Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 346 ภารกิจเสร็จสิ้น !
TXV –
เหรียญทองสองกล่องพร้อมสิ่งของมีค่าที่อยู่ภายในสุสานได้ถูกขนย้ายไปยังชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์เมื่อทุกคนได้รับรู้ข่าวนี้ทำให้ภายในชนเผ่าเริ่มมีการเฉลิมฉลองกันทันที พวกเขาฆ่าทั้งหมูและแกะเพื่อใช้สำหรับทำอาหารแม้ว่าคนในชนเผ่าจะไม่เคยเชื่อเรื่อง “พระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง” ตามตำนานที่เล่าขานแต่ในตอนนี้พวกเขาเริ่มจะมีความเชื่อนี้กันแล้วนั่นก็เพราะว่าเซี่ยเหล่ยได้มาถึงที่ชนเผ่าของเขาและได้พัฒนาชนเผ่าที่ยากจน จนตอนนี้มันกลายเป็นชนเผ่าที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขาเชื่อว่าสำหรับพวกเขาแล้วเซี่ยเหล่ยถือเป็นพระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
ทุกคนในชนเผ่ากำลังเฉลิมฉลอง ทุกคนล้วนมีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ
”คุณจะไปที่ไหน?” ในห้องแคนลามี่ที่กำลังร้องไห้อยู่ได้มองไปที่เซี่ยเหล่ยและถามด้วยน้ำตาหลังจากนั้นก็ยังถามต่ออีกว่า “ทำไมหล่ะ?”
เซี่ยเหลี่ยโอบไปที่ไหล่ของเธอพร้อมพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนไปว่า “ผมต้องไป ถ้าหากพวกอเมริกันรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ พวกเขาจะมาจับตัวผมอีกและพวกคุณก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย”
”ถ้าพวกเขากล้าทำอย่างนั้น ฉันจะฆ่าพวกเขาเอง!” แคนลามี่พูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “คุณให้อาวุธกับพวกเรามากมายนี่? เราจะใช้พวกมันปกป้องคุณเอง! ”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “คุณจะสู้กับพวกเขางั้นเหรอ? ไม่ไหวหรอก พวกเขามีเทคโนโลยีในการต่อสู้ที่ล้ำหน้ากว่าสิ่งที่ผมมอบให้ พวกเขามีเครื่องบินรบที่ทันสมัยแค่มากันไม่กี่ลำพร้อมทิ้งระเบิดลงมา ชนเผ่าของคุณก็พร้อมจะกลายเป็นทะเลเพลิงและสุดท้ายที่สถานที่แห่งนี้ก็จะถูกลบออกไปจากแผนที่โลก”
”แต่ฉันไม่อยากให้คุณไป!” แคนลามี่พูดพร้อมกอดเอวของเซี่ยเหล่ยไว้เพราะกลัวว่าเขาจะรีบเดินออกไป
”นี่ ผมไม่ได้จะไปแล้วไม่กลับมาเลยซะหน่อย” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมจูบจมูกของเธอจากนั้นก็พูดต่อว่า “หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมจะกลับมาเพราะผมจะลงทุนสร้างฟาร์มเพาะพันธ์และฟาร์มอื่นๆขึ้นที่นี่ในชนเผ่าของคุณ”
”คุณโกหก” แคนลามี่พูดเพราะไม่เชื่อที่เซี่ยเหล่ยบอกจากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “ด้วยความสามารถของคุณ มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจับตัวคุณสำเร็จด้วยการจับคุมแค่เพียงครั้งเดียว คุณไม่จำเป็นต้องรีบไปหรอกนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดไม่ออกแม้ว่าสิ่งที่เขาพูดไปจะเป็นเรื่องยากที่จะทำขึ้นจริง เนื่องจากอัฟกานิสถานตกอยู่ในฐานะเมืองขึ้นของอเมริกาดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องอันตรายที่มากขึ้นหากว่าเขายังอยู่ที่นี่ต่อแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาปลอบเธอได้ดีนอกจากคำพูดนี้อีกแล้ว
แม้ว่าวันนี้จะมีเรื่องน่ายินดีสำหรับพวกเขาทั้งคู่และคนในชนเผ่าแต่ดูเหมือนจะเพียงชั่วคราวเท่านั้นเพราะตอนนี้ทั้งแคนลามี่และเซี่ยเหล่ยกลับรู้สึกเศร้าและรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
”ฉันไม่ต้องการให้คุณไป ฉันมีความรู้สึกว่าถ้าคุณไปแล้วฉันจะไม่ได้พบคุณอีก” แคนลามี่พูดความรู้สึกและสื่งที่เธอคิดออกมาทั้งหมด
