Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 313
TXV- 313 รสชาติของความคิดถึง !
เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนที่เซี่ยเหล่ยต้องอาศัยและเสี่ยงชีวิตอยู่ที่อัฟกานิสถาน แต่ที่โรงงานการผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยที่อยู่ในประเทศจีนตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก มันมีการเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตและการติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมากมายแล้วด้วย
ด้านหลังโรงงานผลิตตอนนี้มีวิลล่าอยู่สามหลัง มันถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มาก มันไม่เหมือนใครเลยรอบๆวิลล่าทั้งสามนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดรวมไปถึงต้นไม้ใหญ่อีกมากมาย มันดูสวยงามและสบายตาอย่างมาก สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างไว้ให้เป็นที่พักของอเลน่าและเซี่ยเหล่ย
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและในสัปดาห์หน้านี้เราจะทําการตัดริบบิ้นเพื่อเปิดอย่างเป็นทางการรวมไปถึงเริ่มการผลิตด้วย “ฉิงเสวียงพูดขึ้นเมื่อพบว่าเซี่ยเหล่ยมาตรวจโรงงานของตัวเองจากนั้นก็พูดต่อว่า ” ซึ่งถ้าคุณไม่กลับมาฉันก็ไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรดี”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากมากสําหรับคุณแต่ในช่วงเวลานั้นคุณสามารถตัดริบบิ้นและเริ่มการผลิตได้เลยและในสัปดาห์หน้านี้ผมมีบางสิ่งบางอย่างจะขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากคุณ”
“เรื่องอะไร? “ฉิงเสวียงฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยเหล่ยขยับเข้าไปใกล้หูของฉิงเสวียงแล้วก็พูดขึ้นว่า “มีงานให้ทําที่เกาหลีใต้ ”
“ไปที่เกาหลีใต้งั้นเหรอ?” ฉิงเสวียงหัวเราะคิกคักเล็กน้อยแล้วก็พูดต่อว่า “ไม่มีปัญหาว่าเราจะไปกันตอนไหน?”
“วันมะรืน” เซี่ยเหล่ยพูดและพูดต่อว่า ” พรุ่งนี้คุณและฉันจะกลับไปที่เมืองห่าย
จูก่อน”
“ได้เลย ไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้าคุณและฉันอยู่ด้วยกันไม่มีอะไรในโลกที่เราไม่สามารถขโมยได้” ฉิงเสวียงพูดและจําลองเหตุการณ์คร่าวๆในหัว
“โอเค ผมจะโทรหาคุณอีกทีก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมตบไหล่ของฉิงเสวียงเบาๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่วิลล่า
ฉิงเสวียงพูดพร้อมรอยยิ้มไปว่า “ให้รางวัลกับเธอเป็นการพาไปกินอาหารหรือไปดื่มก็คงจะดีไม่น้อยหลายวันมานี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ”
เซี่ยเหล่ยรู้ว่าฉิงเสวียงพูดถึงอะไร เซี่ยเหล่ยหัวเราะเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรไป เขายังคงเดินต่อไปที่วิลล่า
จังหวะที่ฉิงเสวียงก็ได้พูดคําว่า “เธอ” แน่นอนว่าคืออเลน่าตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องขอบคุณเธออย่างมากเพราะเธอได้จัดการดําเนินการจัดการเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหาอุปกรณ์ไปจนถึงจัดหาบุคลากรที่มีความสามารถและพรสวรรค์พร้อมฝึกฝนจนสามารถทํางานได้อาจจะพูดได้ว่าถ้าไม่มีความรู้ความสามารถของอเลน่าแล้ว โรงงานแห่งนี้คงไม่อาจจะเกิดขึ้นหรือเดินหน้าต่อได้
