Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 334 หญิงผู้เป็นภัย
แสงแดดยามเช้าปัดเป่าความมืดออกไปอย่างช้าๆคนทั้งสามบนหลังม้ายังคงมุ่งหน้าตรงไปยังเผ่าอิกคาพวกเขาเดินทางมาทั้งคืน มีพักบ้างแต่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จุดประสงค์หลักที่พักก็คือให้ม้าพัก โดยที่ทั้งสามคนไม่มีใครนอนหลับเลย
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงพื้นที่รกร้างและเริ่มเข้าสู่ถนนลูกรังมีทุ่งดอกป๊อปปี้ปลูกไว้ตามทางซึ่งดอกป๊อปปี้เหล่านั้นกำลังอยู่ในช่วงเติบโตเขียวชอุ่มสวยงาม
”อีก 10 กิโลเมตรก็จะถึงเผ่าอิกคาแล้ว” ทีน่าชี้ไปทางด้านหน้า “เราจะพักกันที่เผ่าอิกคาก่อนแล้วค่อยเดินทางต่ออีก 3 วันหลังจากนั้น เราก็จะกลับไปถึงเผ่าเราแล้วล่ะ”
”เร็วเหมือนกันนะเนี่ย” เซี่ยเหล่ยกล่าวพลางถอนหายใจ “ทีน่า พอเรากลับไปที่เผ่าแล้ว คุณปล่อยตัวเพื่อนผมทันทีเลยนะ ”
”ไม่มีปัญหา กลับไปปล่อยตัวพวกเขากัน” ทีน่ายกยิ้มบางๆ
ต่างจากแคนลามี่ที่ดูวิตกและหนักใจมาก
เซี่ยเหล่ยเข้าไปใกล้ทีน่ามากขึ้นก่อนจะยื่นมือไปหาเธอ ทีน่านิ่งอึ้งแต่ก็ยอมยื่นมือออกมาจับมือเซี่ยเหล่ยในขณะที่จับมือกันเซี่ยเหล่ยก็ออกแรงดึงทีน่าเข้ามากอดต่อ พร้อมกับส่งมืออีกข้างที่ว่างไปลูบคอเธอด้วย……
ทั้งสองคนผละออกจากกัน เซี่ยเหล่ยยกยิ้ม “มิตรภาพของเราจะคงอยู่ตลอดไป”
”ไป!” ทีน่าหวดแส้และออกเสียงสั่งให้ม้าเดินต่อ
เซี่ยเหล่ยเองก็ขี่ม้าตามไป
แคนลามี่กัดริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด “เราควรบอกความจริงเขามั้ยนะ? เขามันคนโง่ คนโง่สุดๆเลย!”
ในขณะนั้นเอง เซี่ยเหล่ยก็หันหลังกลับมายิ้มและโบกมือให้แคนลามี่
เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกระทุ้งท้องม้าและออกเสียงสั่งให้ม้าออกตัวตามทั้งสองคนไป
10 กิโลเมตรผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาพของตลาดในเมืองค่อยๆปรากฏขึ้นในทัศนวิสัย ตลาดกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ในเมืองเช่นเดียวกันกับทุ่งดอกป๊อปปี้ด้วยซึ่งสิ่งที่เซี่ยเหล่ยเห็นนั่นคือเผ่าอิกคาทางผ่านของพวกเขาเอง
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะเข้าไปถึงตัวเมืองก็ถูกคนถืออาวุธของเผ่าอิกคา หยุดไว้เสียก่อน ทีน่าแสดงตัวตนให้พวกเขารู้ คนพวกนั้นจึงปล่อยตัวและเข้าเมืองไปพร้อมกับทั้งสามคนทันที
ทีน่าแคนลามี่และเซี่ยเหล่ยถูกพาตัวไปยังลานที่มีกำแพงสูงลิ่วล้อมรอบเพื่อความปลอดภัยอีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็นเขื่อนกว้างขวาง ด้านหลังเขื่อนมีตึก 2 ชั้นตั้งอยู่ซึ่งเป็นที่ที่อาบูตูลูหัวหน้าเผ่าอิกคาอาศัยอยู่
”อยู่ข้างนอกแล้วรอฉันสักพักนะ ฉันจะไปคุยกับหัวหน้าอาบูตูลูเอง” ทีน่ากล่าว
”อืม ผมจะรอข้างนอกนะ” เซี่ยเหล่ยตอบรับ
