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมมืดๆแต่ด้วยเครื่องมือนั่นถึงจะหลบไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี