Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 330 คำภาวนา !
หลังออกจากค็อกพิท เซี่ยเหล่ยและหลงบิงก็กลับไปยังห้องโดยสารจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็คุยถึงรายละเอียดในขั้นตอนต่อไป
หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน พวกเขาทั้งหมดก็สามารถกลับสู่ประเทศจีนได้อย่างปลอดภัย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีเรือตำรวจอัปปางในทะเล แต่อย่างไรก็ตามวันรุ่งขึ้นก็ไม่มีสื่อไหนเสนอข่าวเรื่องนี้เลย มีแต่คำอธิบายอย่างเป็นทางการว่าเป็นการก่อการร้าย บางสำนักก็บอกว่าเป็นฝีมือโจรสลัด ซึ่งไม่มีมูลความจริงอยู่เลย
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่กับสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นก็เพราะว่าCIA เป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ถึงแม้ว่าอันซูฮยอนจะเสียดาบไป กรมตำรวจจะเสียกำลังพลและเรือไปถึงสองลำแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ CIA เลยเมื่อพวกเขาไม่สามารถจับตัวเซี่ยเหล่ยได้ ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตเพราะมันไม่มีประโยชน์
หนึ่งวันให้หลังกลับจากประเทศเกาหลีใต้ พวกเขาได้พักผ่อนแม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายได้บ้าง
ในเช้าวันถัดมาเหล่ยได้รับโทรศัพท์จากหลงบิง
”คุณต้องรีบกลับไปและจัดการเรื่องที่อัฟกานิสถาน” หลงบิงพูดและพูดต่ออีกว่า “ไม่นานพวก CIA จะต้องรู้แน่ๆว่าดาบอาทิส์ล่ามีความสำคัญอย่างไรกับชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์หากถึงเวลามันจะทำให้แผนการช่วยเหลือตัวประกันของเราเป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นต้องรีบจัดการช่วยเหลือตัวประกันให้เร็วที่สุดและเราจะเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า”
”ไม่มีปัญหา ผมเห็นด้วย” เซี่ยเหล่ยพูดและวางสายไป
ในบ้านของถ่างหยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องไม้กล่องหนึ่ง
ในห้องนั่งเล่นไม่มีคนอยู่เลย บนโต๊ะมีขนมขบเคี้ยววางอยู่ มันเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ มีเมล็ดแตงโมที่กินแล้วและเปลือกวางอยู่มากมาย ดูเหมือนผู้หญิงในชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์จะไม่เคยทิ้งขยะลงถังกันแต่ก็เข้าใจได้เพราะภายในชนเผ่าไม่มีสิ่งที่ว่านี้เลย
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็มองหาทีน่าและแคนลามี่ เขาพบว่าทั้งคู่นอนอยู่บนเตียงและหลับสบายดี ไม่นานหลังจากเจอว่าพวกเธอกำลังนอนกันอยู่ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนของพวกเธอ มันคือมีดที่อยู่ในฝัก แม้ว่ามันจะอยู่ภายในฝักแต่ก็สามารถรู้สึกได้ว่ามันคมไม่น้อยเลย
พวกเธอมีสัญชาติญาณของนักรบแม้ในขณะที่กำลังนอนอยู่หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็จะตื่นขึ้นและพร้อมที่จะต่อสู้ทันที แต่ครั้งนี้พวกเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองนี่จึงเป็นสิ่งที่ตลกมาก
เซี่ยเหล่ยจ้องไปที่พวกเธอและต้องการจะเข้าไปปลุกให้พวกเธอตื่นขึ้นมา เพื่อที่จะคุยเรื่องการกลับไปยังอัฟกานิสถาน
เซี่ยเหล่ยจับลูกบิดเบาๆและกำลังบิดประตูเพื่อเปิดออก ทีน่าและแคนลามี่ที่กำลังนอนอยู่ในขณะนี้รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง พวกเธอได้เอามือไปจับมีดที่อยู่ใต้หมอนและเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้เปิดประตูเข้าไป จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกจากภายในห้องแทน
ทันทีที่ประตูเปิด มีดก็โผล่ออกมาด้วยเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยตกใจไม่น้อย เขารีบพูดออกไปว่า “ผมเอง!”
