Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 341 สิ่งที่รอคอย !
TXV –
ในตอนนี้มีคนอยู่สองคนที่กำลังขุดหลุมอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งหลุมที่ขุดไปแล้วนี้มีขนาดกว้างพอประมานและมีความลึกหนึ่งเมตรอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ขุดลึกลงไปเรื่อยๆ เข็มทิศก็จะสั่นแรงขึ้นนี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใกล้กับเป้าหมายมากขึ้นแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปดวงอาทิตย์ก็ลับของฟ้าทั้งคู่จึงตัดสินใจว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน แคนลามี่เดินกลับไปที่ม้าพร้อมกับพลั่วของเธอ เธอเก็บมันไว้ในกระเป๋าจากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้าในจังหวะที่กระโดดขึ้นไปเธอก็ส่งเสียงประหลาดออกมา เซี่ยเหล่ยได้ยินและหันไปมองเธอที่เธอพอดี เซี่ยเหลี่ยที่เห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือเจ้าหญิงที่คู่ควรกับป่าแห่งนี้มากๆ
อย่างไรก็ตามแคนลามี่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแต่อย่างใดและเธอก็ไม่ได้ข้ามเวลามาจากอดีตอีกด้วย นี่เป็นเพียงจินตนาการที่จู่ๆก็ผุดขึ้นในหัวของเขาก็เท่านั้น
หลังจากออกเดินทางกลับจากซากปรักหักพังจนถึงชนเผ่า เซี่ยเหล่ยก็ได้ทำตามสัญญา เขาตักน้ำจากแม่น้ำมาสามถังใหญ่จากนั้นก็นำไปใส่ถังสำหรับอาบน้ำจนเกือบจะเต็ม หลังจากนั้นเขาก็ให้แคนลามี่ก็ลงไปในถังอาบก่อนส่วนเขาก็ลงตามไป และก็จัดการอาบน้ำให้กับเธอ
หลังจากจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็กลับมานั่งอยู่ใต้โคมไฟและดูคำแปลของหนังสือโบราณที่ผ่านการแปลมาแล้ว ผู้ที่แปลหนังสือให้เขาถือว่าเป็นคนที่เก่งมากเพราะเธอใช้เวลาแปลหนังสือทั้งเล่มที่มีตัวหนังสือมากถึงหนึ่งหมื่นคำโดยใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น แถมมันก็ค่อนข้างจะอ่านง่ายเพราะเป็นลายมือผู้หญิง
เซี่ยเหล่ยวางหนังสือโบราณไว้บนโต๊ะและเลือกอ่านหนังสือที่ผ่านการแปลมาแล้วแทน
เนื้อหาที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือโบราณมีความคล้ายคลึงกับคำอธิบายของแคนลามี่ส่วนใหญ่มันจะบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นพิธีบูชาหรือพิธีสำคัญอื่นๆ จะเล็กหรือใหญ่ก็ตามแต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลพวกนี้ก็สามารถหาได้จากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆแต่คงจะมีความจริงไม่เท่ากับหนังสือโบราณเล่มนี้บอกไว้
เมื่อเปิดไปเรื่อยๆ เซี่ยเหล่ยก็พบเข้ากับแผนที่ที่ถูกวาดขึ้นพร้อมมีคำแปลอธิบาย