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มที่มุมปากและพูดออกมาว่า “ถ้าคุณคิดถึงผมและต้องการเจอผม คุณก็สามารถไปหาผมได้ที่ประเทศจีนหรือถ้าไกลเกินไปพวกเราก็มาพบกันได้ที่ปากีสถาน ผมจะซื้อบ้านในกรุงอิสลามาบัด เราสามารถเจอกันที่นั่นได้”
นี่เป็นความปลอดภัยที่มากขึ้นหากเขาจะเจอกันที่ปากีสถานเนื่องจากสำนักงาน ลับ101 สามารถจัดการและควบคุมความปลอดภัยภายในปากีสถานนี้ได้
”เยี่ยมเลย ถ้าคุณซื้อบ้านที่กรุงอิสลามาบัด ฉันก็สามารถขายแพะที่นั่นได้อีกด้วย” แคนลามี่พูดด้วยรอยยิ้มและเห็นด้วยกับความคิดนี้
แคนลามี่เป็นผู้หญิงที่เกลี้ยกล่อมง่าย นี่จึงเป็นสิ่งที่เซี่ยเหล่ยชอบในตัวเธอ
”เอาเป็นว่าตอนนี้เราลืมเรื่องธุรกิจกันไปก่อน” แคนลามี่พูดพร้อมมองหน้าของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “คืนนี้เรา….”
แคนลามี่พูดไม่ทันจบก็จับหัวของเซี่ยเหล่ยกดลงไปยังเอวของเธอ
แคนลามี่ที่ใบหน้าดูไร้เดียงสาตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง……
เธอมีพลังเหนือธรรมชาติในช่วงเวลานี้เธอจะไม่ดูเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว เธอได้กลายเป็นผู้หญิงที่ดุดันและเกรี้ยวกราด
บรรยากาศในคืนนี้ได้กลับมาสดใสอีกครั้งสำหรับทั้งคู่…….
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ฐานทัพพาร์กแวร์
ที่ฐานทัพในตอนนี้มีฉือโบเหยิยน หลงบิง ถ่างหยู่เหยี่ย และถ่างปั่วฉ่วนกำลังยืนรออยู่ที่สนามบินของฐานทัพโดยที่ด้านหลังพวกเขามีตัวแทนของสำนักงานลับ101 ยืนอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง ถัดออกไปด้านข้างก็มีเครื่องบินรบหลายลำพร้อมคนขับอยู่ภายในเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
สิ่งเหล่านี้ถูกเตรียมไว้สำหรับเซี่ยเหล่ยเพราะสิ่งที่เขานำกลับมาด้วยนั้นมีความสำคัญระดับประเทศ ฉือโบเหยิยนจึงไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นได้
”มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?“ ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความกังวลและก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ? ”
คิ้วของฉือโบเหยิยนเหี่ยวย่นและพูดขึ้นว่า “ดาวเทียมของเราได้ล็อกพื้นที่เป้าหมายไว้แล้ว รวมถึงพื้นที่รอบข้างใกล้เคียงอีกด้วย เราเตรียมเครื่องบินรบไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การเตรียมการระดับนี้แล้วคุณยังเป็นห่วงเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันก็แค่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องนำมา”
ถ่างปั่วฉ่วนหันไปพูดกับถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ” น้องไม่กังวลเกี่ยวกับเซี่ยเหล่ยบ้างงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่ถ่างปั่วฉ่วนก่อนจะพูดว่า “พูดอะไรของพี่? ระวังคำพูดหน่อยไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องปู่! ”
”ฮ่า ๆ ” ถ่างปั่วฉ่วนหัวเราะพร้อมพูดต่อว่า “พูดถึงปู่ พี่จำได้ว่าปู่เคยบอกว่าถ้าเขาสามารถช่วยเธอกลับมาได้เขาจะยอมรับในตัวเซี่ยเหล่ยและให้เป็นลูกศิษย์ของท่าน”
“หืม?” ถ่างหยู่เหยี่ยแสดงท่าทางแปลกๆพร้อมพูดต่ออีกว่า “ถ้าปู่รับเซี่ยเหล่ยเป็นลูกศิษย์ลำดับของเขาจะ….? เอ่อ…ไม่ ฉันไม่เห็นด้วย”
ถ่างปั่วฉ่วนยักไหล่ก่อนพูดว่า “พี่ก็ไม่เห็นด้วยหรอกแต่ถ้าปู่ตัดสินใจไปแล้วก็ไม่สามารถห้ามได้หรอกนะ”
หลงบิงพูดเสริมว่า “ฉันก็คิดว่าดีนะถ้าคุณสองคนจะเรียกเซี่ยเหล่ยว่าศิษย์พี่”
เมื่อหลงบิงพูดออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา จึงได้หุบปากของตัวเอง
แน่นอนว่าถ่างปั่วฉ่วนได้ยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นหมายความว่ายังไงหน่ะ?”
