Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 316
TXy – 316 โง่ !
ตอนนี้เข้าเขตบ้านของอันซูฮยอนแล้ว
พื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี่ถือว่ามีราคาแพงมาก บ้านพักของอันกวนตั้งอยู่ในเขตย่านคนที่ร่ำรวยที่สุดของกรุงโซลที่ดินสําหรับก่อสร้างตึกอาคารหรือที่พักมีพื้นที่กว่า 100 เอเคอร์ที่นี่มีตึกและอาคารนับร้อยห่างออกไปเป็นบ้านที่เหมือนกับคฤหาสน์ของขุนนางในสมัยโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยใหม่ นี่คงจะเป็นคฤหาสน์หลักที่พ่อและแม่ของอันซูฮยอนอาศัยอยู่
เซี่ยเหล่ยนั่งอยู่ในรถเงียบๆ เขาคอยสังเกตสิ่งต่างๆรอบข้างระหว่างทางผ่านตา ซ้ายของเขาซึ่งมันจะถูกเก็บในรูปของภาพและวีดีโอซึ่งการเก็บข้อมูลนี้จะไม่มีทางสูญหายหรือถูกลืมด้วยความสามารถนี้จะทําให้เซี่ยเหล่ยเป็นโจรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้
ในที่สุดก็มาถึงสถานที่จอดรถ รถทุกคันจอดอย่างเป็นระเบียบจากถนนที่รถจอดห่างจากตัวบ้านพักราวๆ 50 เมตร ที่พักเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นแบบย้อนยุค พวกมันดูคล้ายกับบลูเฮ้าส์ แต่มีขนาดเล็กกว่าด้านหลังถัดออกไปก็มีบลูเฮ้าส์แบบเดียวกันนี้อีกหลายหลังถูกสร้างขึ้นกระจายไปทั่วพื้นที่
ด้านหน้าของเหล่าบลูเฮ้าส์ ตอนนี้มีผู้ชายวัยกลางคนยืนอยู่ เขามีรูปร่างที่ค่อนข้างจะสูง ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดูสดใส ถ้าดูจากภายนอกเขาดูเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถ แม้ว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งแรกกับผู้ชายวันกลางคนคนนี้ แต่เซี่ยเหล่ยก็รู้ได้ทันทีว่านี่คืออันกวน พ่อของอันซูฮยอน
นอกจากนี้ด้านข้างของอันกวนยังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีรูปร่างที่สมส่วน แม้อายุของเธอจะมากแล้วก็ตามแต่เธอยังคงดูมีเสน่ห์อย่างมาก เธอก็คือแม่ของอันซูฮยอน ซอซูจิน ตามที่ถ่างปั่วฉ่วนเล่าก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเกาหลีใต้มาก่อน
นอกจากพ่อและแม่ของอันซูฮยอนตอนนี้ ด้านหลังของพวกเขาก็มีบุคคลอยู่อีก มากมาย ทั้งที่สําคัญบ้างไม่สําคัญบ้าง มีทั้งพ่อบ้านแม่บ้านรวมไปถึงบอดี้การ์ดด้วย
อันซูฮยอนและเฉินตูเทียนหยินลงจากรถพร้อมกันหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินตรงไปและหยุดที่ด้านหน้าของอันกวนและซอซูจิน จากนั้นก็ยิ้มทักทายให้กับพวกเขา
“คุณเฉินตู การที่คุณมาถึงบ้านของเราถือเป็นเกียรติอย่างมาก” อันกวนพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วและเขาไม่ได้ใช้ภาษาเกาหลีในการทักทายเฉินตูเทียนหยินในครั้งนี้
เฉินตูเทียนหยินยื่นมือออกไปจับกับอันกวนพร้อมพูดขึ้นว่า “ลุงอัน คุณพูดเกินไปแล้ว สําหรับฉันแล้วถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาทักทายคุณถึงที่นี่ ”
อันกวนยิ้มขึ้นก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับและพูดขึ้นในเวลาเดียวกันว่า “เฮเฮ้..คุณเฉินตูก็พูดเกินไป”
ซอซูจินก็ขยับมาด้านหน้าของเฉินตูเทียนหยิน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเทียนหยิน ฉันเป็นภรรยาของอันกวนและเป็น แม่ของอันซูฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลย…คุณสวยมากจริงๆ ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันแต่ฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณมาเยี่ยมเยือนเราถึงที่บ้าน
เฉินตูเทียนหยินก็ยื่นมือออกไปจับจากนั้นก็พูดไปพร้อมรอยยิ้มว่า “ป้าซอ ยินดีที่ได้พบ แต่ฉันไม่ได้มีเกียรติมากขนาดนั้นแต่ก็ขอบคุณที่คุณให้เกียรติฉัน”
อันกวนยิ้มและพูดว่า “โอ้…คุณเฉินตู คุณจะถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว”
“ที่แม่ของผมพูดเป็นความจริง” อันซูฮยอนเดินเข้าไปด้านข้างของเฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็จับมือของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เทียนหยิน คุณเป็นคน ทีสวยจริงๆ ในชีวิตนี้ผมเคยเห็นผู้หญิงมามากมายแต่คุณเป็นคนแรกที่ผมเห็นแล้วรู้สึกดีในทันที”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป
ซอซูจิน หันไปบ่นกับลูกชายของตัวเองว่า “นี่เจ้าลูกคนนี้ จะให้ยืนคุยอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรือยังไง…ทําไมถึงไม่ชวนเธอเข้าไปนั่งคุยกันในบ้านหล่ะ?”
อันซูฮยอนพูดว่า “เทียนหยินเราไปนั่งคุยในด้านในดีกว่า ผมจะนําคุณไปเอง”
“ก็ดี” เฉินตูเทียนหยินพูดจากนั้นก็หันไปพูดกับฟู่หมิงเหม่ยและเซี่ยเหล่ยว่า ”หมิงเหม่ย เซี่ยเหล่ยมานี่เร็ว ฉันจะแนะนําให้พวกเขารู้จัก ”
จังหวะนี้อันซูฮยอนที่เคยยิ้มก่อนหน้านี้ รอยยิ้มบนหน้าของเขาหายไปทันที
สายตาของอันกวนและซอซูจินเองก็ย้ายไปมองที่เซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยแต่เมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยสายตาของพวกเขาทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปในทันที รอยยิ้มที่เคยมีก่อนหน้านี้ก็หายไปจนหมดและยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่า ซอซูจินเองจะรู้หรือเคยได้ยินชื่อของเซี่ยเหล่ยมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะตอนนี้เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาเฉินตูเทียนหยิน เขารับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรแต่เขาก็ทําได้เพียงแค่อดทนแล้วก็เดินตรงต่อไป
เมื่อเซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยเดินไปถึงเฉินตูเทียนหยิน เธอก็พูดแนะนําให้อันกวนและและซอซูจิน รู้จักแต่หลังจากพูดจบพวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดูเบื่อหน่ายกับ การแนะนําของเฉินตูเทียนหยินมากและแม้ว่าตอนนี้เฉินตูเทียนหยินจะแนะนําตัวเซี่ยเหล่ยเสร็จแล้วแต่ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะทักทายเซี่ยเหล่ยเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งสองคน เขายิ้มและยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับอันกวนพร้อมพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “คุณอัน คุณชอ สวัสดีครับ”
เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง นี่เป็นวิธีการแสดงความเคารพที่นอบน้อมที่สุด
อย่างไรก็ตามอันกวนไม่ได้ยื่นมือออกไปจับแต่อย่างใด เขาเพียงแค่พูดอย่างเฉยชาไปว่า “ผมจะให้คนเตรียมที่พักเอาไว้ให้สําหรับพวกคุณ หากต้องการสิ่งใดก็บอกพ่อบ้านก็แล้วกัน”
ซอซูจินทําสัญญาณมือจากนั้นก็มีชายชราเดินเขามาหาเธอ เธอพูดภาษาเกาหลี กับชายชราคนนั้นจากนั้นชายชราก็เรียกคนมาเพิ่มอีกสองคนแล้วเดินไปหาเซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ย
เซี่ยเหล่ยสัมผัสได้ถึงสถานะของชายชราคนนี้ในทันที เขาเป็นพ่อบ้านที่มีชื่อว่าชเวมยองโฮ
มุมของปากของอันซูฮยอนยิ้มอย่างเยาะเย้ย นี่คือสิ่งที่เขาต้องการให้เซี่ยเหล่ย ได้พบเจอและสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อให้เขารู้ถึงสถานะของตัวเองในขณะที่อยู่ที่นี่
จากเหตุการณ์นี้ทําให้รู้ได้เลยว่าอันกวนและซอซูจิน พวกเขาต้อนรับแค่เพียงเฉินตู เทียนหยินเท่านั้นเพราะพวกเขารู้สถานะว่าเทียนหยินอยู่ระดับเดียวกันกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาได้กระทําหรือปฏิบัติกับเซี่ยเหล่ยเป็นการปฏิบัติเหมือนกับผู้ติดตามระดับล่างทั่วไปก็เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลหนึ่งด้วยว่าทําให้อันกวนเลือกที่จะไม่จับมือกับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยหดมือกลับอย่างงุ่มง่าม
