Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 310
TXV – 310 การพักผ่อนในป่า
แสงอาทิตย์ของรุ่งสางค่อยๆปัดเป่าความมืดให้เลือนหายไปเรื่อยๆ ม้าสองตัวที่เดินลึกเข้ามาในป่าหยุดอยู่ริมแม่น้ำ พักผ่อนและกินอาหาร แม่น้ำสายนี้ไหลมาจากเผ่าเฮ็ปตาไลท์ บางครั้งมันก็ไหลไปรวมกับแม่น้ำใต้ดินที่ไหลผ่านเข้าไปในตัวภูเขา และบางครั้งมันก็มีน้ำซึมขึ้นมาจากพื้นดินและไหลไปรวมกับแม่น้ำหมิง ทีน่าและแคนลามี่รู้ดีว่าแม่น้ำสายนี้ไหลไปที่ไหนบ้าง ซึ่งสามารถตามเดินตามสายแม่น้ำเพื่อผ่านบริเวณภูเขานี้ไปได้
ม้าทั้งสองถูกผูกล่ามไว้กับต้นไม้ ส่วนคนทั้งสามกําลังกินมื้อเช้ากันอยู่บนพื้นหญ้า ค่ำคืนของการหลบหนีผ่านไปแล้วต่อให้มีร่างกายเป็นเหล็กก็คงแทบทนไม่ไหว โดยเฉพาะเชี่ยเหล่ย เขาผ่านการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนส่วนที่น่าและแคนลามีก็เช่นกัน ทุกคนล้วนจําเป็นต้องเติมพลังงานและต้องการพักผ่อนกันทั้งนั้น
ทั่วร่างเชี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยบาดแผลจากเศษหิน ตามเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดสีเข้มแห้งกรัง บนใบหน้ามีฝุ่นและรอยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตอนนี้เขาเหมือนกับทหารที่เพิ่งออกมาจากสมรภูมิรบถึงจะดูน่าอายแต่ก็ดูมีเสน่ห์ของความเท่และความกล้าหาญอยู่ด้วยเช่นกัน
ฝ่ายที่น่าและแคนลามี่เองก็สภาพไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก ใบหน้าพวกเธอเต็มไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าขาดวิ่นเพราะกิ่งไม้เกี่ยวเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียด ทั้งสองเองก็มีเสน่ห์ของความดิบเถื่อนและความกล้าหาญอยู่เช่นเดียวกัน ถ้าเปรียบทั้งสามคนเป็นสิงโต ที่น่าและแคนลามี่คงเป็นสิงห์สาวที่กล้าหาญ ส่วนเชี่ยเหล่ยเป็นสิงโตเจ้าป่า
“เหล่ย กินเนื้อสิ” แคนลามี่พูดพลางส่งเนื้อวัวตากแห้งให้เชี่ยเหล่ย
“ขอบคุณนะ” เชี่ยเหล่ยรับเนื้อมาฉีกเป็นชิ้นเล็กแล้วกินเข้าไปตอนนี้เขาหิวมากๆ หิว จนเนื้อวัวตากแห้งอร่อยไปเลย
“เอ้านี่ ดื่มน้ำหน่อย” แคนลามี่หมุนเปิดฝาขวดน้ำแล้วส่งให้เชี่ยเหล่ย