ใจความว่า: เจ้าหญิงหยงเหม่ยเดินทางมาจากถนนซิลโร้ดโดยมีนักรบติดอาวุธมากถึงสามพันคนและกองทัพม้าอีกราวห้าร้อยคน เธอเดินทางไปเรื่อยๆ และต้อนรับสมาชิกใหม่ที่พร้อมจะไปตั้งรกรากใหม่กับเธอซึ่งที่สุดแล้วเธอก็ไปสร้างเมืองเป็นของตัวเองและตั้งชื่อขึ้นว่า ‘เมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่าง’
เมื่อเซี่ยเหล่ยรับรู้ข้อมูลมากขึ้นก็ทำให้เขาตะลึงไปในทันที เขาไม่แน่ใจว่าเจ้าหญิงหยงเหม่ยได้ใช้เข็มทิศอันที่เขาซ่อมแซมเพื่อนำทางมาในที่แห่งนี้หรือเปล่าแต่สิ่งที่เขามั่นใจได้จากเรื่องนี้ก็คือการที่เจ้าหญิงหยงเหม่ย มาที่นี่และสร้างเมืองขึ้น มันจะต้องมีเหตุผลแอบแฝงอย่างแน่นอน
‘เจ้าหญิงหยงเหม่ยของราชวงศ์หมิงกำลังมองหาสิ่งเดียวกับที่เรากำลังตามหาหรือไม่นะ?’ จู่ๆในหัวใจของเซี่ยเหล่ยก็คิดขึ้นมาถึงเรื่องนี้
เมื่ออ่านต่อไปก็ยังพบอีกว่าเจ้าหญิงหยงเหม่ยได้พัฒนาเศรษฐกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังนักรบของเธอเหตุผลนั่นก็เพื่อเอาไว้ต่อต้านเผ่าพันธ์ที่ต้องการรุกราน
กษัตริย์ของชาวฮั่นในตอนนั้นเชื่อว่าเจ้าหญิงของราชวงศ์หมิงคนนี้จะช่วยฟื้นฟูประเทศและสร้างอาณาจักรฮั่นขึ้นมาใหม่ได้ เขาจึงสนับสนุนเธอแต่อย่างไรก็ตามเมื่ออ่านต่อไปเรื่อยๆ เซี่ยเหล่ยกลับไม่พบเรื่องราวประวัติของเจ้าชายชาวฮั่นแต่อย่างใด รวมถึงเรื่องความรักของพวกเขาด้วย
”จากเรื่องราวที่ผ่านมา เจ้าหญิงหยงเหม่ยได้พานักรบสามพันคนมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะความรักหรือเพราะการแต่งงานทางการเมืองแน่นอนเพราะดูแล้วแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยอย่างน้อยที่สุดก็เพราะหนังสือไม่ได้บันทึกในเรื่องนี้เอาไว้แม้แต่น้อย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความรักหรือการแต่งงานทางการเมือง เธอจะนำนักรบมากมายขนาดนั้นมาทำไมถึงที่นี่ ถ้าเป็นแค่การล่าสมบัติก็คงไม่จำเป็นจะต้องสร้างเมืองขึ้นที่นี่ก็ได้” เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัยในใจ
มีหลายครั้งที่สมองของเขาสงสัยว่าเจ้าหญิงหยงเหม่ยต้องการขุดหาสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการและเธออาจจะขุดมันเจอไปก่อนแล้วก็ได้
”เซี่ยเหล่ย คุณต้องการจะสนใจอย่างอื่นนอกจากหนังสือบ้างมั้ย ?” บนที่นอน แคนลามี่ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ความคิดของเซี่ยเหล่ยถูกขัดจังหวะ เขาปิดหนังสือและหันไปมองที่เธอ ดวงตาของเขาก็พบเข้ากับผิวหนังสีขาวเนียนละเอียดอ่อน มันเต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ
”ฉันไม่รู้หรอกนะว่าในหนังสือเล่มนั้นมันมีอะไรที่น่าสนใจ? แต่ฉันจะแสดงสิ่งที่น่าสนใจกว่าหนังสือเล่มนั้นให้คุณดูเอง” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังไม่สามารถหาคำตอบของเรื่องราวได้ทั้งหมด นั่นทำให้เขาหยุดพักเพราะเขารู้ว่าในตอนนี้ควรทำอะไรมากกว่ากัน….