ตอนนี้เองเฉินตูเทียนหยินก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่อันกวนและซอซูจินเลือกที่จะปฏิบัติกับ เซี่ยเหล่ยอย่างผู้ติดตามระดับล่างทั่วไป นั่นทําให้เฉินตูเทียนหยินรู้สึกไม่พอใจเช่นกันแต่เธอก็ทําอะไรไม่ได้
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยก็ได้เดินตามพ่อบ้านชเวมยองโฮไปยังที่พัก
“เหล่ย ฉันจะไปหาคุณในภายหลัง” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นเพราะเธอกังวลว่าเซี่ยเหล่ยจะรู้สึกไม่พอใจและไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร
เซี่ยเหล่ยยิ้มและได้พูดขึ้นว่า “คุณไปพูดคุยกับพวกเขาเถอะ ผมไม่เป็นอะไร ผมดูแลตัวเองได้ “
เมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยยิ้มให้ เฉินตูเทียนหยินก็รู้สึกโล่งอกจากนั้นเธอก็ยิ้มให้พร้อมกับ พยักหน้าให้กับเขา
ชเวมยองโฮ เดินนําเซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยพร้อมกับพ่อบ้านอีกสองคนที่คอยช่วยถือสัมภาระให้ พวกเขาทั้งหมดเดินไปจนถึงบ้านพักแห่งหนึ่งจากนั้นก็เปิดประตูพร้อมพูดด้วยภาษาเกาหลีขึ้นว่า “ท่านสุภาพบุรุษ…นี่เป็นห้องพักของคุณ”
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยเข้าใจภาษาเกาหลีแต่ในตอนนี้เขาแกล้งทําเป็นส่ายหน้า และแกล้งโง่พร้อมพูดขึ้นเป็นภาษาจีนว่า “คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
ชเวมยองโฮพูดซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาเกาหลี
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าพร้อมพูดอีกครั้งเป็นภาษาจีนเหมือนเดิมว่า “ขอโทษนะ แต่ผม
ไม่เข้าใจ”
ชเวมยองโฮมองไปที่ฟู่หมิงเหม่ยพร้อมกับถามเป็นภาษาเกาหลีว่า “คุณผู้หญิง คุณพูดและเข้าใจภาษาเกาหลีหรือไม่?”
ฟู่หมิงเหม่ยส่ายหัวแต่ผู้ช่วยสองคนพยักหน้า พวกเขาพอจะพูดภาษาจีนได้บ้าง
ผู้ช่วยเข้าใจในสิ่งที่ชเวมยองโฮพูดออกมาหลังจากนั้นเขาก็พูดสิ่งที่พ่อบ้านบอก ให้กับเซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยฟังเป็นภาษาจีน
เซี่ยเหล่ยดูอึดอัดใจและยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเดินเข้าห้องไป
หลังจากพาเซี่ยเหล่ยเข้าที่พักแล้วชเวมยองโฮก็เดินนําฟู่หมิงเหม่ยเดินไป ที่ห้องอื่นพร้อมกับผู้ช่วยอีกสองคน
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าห้องไปในห้องพร้อมกับบิดประตู สิ่งแรกที่เขาเริ่มทําคือใช้ความ สามารถของตาซ้ายเพื่อค้นหาเครื่องดักฟังหรือกล้องวงจรปิดที่อาจจะซ่อนอยู่ แต่ เมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ก็ทําให้เขาผ่อนคลายลงจากนั้นก็พูดผ่านเสื้อโค้ดที่มีเครื่องสื่อสารขนาดเล็กซ่อนอยู่เป็นรหัสลับไปว่า “ผู้เล่นเข้าสู่สนามเรียบร้อยแล้ว”
หลังจากนั้นหนึ่งวินาทีก็มีเสียงออกมาจากเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่แอบติดอยู่ที่ หูเป็นเสียงของหลงบิงว่า “ผู้ตัดสินก็อยู่ในตําแหน่งแล้วเช่นกัน”
นี่เป็นรหัสลับที่ทําให้การสื่อสารของพวกเขาจะปลอดภัยมากขึ้นจากการตีความ
เมื่อสิ้นสุดการติดต่อสื่อสารกันครั้งแรกของพวกเขา เซี่ยเหล่ยก็หันไปด้านข้างก็พบว่าฟู่หมิงเหม่ยอยู่ในห้องถัดไป ตอนนี้เธอกําลังถอดเสื้อผ้าออกและเตรียมตัวที่จะอาบน้ำรูปร่างของเธอถือว่าดีมาก หน้าท้องของเธอมีชิกแพคอย่างเห็นได้ชัดนี่ก็เป็นผลมาจากการที่เธอออกกําลังกายอย่างเป็นระบบและเคร่งครัด