”เซี่ยเหล่ยงั้นรึ?” แคนลามี่ถามพร้อมหยุดมีดที่กำลังจะแทงออกไป มันห่างจากคอของเซี่ยเหล่ยไม่ถึงสิบเซนติเมตร
แคนลามี่ในตอนนี้ดูเปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่รูปร่างที่เปลี่ยนไปแต่มันคือเสื้อผ้าการแต่งตัวของเธอ สิ่งที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ซื้อจากประเทศจีนทั้งหมดไม่เหลือเสื้อผ้าของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์แม้แต่ชิ้นเดียว แม้ว่าที่เธอกำลังใส่อยู่นี้จะมีเพียงแค่เสื้อในและกางเกงในเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยหันไปดูทีน่า เหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้วิธีการเลือกขนาดของเสื้อใน เพราะที่เธอใส่อยู่ตอนนี้มีขนาดเล็กมาก มันจึงไม่สามารถปกปิดเนื้อเนินสีขาวได้ทั้งหมด
กางเกงในก็เช่นกัน เพราะกางเกงในของเธอก็ปิดส่วนสำคัญไว้ไม่มิด นั่นก็เพราะว่ามันเป็นเสื้อในและกางเกงในสำหรับเด็กแต่ร่างกายของทีน่าไม่ใช่แต่จะว่าไปเซี่ยเหล่ยทีเห็นทีน่าในขณะนี้ก็รู้สึกกระสับกระส่ายไม่น้อยเลย
เมื่อทั้งคู่เห็นว่าเป็นเซี่ยเหล่ย พวกเธอก็วางมีดลง
แม้ว่าแคนลามี่จะไม่สนใจที่จะปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายไว้เลย แต่ทีน่าไม่ เธอเลือกที่จะหยิบชุดขึ้นมาใส่เพื่อปกปิดส่วนสำคัญของเธออย่างเร่งรีบ
“เซี่ยเหล่ย! เป็นคุณจริงๆด้วย!” แคนลามี่แสดงท่าทางดีใจและโผตัวเขาไปเพื่อจะกอดเขา
การที่เธอวิ่งเข้าไปกอดเขาโดยที่ร่างกายส่วนบนมีเพียงแค่ชั้นใน เป็นการกระทำที่สามารถทำให้เซี่ยเหล่ยเลือดกำเดาไหลพุ่งออกมาได้เลย……
อย่างไรก็ตามก่อนที่แคนลามี่จะทันได้กอด เซี่ยเหล่ยก็เบี่ยงตัวหลบพร้อมกับพูดขึ้นว่า “สิ่งที่คุณต้องการดาบอาทิส์ล่า ตอนนี้อยู่ในมือของผมแล้ว”
แคนลามี่เสียหลักเล็กน้อยก่อนที่จะรีบหันไปที่เซี่ยเหล่ยและพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ดาบอาทิส์ล่างั้นเหรอ? พระเจ้า!”.ไอรีนโนเวล.
เซี่ยเหล่ยยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาด้านหน้าของเขา พร้อมยิ้มแล้วมองไปที่มัน
ที่น่าที่กำลังใส่เสื้อผ้าแต่ยังไม่เสร็จ เธอได้ยินเขาพูดทำให้เธอรีบหันไปมองพร้อมเดินมาด้านหน้าเขาทันทีทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จ
ในขณะที่กล่องไม้ถูกเซี่ยเหล่ยเปิดออก ทั้งทีน่าและแคนล่ามี่ก็ได้มายืนล้อมอยู่ด้วย แม้ว่าเขาเองจะสนใจดาบอยู่ไม่น้อยในทุกครั้งที่เห็น แต่ดูเหมือนว่าสะโพกของทีน่าจะดึงดูดและน่าสนใจมากกว่าดาบอาทิส์ล่าในตอนนี้เสียอีก
”นี่คือดาบอาทิส์ล่า ดาบที่มีตำนานกว่าพันปีจริงๆงั้นเหรอ สุดท้ายแล้ว… สุดท้ายแล้ว…มันก็กลับมาอยู่กับเรา…. ” ทีน่าพูดพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
แคนลามี่เองก็ตื่นเต้นไม่น้อยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่เธอผิดกับทีน่าที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา อย่างไรก็ตามใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงเหมือนกับคนที่ดื่มไวน์จนเมาแล้ว
”ผมเอามันกลับมาได้ และผมจะมอบมันให้กับคุณ” เซี่ยเหล่ยพูด พร้อมพูดต่อทันทีว่า “คุณรีบเตรียมตัวให้พร้อม เราจะกลับไปอัฟกานิสถานในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ และทีสำคัญหัวหน้าเผ่า คุณจะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมด้วย”
”ไม่มีปัญหา” ทีน่าตอบพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยและพูดต่อทันทีว่า “เราได้เห็นถึงความจริงใจของคุณแล้ว ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าเมื่อดาบไปถึงชนเผ่าได้เรียบร้อย เราจะปล่อยเพื่อนของคุณทันที”
”แล้วข้อตกลงเรื่อง…?” เซี่ยเหล่ยถามพร้อมพูดต่อว่า “ผมได้ให้คนของผมจัดเตรียมและหาอุปกรณ์สำหรับสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำสำหรับคุณแล้ว”
