Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 326
TxV – 326 ที่ละขั้น !
เมื่อเฉินตูเทียนหยินและฟู่หมิงเหม่ยเดินออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็กลับมาสังเกตบรรยา กาศและผู้คนที่อยู่ในร้านและนอกร้านคาเฟอีกครั้ง เขารู้สึกว่าบรรยากาศและสายตาของผู้คนในครั้งนี้แตกต่างออกไปจากครั้งแรก เขาตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว
จากสิ่งที่พบทําให้เขาต้องกลับมาวิเคราะห์หาความเป็นไปได้และเส้นทางการหลบ หนีใหม่อีกครั้ง
“เซี่ยเหล่ย มันจบแล้ว” อันซูฮยอนยิ้มก่อนที่จะพูดหลังจากนั้นก็พูดต่อทันทีว่า “การที่คุณไล่เธอไปทั้งๆที่เธอพยายามจะช่วยเหลือคุณ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหลัง เธอหรอกนะ คุณมันจบสิ้นแล้ว ฮ่าฮ่า… ”
ในขณะที่อันซูฮยอนพูดขึ้นเมื่อกี้นี้เซี่ยเหลียไม่ได้สนใจฟังเขาเลย เขาตั้งสมาธิเพื่อหาเส้นทางและวิธีการหลบหนีส่วนสายตาก็มองไปยังกู้ดซัล
หลังจากเฉินตูเทียนหยินและฟู่หมิงเหม่ยเดินออกไปแล้วท่าทางของกู้ดซัลก็ดูผ่อนค ลายอย่างมาก ในตอนแรกเขาได้แต่หลบตาเมื่อเซี่ยเหล่ยมองมาแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยโดยตรง พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก
เซี่ยเหล่ยพยายามกวาดสายตาให้กว้างขึ้นอีกครั้ง เขากําลังมองหาใครคนหนึ่ง แต่ที่ สุดแล้วเขาก็ไม่เจอ และคนนั้นคือหลางซือเหยา
“ยกมือขึ้น!” ตํารวจยังคงพูดให้เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้น
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นก็จริงแต่แทนที่เขาจะยกมือขึ้นแล้วทําท่ายอมจํานน เขากลับเอา มือไปคว้าปืนที่อยู่ในมือตํารวจแทน
อันซูฮยอนตะโกนขึ้นทันทีว่า “กล้ามากนะ”
จังหวะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ยได้ยกขาและเตะไปที่ต้นขาของอันซูฮยอน เขาล้มลงไปก องที่พื้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากสิ่งที่เซี่ยเหล่ยทําเหล่า CIA ไม่ต่ํากว่าสิบคนที่อยู่โดยรอบก็รีบวิ่งเข้าไปในร้า นคาเฟ่แต่คนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการแย่งปืนของเซี่ยเหล่ยคือตํารวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับอันซูฮยอน
“ปัง ปัง” จู่ๆเสียงปืนก็ดังขั้นสองนัด
กระจกหน้าต่างแตกกระจายจากกระสุนปืน แขกในร้านหรือแม้แต่กระทั่งพนักงานเสิร์ฟเองก็ต่างพากันกรีดร้องหรือไม่ก็ก้มหมอบลงกับพื้น
“จับเขาไว้!” กู้ดซัลตะโกนออกไป เขาเข้าใจเซี่ยเหล่ยว่ากําลังจะทําอะไร
