Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 322
TXW – 322 มันหายไป !
“ถึงจะมั่นใจมากแค่ไหนแต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี” พูดเสร็จอันซูฮยอนก็พุ่งโจมตีเซี่ย เหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยบัดดาบของอันซูฮยอนที่โจมตีเข้ามาอย่างกระทันหันหลังจากปัดเสร็จแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ไม่รอช้าที่จะตอบโต้ เขายกปลายดาบขึ้นมาจากนั้นก็แทงไปยังแก้มของอันซูฮยอนทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นทําให้แขกทุกคนในงานต่างพากันตกใจ
กฎของการฟันดาบคือถ้าต่อสู้กันจนเกิดการบาดเจ็บขึ้นมาก็จะไม่ได้คะแนนแต่สิ่ง ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อยู่นอกเหนือจากกฎเพราะนี่ไม่ใช่การแข่งแต่เป็นการดวล ถ้าหากเมื่อกี้เป็นดาบจริงละก็หน้าของอันซูฮยอนคงจะเสียโฉมไปแล้ว!
“ขอโทษนะ ผมคงจะตื่นเต้นไปหน่อยที่หน้าของคุณนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นและรีบพูดต่อทันทีว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ด้วยคําพูดเหล่านี้ทําให้อันซูฮยอนรู้สึกเจ็บใจมากยิ่งขึ้นในการดวลก่อนหน้าที่กางเกงของเซี่ยเหล่ยจะขาด อันซูฮยอนพยายามโจมตีเซี่ยเหล่ยมากกว่า20ดาบ แต่ก็ไม่สามารถฟันโดนเซี่ยเหล่ยแม้แต่เสื้อผ้าเลย แต่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยสวนกลับแค่ครั้งเดียวก็ทําให้อันซูฮยอนได้รับบาดเจ็บแล้ว แถมยังพูดจาแบบนี้เข้าไปอีกยิ่งเพิ่มความโกรธความเกลียดชังให้กับอันซูฮยอนเป็นอย่างมาก!
แม้ว่าอันซูฮยอนจะเจ็บแผลที่แก้มก็ตาม แต่เขารู้สึกอับอายมากกว่า
“บ้าเอ๊ยย!” อันซูฮยอนตะโกนออกมาจากนั้นก็รีบพุ่งตัวออกไปโจมตีเซี่ยเหล่ยอย่าง รวดเร็วและรุนแรง
แต่ก็ไม่สามารถทําอะไรเซี่ยเหล่ยได้ เขาสามารถปิดการโจมตีของอันซูฮยอนได้ทั้งหมด
แกรง แกรัง นิ้ง นิ้ง แกร๊งงงง….
ดาบของทั้งสองคนปะทะกันไม่หยุดหย่อนและการต่อสู้ของทั้งคู่ต่างก็ค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกเรื่อยๆ
“เดี๋ยวสิ! นี่มันจะรุนแรงเกินไปแล้วเหรือเปล่า?” เฉินตูเทียนหยินพูดกับตัวเองอย่างเคร่งเครียด
ในความเป็นจริงด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ยสามารถที่จะจบการต่อสู้นี้ได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้ทําแบบนั้นเพราะมีเหตุผลอยู่สองข้อ โดยข้อแรกคือในการดวลกันก่อนหน้านี้ เซี่ยเหล่ยรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจึงไม่อยากจะทําให้การดวลรอบนี้จบเร็วจนเกินไป ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าชนะในตอนนี้แล้ว เกิดพวกเขาไปตรวจสอบห้องเก็บสะสมของโบราณแล้วพบว่าดาบหายไป เซี่ยเหล่ยจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกทันที ด้วยเหตุผลสองข้อนี้ทําให้เซี่ยเหล่ยต้องอ่อนข้อและยืดเวลาการต่อสู้ออกไปอีก
การแสดงของเซี่ยเหล่ยยังคงดําเนินต่อไป เขายอมปล่อยให้อันซูยอนฟันเข้ามาและเขาก็แกล้งหลบได้อย่างหวุดหวิด ส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็แกล้งฟันไปให้เฉียดๆอันซูฮยอนก็เท่านั้น เซี่ยเหล่ยพยายามแสดงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเพื่อยึดเวลาให้ได้มากที่สุด
แต่ก็ยึดเวลาออกไปได้ไม่นานมากนัก จู่ๆแขกผู้หญิงในงานก็ตะโกนออกมาว่า“แพ้ไปซะ ไอ้สวะ!”
