Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 314
TXV – 314 แผนการชั้นยอด ?
เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กกําลังจะเทคออฟ มันมีกําหนดการบินอย่างไม่หยุดพักโดยบนเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กนี้มีด้วยกันห้าคนคือหลงบิง ถ่างปั่วฉ่วน เค่อเจีย ฉิงเสวียง และเซี่ยเหล่ย
หลังจากเครื่องบินเทคออฟเรียบร้อยแล้วถ่างวฉ่วนก็ได้หันไปพูดคุยกับเซี่ยเหล่ย จากนั้นก็ส่งอุปกรณ์และพิมพ์เขียวไปให้กับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยรู้สถานะของถ่างปั่วฉ่วนที่เกี่ยวข้องกับสํานักงานลับ 101 เซี่ยเหล่ยรู้ว่าในแผนการกลยุทธ์ของสํานักงานลับ 101 ส่วนใหญ่จะถูกวางแผนขึ้นโดยเขา คราวนี้ก็เหมือนกัน แผนการที่เซี่ยเหล่ยคิดเอาไว้สําหรับการขโมยนี้ก็ถูกปฏิเสธและคงจะใช้แผนการของเขาแทน
“ตามข้อมูลที่เราได้มาบริษัทเหวียนเทียนและบริษัทก็อดโดเมนมีโครงการที่จะร่วมมือกันสําหรับพิธีวางรากฐานในอีกสองวันข้างหน้า เราจะใช้โอกาสครั้งนี้เพื่อทําการลงมือในวันนั้น” ถ่างปั่วฉวนพูดขึ้นพร้อมส่งรายละเอียดที่เซี่ยเหล่ยจําเป็นต้องรู้ให้เซี่ยเหล่ยอ่านและทําความเข้าใจ
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่การหลอกใช้เธอย่างนั้นเหรอ?”
ถ่างปั่วฉ่วนตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่การหลอกใช้เพราะยังไงการร่วมมือกันทางธุรกิจของพวกเขาก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วและเรื่องนี้คุณจะต้องไปกับเธอ เราจะให้คุณเคลื่อนไหวในที่สาธารณะ ส่วนพวกเราจะเคลื่อนไหวในเงามืด เรามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นไม่อย่างนั้น น้องสาวของฉันและเหล่านักวิจัยจะต้องตายที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์อย่างแน่นอน คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า?”
จีนและเกาหลีใต้มีการร่วมมือกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีในด้านเศรษฐกิจและด้านการค้า แม้ว่าเรื่องในคราวนี้อาจจะทําให้เกิดปัญหาในเชิงลบอยู่บ้างแต่มันก็เทียบไม่ได้กับถ่างหยู่เหยี่ย หนิงจิง และเหล่านักวิจัยที่ถูกควบคุมตัวไว้เป็นตัวประกัน
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าในที่สุด “เอาล่ะ ผมเข้าใจคุณแม้ว่าผมจะไม่ต้องการที่ให้ฉินตูเทียนหยินเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ผมจะทําเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ผมจะติดต่อกับเธอและจะไปเกาหลีใต้พร้อมเธอ”
ถ่างปั่วฉวนยิ้มพร้อมพูดกับว่า “ดีมาก แต่ผมจะต้องเตือนคุณไว้ก่อนว่าอย่าบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันขาด”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแต่ในความเป็นจริงถ่างวฉ่วนไม่จําเป็นที่จะต้องเตือนเซี่ยเหล่ยในเรื่องนี้เลยเพราะเซี่ยเหล่ยก็รู้อยู่แล้ว