“ปังปังปัง” ชายผิวดํายิงปืนขึ้นทันที3นัดแต่กระสุนเหล่านั้นไม่โดยเซี่ยเหล่ยเลย เพราะเขาได้ใช้ความเร็ววิ่งเข้าไปหลบด้านหลังของตํารวจคนหนึ่ง ทําให้แทนที่จะโดนยิงกลายเป็นตํารวจคนนี้โดนแทน กระสุนนัดแรกเข้าหน้าอก นัดที่สองเข้าท้อง ส่วนนัดที่สามโดนที่ต้นขา แม้ว่าที่หน้าอกและท้องจะไม่มีรอยกระสุนเนื่องจากเขาใส่เกราะกันกระสุนเอาไว้ แต่ที่ขาไม่มี จึงทําให้โดนกระสุนเข้าไปเต็มๆ เลือดไหลออกมาเยอะมาก จนทําให้ตํารวจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลังจากใช้ตํารวจเป็นที่โล่แล้ว เซี่ยเหล่ยก็ได้วิ่งอย่างรวดเร็วไปยังหน้าต่างที่แตก ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็กระโดดออกไปข้างนอกทันที
เขากระโดดออกจากชั้นห้าของตึก โดยชั้นนี้มีความสูงอยู่ที่ 20 เมตร
ด้วยความสูงนี้แม้ว่าจะเป็นกระต่ายที่กระโดดลงไป ไม่ว่ายังไงขาจะต้องหักอย่างแน่นอน
แต่ความสูงระดับนี้ เซี่ยเหล่ยกระโดดออกไปโดยไม่ลังเลเลย
ช่วงเวลาที่เซี่ยเหล่ยกําลังกระโดดออกไป เขาได้ใช้เท้าขวาถีบไปยังขอบหน้าต่างเพื่อจะเปลี่ยนทิศทางของตัวเองในขณะที่อยู่กลางอากาศ ซึ่งมันก็ได้ผล ตัวของเขาเคลื่อนที่ในอากาศไปทางด้านซ้าย มันไกลพอที่จะทําให้เขาเอื้อมมือไปจับท่อระบายน้ําจากหลังคาของตึกได้
ด้วยท่อระบายน้ําที่เซี่ยเหล่ยไปเกาะอยู่ค่อนข้างที่จะเก่า ทําให้เมื่อเซี่ยเหล่ยไปเกาะ มันก็เกือบจะหลุดออกจากตัวตึก
เซี่ยเหล่ยไม่รอช้า เขาต้องการจะลงไปถึงพื้นให้ได้ เขาเอามือที่กําลังจับท่อระบาย น้ําอยู่จับและปล่อยเป็นจังหวะเพื่อให้ตัวเองไหลลงไปด้านล่าง
แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะมีความซับซ้อนและน่าตื่นเต้น แต่จริงๆแล้วเขาใช้เวลาตั้ง แต่ต้นจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นแค่เพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น
เส้นทางที่เซี่ยเหล่ยกําลังหลบหนีอยู่ตอนนี้ เป็นเส้นทางที่ได้มาจากการมองของตา ซ้ายและการวิเคราะห์จากสมองของเขา นี่เป็นวิธีที่พอจะเป็นไปได้มากที่สุดแม้ว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ก็ถือว่าเสียงที่สุดเหมือนกัน แต่ยังไงซะเขาก็จําเป็นต้องทําเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยขยับลงมาอยู่ที่ชั้นสามแล้ว
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยกระโดดออกมาจากหน้าต่างมาแล้ว ชายผิวดําที่ยิงปืนใส่เซี่ยเหล่ ยพร้อมกับตํารวจอีกสองคนได้วิ่งมาที่หน้าต่างที่เซี่ยเหล่ยกระโดดพร้อมชะโงกหัวลงไปเพื่อที่จะมองหาเขา
จังหวะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ยก็หันกลับไปมองด้วย พวกเขาทั้งหมดสบตากัน ด้านเซี่ย เหล่ยก็เพิ่มความเร็วในการรูดท่อระบายน้ําลงไป ด้านตํารวจและชายผิวดําก็เล็งปืนไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างรวดเร็ว
ปังปังปัง.