แคนลามี่และทีน่าหันมามองกันและกันทั้งสองคนจนปะทะสายตากันจนรู้สึกได้ถึงประกายไฟกลางอากาศ
ทีน่าไม่ได้พูดอะไรกับแคนลามี่แต่หลังจากเหลือบมองแคนลามี่ครั้งหนึ่งแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในลาน ตอนนี้ทีน่าดูเย็นชามากราวกับว่าเธอได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว
ประตูทางเข้าลานถูกปิดเอาไว้ จึงไม่มีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซี่ยเหล่ยเลย เขาใช้ตาซ้ายมองทะลุผ่านประตูหนาเข้าไปและเห็นคนพร้อมอาวุธติดมือเดินนำไปที่ห้องๆหนึ่ง
”เหล่ย ถ้าฉันตาย คุณจะเศร้ามั้ย?” จู่ๆแคนลามี่ก็ถามขึ้น
เซี่ยเหล่ยตอบ “พูดเรื่องอะไรน่ะ คุณยังเด็กนะ ชีวิตคุณเพิ่งจะเริ่มเอง”
”ฉันหมายถึงฉันอยากรู้คำตอบน่ะ บอกหน่อยสิ” ตอนนี้แคนลามี่ดูโตขึ้นอย่างน่าประหลาดผิดกับนิสัยปกติของเธอ
เซี่ยเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เศร้าสิ มันแน่นอนอยู่แล้วถ้าคุณตาย ผมต้องเศร้ามากแน่ๆ ผมจะจดจำคุณเอาไว้วันที่ 15 กรกฎาคมของทุกปี ผมจะเผาเงินกับเสื้อผ้าไปให้คุณนะ”
แคนลามี่ตาโต “หมายความว่าไงเหรอ เผาเงินกับเสื้อผ้าให้ทุกวันที่ 15 กรกฎาคมของทุกปี?”
”เป็นประเพณีของเราน่ะ มันเป็นการแสดงความเคารพให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว” เซี่ยเหล่ยกล่าว
แคนลามี่ยกยิ้ม “ว้าว มีประเพณีแบบนี้ด้วย งั้นคุณห้ามหลอกฉันนะ คุณต้องเผาของมาให้ฉันจริงๆด้วย”
รอยยิ้มเธอดูเป็นยิ้มธรรมดาแต่เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าในใจเธอ ดูเหมือนเธอจะรู้สึกอะไรบางอย่างและเตรียมใจสำหรับบางสิ่งไว้แล้ว
ทีน่าเดินเข้าไปในห้องที่ชั้นหนึ่งของตึกก่อนที่คนของเผ่าอิกคาจะปิดประตูให้และยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น
เซี่ยเหล่ยเลื่อนสายตาไปยังประตูแล้วเพ่งมองมากขึ้นจนประตูนั่นหายไป เซี่ยเหล่ยเห็นทีน่ากำลังทักทายชายชราคนหนึ่ง เขายิ้มรับและบอกให้เธอนั่งลง บนศรีษะของชายคนนั้นโพกผ้าคลุมเอาไว้ หนวดเครายาวอย่างน้อยสัก 1 ฟุต โครงหน้ายาวและใบหน้าลึก ให้ความรู้สึกแบบผู้มีปัญญามากๆ
ซึ่งชายแก่คนนั้นคือหัวหน้าเผ่าอิกคา ‘อาบูตูลู’ นั่นเอง
เซี่ยเหล่ยล็อคเป้าสายตาไปที่ทั้งสองคนในขณะเดี๋ยวกันก็หยิบเครื่องดักฟังชิ้นจิ๋วสองเครื่องออกมาใส่หูตัวเองเครื่องหนึ่ง ส่วนอีกเครื่องก็เอาไปใส่หูแคนลามี่
”อะไรน่ะ?” แคนลามี่มองเซี่ยเหล่ยงงๆ
”ไม่ต้องถาม แค่ฟังให้จบ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
ทีน่านั่งลงและเริ่มพูดคุยกับอาบูตูลูเสียงของทั้งสองคนจึงถูกส่งผ่านมายังเครื่องที่หูของเซี่ยเหล่ยและแคนลามี่ทันที
”ด้วยความเคารพ ท่านหัวหน้าอาบูตูลู ฉันกลับมาแล้ว ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านจริงๆ ถึงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อไหร่ฉันจะส่งแกะร้อยตัว และทาสหญิง 2 คนมาให้ท่าน” ทีน่ากล่าว
”ดีๆ สองเผ่าเราก็ไม่ได้ห่างไกลกันมาก เราดูแลกันแบบนี้ก็ดีแล้ว แล้วครั้งนี้เธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนล่ะ? ถ้าอยากได้อะไร เราจะจัดการให้เอง” อาบูตูลูยิ้มแย้ม เพราะแกะ 100 ตัวถือเป็นของราคาแพงทีเดียวสำหรับเผ่าที่ไม่ร่ำรวยยิ่งไปกว่านั้นยังมีทาสหญิงสาวอีก 2 คน ที่เขารู้ดีว่าพวกเธอจะกลายเป็นของเขาอีกด้วย
แม้ว่าระบบทาสจะเป็นด้านมืดของประวัติศาสตร์มนุษย์แต่มันก็ยังไม่ถูกกำจัดไปจากโลกที่ก้าวเข้าสู่ยุคซึ่งเศรษฐกิจพัฒนาไปไกลแล้วอยู่ดี ในพื้นที่ที่ล้าหลังและยากจนแบบนี้ ด้านมืดพวกนั้นก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
”ฉันมีเรื่องอยากให้ท่านช่วย”.Aileen-novel.
”อยากให้ทำอะไรล่ะ?”
”กลุ่มของฉันมีคนจีนกับผู้ติดตามที่ไม่เชื่อฟังอยู่ด้วย ฉันอยากให้ท่านช่วยฉันจัดการทั้งสองคนหน่อยแล้วก็โทรหาพวกอเมริกันให้ฉันกับโทรศัพท์มือถือ” ทีน่ากล่าว
อาบูตูลูมองทีน่าแล้วพูดขึ้นว่า “คนจีนคนนั้นเป็นใคร? แล้วทำไมเธอต้องอยากส่งตัวเขาให้อเมริกันด้วย?”
ทีน่าตอบ “ท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกหลังจากที่ท่านช่วยฉันครั้งนี้แล้ว ฉันจะตอบแทนท่านเพิ่มอีก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ”
”100,000 ดอลลาร์?” อาบูตูลู นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ฟัง
”100,000 ดอลลาร์ ท่านเพียงแค่สั่งให้คนของท่านพาตัวคนจีนคนนั้นและคนของฉันไปเองที่นี่เป็นเขตของท่านทำได้ไม่ยากอยู่แล้วนี่ส่วนคนจีนคนนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย”
”ฟังดูไม่เลว แต่ยังไงผมก็อยากรู้อยู่ดีว่าทำไมคุณถึงไม่ลงมือเอง? อีกอย่างเขาก็เป็นคนธรรมดาคนนึงนี่”
”เขาแข็งแกร่งมาก ไม่งั้นฉันคงไม่จ่ายท่าน 100,000 ดอลลาร์แน่ๆ ตัดสินใจเถอะ ถ้าท่านไม่อยากทำ ฉันจะปล่อยให้พวกเขากลับเผ่าฉันแล้วค่อยพาไปเอง” ทีน่ากล่าว
”ฮ่าฮ่า” อาบูตูลูหัวเราะ “เข้าใจแล้ว คนจีนคนนั้นคงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรหรอก เธอแค่ไม่มีโอกาสลงมือเท่านั้นแหละ อีกอย่าง เขาเป็นตัวปัญหานี่นา เธอคงไม่อยากพาเขากลับเผ่าเธอหรอก จริงมั้ย?”
”จะทำมั้ย?”
”200,000 ดอลลาร์”
”ตกลง” ทีน่าตอบรับ “แต่ฉันมีเงื่อนไข ฆ่าคนของฉันซะ”
”ไม่มีปัญหาแต่คนของเธอจะตายยังไง ผมจะตัดสินใจเองนะ” อาบูตูลูยกยิ้มประหลาดที่มุมปาก
เด็กอย่างแคนลามี่ คงมีคนไม่กี่คนบนโลกที่เต็มใจเหนี่ยวไกยิงเธอหรอกใช่มั้ย?
ณ ประตูใหญ่ เซี่ยเหล่ยดึงสายตาตัวเองกลับมา
”ทีน่า ไอ้คนสารเลวนั่นจะฆ่าผม” แคนลามี่พูดออกมาด้วยความโกรธสุดขีด
และทันใดนั้นเองเซี่ยเหล่ยรีบนำตัวแคนลามี่เดินไปยังม้าของตัวเอง….