“คนของคุณไว้ใจได้หรือไม่?” ถ่างปั่วฉวนพูดพร้อมมองไปที่ฉิงเสวียง
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ไว้ใจได้เลย ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ผมต้องให้เธอช่วย เพราะเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ “
ถ่างปั่วฉวนพูดว่า ” คุณต้องเตือนคนของคุณให้ดี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องงานและแน่นอนว่ามันจะต้องมีการเสี่ยงอันตรายอย่างมาก เธออาจจะถูกจับตัวได้เลวร้ายที่สุดก็คือตายแน่นอนว่าเราจะไม่มีการชดเชยค่าเสียหายใดๆทั้งสิ้น”
มุมของเซี่ยเหล่ยที่ตอนแรกยังยิ้มอยู่นั้น ตอนนี้ได้กลายเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นแทนแล้ว ความหมายของถ่างปั่วฉ่วนที่เขาพูดมานี้มีความชัดเจนอย่างมาก เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในหนังสายลับหรือหนังสงครามที่จะมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตในต่างประเทศ หากเกิดความผิดพลาดและแผนการล้มเหลวหรืออาจจะถูกจับตัวจะให้พวกเขารู้ถึงตัวตนไม่ได้ ถ่างปั่วฉ่วนต้องการที่จะบอกแบบนี้แต่เขาไม่ได้พูดให้ชัดเจน
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างนุ่มง่ามไปว่า “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะช่วยพวกคุณทํางาน หลังจากครั้งนี้ต่อไปผมจะไม่ช่วยเหลืออะไรอีกแล้ว”
ถ่างปั่วฉวนได้ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เซี่ยต่อให้พูดกับผมมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ ทางที่ดีควรจะไปพูดกับผู้บริการฉือจะดีกว่าแต่อย่างไรก็ตามปู่ของผมก็เคยพูดเอาไว้ว่าถ้าคุณสามารถช่วยน้องสาวของผมออกมาได้ เขาก็จะยอมรับคุณเป็นลูกศิษย์ของเขา คุณเป็นคนที่มีความสามารถ คุณไม่อยากได้รางวัลในการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะของพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”
“จริงเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นอย่างดีใจเพราะเซี่ยเหล่ยเคยคิดที่จะลอกเลียนแบบถ่างหยู่เหยี่ยแต่ก็ไม่ประสบความสําเร็จดูเหมือนว่ามันจะต้องมีเคล็ดลับอะไรบางอย่างด้วยถึงจะสามารถทําได้
ถ่างปั่วฉ่วนตอบว่า “แน่นอน จริงๆแล้วปู่ของผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “โปรดบอกผู้อาวุโสถ่างไปว่าผมจะช่วยหยู่เหยี่ยกลับมาอย่างปลอด
ภัยให้ได้”
หลังจากพูดคุยกับเซี่ยเหล่ยเสร็จ ถ่างปั่วฉ่วนก็เก็บอุปกรณ์และภาพวาดจาก เซี่ยเหล่ย จากนั้นก็ส่งต่อให้กับฉิงเสวียง
ฉิงเสวียงรับอุปกรณ์และพิมพ์เขียวมาดูด้วยความตั้งใจ เซี่ยเหล่ยหันไปมองดูเธอด้วยความกังวล จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงไปว่า ” ฉิงเสวียง ภารกิจนี้เสี่ยงอันตรายอย่างมาก แถมเรายังไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆทั้งนั้น ตอนนี้ยังพอมีเวลาให้ตัดสินใจอยู่ เธอจะเปลี่ยนใจมั้ย ?”
ฉิงเสวียงมองกลับไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อยจากนั้นก็ตอบไปว่า “ฉันไม่สนใจหรอกนะ ไม่ว่าตระกูลถ่างคนนั้นจะพูดอะไรกับคุณเกี่ยวกับเรื่องของฉัน แม้ว่าฉันพอจะรู้สไตล์ของพวกเขาแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอก ฉันก็แค่ทํางานให้คุณก็เท่านั้น “
“ฉันไม่สนใจฉันแค่ทํางานให้กับคุณเท่านั้น คําพูดเพียงสั้นๆที่ดูเรียบง่ายและเหมือนจะไม่ได้มีอะไร แต่เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ฟังแล้วหัวใจของเรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากแสดงออกให้ฉิงเสวียงได้รับรู้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไรดีแต่ถึงอย่างนั้นมือของเขาก็ออกไปจับมือของฉิงเสวียงอย่างไม่รู้ตัว
ฉิงเสวียงประหลาดใจเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยเมื่อรู้สึกตัวก็หดมือกลับ…
เครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติห่ายจู เซี่ยเหล่ยก็เดินลงจากเครื่องบิน เมื่อเขาก้าวเท้าลงสู่พื้นดิน เครื่องบินก็ออกเดินทางต่อในทันทีตามแผนการคือเซี่ยเหล่ยจะเดินทางไปแบบเปิดเผยส่วนฉิงเสวียง หลงบิง ถ่างวฉ่วนและเค่อเจียจะคอยทําภารกิจอยู่ในเงามืด พวกเขาจึงต้องแยกกันออกเดินทาง…
หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ออกจากสนามบิน เมื่อออกมาแล้วเขาก็เจอกับรถของสํานักงานลับ 101 ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วจอดอยู่ที่ริมถนน เซี่ยเหล่ยขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าหลังจากกลับไปถึงบริษัทแล้วเขาก็เรียกกวนหลิงชานให้ไปหาเขาที่ออฟฟิศของเขาด้วย
หลังจากกวนหลิงชานเข้าไปพบเซี่ยเหล่ยที่ออฟฟิศแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่อัฟกานิสถานให้ฟังแต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดออกไปเพียงแค่บอกส่วนที่จําเป็นก็เท่านั้น
” หัวหน้าเซี่ย คุณต้องสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กด้วยงั้นเหรอ?” กวนหลิงชานพูดขึ้นอย่างประหลาดใจหลังจากที่เซี่ยเหล่ยได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังจากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “ยิ่งกว่านั้นยังเป็นที่อัฟกานิสถานด้วย”
เซี่ยเหล่ยพูด “ใช่ แต่อย่าถามหาเหตุผลก็แล้วกันการที่บอกคุณก่อนเพราะคุณจะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยผมด้วย”
มันเป็นแค่หนึ่งในกระบวนการที่ทําเพื่อให้ตัวประกันที่ถูกจับอยู่ถูกปล่อยตัวออกมาอย่างปลอดภัย…..
กวนหลิงชานพูดว่า “หัวหน้าเซี่ย คุณจะบอกว่าให้บริษัทของเราผลิตอุปกรณ์ที่จําเป็นสําหรับสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ คราวนี้เราไม่จําเป็นต้องผลิตเอง” เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “เราจะใช้เงินซื้อพวกมันแต่คุณต้องจําไว้หน่อยว่าเราจะต้องจัดส่งมันไปที่อัฟกานิสถานเลย ดังนั้นช่วยดูแลเรื่องการจัดส่งและพยายามจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยนะ”
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว คุณสบายใจได้หัวหน้าเซี่ย ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” กวนหลิงชานพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ต้องลําบากคุณหน่อยนะ”