ทันทีที่เสียงของผู้หญิงคนนั้นพูดจบ เซี่ยเหล่ยก็กระโดดอย่างรวดเร็วและแทงไปที่หน้าอกของอันซูฮยอนอย่างจัง
อันซูฮยอนที่โดนแทงก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที
ด้วยความโกรธและความอับอาย อันซูฮยอนพยายามจะคลานและรีบลุกขึ้นยืน แต่ก็ไม่ทันการ จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยใช้ดาบเล็งไปที่คอของอันซูฮยอนเรียบร้อยโดยที่ปลายดาบห่างจากคอของเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร
หลังจากที่อันซูฮยอนโดนปลายดาบจ่ออยู่ที่คอ ผู้ชมในห้องโถงต่างพากันเงียบไม่พูดไม่จาเลย ไม่มีใครเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะทําให้ชายชาวจีนที่ก่อนหน้านี้ไม่นานถูกเรียกว่านักแสดงตลก ชนะแชมป์ฟันดาบของเกาหลีใต้ได้แถมระหว่างการต่อสู้อันซูฮยอนไม่สามารถโจมตีโดนเซี่ยเหล่ยเลย แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่มีรอยคมดาบซักนิด!
เซี่ยเหล่ยหันดาบไปที่อื่นพร้อมยื่นมือออกไปเพื่อจะให้อันซูฮยอนใช้จับและดันตัวเองขึ้นมายืนและก็พูดว่า “คุณอัน ผมให้คุณเป็นฝ่ายชนะ”
ทันทีที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยพูด อันซูฮยอนรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที่ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียด ถึงแม้ว่าอันซอยอนสามารถจะจับมือกับเซี่ยเหล่ยและให้เขาช่วยพยุงตัวขึ้นมายืนและแกล้งทําเป็นว่าที่แพ้นี่เกิดมาจากการอ่อนข้อให้แต่เขาก็ไม่ทํา อันซูฮยอนเลือกที่จะปัดมือของเซี่ยเหล่ยและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
เซี่ยเหล่ยยักไหล่และส่งดาบคืนให้กับอันซูฮยอน
การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ของอันซูฮยอนทําให้อันกวนรู้สึกเสียหน้าอย่างมากนั่นก็เพราะว่าลูกของเขาเป็นถึงแชมป์ฟันดาบ แต่กลับต้องมาแพ้ให้กับชายชาวจีนคนนี้ แถมยังเป็นต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติที่สําคัญของประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย
เฉินตูเทียนหยินเดินมาที่ด้านหน้าของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็โน้มตัวไปใกล้หูของเซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะเอาชนะเขาได้”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเพราะเขารู้สึกจักจี้ในตอนที่เฉินตูเทียนหยินกระซิบอย่างกระทันหัน
การที่เฉินตูเทียนหยินเข้ามากระซิบกับเซี่ยเหล่ยนั้นบรรดาแขกในงานเห็นเข้า พวกเขาต่างพากันกระซิบและพูดคุยกันไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ดูเหมือนว่าบรรดาแขกในงานจะได้หัวข้อในการพูดคุยใหม่แล้ว
“ผู้ชายชาวจีนคนนั้นมาทําอะไรที่นี่กันแน่?” แขกในงานพูดขึ้น
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอย่างไรกันแน่นะ” แขกบางคนพูด
“ดูเหมือนว่าอันซูฮยอนจะคอยไล่ตามผู้หญิงคนนี้อยู่ใช่ไหม? “ แขกบางคนพูด
“เฉินตูเทียนหยินเลี้ยงผู้ชายคนนี้ไว้ใช่ไหม ?” แขกในงานพูด
“ฉันยังได้ยินมาอีกว่า..” แขกบางคนพูด
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะได้ยินทุกคําพูดนินทาของแขกภายในงานแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ ได้สนใจคําพูดพวกนี้ เพราะเขาถือว่าภารกิจของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่นี่จะเป็นอย่างไรก็ช่าง
“พวกเขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน?” สัญชาตญาณของเฉินตูเทียนหยินรับรู้ได้ทันทีว่าบรรดาแขกในงานต่างพากันพูดคุยและนินทาตัวเองกับเซี่ยเหล่ยอยู่
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณอยากรู้จริงๆงั้นเหรอ?”