แม้ว่าพวกเขาจะยิงปืนออกมาหลายนัดแต่ก็ไม่โดนเซี่ยเหล่ยเลย กระสุนพวกนั้นโดน แต่ท่อระบายน้ําแต่ถึงมันจะไม่โดนเซี่ยเหล่ยก็ทําให้ท่อระบายน้ําในตอนนี้พังลงมา
ขณะที่ท่อระบายน้ําพัง ตัวของเซี่ยเหล่ยเองก็ร่วงลงไปยังหลังคารถคันหนึ่ง “ปัง” มันเป็นเสียงร่างของเซี่ยเหล่ยกระแทกกับหลังคารถด้วยความแรงและน้ําหนักตัวของเขาทําให้หลังคายุบลงทันทีรวมถึงเซี่ยเหลียด้วย เขารู้สึกเจ็บและจุกไม่น้อย
แต่เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานอนพักแม้ว่าเขาจะกําลังจุกอยู่แต่สายตาของเขา ก็กวาดออกไปและเห็นตึกใกล้ๆกันมีชายชุดดํากําลังเล็งปืนมาที่เขาอยู่
เซี่ยเหล่ยรีบกลิ้งตัวไปทางซ้ายลงจากหลังคารถ จังหวะเดียวกันนี้ชายชุดดําคนนั้นก็ ยิงปืนมาพอดี ถ้าเซี่ยเหล่ยขยับตัวช้ากว่านี้อีกเพียงแค่วินาทีเดียว เขาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว
ขณะนี้เองกู้ดซัลก็วิ่งมาที่หน้าต่าง เขาเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเซี่ยเหลียที่กําลังวิ่งอยู่เท่านั้น
“ตามไป! ไปจับตัวมาให้ได้! “กู้ดซัลตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดและตะโกนต่อทันที ว่า “ไม่ว่ายังไงต้องจับเขาให้ได้ในขณะที่ยังอยู่ในเกาหลีใต้!”
บนท้องถนนและฝูงชนที่เดินอยู่ริมฟุตบาทเรียกได้ว่าเยอะมากเพราะที่นี่คือเขตที่ เจริญลําดับต้นๆของเกาหลีใต้ การจะหาตัวของเซี่ยเหลี่ยในสภาวะเช่นนี้ ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลยถ้าไม่ได้พูดถึงคนที่มีประสิทธิภาพสายตาแบบเซี่ยเหล่ยแล้วละก็ไม่มีทางหาเจอแน่ๆ!
จังหวะที่เซี่ยเหล่ยคลาดสายตาจากเหล่า CIA และตํารวจ เขาได้เข้าไปยังตลาดแห่ง หนึ่งใกล้ๆกับร้านคาเฟ่เพื่อที่จะหาเสื้อผ้าชุดใหม่สําหรับปลอมตัว เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีดํา กางเกงยีนส์สีน้ําเงิน ร้องเท้าผ้าใบ และยังใส่หมวกเบสบอลอีกด้วย เขากดปีกด้านหน้าของหมวกให้ต่ําลงเพื่อให้คนอื่นๆมองหน้าเขาไม่ถนัด นี่เป็นข้อดีแถมมันยังช่วยให้หลบซ่อนจากกล้องวงจรปิดตามถนนได้อีกด้วย
ในขณะที่กําลังเดินออกจากตลาด เซี่ยเหล่ยก็โยนโทรศัพท์ของตัวเองลงในถังขยะที่
ใกล้ที่สุด
ด้านหน้าของเซี่ยเหล่ยขณะที่เขากําลังเดินอยู่ มีผู้หญิงเกาหลีผมบลอนด์คนหนึ่งกํา ลังยืนเล่นโทรศัพท์
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาเธอพร้อมพูดขึ้นเป็นภาษาเกาหลีว่า “นี่เธออยากรวยหรือเป
ล่า?”