กวนหลิงชานแสดงท่าทางเขินอายเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเซี่ย ไม่ต้องสุภาพกับฉันมากนักก็ได้ คุณช่วยฉันแล้วยังให้อะไรกับฉันอีกตั้งมากมายดังนั้นฉันจะทําทุกอย่างให้คุณตามที่คุณต้องการ”
“อื้ม…เยี่ยมเลยตอนนี้ผมจะต้องออกเดินทางไปข้างนอกหลายวันหน่อย ผมจะต้องไปตอนนี้เลยด้วย ฝากด้วยนะ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินไปตบไหล่ของกวนหลิงชานเบาๆ
“อ้อ…ใช่” จู่ๆกวนหลิงชานก็พูดขึ้นอย่างกระทันหันเพื่อให้เซี่ยเหล่ยหยุดฟังก่อน แล้วพูดต่อทันทีว่า “หัวหน้าเซี่ย ในช่วงที่คุณไม่อยู่เฉินตูเทียนหยินโทรมาถามถึงความเป็นอยู่ของคุณหลายครั้งมากแต่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณ ดังนั้นฉันจึงยังไม่ได้บอกอะไรกับเธอ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ผมจะติดต่อเธอไปเอง ขอบคุณนะ”
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเหล่ยก็ไปขึ้นรถ BMW M6 จากนั้นก็ขับออกไปโดยมุ่งหน้าไปที่ตึกเหวี่ยนเทียนในขณะที่กําลังขัง เก็กดเบอร์โทรศัพท์ของเฉินตูเทียนหยินแล้วก็กดโทรออก
“เทียนหยิน…ผมเอง…เซี่ยเหล่ย” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นทันทีที่เฉินตูเทียนหยินรับโทรศัพท์
“หนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณไปทําอะไรมางั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อว่า “ในหลายวันที่ผ่านมานี้ฉันพยายามติดต่อคุณหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เพราะคุณปิดโทรศัพท์ ฉันเป็นห่วงคุณมาก”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า ” ผมไปอัฟกานิสถานมาที่นั่นผมไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้”
“แล้วตกลงว่าคุณไปทําอะไรที่นั่นหล่ะ?” เฉินตูเทียนหยินถามด้วยความแปลกใจผสมกับความอยากรู้อยากเห็น
“มันลําบากที่จะคุยกันทางโทรศัพท์เอาเป็นว่าผมกําลังจะไปหาคุณ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหล่ะ? “ เซี่ยเหล่ยถาม
“ฉันอยู่ในตึกเหวียนเทียน คุณรีบมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” เฉินตูเทียนหยินตอบ
เซี่ยเหล่ยวางสายโทรศัพท์จากนั้นก็กระแทกคันเร่งของรถ BMW M6 สีดําเพิ่มขึ้นอีกทันทีที่เหยียบลงไปเสียงของเครื่องยนต์ก็ได้คํารามทันที การที่กระแทกคันเร่งลงไปนี้ทําให้ตอนนี้รถของเขาขับเร็วเกินกว่าที่กําหนดแล้วแต่เซี่ยเหล่ยไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องนี้เลยนี่อาจจะเป็นข้อดีที่เขาได้จากสํานักงานลับ 101
ในที่สุดก็มาถึงเซี่ยเหล่ยเดินเข้าตึกทันที เขาตรงไปที่ลิฟท์เพื่อที่จะขึ้นไปหาเฉินตูเทียนหยิน
เมื่อไปถึงเซี่ยเหล่ยก็พบกับเฉินตูเทียนหยินที่กําลังอยู่ในชุดสูทของผู้หญิงสีดํา ทรงผมที่สยายไปตามลมรวมไปถึงรูปร่างของเธอที่ยอดเยี่ยม ในตอนนี้เธอสวยมาก
นอกจากที่นี่จะมีเฉินตูเทียนหยินแล้ว ด้านข้างของเธอยังมีเฉินตูเหยินเช่นกัน เซี่ยเหล่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เห็นเฉินตูเหยินมีรูปร่างที่อ้วนขึ้นเล็กน้อยแถมใบหน้าของเขาตอนนี้ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เฉินตูเหยินสามารถช่วยเฉินตูเทียนหยินจัดการและดําเนินการต่างๆที่บริษัทได้บ้างแล้ว