วันรุ่งขึ้นเซี่ยเหล่ยก็ยังคงไปที่เมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่างเพื่อขุดหาร่องรอยต่อแต่วันนี้แคนลามี่ไม่ได้ตามมาด้วยแม้ว่าเธออยากจะตามมาซักแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากตอนนี้เธอกลายเป็นหัวหน้าชนเผ่าไปแล้ว ทำให้เธอมีภาระและหน้าที่ที่ต้องจัดการเพิ่มมากขึ้นแต่นี่ถือเป็นผลตีดต่อเซี่ยเหล่ยอย่างมากเพราะการที่เธอไม่ตามมาจะทำให้ประสิทธิภาพในการขุดของเขาเร็วมากขึ้น
หลังจากออกเดินทางไปยังซากปรักหักพังเมื่อไปถึงแล้วเขาไม่แวะไปที่อื่นเลย เขาตรงไปยังพระราชวังโบราณทันทีในตอนนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องใช้เข็มทิศนำทางอีกแล้ว เพราะเขาจดจำเส้นทางไว้ได้หมดเมื่อไปจนถึงปากหลุมเขาก็สำรวจรอบข้างเพื่อดูสิ่งผิดปกติอย่างเช่นร่องรอยการบุกรุกก่อนจะกระโดดลงไปพร้อมกับพลั่ว……
วันนี้ถือเป็นการขุดวันที่สองแม้หลุมจะมีความลึกหนึ่งเมตรในวันแรกแต่วันนี้เซี่ยเหล่ยคนเดียวสามารถขุดลึกเพิ่มได้อีกสองเมตรกลายเป็นสามเมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ที่สูงกว่าหัวของเขามาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะปีนกลับขึ้นไปด้านบนเช่นกัน
ด้วยความลึกขนาดนี้เขาก็ยังขุดและไม่เจออะไรเลยนั่นทำให้เขารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก เขาคิดในหัวตัวเองว่า ‘บ้าเอ๊ย…. มันจะอยู่ลึกขนาดไหนกันแน่ มันฝังลึกกว่าสิบเมตรอย่างนั้นเลยงั้นเหรอ?’
ด้วยความลึกสามเมตรในตอนนี้ ดินในชั้นนี้ถือเป็นดินเหนียวที่มีความหนาแน่นและความแข็งอย่างมาก การขุดต่อจากนี้แม้ว่าจะมีพลังมากกว่าคนปกติก็ตามก็ไม่สามารถขุดต่อไปได้โดยใช้แค่พลั่วธรรมดาเพียงอันเดียว
ยิ่งคิดเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกหดหู่มากขึ้นเท่านั้นแต่จู่ๆไม่รู้อะไรดลใจเขาก็มองกลับขึ้นไปบนปากหลุมซึ่งมีเข็มทิศวางอยู่ ในตอนนี้เขาต้องการที่จะทดลองอะไรบางอย่าง เขาจึงได้นำมันลงมาก้นหลุมด้วยด้วยการทดลองของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก เข็มทิศมันหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบและสุดท้ายก็กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม
เซี่ยเหล่ยลองเดินอยู่บริเวณก้นหลุมไปมา เมื่อเดินไปนิดเดียวเข็มทิศก็ชี้ขึ้นบ่อยๆรวมถึงชี้ไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้และในที่สุดก็ไปหยุดชี้ในทิศตะวันออก.ไอรีนโนเวล.