อันที่จริงการที่เซี่ยเหล่ยต้องการจะเห็นว่าอเลน่าทําอะไรอยู่นั้น เขาเพียงแค่ใช้ความสามารถของตาซ้ายของเขาเองเพื่อมองทะลุไปดูเธอก็ได้แต่เขาไม่ทําอย่างนั้น เพราะเขาต้องการที่จะเข้าไปดูด้วยตัวเองและต้องการทําให้เธอประหลาดใจด้วย
ภายนอกวิลล่ามีเหล่าเจ้าหน้าที่ของสํานักงานลับ 101 คอยยืนเฝ้าและคอยดูแลความปลอดภัยให้กับอเลน่าเมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้ เจ้าหน้าที่ก็พยักหน้าให้กับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยทักทายเขาก่อนที่จะเดินเข้าวิลล่าไป
เซี่ยเหล่ยที่เดินเข้าวิลล่าไปแล้วเดินต่อไปที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ เขาจึงขึ้นไปชั้นบนและในที่สุดเขาก็พบว่าประตูห้องแง้มอยู่เล็กน้อย เขามองผ่านช่องว่างนั้นไปก็พบกับ ผู้หญิงผมสีทองดวงตาสีอัญมณีนั่งอยู่การที่เซี่ยเหล่ยเห็นเธอในตอนนี้มันให้ความรู้สึกที่เหมือนกับครั้งแรกที่เขาเจอเธอเลย
เซี่ยเหล่ยเปิดประตูอย่างเงียบๆ และเดินย่องเข้าไป
อเลน่ายังคงวุ่นอยู่กับการวาดและออกแบบพิมพ์เขียว เธอมีสมาธิกับมันอย่างมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครบางคนเดินเข้ามาในห้องแล้ว
เธอเป็นคนที่มีสมาธิในการทํางานจริงๆ เซี่ยเหล่ยคิดในใจและเดินไปด้านหลังของเธอพร้อมกับปิดตาแล้วพูดขึ้นว่า” ทายมา…ว่าผมเป็นใคร?”
เมื่อเธอถูกปิดตาและได้ยินเสียงที่พูดขึ้นมานั้น ตัวเธอก็แข็งที่อทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างดีใจไปว่า “ลูคัส คุณกลับมาแล้ว”
เซี่ยเหล่ยปล่อยมือจากตาของอเลน่าจากนั้นก็พูดไปพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณถูกผมปิดตาอยู่นี่ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม?”
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยถามเสร็จ เขาก็โดนดึงตัวเข้าไปและทันใดนั้นก็มีริมฝีปากนุ่มๆเข้ามาประกบกับริมฝีปากของเซี่ยเหล่ยนี้คงถือว่าเป็นการตอบคําถามนี้ของอเลน่าโดยไม่ได้พูดออกมาเป็นคําพูด
การจูบนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของทั้งคู่เท่านั้นเพราะหลังจากนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาค่อยๆลงไปกองอยู่ที่พื้นทีละชิ้น
หลังจากใช้เวลาด้วยกันผ่านไปแล้ว เซี่ยเหล่ยที่กําลังจะสวมเสื้อผ้าได้ถูกอเลน่าดึงตัวไปที่โต๊ะ เพื่อต้องการให้เซี่ยเหล่ยเห็นพิมพ์เขียวที่เธอกําลังทําไว้ก่อนหน้านี้
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทํางานส่วนอเลน่าเองก็นั่งอยู่บนขาข้างหนึ่งของเซี่ยเหล่ยบนโต๊ะทํางานมีรูปปืนไรเฟิลที่ถูกออกแบบและวาดขึ้นมาอย่างล้ำยุค ภาพที่เซี่ยเหล่ยเห็นนั้นมันสุดยอดมากเพราะมันสามารถเทียบได้กับปืนไรเฟิลชื่อดังระดับโลกเช่น Barrett M99, M110, AWP ได้เลย
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยได้อ่านรายละเอียดของปืนไรเฟิลที่อเลน่าได้ออกแบบไว้ เขาก็พูดขึ้นกับเธอว่า “อเลน่า คุณออกแบบปืนไรเฟิลกระบอกแรกสําหรับโรงงานผลิตของเราได้ยอดเยี่ยมอย่างมากแต่มันมีฟังชั่นก์ที่ซับซ้อนสูงเกินความคาดหมายของผม…โรงงานของเราจะสามารถผลิตมันออกมาได้งั้นเหรอ?”
เพราะเขาเป็นนักธุรกิจ สิ่งแรกที่เขาต้องคํานึงถึงคือปืนไรเฟิลที่โรงงานของเขาจะผลิตนี้สามารถผลิตได้จริงหรือเปล่า? นั่นรวมไปถึงเรื่องที่ว่าถ้าผลิตออกมาแล้วจะสามารถขายได้หรือไม่?