หลงบิงมองกลับไปที่ถ่างปั่วฉ่วนพร้อมพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
”หลงบิงแล้วคุณหมายความว่าอะไร?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามด้วยความสงสัย
”ฉัน …… ” หลงบิงพยายามจะหาคำพูดมาอธิบาย
ฉือโบเหยิยนได้กระแอมก่อนจะพูดว่า “ทุกคนควรจะจริงจังกันหน่อยในเวลานี้ ถ้าหากว่าเบื่อเกินไปที่จะรอ ผมอนุญาตให้ไปวิ่งรอบสนามบินสิบรอบได้นะ”.ไอรีนโนเวล.
ทั้งสามคนหุบปากหยุดพูดในทันที
จังหวะนี้ก็มีเฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาในระยะการมองเห็นของพวกเขา
”กลับมาแล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างตื่นเต้น
หลงบิงเหลือบมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมกับมุมปากที่เปิดเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ได้พูด
หลังจากที่ทุกคนเห็นเฮลิคอปเตอร์ก็ผ่านไปไม่กี่นาทีเฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างปลอดภัยในสนามบินของกองทัพ
เมื่อลงจอดเป็นที่เรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็กระโดดออกจากห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์และเดินตรงไปยังฉือโบเหยิยนและคนอื่นๆที่กำลังยืนรออยู่
”ของหล่ะ?” ฉือโบเหยิยนเริ่มถาม
เซี่ยเหล่ยหยิบกระเป๋าขึ้นมาพร้อมเปิดออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มันเป็นถุงผ้าขนาดใหญ่ที่ห่อสิ่งที่เขานำกลับมาด้วยสองห่อ
”อะไรอยู่ข้างใน?” ฉือโบเหยิยนถามด้วยความแปลกใจ
เซี่ยเหล่ยแกะผ้าห่อแรกออกเผยให้เห็นว่าภายในมีเนื้อแกะแห้งและเนื้อของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอย่างไรดี เซี่ยเหล่ยบอกพวกเขาไปว่านี่เป็นสิ่งที่แคนลามี่หัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันได้ให้เขามาเป็นของขวัญ หลังจากนั้นก็ถามออกไปว่า “พวกคุณต้องการหรือไม่?”