กลับกัน เชี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจเธอ แคนลามี่ไม่เพียงแค่ส่งน้ำ ให้เขาดื่มแต่ยังใช้มือเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากปากเชี่ยเหล่ยให้ด้วย เธอคุกเข่าลงนั่งหน้าเชี่ยเหล่ย กระโปรงสั้นที่ขาดจนแทบเป็นเศษผ้าเลิกขึ้นเปิดต้นขาขาวให้เห็นชัดเจน ด้านล่างนั่นคือกางเกงเย็บมือของเธอที่ฝีเย็บดูไม่ประณีตเท่าไหร่ จุดนั้นคือที่ที่ไม่มีใครกล้ามองลึกเข้าไปแน่ๆ สิ่งเหล่านี้ทําให้เชี่ยเหล่ยรู้สึกว่าแม้ที่เขาดื่มอยู่ตอนนี้จะเป็นน้ำแต่มันก็ส่งผลราวกับเหล้าเลยทีเดียว
“คุณแผลเยอะเลยนะ เดี๋ยวฉันช่วยทําแผลเอง” หลังจากส่งน้ำส่งอาหารให้เซี่ยเหลี่ย แล้ว แคนลามี่ก็ยังรับบทเป็นแพทย์สนามอีกด้วย
” อะแฮ่ม!” ไม่รอให้แคนลามี่เปลี่ยนโหมดเป็นคุณหมอจําเป็น ทีน่าที่อยู่ใกล้ๆก็ทนไม่ ไหวกระแอมขัดออกมาก่อน ” แคนลามี่ นั่นทําอะไรน่ะ? เธอเป็นทหารที่เก่งที่สุดในเผ่าเรานะ ไม่ใช่พยาบาลสักหน่อย เด็กตัวแค่นี้ยังไม่ควรมีแฟนนะ”
แต่ทีน่าพูดออกมาไม่หมดสิ่งที่เธอยังไม่ได้พูดกับแคนลามี่ก็คือ เธอทําเผ่าเราขายหน้าหมดแล้ว!
“งั้นเหรอ? แล้วฉันก็ต้องรอคุณมางั้นสิ” แคนลามี่ขมวดคิ้ว “เหล่ย คุณรอฉันโตกว่านี้ได้นี่นา… ทุบขาให้ฉันหน่อยสิ ฉันปวดขาจะตายอยู่แล้ว”
เชี่ยเหล่ยจ้องมองเธอนิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในป่า
“จะไปไหนน่ะ?” ทีน่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลงด้วยคิดว่าเชี่ยเหล่ยกําลังรําคาญเธอ
เชี่ยเหล่ยตอบ “คุณพักก่อนเถอะ ผมจะไปเฝ้ายามแล้วผมค่อยเปลี่ยนกะกับคุณ”
สาวเซ็ปตาไลท์ 2 คนมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรก่อนจะเห็นเชี่ยเหล่ยปีนขึ้นต้น ไม้ใหญ่ไปราวกับลิง เขาไต่ขึ้นไปไม่กี่ครั้งก็ซ่อนตัวในยอดไม้หนาแน่นได้แล้ว
“เขาเป็นลิงเหรอ? แข็งแรงจริงๆ เทียบกับผู้ชายตัวเหม็นในเผ่าเราแล้ว เขาเหมือนห งส์ในฝูงกาเลย” สายตาของแคนลามี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม ไม่เพียงแค่พลังขาที่กระโดดและความว่องไวซึ่งเชี่ยเหล่ยได้แสดงให้เห็นเมื่อครู่เท่านั้น แต่ในฐานะมือแม่นธนูของเผ่าเฮ็ปตาไลท์แล้ว สิ่งที่แคนลามี่ชื่นชมยกย่องจริงๆคือทักษะการยิงที่น่าเหลือเชื่อของเชี่ยเหล่ยเมื่อคืนก่อนนั่นเอง
ทีน่าจ้องมองแคนลามี่ “เธอตกหลุมรักเค้าแล้วเหรอ?”