ในตอนนี้แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกําลังแก้ผ้าในตอนนี้แต่สําหรับเขาแล้วแม้ว่ามันจะยังมีความรู้สึกเขินอายอยู่บ้างแต่มันค่อนข้างที่จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
“จริงๆแล้วผมไม่ได้ตั้งใจมองหรอกนะ” เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเอง เขาไม่ได้หลบตาในทันทีที่เห็นแต่เขาค่อยๆเลี่ยงสายตาออกจากร่างของฟู่หมิงเหม่ย
หลังจากมองไปที่ห้องของฟู่หมิงเหม่ยเสร็จ เซี่ยเหล่ยก็หันไปมองรอบด้านอื่นๆอย่างละเอียด เขาพบว่าบริเวณใกล้ๆนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สําหรับเก็บของสะสมของโบราณเลย
หลังจากสิบนาทีผ่านไปด้านหน้าประตูห้องพักของเซี่ยเหล่ย เขาได้ยินเสียงฝีเท้า
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยเพื่อมองออกไป เขาพบว่าคนที่อยู่หน้าห้องในตอนนี้คือพ่อบ้านชเวมยองโฮ
ชเวมยองโฮที่เดินมาจนถึงหน้าห้องแล้ว เขาก็ได้ยกมือขึ้นมาและเคาะไปที่ประตูห้องพักของเซี่ยเหล่ย
“เขามาทําอะไรนะ?” เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเองพร้อมกับเดินไปเปิดประตูด้วยความ สงสัยและอยากรู้
ชเวมยองโฮพูดภาษาเกาหลีไปว่า “คุณเซี่ย นายน้อยซูฮยอนของเราได้ชวนคุณไปดื่มชา”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวพร้อมพูดภาษาจีนขึ้นว่า “ผมไม่เข้าใจ”
“คนโง่ นี่ผมกําลังพูดภาษาเกาหลีกับคนโง่อย่างนั้นเหรอ?” ชเวมยองโฮพูด และพูดต่อทันทีพร้อมรอยยิ้มไปว่า “คุณเป็นคนโง่ใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าพร้อมพูดออกมาเหมือนเดิมว่า “ผมไม่เข้าใจ” แต่ในใจเขาก็แอบคิดไปว่า “ชายแก่คนนี้เขาพูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย”
ตอนนี้ชเวมยองโฮหาหนทางในการสื่อสารใหม่ เขาไม่ได้พูดออกมาในครั้งนี้ แต่เขาเปลี่ยนเป็นแสดงท่าทางการดื่มชาและท่าทางชวนให้เซี่ยเหล่ยเดินไปแทน
“ก็ดี…” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มและทําเป็นแกล้งว่าเข้าใจภาษามือห่วยๆของชเวมยองโฮที่เพิ่งทําไปเมื่อกี้นี้
ในขณะที่กําลังเดินนําทางให้เซี่ยเหล่ยอยู่นั้นชเวมยองโฮก็บ่นกับตัวเองไปว่า “ผู้ชายคนนี้กล้าที่จะเป็นคู่แข่งในการแย่งผู้หญิงกับนายน้อยเของเราอย่างนั้นเหรอ? เหลือเชื่อเลยจริงๆ เขาคงเป็นคนโง่ที่สุดแล้วถึงกล้ามาที่นี่ เขามี IQ เท่ากับหมูสินะถึงได้ทําแบบนี้”
แม้ว่าเขาจะพูดกับตัวเองคนเดียวแต่เซี่ยเหล่ยก็ได้ยินที่เขาพูดมาทั้งหมดแม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดใจแต่ก็ไม่สามารถทําอะไรหรือตอบโต้อะไรได้เพราะอาจจะทําให้เขารู้ได้ว่าเซี่ยเหล่ยเข้าใจภาษาเกาหลี
หลังจากเดินไปหลายนาทีตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้มาถึงหน้าห้องหนึ่งจากนั้นพ่อบ้าน ชเวมยองโฮ มองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นเขาเปิดประตูพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย กรุณาเข้า มารอข้างในก่อนครับ นายน้อยซูฮยอนจะมาเร็วๆนี้ ”
“คุณพูดอะไร?” เซี่ยเหล่ยพูดและยังคงแกล้งไม่เข้าใจอยู่
พ่อบ้านชเวมยองโฮพยายามทําภาษามือว่าให้เข้าไปในรอห้องพร้อมกับ พูดไปด้วยแต่คําพูดที่เขาพูดออกมาไม่ได้มีความหมายว่าให้เข้าไปรอในห้องเลยแต่มันมีความหมายว่า “รีบไสหัวไปซะ เจ้าสมองหมู เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่”
ติดตามตอนต่อไป