อเลน่าตอบไปว่า “มันก็มีปัญหาบางอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าเราสามารถทํามันได้ ลูคัส…ปืนไรเฟิลที่ฉันออกแบบนี้มีความพยายามของพ่อฉันรวมอยู่ในนั้นด้วย มันเป็นสิ่งที่เขาเคยคิดเอาไว้แต่ยังไม่ได้นํามาผลิตขึ้นจริงๆแต่รูปแบบมันฝังอยู่ในหัวของฉันตลอดเวลาไม่เคยลืม ฉันรู้สึกได้เลยว่าถ้าเราทําได้จนผลิตมันสําเร็จ มันจะกลายเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่ทันสมยที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วในที่สุดโรงงานของเราก็จะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก”
เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับอเลน่าว่า “ดีถ้ามันเป็นการทํางานที่หนักของคุณและรวมถึงพ่อของคุณด้วย คุณก็ควรจะทําให้มันสําเร็จตามที่หวังไว้เหมือนกับผมตอนแรกผมก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะขึ้นมาได้แต่สุดท้ายผมก็สร้างมันจนสําเร็จ คุณเองก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน”
อเลน่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใสว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะชอบมัน” หลังจากพูดเสร็จเธอก็ขยับตําแหน่งไปยืนและเปลี่ยนท่าที่เล็กน้อย
หน้าผากของเซี่ยเหล่ยก็เที่ยวย่นรวมไปถึงคิ้วของเขาก็ขมวดเหมือนกัน
“ฉันจะทําการแก้ไขเพิ่มเติมกับพิมพ์เขียวนี้แต่สิ่งที่มีปัญหาอยู่จริงที่ฉันบอกไปก่อน หน้านี้ก็คือเครื่องจักรสําหรับการผลิตปืนไรเฟิลนี้ มันจําเป็นจะต้องใช้เครื่องมือและเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งฉันไม่สามารถทํามันได้ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทําได้”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ไม่มีปัญหา คุณจัดการเรื่องปืนไรเฟิลต่อได้เลย ผมจะจัดการเรื่องเครื่องมือและเครื่องจักรที่ทันสมัยเอง” หลังจากเซี่ยเหล่ยพูดจบคิ้วของเขาก็คลายจากการขมวด และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเหล่ยออกเดินทางจากโรงงานผลิตอาวุธ ไปยังบ้านของถ่างหยู่เหยี่ยด้วยรถยนต์
ในคืนที่ผ่านมาทั้งแคนลามี่และทีน่าไม่ได้เป็นคนของชนเผ่าเฮปตาไลท์แล้ว แต่พวกเธอกลายเป็นผู้หญิงที่มาจากต่างแดนและมาท่องเที่ยวที่ประเทศจีน พวกเธอออกไปช็อปปิ้งกันมาพอสมควร
ชุดของทีน่าในวันนี้เป็นกระโปรงยาวสีดํา มันเหมาะกับเธอย่างมากเพราะส่วนที่โค้งของกระโปรงยาวนี้เข้ากันพอดีกับรูปร่างของเธอและเพราะว่าเป็นสีดํามันจึงให้ทั้งความรู้สึกสงบและรุนแรงได้อีกด้วย จึงสรุปได้ว่าชุดนี้เข้ากับเธอเป็นอย่างมาก
ด้านแคนลามี่ เธอใส่เสื้อยืดคอกลมสีแดงมีลายการ์ตูน เสื้อมันค่อนข้างที่จะเล็กมากจึงทําให้มันรัดทุกสัดส่วนด้านบนของเธอ ทําให้หน้าอกของเธอตอนนี้ดูเด่นอย่างมาก ส่วนด้านล่างเธอก็ใส่กางเกงยีนส์สีฟ้าเข้ารูป โดยรวมแล้วดูเป็นวัยรุ่นทั่วๆไป
รูปปั้นที่ค่อยๆบรรจงแกะสลักจะทําให้ดูเด่นและสวยงามมากขึ้น ทีน่าและแคนลามี่เองก็เหมือนกัน เมื่อพวกเธอได้ใส่เสื้อผ้าที่สวยงามนั่นทําให้พวกเธอดูสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาได้ดีอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเสื้อผ้าที่พวกเธอใส่แล้วแม้ว่ามันจะสวยก็ตามแต่ดูจากราคาแล้วมันไม่แพงเลยยิ่งไปกว่านั้นรองเท้าที่พวกเธอใส่มีราคาไม่เกิน400หยวนด้วยซ้ำ