เซี่ยเหล่ยหันหน้าไปยังทิศตะวันออกก็พบกับกำแพงดิน เขามองกลับไปยังเข็มทิศอีกหนึ่งครั้งจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขาสุดท้ายเขาก็พึมพัมกับตัวเองว่า “สุดท้ายควรจะขุดทางนี้สินะ”
แม้ว่าการขุดในแนวระนาบจะเป็นสิ่งที่ยากมากกว่าการขุดในแนวดิ่ง แต่เขาก็ต้องขุดมันอยู่ดี
เมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรต่อ เซี่ยเหล่ยก็หยิบพลั่วขึ้นมาใหม่และกำลังจะเริ่มขุดต่อ
จังหวะเดียวกันนี้โทรศัพท์ดาวเทียมของเขาก็ดังขึ้น
ผู้ที่โทรมาคือฉือโบเหยิยน เซี่ยเหล่ยรับสาย เขายังไม่ทันจะพูดอะไรก็มีเสียงพูดออกมาก่อนแล้วว่า “02:00 น. เครื่องบินจะไปส่งสิ่งที่คุณต้องการ”
”อืม ผมจะรอ” เซี่ยเหล่ยพูดกลับไป
”สถานการณ์ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?” ฉือโบเหยิยนถาม
“ในตอนนี้ผมได้ขุดหลุมเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง จนหลุมในตอนนี้มีขนาดใหญ่มากแล้วและผมก็กำลังคุยกับคุณอยู่ในหลุมและถึงแม้หลุมจะใหญ่มากก็ยังไม่เจออะไรเลย แต่ขอเวลาอีกหน่อยคิดว่าน่าจะได้เบาะแสอะไรบางอย่าง” เซี่ยเหล่ยตอบ
”อืม ตอนนี้เราอยู่ในปากีสถานแล้ว เราจะหาทางส่งอุปกรณ์ไปให้คุณถึงชนเผ่าเฮ็ปมาไลท์ให้ได้ เตรียมรับอุปกรณ์พวกนี้ด้วย แค่นี้นะ” ฉือโบเหยิยนพูดเสร็จก็วางสายทันที
เซี่ยเหล่ยวางสายโทรศัพท์ดาวเทียมพร้อมกับคิดขึ้นในใจว่า “การที่สำนักงานลับ 101 มีการเคลื่อนไหวในปากีสถานโดยมีแกนนำเป็นผู้บริหารฉือและหลงบิงคงจะเป็นจุดสนใจให้กับ CIA ไม่น้อย พวกเขาคงไม่สนใจที่นี่ซักเท่าไหร่ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี”
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย….
เมื่อคิดไปว่าหากทำภารกิจสำเร็จก็จะได้กลับประเทศตัวเอง มันทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกเศร้าแม้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและแคนลามี่จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่มันก็เกินเลยจนกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง มันรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด ทำให้เขารู้สึกผิดกับเธอเป็นอย่างมาก เขาจึงต้องตอบแทนเธอโดยการสร้างสิ่งต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเธอและชนเผ่าของเธอ แม้ว่าจำเป็นจะต้องจ่ายเงินมากถึงสองล้านดอลล่าก็ตาม เขาก็เลือกที่จะทำ
เมื่อกลับไปที่ชนเผ่า เซี่ยเหล่ยต้องรีบเตรียมการสำหรับสัญลักษณ์เพื่อเป็นจุดสังเกตในการขนส่งอุปกรณ์โดยได้รับการช่วยเหลือจากคนในชนเผ่าซึ่งก่อกองไฟเป็นกองๆขนาดใหญ่เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตจากบนฟ้า
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายในชนเผ่าต่างก็รอคอยที่จะได้รับทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมไปถึงเสบียงอื่นๆอย่างเช่นอาวุธ พวกเขาต่างอารมณ์ดี พูดคุยถึงเรื่องเล่าตลกๆพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง บรรยากาศในตอนนี้ให้ความรู้สึกว่าที่แห่งนี้มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
”เซี่ยเหล่ย วันนี้คุณขุดเจออะไรไหม?” รอบกองไฟขนาดใหญ่ที่พวกเขานั่งกันอยู่ แคนลามี่ได้ถามเซี่ยเหล่ย
”ยังไม่เจออะไรเลย” เซี่ยเหล่ยตอบพร้อมมองไปที่แคนลามี่
”ฉันบอกคุณไปแล้วว่ามันไม่มีสมบัติอะไรถูกฝังเอาไว้หรอก คุณก็ไม่เชื่อ… ” แคนลามี่พูดและจู่ๆเธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้นอีกว่า “แต่ถ้าเจอขึ้นมา คุณจะให้มันกับพวกเราหรือไม่? หรือว่าคุณจะนำมันกลับประเทศของคุณ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่รู้สิ มันก็ยังไม่แน่ว่าจะเจออะไรนี่ เรื่องนี้เราค่อยตกลงเมื่อเจอมันดีกว่าแต่ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอยังไงผมก็จะช่วยชนเผ่าของคุณอยู่ดี” เซี่ยเหล่ยพูดจากนั้นก็ขยับไปใกล้หูของเธอพร้อมกระซิบอีกว่า “การที่ผมพยายามขุดนี่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อคุณ”
แคนลามี่หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันกลับไปกระซิบเซี่ยเหล่ยว่า “ถ้าคุณอยากจะขุดอีก มาขุดจากฉันก็ได้นะ”
เซี่ยเหล่ย “…… ”
เพราะเธอคือแคนลามี่จึงพูดแบบนี้และต้องในช่วงเวลานี้ หากเธอไม่ได้พูดแบบนี้ในช่วงเวลานี้เธอก็จะไม่ใช่แคนลามี่….