ใบหน้าเด็กสาวของแคนลามขึ้นสีระเรื่อ “ฉัน…. ไม่ได้ชอบเค้าสักหน่อย แค่พูดเล่นๆ คุณก็รู้ ผู้หญิงเผ่าเราก็แบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายเป็นเหมือนเสื้อผ้านั่นแหละ”
ทีน่าถอนหายใจ “ตัวตนจริงๆของเขามันไม่ใช่นักธุรกิจแน่นอน เมื่อคืนเขาแข็งแกร่งข นาดไหน เราก็เห็นกันมากับตาแล้ว เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธลําหนึ่งก็โดนเขายิงด้วยสไนเปอร์ไรเฟิลจนตก ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกคนเก่งๆกว่า 20 คนพร้อมอาวุธขั้นสูงยังทําอะไรเขาคนเดียวไม่ได้เลย แถมเขาไม่ได้เลือกหนีเอาตัวรอดแค่ตัวเอง แต่ยังปกป้องเราตอนหนีด้วย คนแบบนี้เขาเป็นใครกันแน่นะ?”
แคนลามี่ส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นมิตรกับเรานะ เมื่อคืนเขายังเต็มใจ เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเราเลย เราน่าจะเชื่อใจเขาได้นี่นา”
“แน่นอน ฉันเชื่อใจเขา” ทีน่าตอบ “แต่เธอยังไม่เข้าใจที่ฉันพูดเมื่อกี้จริงๆใช่มั้ย? ฉันจะบอกว่า เธอต้องควบคุมความรู้สึกตัวเองหน่อย อย่าถลําลึกเกินไปล่ะ”
“ฉันยังไม่ได้รู้สึกอะไรลึกซึ้งสักหน่อย” แคนลามี่นิ่งคิดไปครูหนึ่งก่อนจะยื่นมือออกมา มือซ้ายใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ทําเป็นวงกลมแล้วใช้นิ้วชี้ขวาจิ้มเข้ากลางระหว่างวงกลมมือซ้ายพูดต่อว่า ” หรืออาจจะลึกซึ้งมากก็ได้นะ ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มันลึกซึ้งมากเลยล่ะ”
ทีน่าเบิกตากว้างแทบจะนอนลงไม่ได้เลยทีเดียว เธอเหนื่อยที่จะคุยกับเด็กคนนี้
แล้วจริงๆ
แคนลามี่ยักไหล่แล้วนอนลงบนพื้นหญ้าเพื่อหลับเอาแรงบ้าง
บนต้นไม้ เชี่ยเหล่ยละสายตาจากยอดเขาลูกตรงข้ามมา เขาสํารวจไปทั่วทุกสิ่งแวดล้อมแต่ก็ไม่พบร่องรอยของกองกําลังสหรัฐหรือเจ้าหน้าที่ CIA เลยซึ่งนั่นก็ทําให้เขาผ่อนคลายลงมาก
เชี่ยเหล่ยนั่งลงบนกิ่งไม้ถอดกระเป๋าออกจากหลังแล้วหยิบเข็มทิศของราชวงศ์หมิงมา ถือไว้ เข็มทิศนี้คือสิ่งที่เขาช่อมในตอนแรก เชี่ยเหล่ยเชื่อมชิ้นส่วนภายในทีละชิ้นด้วยตัวเอง ซึ่งในตอนนี้เข็มชี้ในหน้าปัดเองก็ไม่ใช่เข็มชี้อันเดิมด้วย
เข็มชี้นั้นจะชี้ไปยังทิศทางของเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ?
เชี่ยเหล่ยคิดในใจ “พวกนักวิจัยคงขุดเส้นทางในประเทศจีนเอาไว้และทําการเปลี่ยน เข็มชี้ก่อนจะมาที่เผ่าเฮ็ปตาไลท์นี่เราก็เอาดาบอาทิส์ล่ามาก่อนแล้วค่อยสร้างสถานีไฟฟ้าพลังน้ำ ให้เผ่าเฮ็ปตาไลท์มันจะเพิ่มโอกาสให้เราขุดเจอเส้นทางใหม่ด้วยมั้ย? หรือว่า ถ้าไม่มีเข็มชี้แล้ว พวกเผ่าเฮ็ปตาไลท์จะอยู่ในตอนจบของความลับนี้รึเปล่านะ?”
ความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างอาจเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่เพื่อให้เผ่าเฮ็ปตาไลท์มั่นใจในตัว เชี่ยเหล่ย เขาจะต้องสร้างสถานีไฟฟ้าพลังงานน้ำให้กับเผ่า ซึ่งถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ง่ายมาก ตราบใดที่ยังมีเงินอยู่ การสร้างสถานีไฟฟ้าเล็กๆก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่ในทางกลับกันเงื่อนไขที่ยากคือดาบอาทิสล่าต่างหาก
“บริษัทก็อดโดเมนของเกาหลีใต้ อันกวนเป็นนักการเมืองหัวเก่าที่มีอิทธิพลทั้งด้านดี และไม่ดีของที่นั่นด้วยสิ เราอยากได้ดาบอาทิสล่าก็จริงแต่ถ้าจะให้ขโมยมาจากเกาหลีใต้งั้นเหรอ? ถ้าจะขโมยมาจริงๆ จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ?” เชี่ยเหล่ยคิดจนปัญหาต่างๆในหัวตีกันวุ่นวายไปหมด
แต่จู่ๆก็มีเงาอะไรบางอย่างโฉบผ่านไปบนฟ้าขัดจังหวะความคิดของเชี่ยเหล่ยลงเสี ยก่อน เมื่อเขามองตามไปก็พบว่ามันคือโดรนสํารวจแต่มันไม่ได้บินมาแถวๆบริเวณที่เชี่ยเหลี่ยอยู่ เพียงแค่บินโฉบผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น
“CIA คงไม่ยอมเลิกไล่ล่าเราแน่ๆ ส่งโดรนมาบินหาแบบนี้ พวกเขาคงใช้แม้แต่ดาวเที ยมของสหรัฐด้วยดูเหมือนเราจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้ว” เชี่ยเหล่ยคิดในใจ แต่ด้วยความเหนื่อยล้า เขาจึงหลับตาลงด้วย
เมื่อไม่มีฝ่ายศัตรูอยู่ เชี่ยเหล่ยก็ไม่จําเป็นต้องลืมตาสอดส่องอะไรอีกนี่คืออีกหนึ่งข้อดี ของการมีดวงตาที่สามารถมองทะลุทุกสิ่งได้เพราะในสภาพแวดล้อมแบบนี้คงไม่มีใครรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอย่างเขาได้แน่ๆ
แคนลามี่และทีน่าก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน พวกเธอเข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็วและลืมเรื่อ งการเปลี่ยนเวรเฝ้ายามกับเชี่ยเหล่ยไปเสียสนิทและเขาเองก็ไม่ได้ปลุกพวกเธอด้วยเช่นกัน
ช่วงบ่ายที่ง่วงงุนแบบนี้ พระอาทิตย์บนท้องฟ้าตะวันออกค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ก ลางท้องฟ้าเงียบๆ แสงอาทิตย์จึงส่องแทรกตัวลงมาตามช่องว่างระหว่างกิ่งไม้ใบไม้และส่องลงมายังเชี่ยเหล่ย ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้น
เสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามาในหูเชี่ยเหล่ย เขาจึงรีบปีนสูงขึ้นไปอีกหน่อยแล้วใช้ตาซ้ายมองทะลุผ่านชั้นใบไม้ไปตามต้นตอของเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นที่น่ากําลังเดินไปมารอบบริเวณที่ที่หยุดพักพร้อมกับ AK-47 ในมือท่าทางดูตื่นตัวพอควร