“ลุงเหยิน เทียนหยิน สวัสดีครับ” เซี่ยเหล่ยกล่าวคําทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“หนึ่งเดือนมานี้ไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเลย” เฉินตูเหยินพูดต่อทันทีว่า ”หรือว่าคุณลืมคนแก่คนนี้ไปแล้วงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างงุ่มง่ามไปว่า “ลุงเหยินอย่าพูดแบบนั้นเลย ผมไม่ได้ลืมคุณหรอกนะแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมต้องไปที่อัฟกานิสถาน ทําให้ไม่สามารถโทรมาหาได้ ”
“คุณไปที่นั่นเพื่อทําอะไรหล่ะ?” เฉินตูเทียนหยินถามพร้อมรอยยิ้ม
“เพราะมีโครงการทางการเมือง ผมต้องไปสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กขึ้นที่ชนเผ่าแห่งหนึ่งของอัฟกานิสถาน ชนเผ่านั้นยากจนมาก พวกเขามีรายได้จากการขายแกะเท่านั้น แต่การที่เราไปสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำให้กับพวกเขา เราก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรเพราะเราก็สามารถใช้ทรัพยากรบางอย่างของพวกเขาได้เรื่องนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ร่วมกัน” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น เขาคิดคําตอบไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็เพราะเขาไม่สามารถที่จะบอกความจริงทั้งหมดกับเฉินตูเทียนหยินได้
นี่ไม่ได้ถือว่าเป็นการหลอกลวงซะทีเดียว มันก็แค่พูดความจริงออกไปไม่หมดแล้วก็แต่งเรื่องเพิ่มเข้าไปอีกนิดหน่อย
เฉินตูเหยินยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเป็นคนกล้าได้กล้าเสียจริงๆที่กล้าลงทุนที่อัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตามผมขอชื่นชนความกล้าหาญและสติปัญญาของคุณอย่างมาก คนหนุ่มสาวมันก็ต้องกล้าท้าทายกันหน่อย” เฉินตูเหยินพูดเสร็จก็มองไปที่เฉินตูเทียนหยินแล้วก็พูดต่อว่า “เทียนหยิน ลูกต้องดูเซียเหล่ยเป็นตัวอย่างเอาไว้ด้วย ลูกเห็นไหมว่าเขากล้าที่จะเสี่ยงลงทุนในสถานที่ต่างแดนอย่างอัฟกานิสถาน
เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมรอยยิ้มไปว่า “ดูเหมือนว่าพ่อ…ถ้าไม่ได้สรรเสริญเซี่ยเหล่ยเลยคงจะนอนไม่หลับเลยหล่ะมั้งเนี่ย ”
เฉินตูเหยินยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ลืมเรื่องนี้ซะเถอะ….ตอนนี้พ่อจะออกไปก่อนเพื่อให้พวกเธอได้คุยกัน”
ฟูหมิงเหม่ยเดินเข้ามาภายในห้องและผลักวีลแชร์ที่
หลังจากที่เฉินตูเหยินออกไปแล้วตอนนี้ภายในห้องก็เหลือแค่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินทั้งคู่เงียบอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่มีใครเริ่มพูดขึ้นก่อนเลย
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเกาหลีใต้” เฉินตูเทียนหยินเริ่มพูดขึ้นในที่สุดทําให้ความเงียบในก่อนหน้านี้หายไปจากนั้นก็พูดต่อว่า “บริษัทของเราและบริษัทก็อดโดเมนมีโครงการที่จะร่วมมือกันดังนั้นฉันต้องไปที่นั่นเพื่อร่วมพิธีวางรากฐาน คุณพอจะมีเวลาว่างหรือไม่? ฉันต้องการให้คุณไปกับฉันด้วย “
“ได้สิ ผมจะไปกับคุณ” เซี่ยเหล่ยตอบในทันที
การที่เซี่ยเหล่ยตกลงอย่างรวดเร็วนั้นทําให้เฉินตูเทียนหยินรู้สึกแปลกใจจึงได้ถามออกไปว่า “คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม ฉันจริงจังนะ ”
เซี่ยเหล่ยตอบไปพร้อมรอยยิ้มว่า “ผมพูดจริง แต่คุณต้องจัดการเรื่องตัวให้กับผม ส่วนคุณอยากกินอะไรก็บอกมาได้ผมจะให้คุณได้กินตามที่คุณอยากกินเลย”
“ฉันอยากลองกินผักดองของเกาหลีใต้มานานแล้ว” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยท่าทางดีใจอย่างมาก
ติดตามตอนต่อไป…..