ทีน่ายิ้มออกมานี่ถือว่าเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากของเธอ จากนั้นก็พูดว่า “อืม… ตอนนี้คุณกลายเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับเราแล้ว เมื่อคุณกลับไปที่ชนเผ่าของเรา เราจะให้คนในชนเผ่าปฏิบัติและต้อนรับคุณอย่างดีที่สุด ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “ขอบคุณ”
จังหวะนี้แคนลามี่ก็พูดออกมาอย่างกระทันหันว่า “หัวหน้า ถ้าอย่างนั้นให้ฉันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับชนเผ่า เป็นของขวัญแก่เขาได้หรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา ถ้าหากเป็นคนปกติได้รับข้อเสนอนี้คงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่กับเขาในตอนนี้ นี่อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งเจอหลางซือเหยามา
แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของทีน่า เซี่ยเหล่ยหันหน้าไปหาทีน่า เหมือนกับรอฟังคำตอบอยู่เช่นกัน
”ไว้ถึงเผ่าของเราก่อนค่อยว่ากัน” นี่คือคำตอบของทีน่า
แคนลามี่รู้สึกเศร้าไม่น้อยแต่เซี่ยเหล่ยกลับรู้สึกโล่งใจ
เซี่ยเหล่ยแอบถอนหายใจเพราะความโล่งอกอย่างลับๆ พร้อมพูดในใจว่า “โชคดีจริงๆ ถ้าได้เธอเป็นของขวัญแล้วละก็คงจะวุ่นวายน่าดู แถมการอยู่กับเธอและต้องดูแลเธอคงจะเป็นเรื่องลำบากไม่น้อย….. ”
นี่คือสิ่งที่เซี่ยเหล่ยรู้สึกและสัมผัสได้ หากได้เธอมาเป็นของขวัญ
”เอาหล่ะตอนนี้คุณกลับไปพักผ่อนดีกว่า” ทีน่าพูดขึ้นพร้อมเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดให้ซี่ยเหล่ย ในความเป็นจริงถ้าไม่ใช่เรื่องดาบแล้วละก็ ทีน่าจะไม่ยอมเผยร่างกายให้เซี่ยเหล่ยเห็นแม้แต่นิดเดียวอย่างแน่นอน
”โอเค ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้า” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินออกจากห้องไป
เมื่อเซี่ยเหล่ยออกไปแล้ว แคนลามี่ได้พูดอย่างไม่พอใจว่า “หัวหน้า ทำไมถึงไม่เห็นด้วยที่จะให้ฉันเป็นของขวัญสำหรับเขา?”
”มีอะไรแปลกงั้นเหรอ?” ทีน่าพูดพร้อมมองไปที่แคนลามี่
แคนล่ามีมองทีน่าและตอบไปว่า “นี่ไม่แปลกงั้นเหรอ?”
ทีน่าหันกลับไปเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะมาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ ในตอนนี้เป้าหมายของเธอถือว่าสำเร็จไปขึ้นหนึ่งแล้ว เธอนำดาบไปวางไว้บนเตียงพร้อมนั่งคุกเข่าและก้มเคารพวัตถุศักดิ์สิทธ์ของบรรพบุรุษ พร้อมกับท่องคำบูชา
แคนลามี่ถอนหายใจ พร้อมเดินไปนั่งด้านหลังทีน่าและสวดบูชาด้วยกันกับเธอ
เซี่ยเหล่ยที่เดินออกมาจากห้องแล้วแต่ยังไปได้ไม่ไกลนัก เขาได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนกับเสียงบทสวดออกมาจากห้อง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินกลับไปหน้าห้องแล้วฟังเสียง พร้อมกับกระตุกตาซ้ายและมองทะลุเข้าไปเพื่อดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับดาบอาทิส์ล่าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะพอหาได้
ภายในห้องสิ่งที่เซี่ยเหล่ยสังเกตเห็นเป็นอันดับแรกก็คือก้นทั้งสองของทั้งแคนลามี่และทีน่า ท่าทางที่พวกเธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่นี้สามารถดึงดูดอารมณ์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะก้นของทีน่าที่มีขนาดใหญ่สวยงามและมีสีขาวเรียบเนียน
เซี่ยเหล่ยจับจังหวะได้ช่วงหนึ่งเป็นเสียงของทีน่ากำลังสวดว่า “…… ด้วยดาบอาทิส์ล่าอันหญิงใหญ่ โปรดชี้นำเราให้เดินไปข้างหน้า และสร้างความรุ่งโรจน์เหมือนอย่างในอดีตที่งดงาม…… ”
อย่างไรก็ตามพวกเธอยังคงสวดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เซี่ยเหล่ยเองก็ไม่เดินไปไหน เขารอฟังทั้งคู่สวดอยู่หน้าห้อง
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยังสนามบิน โดยมีเซี่ยเหล่ย หลงบิง ถ่างปั่วฉ่วน ทีน่า แคนลามี่ และฉือโบเหยิยนที่เดินทางมาด้วยกัน….
ติดตามตอนต่อไป………..