หลังจากเวลาผ่านไปใกล้กับเวลาตีสอง เครื่องบินจำนวนยี่สิบลำก็ได้บินเข้ามาในระยะการมองเห็นของพวกเขา เสียงของเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกพื้นที่ เครื่องบินเหล่านั้นได้บินผ่านจุดที่มีกองไฟสัญญาณจากนั้นก็ปล่อยกล่องไม้หลายกล่องลงมา หลังจากกล่องไม้เหล่านั้นถูกปล่อยลงมาแล้ว พวกมันก็จะกางร่มชูชีพออกเองโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ค่อยๆร่วงลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
หลังจากขนส่งอุปกรณ์จนเสร็จเรียบร้อย เครื่องบินเหล่านั้นก็บินหายลับตาไปทันที
กล่องไม้ที่ถูกปล่อยลงมาเมื่อถึงพื้นเรียบร้อย แคนลามี่ก็ได้ให้คนในชนเผ่ารวบรวมมากองไว้เป็นจุดๆเดียว จากนั้นเธอก็ทำการเปิดกล่องไม้ทั้งหมด
ภายในกล่องไม้บรรจุทั้งของใช้และอุปกรณ์ต่างๆไว้มากมาย มีทั้งปืนไรเฟิล กระสุนปืนไรเฟิล ปืนลูกซองหรือแม้แต่ปืนกลที่ถูกผลิตจากประเทศรัสเซียนอกจากนี้ยังมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กพร้อมกับอุปกรณ์ต่อพวงที่จำเป็น มีอุปกรณ์ครัวเรือน และอีกหลายๆอย่างถูกบรรจุไว้ในกล่องไม้อย่างดีรวมถึงเงินจำนวนสองล้านดอลล่าด้วย สุดท้ายก็มีสิ่งจำเป็นที่เซี่ยเหล่ยต้องการมากที่สุดสำหรับภารกิจนี้ มันคือเครื่องขุดเจาะ เครื่องระเบิดด้วยแบตเตอรี่หม้อแปลง รวมถึงเครื่องมือขุดเจาะที่ได้มาตรฐานมากกว่าพลั่วธรรมดาที่เขาใช้ก่อนหน้านี้
หลังจากเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในกล่องไม้แล้ว ทั้งผู้หญิงและผู้ชายในชนเผ่าต่างพากันเข้าไปหยิบจับปืนไรเฟิล ส่วนบางคนก็บรรจุกระสุนลงไปพร้อมกับยิงขึ้นฟ้าเป็นสิบเป็นร้อยนัดเหมือนกับส่งเสียงเพื่อเฉลิมฉลองกับสิ่งที่พวกเขาได้รับ…..
แม้ว่าแคนลามี่จะสนใจสิ่งที่อยู่ในกล่องเหล่านี้ แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเป็นอันดับแรก เธอเลือกที่จะเดินตรงไปหาเซี่ยเหล่ยเริ่มจูบและหอมเขาก่อนจะทำอย่างอื่น…
ติดตามตอนต่อไป…….