“เธอเจอพวกนั้นเหรอ?” เชี่ยเหล่ยเริ่มวิตกตามไปด้วยตาซ้ายของเขารีบทําหน้าที่สํา รวจบริเวณด้านหน้าของที่น่าทันทีแต่นอกจากต้นไม้ใบหญ้าแล้ว เชี่ยเหล่ยก็ไม่พบอะไรเลย
ในตอนนั้นเองที่น่าก็เดินเข้าไปในพุ่มหญ้าหนาๆ จับกระโปรงแล้วดึงมันลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งลงตรงนั้น
พุ่มหญ้าเปียกชุ่ม บริเวณนั้นอาจจะงอกงามเขียวชอุ่มมากกว่านี้อีกก็คงได้
“ตกใจหมด” เชี่ยเหล่ยยิ้มแห้งแล้วละสายตาไปจากเธอแต่ในใจมันลบภาพที่เห็นเมื่อไม่ได้นี่สิ ทันใดนั้น เชี่ยเหล่ยก็นึกถึงภาพของไพ่นกกระจอกขึ้นมา
แคนลามีี่ตื่นขึ้นเป็นคนสุดท้าย เธอตบหน้าผากตัวเองเบาๆ จากนั้นก็วิ่งไปหาเชี่ยเหล่ย
เชี่ยเหล่ยปีนลงมาจากต้นไม้และพูดกับเธอพร้อมรอยยิ้ม “มาเปลี่ยนกะต่อจากผมล่ะสิ แต่ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมเองก็นอนเยอะพอแล้วเหมือนกัน”
“คุณก็นอนเยอะแล้วเหรอ?” แคนลามี่ยิ้มออกมา “ผู้ชายนี่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ”
เชี่ยเหล่ย ”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีน่าเดินมาพอดี เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้ท่า ทางเธอจึงยังดูสงบและเย็นชาอยู่ “เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีกนะ มันอันตรายมากๆ”
เชี่ยเหล่ยตอบรับอย่างเรียบนิ่ง “ครั้งหน้าผมจะไม่ทําแบบนี้อีกแล้ว เราไปกันเถอะ แต่ ก่อนหน้านี้ผมเห็นโดรนบินผ่านมาด้วยล่ะ เราต้องระวังตัวกันให้มากๆแล้ว ถ้าโดรนนั่นเจอเราไม่นานคนพวกนั้นคงตามมาจับเราทันแน่”
ทีน่ากล่าว “เส้นทางนี้มีแค่คนเผ่าเราเท่านั้นที่รู้ ไม่ต้องห่วงตราบใดที่เรายังไม่เดินออกจากป่ากองทัพสหรัฐไม่มีทางหาเราเจอแน่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งที่น่าก็พูดต่อ ”เราออกไปจากภูเขานี่กันเถอะ เราต้องข้ามอาณาเขตของเผ่าเพื่อเข้าไปในเวิคส์ฮานคอร์เด่อที่นั่นไม่มีกองทัพทหารแน่นอน พวกเราจะปลอดภัยกว่านี้เยอะเลย”
เชี่ยเหล่ยตอบรับ ”เอาตามแผนคุณเลย”
ไม่กี่นาทีผ่านไป ทีน่าก็กระโดดขึ้นหลังม้าและเริ่มออกเดินทางตามทิศที่แม่น้ำไหลไป
บั้นท้ายของแคนลามี่และเชี่ยเหล่ยต้องเบียดกันบนอานเล็กอีกครั้ง เบียดจนแทบจะรวมร่างเป็นคนเดียวกันได้เลย
“ความสัมพันธ์ของหัวหน้าเผ่านั้นกับหัวหน้าเผ่าของเราถือว่าดีเลยล่ะ ถ้าเราเข้าไปใน เขตของเผ่านั้นได้แล้ว พวกเราก็จะปลอดภัยแล้วล่ะ” แคนลามี่กล่าว
“งั้นก็ดีเลย” เมื่อไม่ต้องจ่ายเงินผ่านทางให้เผ่าแล้วเชี่ยเหล่ยก็ดีใจสุดๆไปเลย
“ถ้าคุณกลับถึงจีนแล้ว ซื้อเสื้อผ้าให้ฉันด้วยนะ”
“โอเค ซื้อเสื้อผ้าให้ เดี๋ยวผมจะซื้อให้สัก 100 ชุด ให้คุณใส่ให้ขาดไปเลย”
“แต่คุณแข็งแล้วแหน่ะ”