หลังจากเซี่ยเหล่ยพูดจบ เกมที่เธอกําลังเล่นก็จบลงด้วย เธอหันมามองหน้าเซี่ยเหล่ยอย่างงุนงงและไม่พอใจ จากนั้นพูดขึ้นว่า “ไปตายซะ!!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้โกรธและไม่ได้ถือสา เขาหยิบกระเป๋าตังออกมาจากกระเป๋ากางเอง แล้วหยิบเงินสกุลเกาหลีห้าหมื่นวอนออกมา พร้อมพูดกับวัยรุ่นผมบลอนด์ไปว่า “ด้วยจํานวนเงินนี้ ผมขอซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้ได้ไหม?”
“คุณ .. พูดจริงงั้นเหรอ?” วัยรุ่นเกาหลีมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความสงสัยและแปลกใจ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบคําถามเธอ เขาพูดต่อทันทีว่า “อย่าพูดมาก จะขายหรือไม่ขาย ถ้าไม่ผมจะได้ไปซื้อของคนอื่น”
“ขาย แต่คุณต้องให้เงินฉันก่อน?” วัยรุ่นเกาหลีพูดเพราะกลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะหลอก เอามือถือของเธอและวิ่งหนีไปหรือหลอกซื้อเธอด้วยเงินปลอม
เซี่ยเหล่ยส่งเงินให้กับวัยรุ่นคนนั้น เมื่อเธอได้รับเงินเธอก็เช็คว่ามันเป็นของจริงหรือ ไม่เป็นอย่างแรก เมื่อพบว่าเป็นของจริง เธอก็ส่งมือถือให้กับเซี่ยเหลี่ยทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเธอส่งมือถือให้เรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบหันหลังและเดินหนีทันที เพราะกลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะเปลี่ยนใจและเอาเงินคืน
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในฝูงชนพร้อมยกมือถือขึ้นมาโทรหาหลงบิง
“คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงของหลงบิงพูดด้วยความเป็นห่วง เธอพูดออกมาก่อนที่เซี่ย เหล่ยจะทันได้พูดเสียอีก เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขาโทรมาแม้ว่าจะเป็นเบอร์ที่ไม่เคยโทรหาเธอมาก่อนพูดเสร็จเธอก็พูดต่อทันที่ว่า “ฉันเช็คข้อมูลมาแล้ว ตอนนี้ที่โรงแรมมีแต่พวก CIA”
“ผมอยู่บนถนนแห่งหนึ่ง ตอนนี้ยังคงปลอดภัยอยู่แต่คิดว่าคงได้ไม่นานมาก”เซี่ยเหล่ยพูดในขณะที่กําลังเดินในฝูงชน เขาพูดต่อทันทีว่า ” ผมต้องรีบออกจากเกาหลีใต้โดยด่วน จัดการให้ผมด้วย”
“ฉันจะรีบไปรับคุณเดี๋ยวนี้ บอกรายละเอียดมากกว่านี้หน่อย” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยรีบมองหาจุดสังเกตรอบข้าง ไม่นานเขาก็เจอป้ายเขียนว่า “ตอนนี้ผมอยู่ บนถนนใกล้ๆกับวัดอะไรซักอย่างที่มีรูปปั้นขนาดใหญ่”
“โอเค ฉันจะรีบไปทันที” หลงบิงพูดทิ้งท้ายก่อนวางสาย
เซี่ยเหล่ยเองก็วางสาย จากนั้นเขาก็หันมาคอยสังเกตสถานการณ์รอบข้างตัวเขาอ ย่างละเอียด
จู่ๆจังหวะนี้ก็มีเสียงไซเรนของรถตํารวจดังขึ้นเสียงมันดังขึ้นเรื่อยๆ นี่แสดงว่าต้องมี รถตํารวจขับมาทางนี้อย่างแน่นอน เซี่ยเหล่ยรีบก้มหน้าลงทันทีแม้ว่าตํารวจในรถจะมองไม่เห็นเขา แต่เขาก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อยเพราะถ้าถูกเจอตัวขึ้นมา จะต้องหาวิธีหลบหนีใหม่ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีกและไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจจะหนีไม่พ้นก็ได้
ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ CIA เท่านั้นที่ออกตามล่าหาตัวเซี่ยเหล่ยแม้แต่ตํารวจหรือหน่วยสี บสวนราชการลับของเกาหลีใต้ก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกกดดันและกระวนกระวายตลอดเวลา