“ผมให้เงินพวกเธอไปตั้ง 100,000 แต่ทําไมพวกเธอถึงเอาเงินไปซื้อของราคาถูกพวกนี้ แล้วเอาเงินที่เหลือไปทําอะไร?” เซี่ยเหล่ยเพียงแค่อยากรู้อยากเห็น เขาไม่ได้อยากได้เงินส่วนที่เหลือคืนจากพวกเธอแต่ในความจริงเขาก็ไม่เคยคิดที่จะเอาคืนอยู่แล้ว
ทีน่าเห็นปฏิกิริยาที่ดวงตาของเซี่ยเหล่ย เธอจึงพูดขึ้นว่า “เงินส่วนที่เหลือฉันจะเอาไปซื้อของขวัญให้กับเด็กๆในชนเผ่า ไม่ได้งั้นเหรอ? ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว”
อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่ยากจนมากยิ่งไปกว่านั้นชนเผ่าเฮปตาไลท์ที่แยกตัวไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ไม่ได้เป็นชนเผ่าที่ร่ำรวยอะไร ทีน่าที่เป็นหัวหน้าของชนเผ่าได้ใช้เงินของเซี่ยเหล่ยซื้อเสื้อผ้าแต่เพราะเธอต้องเหลือเงินเอาไว้ เสื้อผ้าเหล่านี้จึงไม่ใช่เสื้อผ้าที่พวกเธอต้องการจริงๆ
“เซี่ยเหล่ย เมื่อไหร่เราจะออกเดินทางต่อ?” แคนลามี่ถาม
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมจะคุยเรื่องนี้กับพวกคุณ ผมต้องการที่จะให้พวกคุณรออยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากครบกําหนดผมจะกลับมาพร้อมกับดาบอาทิสล่าแล้วหลังจากนั้นเราจะกลับไปที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์ด้วยกัน”
“เราไม่ได้ไปด้วยอย่างนั้นเหรอ?” แคนลามี่พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
ทีน่าเองก็ขมวดคิ้วเช่นกันแล้วพูดว่า “คิดว่าดีแล้วงั้นเหรอ…? ดาบอาทิส์ล่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราต้องการที่จะนํามันกลับคืนมาด้วยตัวของเราเอง”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ดาบถูกซ่อนอยู่ที่เกาหลีใต้ คุณเข้าใจภาษาเกาหลีงั้นเหรอ อีกอย่างนอกจากการฆ่าคนแล้วคุณก็ทําอะไรไม่เป็นเลย ถึงไปก็ช่วยอะไรไม่ได้และบางทีถ้ายังดื้อรั้นจะไปให้ได้ก็อาจจะทําให้แผนการของผมล้มเหลว ผมคิดเรื่องนี้มานานพอสมควรเลยจนในที่สุดเมื่อคืนก็ตัดสินใจได้ว่าแต่ความจริงแล้วสิ่งที่คุณต้องการคือการที่ได้ดาบกลับมาไม่ใช่เหรอ ทําไมถึงต้องสนใจวิธีการด้วยหล่ะ?.
“แต่เซี่ยเหล่ย…ฉันต้องการไปกับคุณ” แคนลามี่พูดต่อว่า “ฉันจะไม่เป็นภาระให้กับคุณอย่างแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่คิดหรอกนะ มันไม่ใช่แค่การยิงปืนฆ่าคนแล้วนํามันกลับมา มันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอยังไม่รู้ในความเป็นจริงผมก็ต้องการผู้ช่วยแต่ไม่ใช่มือปืน ”
“แต่ฉัน …” แคนลามี่พูดแต่ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ
ทีน่าก็ขัดจังหวะพูดของแคนลามี่และพูดขึ้นเองว่า “แคนลามี่พอได้แล้วที่เซี่ยเหล่ยพูดอาจจะถูก เราอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ”
แคนลามี่ได้แต่แสดงท่าทางไม่พอใจแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะขัดคําพูดที่ทีน่าได้พูดออกมาแล้ว
“ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ พวกคุณรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ผมจะนําดาบกลับมาให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์” เซี่ยเหล่ยพูด
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหล่ยก็เดินออกจากบ้านของถ่างหยู่เหยี่ยแล้วก็โทรไปหาหลงบิงเมื่อเธอรับโทรศัพท์เซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นไปทันทีว่า “นี่…หลงบิงผมพร้อมแล้ว”
ติดตามตอนต่อไป