“ใช่ บอกมาสิ” เฉินตูเทียนหยินตอบ
เซี่ยเหล่ยกระซิบไปว่า “ผมเป็นผู้ชายที่คุณเลี้ยงไว้”
เฉินตูเทียนหยินตะลึกและหน้าแดงพร้อมพูดขึ้นว่า “ความคิดของคนพวกนี้หยาบคายเสียจริง”
การที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินแสดงท่าทางสนิทสนมกันในตอนนี้ อันซูฮยอนที่หันมาเห็นเข้า ทําให้เขารู้สึกโกรธและหงุดหงิดอย่างมากแม้ว่าเขาจะเจ็บที่แก้มแต่ตอนนี้มันเทียบไม่ได้กับที่เขาเจ็บใจเช่นเดียวกับอันกวน เขาก็รู้สึกเสียหน้าจนอยากที่จะออกไปจากงานซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็ไม่สามารถทําได้
“มาร่วมงานเลี้ยงกันต่อดีกว่า” ซอซูจินพยายามเปลี่ยนหัวข้อ
หลังจากจบการดวลได้ไม่นาน อาหารมากมายก็ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมเสิร์ฟแล้ว มันหรูหราอย่างมาก เพราะได้ทีมเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นคนปรุงอาหาร ด้านอันกวนได้พาเฉินตูเทียนหยินไปแนะนํากับนักธุรกิจและแขกผู้มีเกียรติที่มาในวันนี้ต่อให้ครบจนหมดระหว่างนี้เซี่ยเหล่ยก็โดนปล่อยให้อยู่ในงานอย่างโดดเดี่ยว
ในตอนที่งานเลี้ยงใกล้จะสิ้นสุดลง เซี่ยเหล่ยคิดว่าอันกวนและอันซูฮยอนต่างจะทยอยกันส่งแขกแต่ไม่ใช่เลยตอนนี้อันกวนได้พูดขึ้นเสียงดังว่า “ทุกคนที่อยู่ในงานแห่งนี้ ผมถือว่าพวกคุณที่เป็นเพื่อนของผมหรือถือว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวก็ว่าได้ ดังนั้นผมจะให้คุณได้ชมกับคอลเลคชั่นของผมที่สะสมเอาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือชุดเกราะ หมวกนักรบ พร้อมกับดาบโบราณ มันเป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของผม ”
แขกในงานบางคนที่ชอบของโบราณตื่นเต้นกันอย่างมาก
แต่ผิดกับเซี่ยเหล่ยเลยเพราะทันทีที่เขาได้ยินเขาเครียดอย่างมาก อันที่จริงเซี่ยเหล่ยควรที่จะกลับประเทศจีนก่อน ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวว่าดาบหายไปเพราะถ้าอันกวนและอันซูฮยอนไปตรวจสอบในตอนนี้แล้วพบว่าดาบหายไปแล้ว เซี่ยเหล่ยอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย….
เฉินตูเทียนหยินเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เหล่ย เราเคยเห็นมันแล้ว เรากลับกันดีกว่า ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
” หรือเราจะไปดูกันอีกครั้งดีหล่ะ ผมเห็นวัตถุโบราณหลายอย่างที่เป็นของประเทศเราอยู่ที่นั่นด้วย ผมอยากรู้ว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เซี่ยเหล่ยพูด
“ตกลง ถ้าคุณจะไป ฉันจะไปด้วย” เฉินตูเทียนหยินพูด
อันซูฮยอนต้องการที่จะไปเชิญเฉินตูเทียนหยินด้วยตัวเองแต่เมื่อเห็นว่าเฉินตูเทียนหยินพูดคุยกับเซี่ยเหล่ยอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อันซูฮยอนก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปชวนเฉินตูเทียนหยินด้วยตัวเอง
ภายใต้การเชิญของอันกวน ทําให้บรรดาแขกหลายคนต่างทยอยกันเดินไปที่ห้องสมุดของเขา
การที่อันกวนเดินนําไปก่อน เขาไม่รอช้าที่จะปลดล็อคความปลอดภัยของประตู ก่อนที่คนอื่นจะทันได้เดินมาถึงประตูหน้าห้องเพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะเห็นวิธีการปลดล็อคห้องนี้
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ดูสงบมาก แต่จิตใจของเขาไม่ใช่เลย เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าอันกวนจะโชว์ดาบให้คนอื่นๆดูในวันนี้ ทําให้ตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าจะต้องทําอย่างไรและจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี
นี่คือเหตุผลว่าทําไมเขาถึงต้องมาที่นี่อีกครั้งนั่นก็เพื่อให้เห็นเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยตาของตัวเอง เพื่อจะได้แก้หาทางแก้ปัญหาต่อไป
“อันกวนคงต้องการจะโชว์สมบัติที่ตัวเองสะสมไว้ก็เท่านั้นสินะ” เสียงของเฉินตูเทียนหยินกระซิบกับเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็กระซิบต่อว่า “แต่จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกันนะ ที่เราจะต้องมาดูวัตถุโบราณที่เป็นของประเทศเราในประเทศเกาหลี”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่”
เฉินตูเทียนหยินตอบไปว่า “ต่อหน้าอันซูฮยอนที่เป็นผู้ร่วมธุรกิจกันอยู่จะพูดแบบนั้น ได้อย่างไรกันหล่ะ”
ความร่วมมือที่พูดถึงกันนี้คือการที่บริษัทเหวี่ยนเทียนและบริษัทก็อดโดเมนร่วมกันผลิตโทรศัพท์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สําหรับยานยนต์ นี่ถือเป็นการขยายตลาดของบริษัทเหวี่ยนเทียนครั้งยิ่งใหญ่
เฉินตูเทียนหยินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานไม่น้อย เธอจึงไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ตอนนี้ไปตลอดได้ เธอจึงต้องการขยายตลาดเพิ่มขึ้นอีก
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเข้าใจความทะเยอทะยานที่เฉินตูเทียนหยินมีแต่เขาก็กังวลอยู่ไม่น้อยจึงพูดออกไปว่า “แม้ว่าผมจะไม่ได้สนิทสนมกับอันซูฮยอนมากแต่ผมก็พอจะดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์ซักเท่าไหร่ ดังนั้นคุณควรที่จะระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะพลาดท่าเอาได้ ”
มุมปากของเฉินตูเทียนหยินแสดงออกถึงรอยยิ้ม เธอยังรู้สึกดีที่เซี่ยเหล่ยยังคอยเป็นห่วงเธออย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าอันซูฮยอนและอันกวนจะเล่นตุกติกกับเธอในตอนนี้ ส่วนเธอเองก็มีวิธีรับมือหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นดังนั้นเธอจึงบอกเซี่ยเหล่ยกลับไปว่า “ไม่ต้องกังวล”
เซี่ยเหล่ยได้แต่ถอนหายใจเพราะการเตือนครั้งนี้ของเขาไม่เป็นผลสําเร็จ
ในห้องสมุดอันกวนก็ได้เปิดประตูโลหะเตรียมไว้แล้วจากนั้นเขาก็ค่อยๆให้แขกทยอยเข้าห้องสะสมวัตถุโบราณ
แขกที่มาเยี่ยมชมพร้อมกับอันกวนและอันซูฮยอนนั้น พวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นและตกใจกับวัตถุโบราณที่อันกวนได้เก็บสะสมเอาไว้ อันกวนปล่อยให้แขกเดินดูตามอัธยาศัย ส่วนตัวเขาตอนนี้ได้เดินตรงไปยังกลางห้อง เขาเดินตรงไปยังชุดเกราะ หมวกนักรบที่ถูกสตาฟ และดาบที่วางไว้ด้านหน้า
ในตอนนี้อันกวนได้รับเสียงชื่นชนเป็นอย่างมากแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเลย เพราะเขาพบว่าดาบอาทิสล่าที่เขาครอบครองก่อนหน้านี้หายไป มันไม่ได้อยู่ในตําแหน่งเดิมที่มันควรจะอยู่เสียแล้ว….!