ม้าทั้งสามตัวยืนอยู่ข้างคนของเผ่าอิกคาที่มีอาวุธครบมือ หนึ่งในนั้นพูดเสียงดุดันว่า “พวกคุณจะทำอะไร?”
”ขี่ม้าเล่นแถวๆนี้แหละ” เซี่ยเหล่ยปล่อยมือแคนลามี่แล้วเดินเร็วขึ้น
ตอนนี้ ทุกวินาทีล้วนมีค่าทั้งสิ้น
อีกคนหนึ่งพูดต่อ “ใครอนุญาต……”
ไม่รอให้พูดจบประโยค เซี่ยเหล่ยก็เริ่มโจมตีอย่างฉับพลัน เริ่มด้วยการซัดหมัดเข้าตรงเส้นเลือดแดงที่คอเขาทันที
เผ่าอิกคาอีกคนรีบตรงเข้ามาพร้อมเอา AK-47 บนไหล่ลงมาด้วยแต่ช้าเกินไป เซี่ยเหล่ยเข้ามาใกล้เขาแล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะปล่อยหมัดตรงเจาะเข้าขมับเขาเต็มแรง
เผ่าอิกคาติดอาวุธสองคนร่วงลงพื้นแทบจะพร้อมกัน
แคนลามี่ถึงกับอ้าปากค้างจริงๆแล้วเธอเพิ่งคิดจบว่าจะต่อสู้ด้วยกริชที่ซ่อนไว้ในเข็มขัดแต่ตอนนี้เธอเพิ่งจะแตะด้ามกริชเท่านั้น เป้าหมายทั้งสองคนก็โดนเซี่ยเหล่ยจัดการไปในเวลาไม่ถึง 2 วินาทีด้วยซ้ำ!
”ขึ้นม้า!” เซี่ยเหล่ยบอกพลางปีนขึ้นบนหลังม้าตัวเอง
แคนลามี่ไม่ลังเล เธอกระโดดขึ้นขี่ม้าตัวเองทันทีแล้วกระทุ้งสองเท้าเพื่อให้ม้ารีบตามเซี่ยเหล่ยออกนอกเมืองไปด้วยกัน
ภายในห้องเล็กๆที่ตึก ทีน่าลุกขึ้นยืนแล้วพูดต่อ “ท่านอาบูตูลู ตอนนี้ท่านลงมือได้เลย”
”เรื่องง่ายๆ” อาบูตูลูตบมือเรียก
คนที่เฝ้าประตูในตอนแรกเดินเข้ามาตามเสียงมือก่อนจะหยุดยืนนิ่งรอคำสั่งผู้เป็นหัวหน้า
”ให้คนของเราไปพาสองคนที่ประตูเข้ามาที” อาบูตูลูกล่าว
”ครับ” คนพร้อมอาวุธรับคำสั่งแล้วหันเดินไปยังประตูตามคำสั่งทันที
ทีน่าแสยะยิ้มมุมปาก “แคนลามี่ อย่าโทษฉันเลยนะ ฉันทำไปก็เพื่อเผ่าเรา เธอต้องโทษตัวเองนะที่ดื้อรั้นแบบนี้ เธอไม่น่าหลงรักเหล่ยคนนั้นเลย เธอไม่น่าท้าทายอำนาจของฉันเลย!”
คนของเผ่าอิกคาที่รับคำสั่งมาถึงประตูแล้วแต่เมื่อเปิดประตูออกมาก็ไม่พบใคร จึงเดินไปตามกำแพงและเจอคนของเผ่าตัวเองนอนอยู่กับพื้น
”พวกมันหนีไปแล้ว!” คนรับคำสั่งคนหนึ่งตะโกนออกมา
”อะไรนะ?” ทีน่ารีบออกมานอกห้องทันทีที่ได้ยินใบหน้าเธอโกรธจัดอย่างชัดเจน
อาบูตูลูวิ่งตามมาและแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “เรียกคนมาเดี๋ยวนี้ เอาตัวสองคนนั้นมาให้ได้!”
เพียงไม่กี่นาทีกองทหารของเผ่าอิกคาก็ออกมารวมตัวกันพร้อมกับอาวุธครบมือ
ติดตามตอนต่อไป……….