สถานะของเรายังไม่ได้ถูกระบุชัดเจนว่าเป็นคนร้ายจริงๆซักหน่อย แต่พวกเขากําลัง ตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทําไมกันหล่ะ แม้แต่ที่อัฟกานิสถานพวกเขาก็โจมตีเราโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งเจ้าหน้าที่และนักรบชาวฮั่นต่างก็ตายไปไม่น้อย พวกเขามีสิทธิอะไร? หึ…ซักวันเราจะทําให้พวกเขาได้รู้สํานึก!” เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ
ในโลกนี้แม้จะมีองกรณ์ที่อยู่ภายใต้กฎหมายอยู่มากมาย แต่ก็มีองกรณ์ไม่น้อยเลย เช่นกันที่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ ศูนย์วิจัย AE และ CIA ของสหรัฐอเมริกาก็เป็นหนึ่งในนั้น เซี่ยเหล่ยที่ต้องการจะตอบโต้ แก้แค้นและเอาคืนองกรณ์เหล่านี้ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนจะยังเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเขายังอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับองค์กรขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
ตืด ตืด ตืด ….ตืด ตืด ตืด
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เซี่ยเหล่ยรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นหลงบิงแต่แล้วก็ไม่ใช่ มันเป็นเบอร์ภายในของประเทศเกาหลีใต้
เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสายทิ้งไปแม้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะเคยเป็นของ วัยรุ่นผมบลอนด์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วมันเป็นของเซี่ยเหลี่ยเรียบร้อย ดังนั้นเขามีสิทธิที่จะรับหรือไม่รับสายใครก็ได้
ตืด ตืด ตืด…………… ตืด ตืด ตืด …..
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ มันเป็นหมายเลขเดิมที่โทรเข้ามา
เซี่ยเหล่ยตัดสินใจตัดสายอีกครั้ง
ตืด ตืด ตืด
ตืด ตืด ตืด ..
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง มันยังคงเป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามา
ครั้งนี้เซี่ยเหล่ยตัดสินใจรับสาย เมื่อรับแล้วเขายังไม่ทันจะพูดอะไรก็มีเสียงจากปลาย สายพูดขึ้นก่อนด้วยความกังวลออกมาว่า “เหล่ย รีบหนีออกจากตรงนั่นเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่ได้ยินเสียง เซี่ยเหล่ยตัวแข็งที่อทันที
แม้ว่าหมายเลขนี้จะไม่คุ้นตาแต่เสียงที่ออกมาจากปลายสายทําให้เขาจําได้อย่างแม่ นยํา แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าแต่เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือเสียงของหลางซือเหยา!
“คุณได้ยินที่ฉันพูดหรือไม่?” หลางซือเหยาพูดด้วยความกระวนกระวายและก็พูด ต่อทันทีว่า “คุณทําพลาด! การที่คุณโทรศัพท์ระหว่างประเทศเมื่อไม่นานนี้ มันทําให้เราจับสัญญาณของคุณได้ ดังนั้นรีบออกจากที่นั่นซะ! “
ทันทีที่หลางซือเหยาพูดเสร็จเสียงของไซเรนก็ดังขึ้นมาพอดี จังหวะนี้มีรถตํารวจห ลายคันขับเข้ามาและดูเหมือนมันจะตรงมายังจุดที่เซี่ยเหล่ยอยู่ในขณะนี้
“ผม……จะหาที่หลบก่อน” เซี่ยเหล่ยรีบวางสายและขว้างโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นทันที มันแตกละเอียดจากนั้นเขาก็รีบปีนกําแพงเข้าไปในสถานที่บริเวณนั้น
ติดตามตอนต่อไป……..