”เก็บไว้เถอะ” ฉือโบเหยิยนพูดเพราะเขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้
หลังจากนั้นก็แกะผ้าห่องที่สองออกต่อ
มันเต็มไปด้วยอัญมณี หยก และของล้ำค่าอื่นๆที่เขานำมาจากสุสานของเจ้าหญิงหยงเหม่ย เซี่ยเหล่ยได้ใช้จ่ายเงินของตัวเองไปมากมายแถมยังต้องไปเสี่ยงทำภารกิจที่อันตราย ดังนั้นเขาต้องการสิ่งตอบแทนสำหรับตัวเองเช่นกัน
ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้กลัวว่าฉือโบเหยิยน หลงบิง หรือว่าคนอื่นๆจะเจอสิ่งของเหล่านี้แล้วจะต่อว่าและจับเขา เขาคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับเป็นการตอบแทน
ถ่างหยู่เหยี่ย ถ่างปั่วฉ่วนและหลงบิงก็ได้เดินเข้าไปหาฉือโบเหยิยนเพื่อดูสิ่งที่อยู่ในมือของเขานอกจากพวกอัญมณีนะและของล้ำค่าอื่นๆแล้ว มันมีทั้งเข็มทิศ โลหะอัลลอยด์โบราณสีเขียว รวมถึงเหรียญทองและหยกเล็กๆน้อยๆที่เขานำกลับมาด้วยและสุดท้ายก็เป็นหนังสือโบราณที่ยืมมาจากแคนลามี่
”นี่คือ?” ฉือโบเหยิยนถามพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “แน่นอนว่าของล้ำค่าพวกนี้ล้วนเป็นของที่อยู่ในสุสานของเจ้าหญิงหยงเหม่ย ที่นั่นผมเจอกับเหรียญทองจำนวนมาก หยกและอัญมณี หรือแม้แต่เครื่องปั้นดินเผาชุดลายครามอื่นๆอีกมากมาย” เขายิ้มก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ผมนำมันออกมาโดยยกมันให้กับชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ โดยส่วนที่เหลือก็คือสิ่งที่คุณกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ผมนำมันกลับมาด้วยส่วนโลหะโบราณสีเขียวที่คุณต้องการ คุณก็นำมันไปได้เลย”
”คุณทำได้ดีมาก” ฉือโบเหยิยนยิ้มพร้อมพูดชมเซี่ยเหล่ยนี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากจากตัวเขาจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “สิ่งเหล่านี้เราไม่จำเป็นจะต้องใช้มันเพราะที่สำคัญคุณได้นำสิ่งสำคัญที่เราต้องการที่สุดกลับมาได้อย่างปลอดภัย คุณได้ทำผลงานชิ้นใหญ่ให้กับประเทศของเราอีกครั้ง”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “ขอบคุณครับ ผู้บริหารฉือ”
ถ่างปั่วฉ่วนได้ตบไหล่ของเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะพาคุณไปที่ตระกูลถ่างเพื่อเจอกับปู่ของเรา ”
”เยี่ยมเลย ผมเองก็อยากจะพบกับผู้อาวุโสถ่างเช่นกัน” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นเพราะเขาเองก็ต้องการเรียนรู้วิชาลับที่สืบทอดกันภายในตระกูลเท่านั้น
”ปืนของฉันหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยได้พูดขึ้นเพราะเห็นว่าเซี่ยเหล่ยไม่ได้นำมันกลับมาด้วย
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ผมได้ยกสิ่งเหล่านั้นเป็นของขวัญให้แคนลามี่ไปหมดแล้ว”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างไม่พอใจไปว่า “คุณดีกับเธอจริงๆนะ”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “ที่ผมสามารถทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากเธอไม่อย่างนั้นผมคงจะโดนพวกอเมริกันจับตัวไปแล้วเพราะหัวหน้าคนเก่าชื่อว่าทีน่าตั้งใจจะขายผมให้กับพวกเขาแต่ก็ชั่งมันเถอะ เรื่องก็ผ่านมาแล้ว ผมไม่อยากพูดถึงอีก เอาเป็นว่าเมื่อผมกลับไปถึงบ้านแล้วผมจะปรับปรุงกระบอกใหม่ให้คุณก็แล้วกัน”
”พวกคุณสองคน” ถ่างปั่วฉ่วนพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า “อย่าลืมของผมหล่ะ!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้เลย ไม่มีปัญหา”
หลงบิงในตอนนี้ได้เดินมาด้านหน้าของเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นเล็กน้อยว่า “ดีแล้วที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย”
เซี่ยเหล่ยได้ยินที่เธอพูดก็ยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้งนี่เป็นการตอบสนองต่อคำพูดของเขาโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
จังหวะนี้ฉือโบเหยิยนได้พูดขึ้นว่า “โอเค เป็นอันว่าทุกอย่างเรียบร้อย เราจะเดินทางไปที่กรุงอิสลามาบัดก่อนแล้วค่อยกลับประเทศของเรากัน”
เมื่อไปที่กรุงอิสลามาบัด เซี่ยเหล่ยก็ตั้งใจจะซื้อบ้านพักเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเขาและแคนลามี่ในการพบกันในอนาคต แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาจะคิดที่จะบอกใครเลย …….
ติดตามตอนต่อไป……….